@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12 วันที่ 11 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12 วันที่ 11 ต.ค. 55

“ใช่...ฉันมันเลว...เลวเกินกว่าคุณจะมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน” สะบัดตัวออก แล้ววิ่งออกไป
“กรรณรีๆๆๆ” กรรณนรีไม่หยุด
ขณะที่กรรณนรีวิ่งเข้าไปในบ้าน ร้องไห้เสียใจ สรวงตะโกน กรรณนรีไม่เหลียวหลัง สรวงคิดแผนทันที ร้องเสียงดัง
“โอ๊ย!ช่วยด้วย...ฉันเป็นตะคริว ช่วยด้วย”
กรรณนรีพะว้าพะวัง ขณะที่สรวงชะเง้อมองลุ้นว่ากรรณนรีจะออกมาเปล่า?
สรวงตะโกนเหมือนเจ็บหนัก “ช่วยด้วยๆๆ ฉันเป็นตะคริว”

ที่สุดกรรรณรีก็ห้ามใจตัวเองไม่ไหว วิ่งออกมา ทันทีที่เห็นกรรณนรีโผล่มา สรวงรีบปล่อยตัวจมน้ำทันที
“คุณสรวง” กรรณนรีใจหายวาบ รีบกระโดดลงสระ ว่ายเข้าไปหาสุดแรง ลากสรวงที่ทำท่าจะหมดสติขึ้นมาตรงขอบสระอย่างทุลักทุเล

เวลาเดียวกันสุขหฤทัยอยู่ในห้องนอนที่บ้าน กดมือถือหาสรวง แต่มือถืออยู่ในห้องสรวง ไม่มีคนรับ
“อย่าบอกว่าสรวงหลงเสน่ห์นังนั่นนะ”
สุขหฤทัยบ่นอย่างกังวล พร้อมกับกดจิกอีก
ทว่ามือถือสรวงยังวางอยู่ในห้อง กรีดเสียงโดยไม่มีคนรับอยู่อย่างนั้น



สรวงแกล้งนอนหมดสติ กรรณนรีมองเป็นห่วง
“คุณสรวงๆ” กรรณนรีตบแก้มสรวงเบาๆ แต่สรวงไม่ฟื้น
กรรณนรีตัดสินใจก้มหน้าลงเพื่อจะผายปอดให้ สรวงแอบยิ้มถือโอกาสจูบกรรณนรีฟอดหนึ่งและกอดเอาไว้
กรรณนรีตกใจ “คุณหลอกกาว”
สรวงยิ้มตาหยี “ขอโทษ...แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้ว่า...เธอยังรักฉันอยู่ แต่ที่ฉันแปลกใจเธอรักฉัน แล้วเธอยอมเป็นผู้หญิงของพ่อ ถึงขนาดเข้ามาอยู่บ้านเดียวกับฉันได้ยังไง” สรวงขยับตัวลุกขึ้นได้ ช้อนอุ้มกรรรนรีทันควัน
กรรณนรีร้องลั่น “ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
สรวงหรือจะยอมปล่อย

สรวงอุ้มกรรณนรีขึ้นชั้นบนบ้านเข้ามาในห้องกรรณนรี โยนลงบนเตียง จากนั้นก็โถมตัวเข้าหากอดจูบปลุกปล้ำ กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนไปมา ร้องเสียงดังอย่างไม่ยอม

“ปล่อยฉันนะคุณสรวง ปล่อย”
“ไม่ปล่อย..อยากรู้เหมือนกัน ถ้าเธอเป็นของฉัน แล้วเธอยังจะกล้าเสนอตัวให้พ่ออีกรึเปล่า”
สรวงก้มลงจูบ กรรณนรีดิ้นรนขัดขืนสุดกำลัง

เวลานั้นภาพิศเดินเข้ามาในห้องโถงของคฤหาสน์ เห็นบ้านเงียบผิดปกติ
“บ้านเงียบจัง....ไปไหนกันหมด” ตะโกนเรียก “คุณสรวง...คุณหญิงพี่...คุณสรวง”
ทุกอย่างเงียบกริบ ภาพิศค่อยๆ เดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน

ส่วนในห้อง สรวงปลุกปล้ำกรรณนรี ในขณะที่กรรณนรีขัดขืนร้องบอกให้ปล่อยตลอดๆ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
“ก็บอกแล้วไง อยากรู้...ถ้าเธอเป็นของฉัน เธอยังจะกล้าเสนอตัวให้พ่อฉันอีกรึเปล่า”
“เลิกดูถูกฉันได้แล้ว” กรรณนรีกัดหัวไหล่สรวงหมับเต็มเขี้ยว
สรวงเจ็บแปล๊บ ร้องสุดเสียง “โอ๊ยย...เธอนี่ท่าจะชอบความรุนแรง”
กรรณนรีตาวาว “ใช่! ฉันชอบความรุนแรง”
พลางกรรณนรีอ้าปากจะกัดสรวงอีก สรวงถือโอกาสนั้นก้มลงจูบประกบปากอิ่มสวยของกรรณนรีพอดี คราวนี้กรรณนรีทั้งดิ้นทั้งทุบ
“ปล่อยฉันนะ ปล่อย”
ภาพิศได้ยินเหมือนเสียงร้องแว่วๆ จึงหยุดยืนเงี่ยหูฟัง
“ไม่ปล่อย” สรวงเสียงดัง
“ฉันบอกให้ปล่อย”
ภาพิศตาวาวได้ยิน ร้องตะโกนเรียกเสียงดัง “คุณสรวงๆๆๆ”

สรวงอยู่ด้านในได้ยินภาพิศ ขณะที่กรรณนรีตาโต สรวงชี้หน้าขู่
“อยู่เฉยๆ ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันบอก...เธอเป็นลูกใคร”
สรวงคว้าเสื้อคลุมมาสวมทับก่อนจะเดินออกไป

กรรณนรีมองตามตาคว่ำ กระโจนมาที่ประตูห้องล็อกทันที
ภาพิศเดินแกมวิ่งไปยังห้องที่ได้ยินเสียง เห็นสรวงเดินออกมาตรงระเบียง สภาพรุ่ยร่ายไม่เรียบร้อย มีเสื้อคลุมหลวมๆ ภาพิศรีบหันหลังให้

“ขอโทษค่ะ พอดีพี่โทร.ติดต่อใครไม่ได้ เลยมาที่นี่” แววตาสงสัย
สรวงกระชับเสื้อคลุม “คุณแม่ออกไปข้างนอกครับ...คุณภาพิศมีธุระอะไร”
“ก็เรื่องเดิม...” ภาพิศมองเข้าไปด้านใน “ว่าแต่...คุณสรวงอยู่คนเดียวเหรอคะ”
“ครับ”
ภาพิศมองอย่างคาใจ “พี่นึกว่ามีคนอยู่ด้วยซะอีก”
สรวงกลบเกลื่อน “อยู่คนเดียวครับ ดูละครอยู่”
“คุณสรวงดูละครด้วยเหรอคะ เรื่องอะไร น่าตื่นเต้นจัง มีเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วยด้วย”
“ฟ้ามีตาครับ....ละครเค้ามีแง่คิดสอนใจ” สรวงว่า
“อ๋อ! พี่เคยดู...ทีแรกพี่ก็นึกว่าคุณหญิงพี่ร้องกรี๊ดๆ ตกใจหมดนึกว่ามีเรื่องอะไร” เห็นสรวงเงียบ ภาพิศจึงขอตัวกลับ “งั้นพี่ไม่กวนแล้ว กลับก่อนค่ะ”
ภาพิศเดินออกไปอย่างคลางแคลงใจ สรวงโล่งอก แต่หงุดหงิดเรื่องกรรณนรีขึ้นมาอีก

สรวงเดินกลับมาที่หน้าห้องกรรณนรี เอื้อมมือจับลูกบิดเปิดประตู แต่ห้องล็อก ส่วนด้านในกรรณนรียืนถือไม้กวาดตาเขียว
สรวงรู้ว่ากรรณนรีล็อกห้อง จึงตะโกนบอก “อยู่บ้านนี้ยังไงเธอก็หนีฉันไม่รอดหรอก กรรณนรี”
สรวงเดินหนีไปอย่างฉุนเฉียว กรรณนรีค้อน รู้สึกหนักใจขึ้นมา

ทางด้านสุดากำลังปั้นหน้าเศร้าโศก เสียใจเหลือเกินเดินเข้าในออฟฟิศสตาร์อินเทรนด์ เสียงโทรศัพท์ดัง สุดารับ
“ว่าไงคะคุณน้อง”
ภาพิศพูดสายตอนเดินออกนอกบ้าน “น้องกลัวจังค่ะว่านังเด็กนั่นจะใช้มารยาล่อลวงคุณสรวง”
“สรวงฉลาด ไม่มักง่ายเหมือนพ่อหรอกค่ะที่คว้าผู้หญิงไม่เลือก”
ภาพิศโกรธที่ถูกด่า “แต่น้องกลัวจังเลยค่ะว่าเชื้อพ่อจะแรง อะไรๆ มันอาจไม่เป็นอย่างที่
คุณหญิงพี่คิดก็ได้”
สุดาคำราม “ก็ก็ให้มันรู้ไป..ถ้านังเด็กนั่นมีข่าวฉาวโฉ่ ตาสรวงยังจะตาต่ำไปคว้ามาอีก”
“หมายความว่ายังไงคะ” ภาพิศสงสัย
“ตอนนี้พี่อยู่ที่หนังสือพิมพ์ สตาร์ อินเทรนด์” สุดาบอก

ภายในห้องสัมภาษณ์ บรรยากาศเศร้าสลดชวนหดหู่ สุดาบีบน้ำตาร้องไห้เสียใจเป็นวรรคเป็นเวร
“ก็เป็นอย่างที่พี่เล่านะคะ....แค่สามีพี่..หนูกาวไม่พอ...ตอนนี้ยังไปยุ่งกับตาสรวงลูกพี่อีก” บีบน้ำตา สะอึกสะอื้น “พี่อายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน? ถูกชาวบ้านเค้ามองว่าเป็นพวกวิปริต จิตวิปลาส พ่อลูกใช้ผู้หญิงคนเดียวกัน” ทำท่าขนลุกขนพอง “น่าขยะแขยงเหลือเกินค่ะ”
จ๋าถาม “สรุปว่าคุณหญิงจะให้ฉันลงข่าว”
“ก็มันสมควรมั้ยล่ะคะ? กรรณรีเป็นสื่อ แต่กลับทำเรื่องแบบนี้ซะเอง หรือพวกน้องๆ จะไม่ลง เพราะถือเป็นพวกเดียวกัน”
“สตาร์อินเทรนด์เป็นกลางค่ะ” จ๋าย้ำ
“งั้นน้องก็ต้องลง...เหมือนเมื่อครั้งที่พี่กับภาพิศมีเรื่องกัน”
สุดากราดมองสามคนตาดุ เอาเรื่อง

มะยม กับนิค เดินมาที่โต๊ะทำงานตัวเอง พร้อมจ๋า...มะยมถามขึ้นเสียงอ่อยๆ
“ตกลง..พี่จ๋า..จะเอายังไงคะ”
“อย่างที่บอก สตาร์อินเทรนด์เป็นกลาง ถึงกาวจะเป็นคนของเราก็เถอะ”
นิคถาม “แปลว่า...”
“ก็ต้องลง...มะยมเขียนข่าวนี้แล้วกัน” จ๋าพูดจบก็เดินกลับห้องตัวเอง
มะยมหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ นิคมองอย่างเห็นใจ

สุดาเดินมายังรถ มองเข้าไปที่สำนักงานสตาร์อินเทรนด์
“บังอาจมาขู่ฉัน ฉันก็จะใช้พวกของแกนี่แหละ ทำให้พ่อแกหัวใจวายตายนังกรรณนรี”
สุดาเดินขึ้นรถสบายใจเฉิบ

แฉล้มกับภาพิศเดินเข้าไปด้านในสปา ภาพิศเอ่ยขึ้น
“เป็นอย่างที่คุณคิดจริงๆ คุณหญิงสุดา..บุกไปหาหนังสือพิมพ์”
แฉล้มยิ้ม ที่คาดเอาไว้ไม่ผิด “ขนาดคุณอยู่กับท่านมาเป็นสิบๆ ปี..นางยังไม่ยอม...อย่าหวังเลย เด็กใหม่ๆ หน้าใสๆ นางจะยอม....แต่นับว่านางกล้ามาก ที่ทำอย่างนั้น..ขนาดท่านอารักษ์ห้ามเอาไว้นะเนี่ย”
ภาพิศนิ่งนานเงียบงันไม่ตอบต่อใดๆ แต่ดวงตาครุ่นคิด แฉล้มทัก
“นี่คุณ..หลับรึไงคุณ”
“เปล่า...ฉันกำลังคิด...ถ้าคุณหญิงสุดาทำได้...ฉันก็ทำได้..และวิธีของฉันก็ต้องแนบเนียนกว่าด้วย”
ภาพิศอมยิ้ม ขณะที่แฉล้มมองอย่างไม่เข้าใจ

ภาพิศยิ้มพลางหันบอกพนักงานสปา
“ฉันจองคิวไว้นะคะ..วันที่10 ฉันจะมาใช้บริการ”
“ค่ะ” พนักงานบันทึกเอาไว้
ภาพิศเดินออกมา แฉล้มถาม อยากรู้เต็มทน
“จะทำอะไรคุณ?”
“เดี๋ยวก็รู้...” ภาพิศยิ้มร้าย
“นี่...จะทำอะไรคิดให้ดีคิดให้ถ้วนถี่นะ ยังไงคุณก็มีลูกในท้อง อีกอย่าง..ที่คุณหญิงสุดาคอยมาสุมไฟให้คุณ จะมีแผนอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“มีไม่มี...คนที่ต้องรับกรรมก็คือคุณหญิงสุดา และคนที่เจ็บก็คือนังเด็กนั่น”

ภาพิศยิ้มด้วยแววตาอาฆาตแค้น
สรวงนั่งอยู่ตรงห้องโถง กรรณนรีเดินผ่านมา สรวงผุดลุกขึ้น เดินเข้าหา กรรณนรีถอยหลังกรูด
“คุณจะทำอะไร”
“ปล้ำ” กระชากร่างกรรณนรีแกล้งทำหน้าหื่นใส่
“อย่านะ อย่า” กรรณนรีเอามือดันหน้าสรวงออก
“ถ้าเธอไม่อยากให้ฉันปล้ำ เธอก็ออกไปจากที่นี่”
“คุณไม่มีเหตุผล”
“มีสิ” สรวงทำตากรุ้มกริ่ม เจ้าชู้ใส่ “เหตุผลที่จะปล้ำเธอไง”
พลางสรวงอ้าแขนออกทำท่าจะกอด กรรณนรีหลบรีบวิ่งหนีไปทันที สรวงมองตามอย่างข้องจิต
“ถ้าเธอไม่ได้เป็นอะไรกับพ่อ เธอจะอยู่บ้านฉันทำไม”

เย็นนั้นกรรณนรีแวะมาหารือกับกาวินทร์ที่บ้าน กาวินทร์บอกพร้อมรอยยิ้ม
“ไม่ต้องออกมา อยู่ที่นั่นล่ะ”
“แต่คุณสรวง...เค้าบอกว่า...” กรรณนรี อาย เขิน ไม่กล้าพูดต่อ
กาวินทร์หัวเราะขำๆ “นี่..ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ห่วงไม่หวงกาวนะ...” เปลี่ยนเสียงพูดจริงจัง “แต่พี่มั่นใจ คุณสรวงเค้าเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะไม่ทำอะไรกาว..หรือไม่จริง”
กรรณนรีใจสั่น หน้าร้อนผ่าว อบอุ่นหวามไหวอย่างประหลาด เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ กาวินทร์เห็นท่าทีของน้องสาวก็ยิ้มแซว
“เอ๊ะ! อย่าบอกนะว่า..ที่ผ่านมา กาวกับคุณสรวง…”
กรรณนรีรีบบอกทันที “กาวไม่มีอะไรกับเค้านะ”
“นั่นไง..พี่ถึงบอกว่าคุณสรวงเป็นสุภาพบุรุษ...เพราะถ้าเป็นคนอื่น กาวไม่รอดหรอก เพราะฉะนั้นอยู่ที่นั่นให้คุณหญิงสุดาอกแตกตาย ไม่ต้องออกมา”
จังหวะนั้นเกริกเดินออกมา กรรณนรีหันไปเห็นรีบพูดกลบเกลื่อน
“กาวไปทำงานก่อนนะพี่แก้ว”
“เออ..พี่ก็มีประชุม ไปก่อนนะพ่อ”
สองพี่น้องรีบคว้ากระเป๋าออกไป เกริกมองตามทำท่างงๆ สองพี่น้องคุยกันเรื่องอะไร?

เกริกออกมาเดินยืนยืดเส้นยืนสายกับสองป้าตามทางในหมู่บ้าน ป้าตั๊กแตนเอ่ยขึ้น
“ไม่มีอะไรหรอกมั้ง เด็กหนุ่มเด็กสาวบางทีเค้าก็ไม่อยากคุยกันให้ผู้ใหญ่ได้ยิน”
“แต่ฉันเป็นพ่อนะ” เกริกท้วง
“แล้วไง” เกริกมองหน้า ป้าจักจั่นหัวเราะบอก “ฉันไม่ได้หาเรื่องพ่อเกริก ฉันแค่หมายความว่า....แก้วกับกาวเค้าอาจจะมีเรื่องส่วนตัวคุยกันก็ได้”
เกริกบ่นตามประสาพ่อ “ก็แล้วมันเรื่องอะไรล่ะ ฉันถึงจะรู้ไม่ได้”
“ก็เรื่องที่เค้าไม่อยากให้รู้ไง..น่า...ปล่อยให้เค้ามีเวลาส่วนตัวกันบ้าง เรามาออกกำลังกายกัน” พลางป้าตั๊กแตนเริ่มขยับขาเต้นท่าฮิตโครตๆ กังนัมสไตล์
เกริกงง “ทำท่าอะไรน่ะป้า”
ป้าจักจั่นเย้า “พ่อเกริกนี่เชยจริงๆ”
สองป้าตะโกนเสียงดังเลียนแบบนักร้องแดนกิมจิต้นฉบับ
“กังนัมสไตล์”
สองป้าวาดลีลาเต้นกันอย่างสนุกเบิกบานแล้วจับเกริกขยับเต้นไปด้วย

คืนนั้น มะยมนั่งเจ่าจุกที่หน้าคอมพ์ เขียนข่าวรักสามเส้า กรรณนรี สรวง และอารักษ์ตามบทสัมภาษณ์ของคุณหญิงสุดาด้วยความทุกข์ใจ พิมพ์แล้วลบ พิมพ์แล้วลบอยู่อย่างนั้น เครียดจนร้องสบถออกมา
“ปั๊ดโธ่เว้ย”
นิคเดินมาตบไหล่ “ฉันรู้ว่าแกลำบากใจ”
มะยมเสียงเครือสั่น อย่างเจ็บใจ “ต่อให้ฉันโกรธกาวยังไง แต่กาวมันก็เป็นเพื่อนฉัน” มองมือตัวเองที่แป้นพิมพ์ดีด “แล้วนี่ฉันต้องเขียนข่าวทำลายเพื่อนตัวเอง”
“แกทำตามหน้าที่
มะยมเสียงเครือกว่าเก่า “แต่หน้าที่ของฉัน ต้องทำลายเพื่อน ฉันทำไม่ได้นิค ทำไม่ได้จริงๆ”
มะยมซบหน้าลงโต๊ะร้องไห้อย่างสุดกลั้น นิคบีบไหล่ พูดปลอบ
“แกกลับไปพักก่อนไปมะยม...พรุ่งนี้อะไรๆ มันอาจมีการเปลี่ยนแปลง”

ขณะเดียวกันนพเดินวนเวียนหน้าออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ มองเข้าไปด้านใน เหมือนรอใครซักคน
มะยมเดินออกมาเห็น “อ้าว! คุณนพ มาทำอะไรคะ”
“พอดีผมมาธุระแถวนี้เลยแวะมา เป็นอะไรรึเปล่าครับ..ท่าทางคุณดูไม่ดีเลย”
“มีเรื่องไม่สบายใจน่ะค่ะ”
นพห่วงออกนอกหน้า “พรุ่งนี้ผมหยุด..ไปเดินเล่นด้วยกันมั้นครับ?เผื่อคุณจะสบายใจ”
มะยมยิ้มบางๆ พยักหน้าให้แทนคำตอบ แต่สีหน้าเครียดอยู่ดี

ที่สวนสวยในวันต่อมา สองคนเดินมาด้วยกัน ท่าทางมะยมเศร้าไม่หาย หน้าหมอง อมทุกข์ มีเรื่องกลุ้มใจ และเครียดหนักที่สุดเรื่องกรรณนรี นพบอกยิ้มๆ

“ยิ้มหน่อยน่าคุณมะยม...จะแบกโลกทั้งใบไว้ทำไม” นพยิ้มกว้าง
“จริงด้วย...จะแบกโลกทั้งใบไว้ทำไม” มะยมยิ้มตาม “ขอบคุณมากค่ะคุณนพที่อยู่เป็นเพื่อนมะยมตลอด”
“ผมอยากเห็นมะยมยิ้ม”
มะยมยิ้มแต่แบบยิ้มเจื่อนๆ จืดๆ นพบอก
“ไม่เอา..ไม่อยากเห็นรอยยิ้มแบบนี้ มะยมต้องยิ้มกว้างๆ”
นพมองมา มะยมมองตอบ ก่อนจะยิ้มออกมา นพบอกพร้อมรอยยิ้ม
“ขอบคุณครับ”
นพเล่นกีตาร์ ร้องเพลงให้ฟัง มะยมยิ้ม มองนพรู้สึกดีมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว

มะยมกับนพเดินเล่นไปด้วยกัน เหมือนหนุ่มสาวเริ่มจีบกัน บางจังหวะหยอกล้อ หัวเราะอย่างมีความสุข ความสัมพันธ์สองคนเริ่มงอกงามและพัฒนาขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
ค่ำคืนนั้น สุดานั่งอยู่ในร้านอาหารกับสุขหฤทัย คุยมือถือด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแต่ดวงตามีแผนร้าย

“ขอบใจมากค่ะคุณน้อง ไม่ต้องห่วง พี่ยินดีทำตามแผนคุณน้องทุกประการค่ะ ขอเพียงกำจัดนังศุภาวีร์ ออกไปจากชีวิตของเราก็พอ” วางสายไป
สุขหฤทัยอยากรู้มาก “อะไรคะคุณหญิงแม่”
“แผนการล่อนังกรรณรีออกไปเชือด” สุดาบอกเสียงกร้าว
“เชือดโดยแม่ของมัน” สุขหฤทัยต่อคำให้
สองคนหัวร่อสนุกสนาน

สุดามองด้านบนอย่างกระวนกระวายรอกาว พอเห็นกรรณนรีเดินลงมา ก็หยิบมือถือพูดเลยไม่ได้กด
“หนูไม่ต้องห่วงนะฤทัย ยังไงแม่ไม่มีวันยอมแพ้สองแม่ลูกนั่นแน่ๆ โดยเฉพาะนังภาพิศ” เหล่ตามองกรรณนรีตลอด
ได้ผล เพราะกรรณนรีมองมา ได้ยินเต็มหู กรรณนรีทั้งตกใจ และโกรธ นึกเป็นห่วงภาพิศ แอบฟังต่อ สุดาทำเป็นไม่เห็น แกล้งพูดเสียงดัง
“แม่นัดนังภาพิศเอาไว้แล้ว....ก็ที่สปาของเพื่อนมันนั่นแหละ มันคงไม่รู้..วันนี้เป็นวันที่มันจะต้องไปให้พ้นจากชีวิตแม่”
สุดาพูดจบก็หัวเราะร่าอย่างสบายใจ พลางแอบชำเลืองมองกรรณนรี แล้วเดินออกไป
กรรณนรีมองตามทั้งโกรธแค้น และเกลียดชัง ก่อนจะรีบตามไปด้วยความเป็นห่วงแม่

ไม่นานนัก สุดาเดินเข้าสปาอย่างสบายอารมณ์ แต่ปรายตามองด้านหลัง แล้วก้าวเท้าเดินเอื่อยๆ ทอดน่องรอคนตาม สุดาเห็นจากหางตาว่ากรรณนรีตามมาก็เดินเข้าไปด้านใน

ที่อีกห้องหนึ่งด้านในสปา ภาพิศเตรียมตัวนอนแช่น้ำ บอกพนักงานหน้าตายิ้มแย้ม
“ขอบคุณค่ะ ดิฉันขอนอนแช่ตัวสบายๆ ซักครู่”
พนักงานเดินออกไป ภาพิศรีบล็อกประตู แล้วจัดการเทครีมอาบน้ำลงบนพื้น บริเวณหน้าประตู ก่อนหยิบมือถือมาโทร.ออก
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณพี่”
สุดาที่อยู่ด้านหน้าเคาน์เตอร์รับโทรศัพท์
“โอเค.” สุดาเดินเข้าไปด้านใน
กรรณนรีรีบเดินตามไปอย่างร้อนใจ เป็นห่วงภาพิศ

ภาพิศแอบเข้าไปในห้องซาวน่าห้องหนึ่ง ปรับอุณหภูมิภายในห้องอบตัวเป็นความร้อนสูงสุด ดวงตาน่ากลัวแล้วเดินออกมารวดเร็ว

สุดาเดินลิ่วเข้ามาพลางแกล้งคุยโทรศัพท์
“แม่จะจัดการนังภาพิศให้มันตายอยู่ในนี้แหละ”
สุดาเดินเข้าไปด้านใน ฉากหลบไปอย่างว่องไว กรรณนรีตามมาสีหน้าตื่นตกใจมาก
กรรณนรีมองไปไม่เห็นภาพิศ จึงค่อยๆ ย่องเข้าไปดูด้านใน พลางหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา

ภาพิศอยู่ในอีกห้อง ที่มีอ่างอาบน้ำเมื่อครู่ แต่ไม่ได้แช่ อยู่ในเสื้อผ้าปกติ มือถือดัง เห็นชื่อ “ก้าง” ดวงตาภาพิศวาวรับ ถามเสียงเย็นเยียบ
“เธอมีอะไร?”
กรรณนรีอยู่ด้านนอกตามหาภาพิศถามเป็นห่วง
“คุณอยู่ห้องไหนคะ”
ภาพิศแกล้งทำเป็นไม่รู้ “อะไรของเธอ”
“ฉันรู้ว่าคุณอยู่สปา ฉันมีเรื่องสำคัญอยากจะคุยกับคุณ นะคะ..ฉันขอร้อง”
“ก็ได้...ฉันอยู่ที่ห้อง...” ภาพิศอธิบายบอกทางไปห้องที่ตนอยู่
กรรณนรีวางสายรีบเดินไปตามทางที่ภาพิศบอกอย่างร้อนใจ
ขณะที่ภาพิศยิ้มร้าย ไม่สำเหนียกสักนิดว่ากำลังจะทำบาปมหันต์

กรรณนรีเคาะประตูแล้วเปิดเข้ามาเลย เท้าเหยียบเข้ากับสบู่เหลวที่ภาพิศเททิ้งไว้ที่
กรรณนรีร้องสุดเสียง “ว้าย” ร่างเสียหลักร่วงลงไป ศีรษะกระแทกพื้นอย่างแรง กรรณนรีร้องโอดโอยเพราะเจ็บปวดมาก จะลุกขึ้นแต่พื้นลื่นไปหมด ร่างกรรณนรีล้มลงไปอีก หน้าฟาดพื้นอีก กรรณนรีเจ็บปวดไปทั้งสรรพางค์ เริ่มมึนเบลอ มองเห็นทุกอย่างรอบตัวพร่ามัวไปหมด กรรณนรีกระพริบตาถี่ ทำท่าจะหมดสติ สุดาเปิดประตูเข้ามา หัวเราะร่า
“ว่าไงจ๊ะแม่คนจอมแส่” กรรรณรีปรือตามองเห็นสุดาหัวเราะอยู่ “ไม่ต้องห่วง แกไม่ตาย
ตรงนี้หรอก”
จังหวะนั้นเองภาพิศก็ก้าวตามเข้ามา “เพราะฉันจัดที่ตายไว้ให้เธอแล้ว”
กรรณนรีเหลียวไปมองตามเสียงแล้วต้องเบิกตากว้าง “คุณภาพิศ”
“การตายของแก จะเป็นอุบัติเหตุแค่นั้น ศุภาวีร์”
สุดากับภาพิศตรงเข้าไปลากร่างของกรรณนรีที่เจ็บปวด และใกล้จะหมดสติออกไป

สุดากับภาพิศช่วยกันลากร่างที่แทบจะหมดสติของกรรณนรีเข้าไปในห้องซาวน่า เห็นควันพุ่งออกมา อากาศร้อนมาก สุดากับภาพิศลากร่างกรรณนรีเข้าไป
“นอนให้สบายนะจ้ะหนูศุภาวีร์” ภาพิศแสยะยิ้ม
“ชอบอะไรก็ไปเข้าฝันแล้วกัน....ฉันจะให้ท่านใส่บาตรไปให้”
สุดากับภาพิศ ปิดประตูห้องซาวน่า...แล้วเดินออกไป
กรรณนรีพาร่างอันอ่อนแรงเต็มที จะผลักประตูออกไป แต่ไม่มีแรง หมดสตินอนนิ่งอยู่ในนั้น ท่ามกลางควันสีขาว และความร้อนที่พวยพุ่งออกมา

เวลาเดียวกัน มะยมมาติดต่อใช้บัตรตรงเคาน์เตอร์ด้านหน้า ก่อนจะเดินกลับมาหานิคถามย้ำอีกครั้ง
“ไม่ทำด้วยกันซักหน่อยเหรอ”
“เอาเหอะ ตามสบาย เดี๋ยวฉันรอ”
“งั้น..ขัดเนื้อขัดตัว อบเนื้ออบตัวซักสองสามชั่วโมงแล้วแล้วออกมานะ”
“เออ..จะขัดผิวอบตัวจนเนื้อแกหลุด ฉันก็ไม่ว่าแกหรอก จะรอ”
“ขอบใจ” มะยมเดินเข้าไปด้านในล็อกเกอร์ นิคนั่งอ่านหนังสือรอ

ขณะที่มะยมเดินเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าด้านใน กรรณนรีนอนแน่นิ่งหมดสติไปแล้ว
ครู่ต่อมาสองคนนั่งจิบเครื่องดื่มอย่างสบายอารมณ์อยู่ในร้านอาหาร

“แน่ใจนะคะคุณน้อง แผนนี้จะได้ผล” สุดาถาม
“ไม่ตาย...ก็เลี้ยงไม่โตค่ะ...ว่าแต่คุณหญิงพี่หลอกล่อยังไงคะ? นังเด็กนั่นถึงได้ติดกับเราง่ายดาย” ภาพิศสงสัย
สุดาหัวเราะกลบเกลื่อน ไม่ยอมบอกว่าเอาชื่อภาพิศมาล่อ จนกรรณนรีเป็นห่วงเลยรีบตามมา
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอกค่ะ....แค่บอกว่า...ท่านนัดเด็กเอ๊าะๆ อึ๋มๆ เอาไว้...นังศุภาวีร์มันก็คงจะหวง กลัวตัวเองจะตกอันดับ เลยวิ่งแจ้นตามพี่มา”
ภาพิศยิ้มอวย “คุณหญิงพี่ฉลาดที่สุดเลยค่ะ”
“ก็พี่จะแพ้คุณน้องได้ยังไงล่ะคะ”
สองคนหัวร่อร่า พอใจชนแก้วกัน สุดายิ้มพลางพูดแบบมีเลศนัย
“แล้วพี่ก็เชื่อว่า...สองแรงแข็งขันร่วมมือร่วมใจกันขนาดนี้...ศัตรูทุกคน มันต้องพ้นทางเราแน่นอน”
สองคนยิ้มให้กัน แต่เป็นยิ้มที่ร้ายกาจและน่ากลัว

สรวงเดินลงบันไดมา เห็นบ้านเงียบเชียบเหมือนไม่มีใครอยู่ก็นึกแปลกใจ
“หายไปไหนกันหมด”
สรวงถามตัวเองอย่างสงสัย

เวลาเดียวกันมะยมเดินเข้ามาในห้องซาวน่า เห็นไอร้อนด้านในเป็นฝ้าน่ากลัว สัมผัสได้ถึงไอร้อนที่แผ่ออกมาถึงข้างนอก
“ใครลืมเปิดสวิซท์เอาไว้ เดี๋ยวก็ไฟไหม้หรอก”
มะยมรีบเดินไปเปิดประตู โดยยืนข้างๆ คอยระวังไอร้อนจะพุ่งเข้าหน้า ทันทีที่ประตู
เปิดออก เห็นกรรณนรีนอนหมดสติอยู่ในนั้น มะยมหน้าซีดเผือด
“กาว!” มะยมกรี๊ดสุดเสียง รีบถลาเข้าไปพากรรณนรีออกมาอย่างรวดเร็ว

เวลาเดียวกัน ภาพิศ กับแฉล้มนั่งอยู่ในร้านกาแฟ แฉล้มรู้เรื่องก็ตกใจมาก
“ตาย!นี่คุณทำอะไรลงไป แรงมาก...เกิดนังเด็กนั่นมันตายขึ้นมาจริงๆ คุณจะว่าไง”
ภาพิศหน้าเสีย “มันไม่ตายหรอก ฉันก็แค่ขู่”

**ย้อนกลับไปอ่านตอนที่ 11 ใหม่ **
อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 12 วันที่ 11 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager