@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 4 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 4 ต.ค. 55 

 “น่ารักดีนะ เหมาะกับปราง คุณภัคนี่เขาก็ช่างคิดเนอะ นึกว่าจะทำเป็นแต่เครื่องประดับสำหรับผู้ใหญ่ ทำให้เด็กวัยรุ่นใส่ก็ได้ด้วย ใช้ได้ๆ”

สุวิทย์ชื่นชมภคพงษ์อย่างเห็นได้ชัดว่าปลื้มมาก ปรางทิพย์ยิ้มรับ มีเพียงรัชนีที่หน้าเครียดไม่ปลื้มอยู่คนเดียว ครั้นกลับถึงบ้านในคืนนั้น รัชนีเครียดไม่หาย ครุ่นคิดหาทางตัดไฟแต่ต้นลมเพื่อดึงปรางทิพย์ออกจากภคพงษ์ให้ได้ ก่อนที่เรื่องจะบานปลายเลวร้ายมากไปกว่านี้
ขณะเดียวกันนั้น ภคพงษ์อยู่ที่บ้าน เขาสะใจกับเหตุการณ์ในวันนี้ แต่สายใจทักท้วงเพราะมองออกว่าเขาเหนื่อยต่างหากที่ต้องสู้รบปรบมือกับแม่

“ใครว่าเหนื่อย แค่นี้เอง มันเพิ่งจะเริ่ม ผมไม่เหนื่อย แถมยังสนุกมาก”

“สนุกที่ได้ทำร้ายจิตใจผู้หญิงคนนึงน่ะเหรอครับ” เผด็จส่งเสียงเข้ามา...ภคพงษ์หันขวับไปทันที

“มันไม่ถึงเศษเสี้ยวที่ผู้หญิงคนนั้นทำไว้กับผม”

“แล้วผู้หญิงอีกคนนึงล่ะครับ”

ภคพงษ์ขมวดคิ้วไม่เข้าใจ ในขณะที่สายใจถอนใจ เฮือกใหญ่ นึกถึงรสาว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง?

เวลานั้น รสานอนสะอึกสะอื้นด้วยความเสียใจอยู่ในห้อง ก่นด่าตัวเองอย่างคับแค้นใจ “โง่!! ยัยรสา เธอมันโง่เอง...เธอมันโง่”

ชีวินยังปักหลักอยู่หน้าบ้าน แหงนมองหน้าต่างห้องนอนรสา ตาไม่กะพริบ เห็นไฟยังเปิดอยู่ก็ถอนใจอย่างเป็นห่วง พอตัดสินใจจะโทร.หา...ไฟในห้องพลันดับลง

“กู๊ดไนต์...ไว้เจอกันพรุ่งนี้นะรส” ชีวินพูดพึมพำ มองหน้าต่างสั่งลาอีกทีก่อนจะหันหลังเดินกลับออกไปท่ามกลางความมืด

ooooooo

ก่อนที่เรื่องจะบานปลายเลวร้ายมากกว่านี้ รัชนีตัดสินใจส่งปรางทิพย์ไปเรียนที่ฝรั่งเศส โดยอ้างเหตุผลต่างๆนานาเพื่อให้ลูกปฏิเสธไม่ได้ พร้อมกันนี้ก็จัดแจงลงเรียนภาษาฝรั่งเศสให้ไว้เสร็จสรรพ ซึ่งเป็นคอร์สเร่งด่วนก่อนเดินทาง

ปรางทิพย์ไม่อยากไปแต่ไม่กล้าขัดใจแม่ แต่เรื่องหนึ่งที่เธอยอมไม่ได้ก็คือ แม่จะเอาสร้อยที่ภคพงษ์ให้เธอไปคืน

“ทำไมคะคุณแม่ ทำไมคุณแม่ต้องเอาไปคืนพี่ภัคด้วย”

“เพราะแม่ไม่อยากให้เขาเห็นปรางเป็นเหมือน ผู้หญิงคนอื่น ของที่เขาให้มาอาจจะให้ด้วยความไม่บริสุทธิ์ ใจ เรารับมาเท่ากับรับความไม่หวังดีของเขามาด้วย”

“ได้ค่ะ ปรางคืนให้พี่ภัคก็ได้ แต่มีข้อแม้ว่าปรางต้องไปคืนด้วยตัวเอง”

รัชนีชะงัก...อคติที่เธอสร้างขึ้นมาทำให้ลูกเริ่มมีอาการต่อต้านอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน...

วันเดียวกันนี้ รสาเร่งงานที่เรือนเล็กซึ่งเหลือเก็บรายละเอียดอีกไม่มาก คาดว่าอย่างช้าไม่น่าจะเกินอาทิตย์หน้าคงปิดได้ แล้วเธอจะได้ไปจากที่นี่เสียที

หลังจากเดินดูงานภายนอกอยู่พักใหญ่ๆ รสากลับเข้ามาที่โต๊ะด้านใน พบว่าห้าวส่งข้อความเข้ามือถือ ขอโทษที่ไม่ได้ไปดูเธอเดินแฟชั่น รสาจึงโทร.กลับไปคุยด้วย ก่อนถามถึงพิมพรรณว่าเป็นอย่างไรบ้าง ห้าวตอบเลี่ยงไปเลี่ยงมา แล้วสรุปให้รสากลับมาดูเอง รสาแปลกใจแต่ก็ ไม่ถามต่อ บอกห้าวว่า ตนจะรีบเคลียร์งานแล้วกลับไปเร็วๆนี้

รสาไม่ได้เอาแหวนไปคืนภคพงษ์ด้วยตัวเอง หากแต่ฝากผ่านเผด็จเอาไว้เมื่อเช้า ครั้นภคพงษ์ได้คืนมาก็ทำท่าจะไปคุยกับเธอเอง แต่พอดีปรางทิพย์โผล่มาเสียก่อน เผด็จจึงเลี่ยงออกไปหาสายใจ แล้วซุบซิบกันสองคนว่าลูกสาวของรัชนีมาที่นี่

ปรางทิพย์นำสร้อยมาคืนเขาตามที่บอกกับรัชนีไว้ ภคพงษ์แอบสะใจ แต่แกล้งถามเนียนๆว่า

“คุณแม่บอกหรือเปล่าว่าทำไมให้เอามาคืนพี่”

“คือ...คุณแม่เกรงใจน่ะค่ะ เห็นว่ามันเป็นของมี ราคา ก็เลยไม่ให้ปรางรับไว้ พี่ภัคอย่าโกรธคุณแม่เลยนะคะ”

“เฉพาะเรื่องนี้...ได้ครับ พี่จะไม่โกรธ”

“ขอบคุณพี่ภัคนะคะที่เข้าใจ นอกจากเรื่องนี้มีอีกเรื่องที่ปรางอยากจะบอกค่ะ คุณแม่จะส่งปรางไปเรียนที่ฝรั่งเศสค่ะ คุณแม่ให้เพื่อนหาที่เรียน ที่ฝึกงานไว้ให้แล้ว”

ภคพงษ์อึ้งไปนิดอย่างรู้ทันความคิดของรัชนี “แล้วน้องปรางจะไปเมื่อไหร่”

“น่าจะอีกสักสามเดือนค่ะ คุณแม่ให้เรียนภาษาที่สมาคมฝรั่งเศสไปก่อนแล้วค่อยไปเรียนต่อที่โน่น”

“สมาคมฝรั่งเศส...อยู่ใกล้แค่นี้เอง เอาไว้ระหว่างที่น้องปรางไปเรียนภาษาพี่จะขออนุญาตแวะไปหา พาไปทานข้าว จะได้หรือเปล่าครับ”

“ได้สิคะ ดีเลยค่ะ ปรางกำลังหาเพื่อนอยู่พอดี”

“พี่รับปากว่าจะไปทานข้าวเป็นเพื่อนให้บ่อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ วันนี้น้องปรางรีบกลับหรือเปล่า ให้พี่พาเดินเล่นรอบๆบ้านก่อนนะครับ”

ปรางทิพย์ตอบรับด้วยรอยยิ้ม...ขณะที่ภคพงษ์พาเธอเดินชมรอบบ้านใหญ่ ชีวินจัดสวนอยู่เรือนเล็กเห็นโดยบังเอิญแล้วมาเล่าให้รสาฟัง รสาปวดใจแต่พยายามเก็บซ่อนอาการ พูดแต่เรื่องงานว่า ทั้งตัวเองและชีวินควรจะรีบปิดจ๊อบที่นี่เสียที...

เดินเล่นกันอยู่สักพัก ภคพงษ์พาปรางทิพย์ไปแนะนำกับสายใจ แวบแรกที่เห็นหน้าเธอ สายใจเกือบหลุดปากว่าเธอเหมือนคุณผู้หญิง ดีที่ยั้งทันและเปลี่ยนเป็นพูดว่า “เหมือน...คุณแม่มาก”

“ป้าสายใจรู้จักคุณแม่ปรางด้วยเหรอคะ”

“ก็เคยเห็นจากในรูปน่ะค่ะ”

“นี่ขนาดคุณแม่เป็นคนไม่ชอบออกสื่อนะคะเนี่ย ป้าสายใจยังรู้จัก แสดงว่าคุณป้าต้องเป็นคนที่ติดตามข่าวสารครบทุกสื่อเลยนะคะเนี่ย สมกับที่พี่ภัคชมให้ฟัง”

“คุณภัคเอาป้าไปขายอะไรอีกล่ะคะ”

“พี่ภัคบอกว่า...โตมาได้เพราะมีป้าสายใจเป็นคนเลี้ยงดู สอนทุกอย่าง สอนมากกว่าแม่แท้ๆอีกนะคะ”

สายใจแอบหน้าเสียก่อนจะยิ้มรับถ่อมตัว ส่วนภคพงษ์ได้โอกาสตอกย้ำอีกทันที

“ถ้าน้องปรางมีโอกาสต้องเล่าเรื่องนี้ให้คุณแม่ฟังด้วยนะครับ เผื่อจะทำให้คุณแม่รู้จักพี่มากขึ้น ฝากบอกด้วยว่า...พี่รักป้าสายใจมากกว่าแม่แท้ๆของตัวเอง”

“ได้เลยค่ะ ปรางจะเล่าให้คุณแม่ตามนี้ ทุกคำพูดเลยค่ะ”

ปรางทิพย์ยิ้มรับด้วยความไร้เดียงสา ภคพงษ์แอบสะใจอยู่ในที...สายใจไม่สบายใจ มองอย่างรู้ทันว่าเขาหลอกใช้ปรางทิพย์เป็นเครื่องมือสื่อสารไปหารัชนี

ขณะที่ปรางทิพย์นั่งรถออกจากบ้าน เป็นเวลาที่รสากลับออกไปพร้อมชีวิน ปรางทิพย์เห็นรสาไกลๆแต่ก็จำได้ว่าเป็นนางแบบคนเมื่อคืนที่เดินชุดฟินาเล่ จึงสงสัยว่าเธอมาทำอะไรที่นี่

ภคพงษ์รู้จากเปลี่ยนว่า รสากลับไปแล้ว เขาตั้งใจจะตามเอาแหวนไปคืนเธอ ก็พอดีพักตร์วิมลพรวดพราดเข้ามาแล้วตั้งหน้าตั้งตาตัดพ้อต่อว่าเขาเป็นการใหญ่

“แพตไม่เข้าใจ ภัคเป็นอะไร ทำไมถึงได้เย็นชากับแพตแบบนี้”

“ผมเคยบอกคุณแล้ว ว่าผมไม่ชอบคนพูดจาไม่รู้เรื่อง”

“แค่แพตไปเหวี่ยงใส่นังกรรมกร...นังอินทีเรีย นิดเดียว ทำไมภัคต้องโกรธแพตขนาดนี้ด้วย จะต้องไปแคร์มันทำไม แล้วที่ภัคให้มันเดินแฟชั่นเป็นคนสุดท้าย เด่นที่สุดน่ะ คิดอะไรอยู่ รู้หรือเปล่าว่ามันมีแฟนแล้ว แฟนมันประกาศต่อหน้าแพต แถมยังบอกด้วยว่ารักกันมาก ปกติภัคไม่เคยไปยุ่งกับคนที่มีแฟนแล้ว ทำไมครั้งนี้ถึงได้ลดตัวลงไปขนาดนี้ ไหนจะยายเด็กอนุบาลหมีน้อย นั่นอีก ทำไมถึงต้องให้ความสำคัญมันมากขนาดนั้น แต่กับแพต ...เพอร์เฟกต์ทุกอย่าง ทำไมถึงได้ผลักไสไล่ส่งต่างๆนานา”

พักตร์วิมลไม่โอดครวญธรรมดา แต่ยังบีบน้ำตาเรียกคะแนนสงสารด้วย

“แพตแค่รักคุณมากจนไม่อยากเสียคุณไป แพตทำผิดตรงไหนคะ แพตผิดตรงไหน”

ภคพงษ์หน่ายใจ บอกให้เธอหยุดร้อง มาสคาร่าเลอะหมดแล้ว พักตร์วิมลตกใจและมัววุ่นวายกับความสวยงามของตัวเอง โดยไม่ทันสังเกตว่าภคพงษ์หนีหายไปแล้ว

ภคพงษ์มุ่งหน้าไปบ้านป้าอาภรณ์เพื่อปรับความเข้าใจกับรสา แต่ดันเจอชีวินอยู่กับรสา และท่าทางทั้งคู่กำลังสนุกสนานกันมาก โดยมีป้าของรสาร่วมวงอยู่ด้วย

ooooooo

อาภรณ์ต้อนชีวินหลบไปด้านในเพื่อเปิดโอกาสให้รสากับภคพงษ์คุยกันตามลำพัง

“ผมเอามาให้” ภคพงษ์ยื่นกล่องแหวนให้รสา แต่เธอตอบชัดถ้อยชัดคำว่าไม่รับ “อาเผด็จบอกว่าค่าตัวคุณก็ไม่รับ ถือว่านี่เป็นของขวัญตอบแทนน้ำใจจากผมก็แล้วกัน”

“ฉันไม่ได้ทำเพื่อคุณ ฉันทำเพื่อคุณเผด็จและป้าสายใจ และฉันไม่ต้องการอะไรตอบแทนทั้งนั้น”

“โกรธอะไรอีก ผมทำอะไรผิดโดยไม่รู้ตัวหรือเปล่า”

“พอเถอะ! เลิกล้อเล่นกับความรู้สึกของฉันได้แล้ว...วันดีคุณก็ดึงฉันขึ้นไปจนสูงสุดฟ้า วันร้ายก็กระชากลงมาติดดิน คุณเห็นฉันเป็นอะไร...พอได้แล้ว ฉันเหนื่อย” รสาเสียงเครียด น้ำตาเริ่มคลอๆ

ภคพงษ์อึ้งเล็กน้อยก่อนยืนยันว่าเขาไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับความรู้สึกของเธอ

“คุณไม่คิด แต่คุณทำ...คุณทำได้เลยโดยที่คุณไม่ต้องคิด เพราะมันคือคุณไงล่ะ เพราะคุณคือภคพงษ์ เถลิงยศ ผู้ไม่เคยสนใจความรู้สึกของใครทั้งนั้น”

“แต่ผมสนใจความรู้สึกของคุณนะรสา ถ้าผมไม่สน ผมคงไม่มา”

“พอเถอะ อย่าดึงฉันให้ลอยขึ้นไปอีกเลย ยิ่งคุณดึงฉันขึ้นไปสูงเท่าไหร่ ตอนที่ฉันตกลงมามันยิ่งเจ็บมากเท่านั้น รอบตัวคุณมีผู้หญิงมากมายมาให้คุณหาความสนุก เว้นฉันไว้สักคน ฉันจะได้รีบทำงานของคุณให้เสร็จ...แล้วเราจะได้ไม่ต้องเจอกันอีก”

รสาปิดบทสนทนาด้วยน้ำเสียงแข็งกระด้างแล้วเดินหนีเขาทันที ผ่านมาที่ชีวินซึ่งนั่งอยู่กับป้าอาภรณ์ รสาบอกชีวินว่า พรุ่งนี้เจอกันที่ไซต์งาน พูดจบก็เดินขึ้นข้างบนไปเลย เมื่อภคพงษ์ตามเข้ามาจึงโดนชีวินสกัดและตัดบทว่า รสาไม่อยากคุยกับเขา เขาควรจะกลับไปได้แล้ว

ภคพงษ์หันรีหันขวางก่อนตัดสินใจฝากกล่องแหวนไว้กับชีวินให้ช่วยคืนรสาด้วย แต่ชีวินยึกยักบอกว่า รสาไม่อยากรับ

“แต่ผมตั้งใจให้ ถึงเขาไม่อยากรับ ผมก็ไม่เอากลับคืน”

ชีวินของขึ้นที่ภคพงษ์พูดไม่รู้ฟัง อาภรณ์เห็นท่าไม่ดีรีบแทรกเข้ามาเตือนสองหนุ่มใจเย็นๆ เดี๋ยวป้ารับไว้ก่อน ส่วนรสาจะรับหรือไม่ก็อีกเรื่อง

“ขอบคุณคุณป้ามากครับ ฝากบอกรสาว่า ถ้าเขาไม่ต้องการก็ทิ้งมันไป แต่ผมไม่รับคืน”

เมื่อภคพงษ์กลับออกไปแล้ว อาภรณ์เปิดกล่องเห็นแหวนเพชรน้ำงามถึงกับตาพองตื่นเต้น พูดกับชีวินว่า ถ้ารสาไม่เอา ป้าก็ไม่ทิ้ง เอาไปขายแล้วเอาเงินไปทำบุญดีกว่า...

ทางด้านปรางทิพย์ที่เพิ่งกลับถึงบ้าน รัชนีไม่พอใจถามเสียงแข็งว่า แค่เอาของไปคืนทำไมหายไปตั้งนาน

“พอดีพี่ภัคพาเดินเล่นรอบๆบ้านน่ะค่ะ ก็เลยกลับมาช้าไปหน่อย ปรางต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ ที่ไม่ได้โทร.บอกก่อน”

“แล้วทำไมไม่โทร.” รัชนีขึ้นเสียง...เห็นลูกสาวอึ้งก็รู้สึกตัว ปรับอารมณ์ถามเสียงอ่อนลง “แม่ถามเพราะเป็นห่วง ปรางก็รู้ว่าภคพงษ์เป็นคนยังไง”

“ใช่ค่ะ ปรางรู้ว่าพี่ภัคเป็นคนดี และให้เกียรติปราง ปรางถึงกล้าไปหาเขาที่บ้าน ถ้าพี่ภัคไม่น่าไว้ใจ ปรางคงไม่กล้าทำแบบนี้”

“ปรางรู้ตัวหรือเปล่าว่ากำลังแก้ตัวแทนภคพงษ์ ปรางไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน”

“แล้วคุณแม่รู้ตัวหรือเปล่าคะว่ากำลังจับผิดปรางกับพี่ภัค คุณแม่ก็ไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อนเหมือนกัน

ปรางขอตัวนะคะ พรุ่งนี้มีเรียนแต่เช้า”

รัชนีสะอึกที่โดนลูกยอกย้อน แววตาเธอหวาดหวั่นมากขึ้นทุกที ในที่สุดเธอตัดสินใจโทร.หาภคพงษ์ในคืนนั้นเลย

“สนุกมากพอแล้วนะ หวังว่าคงจะจบแค่นี้ โตๆกันแล้ว เลิกเล่นเป็นเด็กๆสักที” น้ำเสียงรัชนีเครียดจัดจน ภคพงษ์จับได้...ตอบกลับอย่างกวนๆ

“ผมไม่เคยเล่น ที่ทำทุกอย่าง...ผมเอาจริง”

“แต่เธอก็รู้ว่ามันไม่มีทางเป็นจริง เธอกับปรางทิพย์มันเป็นไม่ได้ ที่เธอทำทุกอย่างเพื่อต้องการจะแกล้งฉัน”

“แกล้ง? ทำไมผมจะต้องแกล้งคุณ คุณมองผมในแง่ร้ายเกินไปแล้วครับคุณรัชนี คุณออกจะเป็นนางฟ้าในสายตาคนอื่น คนดีอย่างคุณ...ผมจะกล้าคิดร้ายได้ยังไง”

“ไม่จริง! ฉันรู้นะ ที่เธอพยายามจะหว่านเสน่ห์ใส่ปรางทิพย์ เพราะต้องการจะแกล้งฉัน ทำให้ฉันไม่สบายใจ และมันก็สำเร็จ มันคงจะสะใจเธอพอแล้ว หยุดสักที

เลิกยุ่งกับปรางทิพย์ได้แล้ว เขายังเด็ก เขาไม่รู้เรื่องอะไรด้วยทั้งนั้น”

“ก็ทำให้เขารู้สิ ไม่เห็นยาก บอกความจริงเขาไปว่าคุณกับผมเป็นอะไรกัน แค่คุณบอก ทุกอย่างก็จบ กล้าบอกหรือเปล่า”

รัชนีอึ้งพูดไม่ออก ภคพงษ์สัมผัสได้ถึงความเงียบความไม่กล้า ยิ่งแค้นใจ

“ถ้าคุณไม่กล้า...และอยากจะเก็บผมไว้เป็นลูกลับๆในอดีตที่ไม่อยากจดจำ คุณก็ก้มหน้ารับกรรมไปแล้วกัน เพราะผมจะไม่หยุดแค่นี้แน่”

ภคพงษ์วางสายด้วยความแค้น...รัชนีกระสับกระส่ายทุกข์ใจ หาทางออกไม่เจอ!

ooooooo

วันต่อมา ภคพงษ์เดินเกมรุกเข้าไปพัวพันกับปรางทิพย์ด้วยการนัดเธอกินข้าวกลางวันตอนพักเรียนภาษาฝรั่งเศส แต่ไม่นึกว่าชีวินกับรสาก็มากินร้านเดียวกันนี้ สองฝ่ายเห็นกันแต่ไม่ทักทาย ชีวินรู้ใจรสาว่าไม่อยากเห็นภาพบาดตาจึงให้พนักงานเอาอาหารที่สั่งมาแล้วใส่กล่องกลับไปกินที่ไซต์งาน

ภคพงษ์น้อยใจที่รสาหนีออกไปอย่างนั้น ปรางทิพย์เองก็เห็นรสาและจำได้ว่าเธอคือนางแบบที่เดินด้วยกัน จึงถือโอกาสนี้ถามภคพงษ์ว่าพี่คนนั้นเป็นใคร

“น้องปรางหมายถึงคนไหน” ภคพงษ์ทำไก๋

“ไม่ต้องมาทำเป็นถาม ก็คนที่พี่ภัคมองอยู่น่ะค่ะ อ้อ แล้วปรางเคยเห็นพี่เขาที่บ้านพี่ภัคด้วยนะคะ พี่เขามาทำอะไรที่บ้านคะ”

“เขาเป็นมัณฑนากร มาดูแลการซ่อมแซมเรือนหลังเล็กให้พี่”

“แค่นั้นเหรอคะ”

“แค่นั้น”

“ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างคุณภคพงษ์จะไม่สนใจผู้หญิงสวยๆอย่างนี้ แต่ถ้าพี่ภัคชอบเขา ก็คงจะต้องอกหัก เพราะพี่คนสวยเขามีแฟนแล้ว...ดูเขาเหมาะสมกันดีนะคะ”

ภคพงษ์ไม่พูดอะไรอีก ปรายตามองทั้งคู่ที่เดินจับมือกันออกไปด้วยความหึงหวง...เมื่อเดินพ้นมานอกร้านแล้ว รสาดึงมือกลับอย่างสุภาพ ขอบใจชีวินที่พยายามช่วย

“รส...ถ้าทำงานไม่ไหว วินดูต่อให้ได้นะ รสเอาอาหารกลับไปกินกับคัพเค้กที่ออฟฟิศก็ได้ พักสักวัน”

“ไม่หรอก แค่นี้เล็กน้อย เรารีบไปกินแล้วก็รีบลุยงานต่อดีกว่า อีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว” รสาพยายามตัดใจจากภคพงษ์ให้ได้...

ปรางทิพย์เห็นภคพงษ์เงียบไป ถามเขาว่าคิดอะไรอยู่ ภคพงษ์สลัดความคิดเรื่องรสาออกไปก่อน ดึงสติกลับมาอยู่กับแผนร้ายที่ต้องการเอาคืนรัชนี

“อ๋อ คิดเป็นห่วงเด็กน้อยแถวนี้ กลัวว่าถ้าคุณแม่ทราบว่ามาทานข้าวกับพี่ อาจจะโดนดุ”

“แหม...ปรางไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ เดือนหน้าก็จะสิบเก้าแล้ว”

“คุณแม่ดุบ้างหรือเปล่าที่ไปไหนมาไหนกับพี่แบบนี้”

“ถ้าไม่ทราบก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ”

“แสดงว่าถ้าทราบ...ก็จะโดนดุใช่มั้ย”

ปรางทิพย์อึกอักแล้วตัดสินใจพูดตรงๆ “คุณแม่เป็นอะไรก็ไม่ทราบค่ะ หมู่นี้ดูไม่ค่อยจะยอมฟังเหตุผลของปรางเลย แล้วก็...อคติกับพี่ภัคมากด้วย อาจจะเป็นเพราะพี่ภัคเจ้าชู้มากมั้งคะ”

“เคยครับ...เคยเจ้าชู้ แต่ตอนนี้ไม่แล้ว”

“ถ้าเป็นความจริง สักวันคุณแม่ก็คงจะเข้าใจ บางทีปรางก็รู้สึกว่าตัวเองยังเหมือนเด็กๆ คุณแม่ยังคอยคุมตลอดเวลา ไม่ได้คิด ไม่ได้ทำอะไรด้วยตัวเอง”

“แต่มันก็น่าจะดีกว่าเป็นลูกที่แม่ไม่สนใจ”

“แต่ถ้ามันมากไปก็อึดอัดนะคะ บางทีปรางก็อยากจะเป็นเหมือนพี่มัณฑนากรคนสวยคนเมื่อกี๊ พี่เขายังดูเด็กอยู่เลย อายุน่าจะมากกว่าปรางไม่เท่าไหร่ แต่เขาดูเป็นตัวของตัวเอง มั่นใจ จะไปไหนมาไหนกับแฟนก็ได้ ไม่ต้องหลบๆซ่อนๆ”

คำพูดของปรางทิพย์แทงใจดำของภคพงษ์อย่างแรงจนทนไม่ได้ ต้องเบรกออกมาว่า บางทีพวกเขาอาจจะเป็นแค่เพื่อนกัน ไม่ใช่แฟน...ปรางทิพย์ได้ยินไม่ถนัด เขาเลยตัดบทให้เธอรีบกินจะได้รีบกลับไปเรียน

ooooooo

หลังจากวันนั้น ภคพงษ์แวะเวียนมาหาปราง-ทิพย์ทุกวัน เขาทำตัวแสนดีจนสาวน้อยเก็บไปเพ้ออย่างมีความสุข...ฝ่ายรสาก็มุ่งมั่นเรื่องงานเต็มที่ ตั้งใจให้เสร็จตามกำหนดเพื่อที่ตัวเองจะได้ไปพ้นๆจากภค-พงษ์เสียที

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 12 วันที่ 4 ต.ค. 55
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ