@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13 วันที่ 13 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13 วันที่ 13 ต.ค. 55

สายตาประสงค์ร้ายคู่นั้น มันมองจ้อง สร้อยเส้นใหญ่ และกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพง และเฝ้าเดินตามแฉล้มมาอย่างเงียบๆ แฉล้มง่วนอยู่กับมือถือ โทร.ออกหาภาพิศพัลวัน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะตกใจไม่หาย
ภาพิศอยู่ที่บ้าน ได้ยินเสียงโทรศัพท์รีบเดินมารับ แต่ในจังหวะที่ลุก ก็นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด เพราะเจ็บท้อง จึงรับสายไม่ได้
แฉล้มหน้ายุ่งตื่นเต้นสุดๆ “ทำไมไม่รับซักที”
คนร้ายที่รอจังหวะมานาน ถือโอกาสกระตุกสร้อยแฉล้มสุดแรง แต่สร้อยไม่หลุดแฉล้มร้องกรี๊ด ทิ้งมือถือ ยกมือกุมสร้อยไว้อย่างหวงแหน

“อย่า..อย่าเอาของฉันไป”
“เอ๊ะ!นังนี่”
สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา
เวลาเดียวกันนั้นภาพิศ เจ็บท้องมารับสายไม่ได้

แฉล้มต่อสู้คนร้าย สู้แบบคนแกร่งไม่ยอมแพ้ ทั้งถีบทั้งเตะ จังหวะหนึ่งแฉล้มเอากระเป๋าฟาดใส่ตะโกนด่า “ไปให้พ้นนะไอ้เลว ไอ้บ้า ไม่รู้จักทำมาหากิน”
คนร้ายโมโหมาก “เอ๊ะ!นังนี่” ตบผลัวะเต็มแรง
“โอ๊ย” แฉล้มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด ร่างเซถลาไปตามแรง คนร้ายตรงเข้ามากระชากทั้งสร้อยและกระเป๋า
“เอามา!”
“ไม่...” แฉล้มร้องตะโกนสุดเสียง “ช่วยด้วยค่ะช่วยด้วย”
สองพ่อลูกอยู่ในบ้านได้ยินเสียงนั้น ไวเท่าความคิดเกริกคว้าไม้แถวนั้นวิ่งออกมาที่ถนนหน้าบ้าน กรรณนรีวิ่งตาม



แฉล้มยื้อแย่งกระเป๋าคืนจากคนร้าย สู้สุดชีวิตไม่ยอมง่ายๆ ตายเป็นตาย คนร้ายโมโหสุดขีด
“นังนี่”
คนร้ายผลักแฉล้มอย่างแรง แฉล้มเสียหลักล้มคะมำ หัวไปกระแทกเข้าตรงขอบฟุตบาทอย่างจังเสียงดังปั๊ก
“โอ๊ย”
แฉล้มร้องแค่นั้นก็สลบเหมือดหมดสติไป เลือดสดๆ สีแดงฉานไหลออกมาจากศีรษะ นองทั่วพื้นบริเวณนั้น เกริก กรรณนรีวิ่งออกมาเห็นคนร้ายพยายามจะปลดเอาสร้อย เกริกตะโกนก้อง
“เฮ้ย!หยุด”
คนร้ายตกใจวิ่งหนี โดยไม่ได้อะไรไปเลย เกริกกับกรรณนรีวิ่งมาถึง สองคนมองอย่างตกใจเมื่อเห็นว่าเป็นใคร แต่ไม่มีใครหลุดชื่อแฉล้มออกมาจากปาก นอกจากเกริกบอก
“กาว...เรียกรถพยาบาลเร็ว”
“ค่ะพ่อ”

กรรณนรีควักมือถือออกมากดโทร.ออกอย่างรวดเร็ว
ที่โรงพยาบาลยามนั้น เกริกกับกรรณนรี วิ่งตามรถเข็นที่เข็นพาร่างหมดสติของแฉล้มซึ่งศีรษะมีเลือดไหลจากการที่ล้มฟาดฟุตบาทอย่างแรง ตรงไปทางห้องฉุกเฉิน ด้วยอาการตื่นตกใจ ขณะเดียวกันมะยมเดินเข้ามาในออฟฟิศ จู่ๆ คิดถึงกรรณนรีขึ้นมาบ่นพึมพำ
“ยังไงกาวมันก็เป็นเพื่อน โทร.หามันหน่อยแล้วกัน”
ช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน เสียงมือถือดัง ทันทีที่กรรณนรีรับ มะยมรีบบอก
“กาวฉันเอง”
กรรณนรีบอกกลับเร็วๆ “ตอนนี้ฉันยุ่งมาก เดี๋ยวค่อยคุยกันนะมะยม”
พูดจบ กรรณนรีก็กดสายทิ้ง มะยมหน้าเสีย งอนขึ้นมาอีก
“ดี ไม่อยากคุย ก็ไม่ต้องคุย” มะยมเดินหน้าเหวี่ยงเข้าออฟฟิศในอาการฉุนเฉียว ทั้งน้อยใจ ทั้งโกรธ

ส่วนกรรณนรีมองร่างแฉล้มที่ถูกเข็นเข้าไปในห้องฉุกเฉินอย่างกังวล จับมือเกริกแน่น ทั้งกลัว และตื่นตกใจ
“ทำใจดีๆ ลูก เค้าไม่เป็นอะไรหรอก” เกริกมองตาม จำแฉล้มได้แม่นยำ แต่ยังไม่ยอมเอ่ยชื่อออกมา

ที่ด้านหลังสองพ่อลูกเวลานั้น ภาพิศที่มีอาการเจ็บปวดท้องอย่างรุนแรง เดินเอามือกุมท้องผ่านสองคนไป สามชีวิตที่ยึดเหนี่ยวเกี่ยวโยงต่อกัน แคล้วคลาดกันอีกคราครั้ง

ที่ออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ มะยมหน้าหงิกงอ เหวี่ยงวีนเต็มที่ จนนิคต้องปลอบ
“ยังไงแกก็อุตส่าห์โทร.หากาว ก็อย่าเพิ่งโกรธมันเลยน่า มันอาจจะยุ่งจริงๆ”
“ยุ่งจนกดสายฉันทิ้งเนี่ยน่ะนะ”
“ทุกคนย่อมมีพื้นที่ส่วนตัว ก็เหมือนแกแหละช่วงนี้หายตัวไปไหนบ่อยๆ” นิคเปลี่ยนเรื่อง
มะยมไม่ตอบ นิคไม่ซัก ก้มหน้าทำงาน

กรรณนรีเดินมาพร้อมกับเกริก ท่าทางของเกริกนั้นเครียดหนัก กรรณนรีเองก็เครียดๆ สองคนต่างรู้จักแฉล้มแต่ไม่มีใครพูดออกมา จนในที่สุดเกริกก็ถามกรรณนรี
“กาวรู้จักแฉล้ม ด้วยเหรอลูก”
กรรณนรีตอบไม่เต็มเสียง “พอทราบค่ะว่าเค้าเป็นเพื่อนแม่”
“ใช่ เค้าเป็นเพื่อนแม่” น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นขมขื่น “และเค้าก็เป็นคนพาแม่ไปรู้จักกับผู้ชายคนนั้น”
กรรณนรีมองมา รู้ว่าพ่อสะเทือนใจ “พ่อโกรธเค้าเหรอคะ”
เกริกปฏิเสธ “เปล่า..พ่อไม่ได้โกรธ เพียงแค่รู้สึกว่าโลกมันกลม เค้าย้ายไปตั้งนานแล้ว จู่ๆกลับมาอีก ไม่รู้ทำไม”
กรรณนรีก็อึ้ง คิดสงสัยระคนแปลกใจเหมือนกัน ขณะที่เกริกพูดต่อ
“แถมกลับมา ยังโชคร้ายอีก ท่าทางอาการหนักซะด้วย ไม่รู้เวรกรรมอะไร”
“พ่อว่าเกี่ยวกับที่เค้าพรากแม่ไปจากเรามั้ยคะ” กรรณนรีว่า
เกริกอึ้งไม่ทันตอบ เจ้าหน้าที่ก็เข้ามาเรียก
"ญาติคุณแฉล้ม เซ็นเอกสารด้วยค่ะ"
“ครับๆ” สองคนเดินตามเจ้าหน้าที่ไป
อีกมุม ภาพิศเดินออกมาท่าทางไม่ค่อยดี เสียงของหมอดังก้องในหัว
“คุณต้องดูแลสุขภาพตัวเองให้แข็งแรงนะคะ อย่าลืม..สุขภาพของแม่มีผลต่อลูกค่ะ”
ภาพิศยกมือกุมท้อง สีหน้าเครียดเคร่ง น้ำตาซึม ท่าทางโหยๆ เหมือนจะเป็นลม

ภาพิศยังอยู่ในอาการอ่อนระโหยโรยแรง เดินมาทรุดตัวลงนั่งตรงที่นั่งรอในโรงพยาบาล กดโทรศัพท์หาสรวง พูดน้ำเสียงเครือสั่น
“คุณสรวง...ช่วงนี้พี่สุขภาพไม่ค่อยดีเลย...เมื่อไหร่ท่านจะกลับมาคะ”
สรวงนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ พอได้ฟังก็รู้สึกไม่สบายใจนัก
“ผมก็ไม่ทราบเหมือนกัน”
ภาพิศครวญคร่ำ “ท่านจงใจหลบหน้าพี่”
“ไม่หรอกครับ คุณพ่อจะหลบทำไม”
“ก็ท่านอยากเลิกกับพี่...” ยิ้มหยัน “แต่คงไม่ใช่หรอกค่ะ พี่คงคิดมากไป เพราะถึงท่านจะเกลียดพี่...ยังไงท่านต้องรีบกลับมาหาศุภาวีร์อยู่ดี”
ภาพิศสะเทือนใจ น้ำตาไหลพราก ในขณะที่สรวงเศร้าใจ

คืนนั้นสรวงกลับบ้าน เปิดประตูเข้ามาดูห้องของกรรณนรี ชายหนุ่มมองฝ่าความมืดสลัว สักครู่หนึ่งจึงเปิดสวิชท์ไฟ เห็นสภาพห้องเรียบร้อย ไม่มีคนอยู่ สรวงคิดถึงกรรณนรีเหลือเกิน
ระหว่างนั้นสุดาเดินผ่านมาเห็น เดินเข้ามาดูก็ทำหน้าไม่พอใจใส่ พร้อมกับถามเสียงขุ่น
“นี่ลูกอาลัยอาวรณ์มันเหรอ”
“เปล่าครับ”
สุดาไม่เชื่อ มองอย่างเสียใจ “แต่สายตาลูกบอกอย่างนั้น...อย่าทำให้แม่เสียใจมากไปกว่านี้เลยนะสรวง ศุภาวีร์เป็นเมียน้อยคุณพ่อ..ลูกอย่าคิดเอามาเป็นสะใภ้แม่เด็ดขาด แม่รับไม่ได้” สุดาเดินหนีอย่างฉุนเฉียว
“คุณแม่” สรวงเดินตาม

สุดาเดินหนีมา สรวงตามติดพยายามอธิบาย
“คุณแม่ครับคุณแม่...ฟังผมก่อน ผมไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้น”
“ดี! เพราะถ้าแม่ไม่ตาย มันไม่มีทางเป็นไปได้ จำไว้ คนที่จะแต่งงานกับสรวงต้องเป็นฤทัย แม่รับฤทัยเป็นสะใภ้แค่คนเดียว” คุณหญิงสุดาบอกเสียงดัง
“แต่ผมเห็นฤทัยไปกับแก้ว”

สุดาหน้าซีดเผือด “เค้าอาจจะมีธุระคุยกันก็ได้”
“เรื่องอะไรครับ”

สุดารีบกลบเกลื่อน “ก็เรื่องนังศุภาวีร์ไงล่ะ? ฤทัยอาจจะไปคุยกับพี่ชายนังนั่น ไม่ให้น้องมันมายุ่งกับสรวง”
“แต่ผมว่าไม่น่าจะใช่”
“แต่แม่ว่าใช่...แล้วสรวงก็อย่าคิดว่าฤทัยจะเป็นอื่น เพราะฤทัยเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ใช่เมียน้อย เมียเก็บใคร อย่างนังศุภาวีร์” สุดารีบเดินหนี

สรวงโกรธกรรณนรีขึ้นมาอีก ขณะที่สุดาออกอาการหงุดหงิด สุดาอยู่ในห้องที่บ้าน โทร.ด่าทอต่อว่าสุขหฤทัยทันที
“เห็นมั้ย เป็นเรื่องจนได้”
สุขหฤทัยที่อยู่บ้าน รับสายอย่างงงๆ “เรื่องอะไรคะ”
“ก็เรื่องที่เธอไปกับไอ้แก้วน่ะสิ...รู้ไว้ด้วยว่าสรวงเห็น”
สุขหฤทัยตกใจ “สรวงเห็น” สาวแสบนึกว่าวันนั้นสรวงไม่เห็น
สุดาต่อว่าเสียงขุ่น “ใช่! แล้วมันเรื่องอะไรเธอถึงได้ใฝ่ต่ำไปกับไอ้นั่น หรือว่า ทนอยู่คนเดียวไม่ได้ เลยไปคว้ามันมาแก้ขัด”

สุขหฤทัยฉุนกึกที่ถูกด่า “ทำไมคุณหญิงแม่ว่าฤทัยขนาดนี้คะ”
“หรือมันไม่จริง ไม่งั้นเธอจะไปกับมันทำไม? เธอทำให้ตาสรวงสงสัย ถ้าความแตก เธอไม่มีวันได้มาเป็นสะใภ้ฉัน รู้ไว้ด้วยฤทัย” สุดากดสายทิ้งทันที

สุขหฤทัยอ้าปากค้าง เขวี้ยงมือถือด่าระบดระบาย “โอ๊ย..อะไรกันนักกันหนา ยอมยิ่งกว่าแม่ แล้วยังมาด่ากันอยู่ได้ ทำยังกับลูกชายตัวเอง สนใจเรานักแหละ สรวงรักนังกรรณรีโน่น”

สุขหฤทัยได้แต่คว้าหมอนมาทุบๆ ระบายความโกรธขึ้ง และขัดเคืองใจ
ค่ำคืนนั้นสรวงยืนมองจ้องดวงดาว ท่าทางเศร้าสร้อย เสียงของสุดาดังก้องในหัว

“เพราะฤทัยเป็นผู้หญิงที่ดี ไม่ใช่เมียน้อย เมียเก็บใคร อย่างนังศุภาวีร์”

ใบหน้าสรวงหม่นเศร้า ร่ำร้องอยู่แต่ในใจอย่างเจ็บปวด
“ทำไมเธอต้องทำให้คนว่าได้ กรรณนรี”

คืนเดียวกันนั้นกาวินทร์กับกรรณนรีนั่งคุยกันในบ้าน กาวินทร์เอ่ยขึ้น
“พี่มั่นใจ ตอนนี้ยัยขี้ไคลเริ่มติดกับพี่แล้ว รออีกไม่นานกาว พี่จะทำให้หล่อนมาเป็นพวกเราให้ได้ ถึงตอนนั้นคุณหญิงสุดาจะได้รู้รสการถูกทรยศ หักหลังมันเป็นยังไง เออ..แล้วคุณแฉล้มเป็นยังไงบ้าง”
“ยังไม่ฟื้นเลยพี่...ศีรษะได้รับการกระทบกระเทือนแรงมาก พรุ่งนี้กาวกับพ่อก็จะไปเฝ้าเค้าที่โรงพยาบาล
“ขอให้เค้ารู้สึกตัวเร็วๆ แล้วกัน”
“กาวก็หวังอย่างนั้นล่ะพี่”

วันต่อมา สองพ่อลูกมาเยี่ยมแฉล้มแต่เช้า ทว่าแฉล้มยังคงนอนนิ่ง ไม่ได้สติ กรรณนรีกับเกริกยืนที่อยู่ข้างเตียงมองดูอย่างเป็นห่วง
“เค้าจะฟื้นขึ้นมามั้ยพ่อ”

เกริกให้กำลังใจ “ฟื้นสิ...ต้องฟื้น” เกริกนึกกังวล และเปลี่ยนเป็นสงสัยขึ้นมา “ที่พ่ออยากรู้แฉล้มนึกยังไง ถึงได้กลับมาแถวบ้านเราอีก มีเรื่องหน้าบ้านเราอีกด้วย”

กรรณนรีกลบเกลื่อน ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าแฉล้มมาทำไม “คงบังเอิญนะค่ะพ่อ”
“พ่อก็ขอให้มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญ”
เกริกกังวลใจไม่วาย ถอดสร้อยจากคอตัวเอง กรรณนรีสงสัย
“พ่อถอดสร้อยทำไม”
“เห็นกรณีคุณแฉล้มแล้วพ่อใจคอไม่ดีเลย...กาวสวมเอาไว้เถอะลูก..สิ่งศักดิ์สิทธิ์จะได้คุ้มครอง” เกริกสวมสร้อยให้กรรณนรี

ทันใดนั้นเองร่างของแฉล้มก็กระตุก เกริกบอก
“เรียกหมอเร็วกาว”
กรรณนรีกดกริ่งเรียกหมอทันที “ช่วยมาที่ห้อง 302 ด้วยค่ะ”

ทางด้านมะยมนั่งทำงานอยู่ หันไปมองมือถือบนโต๊ะ ตัดสินใจโทร.หากรรณนรี เป็นจังหวะที่หมอเข้ามาดูอาการแฉล้มพอดี ที่เสียงมือถือดัง กรรณนรีกดรับ
“ฉันยังคุยตอนนี้ไม่ได้นะมะยม” พูดจบกรรณนรีก็กดสายทิ้งมะยมนั่งหน้าบูดบึ้ง น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเสียใจ ขณะที่กรรณนรีกุมมือเกริกแน่น มองดูแฉล้ม

มะยมเดินหงุดหงิดโกรธขึ้งกรรณนรีอยู่ข้างทาง เสียงมือถือดัง มะยมรับเสียงห้วน อารมณ์ไม่ดี
“คะ คุณนพ”
นพที่อยู่บริษัทชะงักนิดหนึ่ง ก่อนจะถามอย่างอาทร “เป็นอะไรรึเปล่ามะยม..เสียงเขียวเชียว”
มะยมรู้สึกตัวเสียงอ่อนลง “มะยมขอโทษค่ะ...พอดีหงุดหงิดนิดหน่อย”
“เรื่องอะไรเอ่ย บอกผมได้นะ....ผมยินดีรับฟังมะยมทุกเรื่อง”
มะยมยิ้มออก รู้สึกดีที่มีคนรับฟัง “ขอบคุณค่ะ...ว่าแต่คุณนพโทร.มาหามะยมมีอะไรรึเปล่า”
“วันนี้เบื่อๆ เลยอยากจะชวนมะยมไปทานข้าว...อยู่ที่ไหนครับ...เดี๋ยวผมไปรับ”
ดวงตาของนพอ่อนอุ่น รู้สึกดีที่ได้คุยกับมะยม

เวลาเดียวกัน ในขณะที่นิคนั่งทำงานอยู่ในออฟฟิศ จ๋าเดินมาถาม
“อ้าว! มะยมล่ะ”
นิคมองไปที่โต๊ะมะยม “ตะกี้ยังเห็นอยู่เลยครับ ไม่รู้ไปไหน? พี่จ๋ามีอะไร”
“พี่จะมาเอางานที่ให้ทำเรื่องกาว”
นิคหน้าจ๋อยตัดสินใจบอก ท่าทีกลัวจ๋า “มะยมทำไม่ได้ครับ..ผมก็ทำไม่ได้เหมือนกัน”
“เออ..ทำเสร็จตอนไหนก็เอามาส่งแล้วกัน” จ๋าจะเดินกลับ นิคเอ่ยขึ้นมา
“ความจริงพี่จ๋า..ก็ไม่อยากให้เราทำใช่มั้ยครับ ถึงได้แกล้งลืมตั้งนาน”
จ๋าหันมามอง “จะถูกจะผิดยังไง กาวมันก็น้องพี่”
“ขอบคุณครับพี่จ๋า...ขอบคุณจริงๆ”
จ๋าตบไหล่นิคแล้วเดินไป นิคมองไปที่เก้าอี้เพื่อนทั้งสอง
“ถือว่าเป็นข่าวดี..แต่ทำไม เวลามีข่าวดี พวกแกไม่อยู่กับฉันวะ”

กรรณนรีเดินมาตามทาง สีหน้าใคร่ครวญ ครุ่นคิดในใจ
“คุณแฉล้มเป็นเพื่อนแม่ หรือ ที่คุณแฉล้มถูกทำร้ายจะเป็นแผนคุณหญิงสุดา”

กรรณนรีตัดสินใจกดมือถือโทร.หาสุดา แต่สุดานอนหลับ มือถือปิดเสียงเห็นแต่ไฟสัญญาณโทร.เข้า กรรณนรีโทร.เข้าเบอร์บ้าน
“บ้านอริยะวรรตค่ะ” แม่บ้านรับสาย
“ขอสายคุณหญิงสุดา”
“ใครคะ”
“ศุภาวีร์”
“คุณหญิงท่านพักผ่อนอยู่ในห้องค่ะ” แม่บ้านบอก
“เดี๋ยวฉันเข้าไป”
“ดิฉันขออนุญาตเรียนถามท่านก่อนนะคะ ว่าจะให้คุณเข้ามารึเปล่า” แม่บ้านบอก
“ยังไงฉันก็จะเข้าไป” พูดจบกรรณนรีก็วางสายเลย
สรวงเดินลงมาพอดี จึงเอ่ยถาม
“ใครจะมาหาคุณแม่”
“คุณศุภาวีร์ค่ะ”
สรวงหน้าเครียด ไม่พอใจขึ้นมา
ไม่นานหลังจากนั้น กรรณนรีเดินเข้ามาในห้องโถง แต่ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อสรวงอ้อมมาด้านหลังคว้าตัวเอาไว้

“คุณ”
สรวงประชดทันที “ไปแล้วกลับมาทำไม? หรือว่าเสียดาย ทุกสิ่งทุกอย่างของ...อริยะวรรต”
กรรณนรีงอน “ใช่..ทุกสิ่งทุกอย่างของอริยะวรรต ยกเว้นคุณ ปล่อยฉัน” กรรณนรีผลักไส
“ไม่ปล่อย” สรวงกอดแน่นขึ้นอีก “วันนี้ฉันต้องรู้ให้ได้ ว่าสิ่งที่เธอทำมันคืออะไร”
สรวงอุ้มกรรณนรีตัวลอย กรรณนรีตกใจร้องลั่น
“ปล่อยๆๆ ปล่อยฉัน”
“ไม่ปล่อย” สรวงอุ้มกรรณนรีตรงไปที่ห้องทันที
กรรณนรีร้องไม่หยุด พร้อมกับดิ้นรนขัดขืน “ปล่อยนะคุณสรวง ปล่อยๆๆ”
สุดาอยู่ในห้อง ได้ยินเสียงคนร้อง แต่ยังไม่รู้ว่ากรรณนรี ก็สะดุ้งตื่น เงี่ยหูฟัง
“ใครมาร้องอะไรแถวนี้”
เสียงกรรณนรีดังแว่วๆมา “ปล่อยๆๆๆๆ”
สุดาลุกพรวดขึ้นทันที

สรวงอุ้มกรรณนรีเข้าไปในห้อง ปิดประตู โยนร่างกรรณนรีลงบนเตียง กรรณนรีถอยหลังกรูด
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
“งั้นเธอก็บอกมา..ว่าแม่ฉันทำอะไร ไม่งั้น เธอออกไปจากที่นี่ไม่ได้” สรวงแกล้งขู่
กรรณนรีลำบากใจ “อย่าบังคับฉันเลยคุณสรวง”
สรวงพูดเสียงเข้มแกล้งขู่ต่อ “ถ้าไม่อยากให้ฉันบังคับ เธอก็บอกฉันดีๆ”
กรรณนรีนิ่งเงียบ มองสรวงอย่างลำบากใจ สรวงเดินเข้าใกล้ หาเรื่องแกล้งอีก
“แต่ดูท่าทางเธอแล้ว คงไม่อยากบอกดีๆ เท่าไหร่?” กระชากร่างกรรณนรี
“อย่านะคุณสรวง” กรรณนรีขอร้องดีๆ

สรวงทำท่าจะจูบ “จะบอกหรือไม่บอก”
“อย่าค่ะ”
“ถ้าเธอไม่บอก แปลว่า..เธออยากให้ฉันจูบ” สรวงก้มหน้าลงอีก
กรรณนรีร้องสุดเสียง “อย่า”
ในจังหวะที่สรวงก้มหน้าลงมา สุดาเดินตรงรี่มา ทุบประตูปังๆๆ ตะโกนเรียก
“ตาสรวงๆๆ”
ด้านในห้องยามนั้น สรวงกับกรรณนรีกอดกันอยู่ สองคนตกใจ น้ำเสียงสุดาเหมือนคนใจจะขาด
“ตาสรวงเปิดประตูให้แม่เดี๋ยวนี้นะ เปิด..แม่บอกให้เปิด ซ่อนใครไว้เปิดออกมาเดี๋ยวนี้”
สรวงกับกรรณนรีหน้าซีด สรวงตะโกนบอก
“เดี๋ยวครับแม่เดี๋ยว”
สุดายิ่งโกรธ “แม่บอกให้เปิดๆๆๆๆ” ระดมกำลังทุบประตูเป็นการใหญ่
จู่ๆ สรวงก็ถอดเสื้อออก
กรรณนรีตกใจตาโต ไม่กล้าพูดเสียงดัง “คุณจะทำอะไร”
สรวงทำปากให้เงียบ “จุ๊ๆๆ มานี่”
แล้วลากกรรณนรีไปที่ห้องน้ำ เปิดฝักบัว พร้อมคว้าผ้าเช็ดตัวมานุ่ง ถอดกางเกงออกอีกต่างหาก กรรณนรีตาโต ถามเสียงสั่น ตกใจกลัว
“คุณจะทำอะไร”
“ไม่ปล้ำเธอหรอกน่า อยู่เฉยๆ อยู่นิ่งๆ แล้วทุกอย่างจะดีเอง”
สรวงเดินผ่านใต้ฝักบัวเร็วๆ แล้วเดินไปเปิดประตู

สรวงเปิดประตูให้สุดา พร้อมบอก
“ขอโทษครับแม่ผมอาบน้ำอยู่”
สุดามองอย่างสงสัย “มาอาบอะไรตอนนี้” เดินเข้ามาในห้อง
สรวงยิ้มแหยๆ “ก็...เค้าไม่ได้มีกฎห้ามนี่ครับแม่...อยากอาบตอนไหนก็อาบ”
สุดาเสียงสูงใส่ “กวนแม่เหรอ อย่ามาเล่นตุกติกกับแม่นะสรวง...แม่ได้ยินเสียงผู้หญิงร้อง
สุดาเดินเข้ามาในห้อง กรรณนรีหน้าตื่นตกใจมาก สรวงเหงื่อแตก สุดาพูด
“แม่จับได้ล่ะน่าดู” สุดาขู่ ทำท่าจะเดินไปดูในห้องน้ำ
สรวงรีบเดินมาห้าม “ผู้หญิงที่ไหนครับแม่”
“ก็ที่มาร้องกรี๊ดๆ ปล่อยนะ..อย่านะ”
“อ๋อ! ผมนึกออกแล้ว นี่เลยครับแม่” สรวงจูงมือแม่มาที่คอมพ์
สุดาฉงน “อะไร”
สรวงกระซิบขำๆ สุดากรี๊ด

“แอร๊ยย..ตาสรวง...ลูกบ้า ได้เชื้อพ่อจริงๆ เลย”
สุดาเดินออกนอกห้องอย่างขัดใจ สรวงถอนหายใจ เดินไปปิดประตู

สรวงในสภาพนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เดินเข้าไปในห้องน้ำ เห็นกรรณนรียืนตัวสั่นอยู่
“ออกมาได้แล้ว หรือจะอยู่รอให้ฉันปล้ำ”
“คุณนี่” กรรณนรีค้อนขวับ มองตาเขียวก่อนจะรีบเผ่นออกมา
“เดี๋ยว” ถูกสรวงกระชากแขนไว้
“อะไรของคุณอีก..ปล่อยฉันนะ”
“ไม่ปล่อย”
“งั้นฉันจะเรียกคุณหญิงสุดา” กรรณนรีขู่

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13 วันที่ 13 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager