@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/4 วันที่ 19 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/4 วันที่ 19 ต.ค. 55

“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...แค่พี่จะหาสามีให้นังเด็กนั่นซักคนสองคน ไม่ก็ซักโหลสองโหล มันจะได้เลิกยุ่งกับสามีเราซักที”
ภาพิศหน้าซีดเผือด โกรธเกลียดสุดาเข้ากระดูก จนแทบจะกระโดดกัดคอ แต่ทำได้แค่กำมือแน่น

ภาพิศเดินออกมา แฉล้มที่มารอรับถามทันทีด้วยความอยากรู้
“เป็นไงมั่งคุณ”
“เหมือนที่เราคิดไว้ไม่มีผิด นังสุดา..มันคิดจะทำร้ายลูกฉัน”
“อย่าไปยอมนะคุณ”

“แน่นอน ฉันจะซ้อนแผน นังสุดานั่นแหละ ที่จะเป็นคนกระอักเลือดตาย”
ภาพิศขึ้นรถปิดประตูดังโครม แฉล้มขับพาออกไป

สุดาแอบมองอยู่ตลอดเวลา แต่ไม่ได้ยินเสียงพูดใดๆ
ภายในร้านอาหารยามนั้น สุดาบอกสุขหฤทัยอย่างถือดี และมั่นใจในตนเอง



“นังภาพิศมันคงคิดว่าแม่โง่”
“ฤทัยก็คิดอย่างนั้นค่ะ” สุขหฤทัยหลุดปาก
สุดาแหวใส่ “ฤทัย”
สุขหฤทัยรีบแก้ตัว “ก็..คุณหญิงแม่ไปบอกแผนมันทำไมล่ะคะ? เกิดมันไหวตัวกลัวความผิด แจ้งตำรวจมาจับคุณหญิงแม่จะทำยังไง”
“แม่ก็เลยไม่ได้บอกแผนที่แท้จริงไง...” เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเหี้ยม “แต่จะหลอกมันไปจัดการ
ทั้งแม่ทั้งลูก เสร็จแล้วแม่จะบอกมัน ที่ผ่านมาเป็นแผนของแม่ทั้งหมด...อยากรู้เหมือนกัน นังภาพิศมันจะทำหน้ายังไง”
สุดาสะใจดวงตาวาวโรจน์...สุขหฤทัยมองอย่างสยอง ชักกลัวๆ

สองคนคุยกันอยู่ตรงห้องโถงในคฤหาสน์
“นังสุดามันเลวจริงๆ” สีหน้าเป็นกังวล “ฉันว่า...ถึงเราจะวางแผนอย่างดี แต่ฉันกลัว
พลาด
“ไฮ้!ที่ผ่านมาคุณไม่ใช่คนขี้ขลาดนี่”
“ใช่...แต่ที่ฉันกังวลเพราะฉันห่วงลูก ฉันกลัวว่ากาวจะเดินตามเกมนังสุดาอีก”
“ฮื่อ! ที่ผ่านมากาวก็เดินตามเกมเค้าตลอด...ก็เพราะห่วงคุณ”
“ฉันไม่ให้ลูกไป”
ภาพิศเสียงแข็ง หน้าบึ้งตึง ขณะคว้าโทรศัพท์กดหากรรณนรีทันที

พริบตานั้น เสียงมือถือดัง กรรณนรีมองเห็นเป็นเบอร์ภาพิศ
“แม่...” ทั้งรักทั้งห่วง ทั้งเสียใจ กังวลปนเป ที่สำคัญกลัวเสียความรู้สึก แต่เสียงโทรศัพท์ก็ดังไม่หยุดจนต้องรับ “คะ”
ภาพิศดวงตาอ่อนโยน เป็นห่วง แต่ต้องทำเสียงดุ
“นี่...ทริปที่คุณหญิงพี่จะพาไปเที่ยว เธอไม่ต้องไปนะ”
กรรณนรีแย้งเพราะห่วงภาพิศ “แต่ท่านให้ฉันไปนี่คะ”
“แต่ถ้าฉันไป เธอต้องไม่ไป”
กรรณนรีใจห่วงแต่ปากเถียง “ยิ่งคุณไป ฉันยิ่งต้องไป นอกซะจากคุณไม่ไป ฉันถึงจะไม่ไป”
ภาพิศชักกังวล ในความดื้อของกรรณนรี “ทำไม”
“เพราะฉันห่วงคุณ”
ภาพิศขอบตาร้อนผ่าว ก่อนจะน้ำตารื้น แต่แกล้งประชดออกไป “ห่วงฉัน..หรือว่าห่วงท่านอารักษ์กันแน่ ได้..ถ้าเธอไป ฉันก็จะไป” วางสายใส่
“อ้าว! ไหงอย่างนั้นล่ะ” แฉล้มกังวล
“ไหนๆ โอกาสก็มาถึงแล้ว ไปแก้แค้น แล้วก็กระชากหน้ากากนังสุดามันออกมาดีกว่า..เอาให้มันสู้หน้าใครไม่ได้เลย”
ภาพิศคำราม แววตาอาฆาตแค้น

ขณะที่สุดา โทรศัพท์ดี๊ด๊ามีความสุขมาก
“เป็นรีสอร์ทส่วนตัวเลยใช่มั้ย? โอเค ดีมาก เท่าไหร่ฉันก็จ่าย..ขอแค่มีความเป็นส่วนตัวเท่านั้นแหละ คอนเฟิร์มอาทิตย์หน้าเลยแล้วกัน”
สุดาคุยโทรศัพท์ท่าทางมีความสุขมาก สรวงเดินเลี่ยงไป

สรวงเดินออกมาโทรศัพท์
“พี่นพ....อาทิตย์หน้าผมจะไม่อยู่ ฝากออฟฟิศด้วยนะครับ” สรวงวางสายในกิริยาฮึดฮัด บ่นพร่ำอยู่คำเดิม “เพราะพ่อ..พ่อคนเดียว”
สรวงทำตัวไม่ถูก บ่นอย่างไม่พออารักษ์ ไม่มีอาการก้าวร้าวแต่อย่างใด

เวลาเดียวกันในร้านอาหารแห่งนั้น สองคนนั่งทานข้าวอยู่ด้วยกัน
“บังเอิญจริงๆ ที่กลับไฟล้ท์เดียวกัน...” ยิ้มๆ “ไม่งั้น..คงไม่ได้มานั่งกินข้าวด้วยกันอย่างนี้หรอก”
“หมอก็ว่าไปนั่น”
บุญยิ่งแซวๆ “ก็มันจริงมั้นล่ะครับ..หมู่นี้”ท่าน”ไม่ค่อยมีเวลาให้เพื่อนฝูงเลยถามจริงมีอะไรรึเปล่าเพื่อน”
“นี่เห็นว่าเป็นเพื่อนรักกันนะถึงบอก” อารักษ์โว ยิ้มย่อง พลางควักมือถือมาเปิดให้ดู “นี่..เด็กใหม่ กำลังจีบอยู่ ใส ซื่อ เด็ก สเป็ค”
บุญยิ่งมองภาพ เห็นเป็นกรรณนรี ก็ตกใจ ถามซ้ำ
“จริงเหรอเด็กใหม่นาย”
“ใช่....ชื่อ”ศุภาวีร์” น่ารัก น่าเอ็นดู” ทำท่าหมั่นเขี้ยวประสาโคแก่ “โอ๊ยย...ยิ่งพูด..ยิ่งคิดถึง”
บุญยิ่งหน้าเครียด ยังไม่แน่ใจว่าเป็นกรรณนรี ร้อยเปอร์เซ็นต์

บุญยิ่งกลับบ้านมา ทุบประตูห้องภรตปังๆๆ ภรตเปิดประตูออกมา
“อะไรพ่อ? กลับมาถึง เล่นมาทุบห้องกันเลย...คิดถึงผมมากเหรอครับ”
“ฮื่อ! ตลอดทาง ก็คิดถึงแต่แก นี่กาวชื่อจริงว่าอะไร”
ภรตงง “คิดถึงผม..แต่ถามถึงกาว แปลว่าอะไรพ่อ”
“ตะกี้พ่อกินข้าวกับอารักษ์..มันบอกว่า เด็กใหม่มันชื่อศุภาวีร์ แต่พ่อดูรูป มันกาวชัดๆ”
คำพูดของพ่อ ทำให้ภรตครุ่นคิด ถึงคำพูดที่สรวงบอกว่ากรรณนรีเป็นผู้หญิงของพ่อตน แต่กรรณนรีบอกไม่ใช่
ภรตอ้อมแอ้มแบบลังเล และไม่แน่ใจ “ไม่จริงมั้งพ่อ..ก็กาวรักกับคุณสรวง”
บุญยิ่งถอนหายใจโล่งอก “ออ..พ่อก็จำได้ แกเคยบอก คุณสรวงกับกาวรักกันกาวจะเป็นกิ๊กอารักษ์มันได้ยังไง?..สงสัยตะกี้มันมืด พ่อเลยตาฝาดไปน่ะ”

ดูท่าบุญยิ่งจะไม่ติดใจสงสัย แต่ภรตนั้นคาใจเต็มๆ

วันต่อมา ภรตขับรถมาจอดหน้าบ้านกรรณนรีอย่างร้อนใจ พอลงไปก็เจอกาวินทร์ ถูกอีกฝ่ายชักสีหน้าใส่ ประชดทันที
“มาทำไมที่นี่บ้านฉัน ไม่ใช่บ้านมด”
“ฉันมาหากาว”
“กาว ก็ไม่ใช่มดอีกแหละ” กาวินทร์กวน
ภรตหงุดหงิด “เฮ้ย! ไอ้แก้ว จะมาหึงมาหวงอะไรตอนนี้วะ”
“ฉันมาได้หึง ไม่ได้หวง เพียงแต่จะบอกว่า บ้านนี้ไม่มีคนชื่อมด”
“รู้แล้ว...เพราะบ้านคนชื่อมด ฉันไปอยู่บ่อยๆ” ภรตกวนใส่
“ภรต” กาวินทร์ขึ้นเสียง
“เลิกทำท่าอย่างนี้ซักที มดไม่ใช่ของตายที่นายจะเสียดาย ฉันมีเรื่องสำคัญจริงๆ จะคุยกับกาว”

ไม่นานต่อมา สองหนุ่มอยู่ในร้านอาหาร กาวินทร์ถามภรตขึ้น
“กาวไปทำบุญที่วัดกับพ่อ แกมีอะไรคุยกับฉันก็ได้”
“แกอย่าโกรธฉันนะเว้ย...ฉันได้ยินเรื่องไม่ค่อยดีเกี่ยวกับกาว”
“เรื่องอะไร”
“กาวเป็นผู้หญิงของท่านอารักษ์ จริงรึเปล่าวะ”
“ภรต...ถ้าไม่ติดว่าแกเป็นเพื่อนฉัน ต่อยปากแกไปแล้ว”
กาวินทร์ฉุนขาดผลุนผลันออกไปชนกับมาลินีที่มาส่งขนมพอดี
“ว้าย” ขนมในตะกร้าหกเกลื่อนพื้น
ภรตตกใจ “มด”
รีบลุกมาช่วยเก็บขนมใส่ตะกร้า ส่วนกาวินทร์อึ้งๆ เดินออกไปท่าทางโกรธเกรี้ยว
มาลินีรีบบอก “มีอะไรพี่ภรตรีบไปเคลียร์กับพี่แก้วเถอะค่ะ...ท่าทางพี่แก้วไม่ดีเลย”
ภรตเดินไป เจ้าของร้านเดินมาหา มาลินีรีบบอก
“เดี๋ยวมดเอาขนมมาส่งให้ใหม่นะคะ” มาลินีถือตะกร้าขนมตามภรตไป

กาวินทร์จะเดินขึ้นรถแล้ว ภรตรีบตามไป
“เฮ้ย! แก้วใจเย็นๆคุยกันก่อนสิวะ แกก็น่าจะรู้ฉันไม่มีเจตนาร้ายต่อกาว”
“แต่คำพูดของแก มันดูถูกกาว” กาวินทร์บอกขณะเหลียวกลับมา
“ฉันพูดเองที่ไหน ท่านอารักษ์เค้าเป็นคนพูด”
“แต่ที่แกพูดต่อ ก็ถือว่าแกนินทาว่าร้ายกาว จำไว้นะภรต กาวไม่เคยเป็นหญิงของใคร โดยเฉพาะไอ้อารักษ์” ขึ้นรถขับออกไปอย่างมีอารมณ์นิดๆ
ภรตยืนมองตามสีหน้าไม่สบายใจหนัก มาลินีเดินออกมา ยินภรตบ่น
“ทำไมแก้วมันไม่เข้าใจ...ว่าพี่น่ะห่วงกาว”
“คงเป็นแค่ข่าวลือมั้งพี่แก้ว” มาลินีปลอบ
“มันจะเป็นข่าวลือได้ยังไง? ท่านอารักษ์เป็นคนพูดเอง”
มาลินีทำหน้าตกใจ

อารักษ์รู้เรื่องกรรณนรีก็เอ็ดตะโรใส่สุดาเสียงดังลั่นบ้าน

“อะไร? ฉันไม่อยู่แค่นี้ คุณหญิงให้ศุภาวีร์ออกจากบ้านไป”
สุดาพยายามข่มอารมณ์ “ฉันไม่ได้ไล่นะคะ เค้าไปเอง”
“เค้าจะไปได้ยังไง ในเมื่อเค้าเป็นคนขอฉัน เข้ามาอยู่ที่นี่”
สรวงเดินเข้ามาได้ยิน ทั้งตกใจ และเสียใจ ขณะที่สุดาหัวเราะหยัน
“นึกแล้วว่านังเด็กนั่นต้องเป็นคนขอคุณเข้ามา แล้วคุณก็บ้าหลงนังเด็กนั่นจนทำอะไรทุเรศๆ”
“ยังไงก็ช่าง...คุณหญิงต้องไปตามศุภาวีร์กลับมา” อารักษ์สั่ง
สุดาขึ้นเสียงทันควัน “ฉันไม่ไป...”
“ต้องไป เพราะผมมั่นใจ ว่าคุณหญิงเป็นคนไล่ศุภาวีร์ออกไป”
“คุณต้องบ้าไปแล้ว จะให้ฉันไปตามเมียเก็บเมียน้อยของคุณกลับมา ฝันไปเถอะ”
อารักษ์พูดแทบเป็นตะคอก เสียงแข็ง “แต่ผมสั่ง คุณต้องไป”
“ไม่ไป”
สรวงพูดแทรกขึ้น “ผมไปเอง”
สองคนหันมา “ตาสรวง”
สรวงพูดด้วยอารมณ์โมโห “ผมจะไปตามเค้ากลับมา...ให้เค้าเป็นคนตอบ ว่าเค้าถูกไล่ หรือเค้า
อยากไปเอง คุณพ่อ คุณแม่จะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน” พูโจบก็เดินออกไปทันที
สุดาร้องกรี๊ด อย่างขัดใจ “จะไปตามมันกลับทำไม”
อารักษ์มองสรวงอย่างระแวง ก่อนจะเดินตามลูกชายไป สุดามองตาม
“คุณอารักษ์ จะไปไหน คุณอารักษ์”

สุดาวิ่งตามออกไป
เวลาเดียวกันนั้นนายแพทย์บุญยิ่งอยู่ที่คลินิก เสียงมือถือดัง บุญยิ่งกดรับ

“ว่าไงลูก”
ภรตอยู่ที่ไซต์งานขณะคุยสายกับผู้เป็นบิดา “พ่อ..ผมชักสงสัย...เรื่องที่พ่อบอกว่ากาวเป็นกิ๊กของท่านอารักษ์น่าจะมีมูล พ่อต้องรีบบอกเค้าแล้วล่ะ...กาวน่ะแฟนคุณสรวง”
บุญยิ่งตกใจกับสิ่งที่ลูกชายบอก

ขณะเดียวกันอารักษ์เดินจ้ำออกมาหน้าบ้าน และตรงไปยังรถ เพื่อจะตามสรวงขึ้นรถขับออกไป
จังหวะที่กำลังจะขึ้นรถ มือถือดัง อารักษ์กดรับ “ว่าไงหมอ”
บุญยิ่งยังอยู่ที่คลินิกขณะคุยสาย “ฉันมีเรื่องสำคัญจะคุยกับนาย”
อารักษ์ร้อนใจมองตามรถสรวงที่แล่นออกพ้นประตูบ้านไปแล้ว
“ไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้ฉันไม่ว่าง” กดวางสายทันควัน
บุญยิ่งตะโกน “อารักษ์ ..อารักษ์ โธ่เอ๊ย! ทำไมไม่ฟัง” บุญยิ่งว้าวุ่นใจ
อารักษ์กำลังจะสตาร์ทรถ สุดาวิ่งตามมากระชากกุญแจไว้
อารักษ์ฉุนกึก “คุณนี่ อะไร”
“จะไปไหน ฉันไม่ให้คุณไป”
อารักษ์ขึ้นเสียง “เป็นบ้าอะไรอีก”
“ใครกันที่เป็นบ้า...เพิ่งกลับมาแท้ๆ ยังจะออกไปอีก คุณเคยคิดถึงหัวอกฉันบ้างมั้ยว่ารู้สึกยังไง มีลูกมีสามี ก็เหมือนไม่มี ต้องอยู่คนเดียวทุกวัน คุณรู้มั้ย คุณอารักษ์...ฉันเหงา ฉันเหงา”
สุดาแสร้งบีบน้ำตาร้องไห้คร่ำครวญ
อารักษ์มองสุดาอย่างเห็นใจ ค่อยๆ เอามาตบปลอบประโลม ขณะสุดาแอบยิ้มร้ายตามแผน

ส่วนบุญยิ่งเดินไปมา อย่างว้าวุ่นใจอยู่ในคลินิก
“เรื่องใหญ่ ขนาดนี้..แกต้องรู้นะเว้ยอารักษ์ ไม่งั้นแย่แน่ๆ” กดมือถืออีกครั้ง

ที่บ้านอริยะวรรต สุดาแกล้งบีบน้ำตา ร้องไห้สะอึกสะอื้นอย่างน่าสงสาร อารักษ์ใจอ่อน จับมือสุดาปลอบ เสียงมือถือดัง
อารักษ์รับสาย “ฉันติดธุระจริงๆ ว่ะหมอ” วางสายโดยไม่ยอมฟัง
“ไอ้...” บุญยิ่งหงุดหงิดมาก คับใจอย่างมาก เพราะต้องการบอกอารกษ์เรื่องกรรณนรีรักกับสรวง
อารักษ์มองสุดาอย่างเห็นใจ กุมมือแน่น พูดเสียงอ่อนโยน
“ผมไม่รู้จริงๆ ว่าคุณหญิงต้องอยู่คนเดียว”
สุดายิ่งบีบน้ำตา เป็นการใหญ่ พูดเสียงอ่อนลง “ความจริง สรวงก็ไม่ได้ทิ้งฉันหรอกค่ะ แต่ลูกทำงานทุกวัน ฉันต้องอยู่คนเดียว ฉันเหงา…”
“เอาเป็นว่า...คุณหญิงอยากไปไหน ผมจะพาไป”
“จริงนะคะ” สุดาสมใจ เข้าทางเป๊ะ
“จริงสิ” อารักษ์พูดไม่ทันจบ เสียงมือถือดังอีก
“ฉันรับเองค่ะ” คว้ามารับทันที
บุญยิ่งนั่นเองที่โทร.มา และท่าทางซีเรียสมาก
“อารักษ์..แกต้องออกมาหาฉันเดี๋ยวนี้”
สุดาบอกด้วยน้ำเสียงเย็นเฉียบ “ท่านออกไปไหนไม่ได้ค่ะ เพราะท่านต้องอยู่กับภรรยา รบกวนคุณหมอไม่ต้องโทร.มารบกวนท่านอีกนะคะ” วางสายไปเลย
บุญยิ่งเหวอไปใหญ่ สุดาหันมายิ้มกับอารักษ์ อารักษ์ยิ้มแหะๆ สุดาเข้าเรื่องทันที
“ฉันแพลนที่เที่ยวไว้แล้วค่ะ แล้วก็..มีข่าวดีจะบอก...”
“อะไรจ๊ะ”
“ถ้าคุณอยากให้ภาพิศ กับศุภาวีร์ไปด้วย..ฉันก็โอเค.นะคะ”
สีหน้าแววตาอารักษ์ดีใจมาก “คุณหญิง...ผมรักคุณหญิงที่สุดเลย”
อารักษ์กอดสุดาอย่างดีใจสุดๆ ตรงข้ามกับใบหน้าสุดาที่ดูร้ายกาจสุดๆ

ขณะที่สรวงขับรถมาจอดหน้าบ้านกรรณนรี เสียงมือถือดัง สรวงรับ

“ครับคุณพ่อ”
อารักษ์อยู่ที่บ้าน ท่าทีดี๊ด๊ามีความสุขมาก “สรวง...ตามศุภาวีร์มานะลูก...บอกน้องเค้า...พ่อให้รับไปเที่ยว”
สรวงฟังคำพ่อสุดจะขมขื่น

สรวงเดินเข้าไปหน้าบ้าน กรรณนรีเดินออกมา สองคนเผชิญหน้ากัน มองเจ็บ

กรรณนรีถือแก้วน้ำมาให้สรวง ก่อนบอก
“โชคดีนะคะที่วันนี้พ่อไม่อยู่ ไม่งั้น...ฉันคงไม่รู้จะบอกพ่อยังไง..ที่คุณมา”
สรวงนึกโมโห “ก็บอกไปสิ ว่าพ่อฉัน ให้ฉันมารับเธอ”
กรรณนรีมองสรวง ทั้งสะเทือนใจ เสียใจ และเปลี่ยนเป็นงวยงง “พ่อคุณให้มารับฉัน”
สรวงสะเทือนใจไม่ต่างกัน มองจ้องหน้ากรรณนรีด้วยแววตาแห่งความเสียใจ
“ใช่ กลับไปรับตำแหน่งคุณหญิงนอกทำเนียบของอริยะวรรตไงล่ะ”
บอกแค่นั้นสรวงก็เดินออกไปด้วยความเสียใจ กรรณนรีมองตามอย่างตกใจ

สรวงเดินออกจากบ้านกรรณนรีด้วยสภาพที่หัวใจบอบช้ำสุดขีด ยิ่งเมื่อคิดถึงความทรงจำต่างๆ ที่ผ่านมาของตนกับกรรณนรี ก็ยิ่งปวดหัวใจ

คืนนั้นอารักษ์แหวกว่ายน้ำออกกำลังกายอย่างสำราญใจ ส่วนสรวงเดินมามองพ่อ หน้าหม่นเศร้า สะท้อนใจ

รุ่งเช้าระหว่างรับประทานอาหาร สรวงนั่งทานเงียบๆ ไม่ได้มองอารักษ์ ขณะที่อารักษ์ไม่ได้สังเกตสรวง ถามขึ้นอารมณ์ดี
“ตกลง...สรวงไม่ไปพักผ่อนกับพ่อจริงๆ เหรอลูก?”
สรวงทำท่าทางปกติเหมือนไม่มีอะไร “อยากไปเหมือนกันครับ” ปรายตามองสุดา “ท่าทางจะ
สนุก แต่ผมงานยุ่งมาก”
สุดารีบเสริม “งั้นทำงานเถอะลูก เคลียร์งานเสร็จแล้วค่อยไป จะได้สบายใจ”
“ครับคุณแม่”
สรวงยิ้ม แล้วตักข้าวทาน และลอบมองสุดาอย่างจับสังเกตอาการ

สุขหฤทัยคุยโทรศัพท์กับสุดา ถามเสียงสูง
“อะไรนะคะสรวงไม่ไป”
“ดีแล้วล่ะลูก เราจะได้ทำอะไร สะดวกๆ หน่อย” สุดาอยู่ที่คฤหาสน์พูดเป็นนัย
“แต่มันน่าแปลกอยู่เหมือนกันนะคะ ทำไมสรวงไม่ไป.. หรือสรวงไม่อยากเห็นหน้าฤทัย..งั้นคุณหญิงแม่บอกสรวงแล้วกันค่ะ...ไม่ต้องห่วง..ตอนนี้ฤทัยไม่ได้คิดเรื่องแต่งงาน”
“แต่แม่คิด เสร็จเรื่องพวกนี้เมื่อไหร่..แม่จัดงานแต่งให้สรวงกับฤทัยแน่”
สุดากับสุขหฤทัยวางสายไป สุขหฤทัยบ่นอุบอิบ
“ก็ใครว่า..ฤทัยอยากแต่งงานกับสรวง...” สาวไฮโซแสบทำหน้านิ่งคิดนัยน์ตาเป็นประกาย “ตอนนี้ฉันคิดว่าฉันชอบนาย แก้ว...”

ตอนกลางวัน วันนั้นสองพี่น้องอยู่ที่บ้าน กาวินทร์กระซิบบอกกรรณนรี
“พี่ลางาน พร้อมไปกับแกแล้วนะ งานนี้เอามันให้พังไปเลย”
กรรณนรีพยักหน้า สายตาจริงจังเด็ดเดี่ยวแต่แอบกังวล

ตกกลางคืนสุดาเดินเล่นอยู่ริมสระน้ำในบ้านอริยะวรรตอย่างสบายใจ แต่แววตาร้ายกาจฉายโชน เต็มไปด้วยไฟแค้น
สุดาบอกตัวเองในใจ “แกเป็นคนเอาไฟมาสุมใส่ใจฉัน...แกก็ต้องโดนไฟนั่นทำร้ายแกบ้าง
ภาพิศ”
แววตาสุดาแข็งกร้าว เต็มไปด้วยความเจ็บช้ำขมขื่นร้าวราน ดูแล้วช่างน่าสงสาร

ภาพิศเดินใช้ความคิดอยู่ภายในคฤหาสน์ สีหน้าเครียดเคร่ง ท่าทางแตกต่างจากสุดา ภาพิศร่ำร้องในใจ
“ที่ผ่านมาแม่ไม่เคยทำหน้าที่แม่...หนำซ้ำยังทำร้ายลูก...ต่อไป..แม่จะปกป้องลูกของแม่ด้วยชีวิต”

แววตาของภาพิศเต็มตื้นไปด้วยความรัก ความหวงแหน และเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง เด็ดเดี่ยว แต่มันช่างเป็นสายตาที่น่ากลัวเสียนี่กระไร
วันเวลาผ่านไป เมื่อถึงวันนัดหมายทริปทัวร์ เมียน้อย หลวง และกิ๊ก มาถึง การเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ซึ่งเวลานี้ สุดาเดินยิ้มแย้มนำทุกคนเข้ามาที่บริเวณบ้านพักของรีสอร์ทที่ไม่มีแขกรายอื่นนอกจากกลุ่มของสุดา

ทุกคนนอกจากคุณหญิงสุดาที่เป็นแม่งาน ยังมี อารักษ์ ภาพิศ กรรณนรี และสุขหฤทัย ต่างพากันชื่นชม บรรยากาศอันร่มรื่น ต้นไม้สีเขียวขจี และดอกไม้นานาพันธ์ ที่ประดับอยู่ตามมุมต่างๆ อย่างสวยงาม
สรวงซึ่งอยู่ในชุดลำลอง แอบตามมาด้วย เวลานั้นชายหนุ่มแอบหลบมุมมองกลุ่มสุดาตลอดอย่างสงสัยใคร่รู้
ขณะเดียวกันภาพิศ ปรายตามองกรรณนรีอย่างห่วงใย และมองสุดาด้วยความระแวดระวัง สุดามีสีหน้ายิ้มแย้มบอกในอาการระรื่น
“นี่แหละค่ะรีสอร์ทที่ฉันตั้งใจพาทุกคนมาพักผ่อน ฉันสั่งปิดรีสอร์ทเลยนะคะ”
อารักษ์ถามกรรณนรีเสียงหวาน “เป็นไง หนูชอบมั้ย”
“ก็ดีค่ะ” กรรณนรีบอกห้วนสั้น
สุดาค้อนขวับ ขณะที่กรรณนรีบอกอย่างระวังตัว
“ขอหนูเดินดูหน่อยนะคะ” กรรณนรีเอ่ยชวนภาพิศ อยากให้ห่างจากสุดา “คุณภาพิศไปเดินด้วยกันนะคะ”
สุดาหันขวับมามอง ภาพิศแกล้งทำท่าเอาเรื่อง
“ได้..เธอชวน ฉันก็จะไป”
อารักษ์แหลมออกมา “ฉันไปด้วย” ทำท่าจะตาม
สุดารีบห้าม “คุณขา...ฉันอยากไปทางโน้น..คุณไปกับฉันหน่อยนะคะ นะคะ”
อารักษ์อึกอัก สุดาฉุดแขนเบาๆ
“น่า...ไปดูห้องพักกันค่ะ ฉันมีเรื่องสำคัญจะพูดกับคุณ” บอกกับภาพิศ “คุณน้องขา..พี่ฝากหนูศุด้วยนะคะ หนุศุอยากได้อะไรช่วยจัดการแทนพี่ด้วย”
ภาพิศยิ้มรับมุข “ด้วยความเต็มใจค่ะคุณหญิงพี่...” แกล้งทำตาดุใส่กรรณนรี “ไปจ้ะ”
สุดายิ้มพอใจสองคนกลุ่มแยกกันไป สรวงเหวอ ไม่รู้จะตามใคร สุขหฤทัยเองก็เหวอ
“อ้าว! แล้วฉันล่ะ”
สุขหฤทัยมองสองกลุ่มแยกไป จังหวะนั้นสุขหฤทัยมองออกไปเห็นสรวงเข้าพอดี
“สรวง” เพ่งมองอย่างไม่แน่ใจ “นั่นสรวงนี่”
สรวงเองพอรู้ตัวว่าสุขหฤทัยเห็น ก็หัวเสีย โกรธตัวเอง แล้วรีบหลบไป สุขหฤทัยตามสรวงไป

สรวงเดินแกมวิ่งหนีสุขหฤทัยที่วิ่งตาม สุขหฤทัยมองไปตามมุมต่างๆ สรวงก็หลบ
“สรวงคะสรวง” มองจนทั่วก็ไม่เห็นมี เลยชักงง “เอ๊ะ! เราก็ตาไม่ได้ฝาดนี่” ตะโกนเรียก “สรวง”
สุขหฤทัยเดินหาต่อ สรวงรีบหาที่กำบัง แล้วก็ทำตัวลีบเล็กยืนนิ่งอยู่หลังต้นไม้ พอสุขหฤทัยเดินมาใกล้ สรวงต้องกลั้นหายใจ
โชคร้ายรังมดแดงแตก มันไต่ขึ้นเท้าสรวงแล้วกัด
สรวงร้อง “โอ๊ย”
สุขหฤทัยหันขวับ มาทางเสียง “สรวง”
สรวงวิ่งหนีแบบปัดเท้าไปด้วยเพราะคัน ขณะที่สุขหฤทัยวิ่งตาม แต่เกิดสะดุดหินล้มลง
“ว้าย!” สุขหฤทัยล้มลง กลิ้งตกเนิน ร้องให้ช่วย “สรวง ช่วยฤทัยด้วย”
สรวงถอนหายใจอย่างเซ็ง จำต้องกลับมาหาถามเสียงขุ่น “แล้วคุณจะวิ่งตามผมทำไม”
“แล้วคุณจะหนีฤทัยทำไม? ทำลับๆ ล่อๆ ยังกับจะมาสืบอะไรอย่างนั้นแหละ”
“จะให้ช่วยไม่ช่วย”
“ช่วยสิคะ?” สรวงยื่นมือมาให้สุขหฤทัยจับ “คุณก็ห่วงฤทัยเหมือนกันใช่ป่ะ”
สรวงเหน็บ “เดี๋ยวก็ได้ตกเนินอีกรอบ”
“สรวงอ่ะ” สุขหฤทัยหน้างอ จับมือสรวง แล้วทำหน้างออีก หงุดหงิดที่สรวงไม่กอดเลย

ส่วนที่บริเวณด้านนอกรีสอร์ท กรรณนรีเดินนำภาพิศมาภาพิศทอดสายตามองอย่างอ่อนโยน และอยากรู้
“เธอชวนฉันออกมาทำไม”
กรรณนรีมองอย่างเป็นห่วง “อย่างที่บอก ฉันเป็นห่วงคุณ”
ภาพิศสะท้อนใจ ขอบตาร้อนผ่าว แทบน้ำตาคลอ แต่ต้องกลั้นฝืนไว้

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/4 วันที่ 19 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager