@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/3 วันที่ 18 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/3 วันที่ 18 ต.ค. 55

จังหวะหนึ่งกาวินทร์เอาดอกไม้ทัดหู แซมผมให้ สุขหฤทัยรู้สึกดีและประทับใจมาก เป็นความอ่อนโยนอบอุ่นและอาทร ที่หล่อนไม่เคยได้รับจากสรวง
เวลาเดียวกันสรวงนั่งเครียดอยู่ที่โต๊ะทำงานในห้อง คิดหนัก นพเดินเข้ามาหา เห็นท่าทีอมทุกข์ก็เลยถาม
“นี่...หมู่นี้พี่เห็นนายหน้าเครียดทุดวัน มีปัญหาอะไรรึเปล่า”
สรวงมองหน้านพ ชั่งใจ
ไม่นานนัก สองหนุ่มอยู่ในร้านอาหาร นั่งทานข้าวด้วยกัน นพถามหน้าตาตื่น
“พี่ขอโทษจริงๆ...ที่พี่ไม่รู้เรื่องนี้เลย”

“ผมเองก็ไม่อยากเล่าหรอกครับ...เล่าไป ครอบครัวผมก็เสีย”
ภรตที่นั่งทานข้าวอยู่กับเพื่อน ที่โต๊ะข้างๆ ได้ยิน เริ่มหันมามองอย่างสนใจ สรวงพูดต่อเสียงเศร้า
“กรรณรีเองก็เสียใจ”
ภรตยิ่งหูผึ่งสนใจ
นพออกความเห็น
“งั้น..ถ้าสรวงอยากรู้ความจริง..สรวงก็ต้องจ้างนักสืบ”
สรวงอึ้ง ไม่เห็นด้วย “จ้างนักสืบ...สืบแม่ตัวเอง ผมก็บาปสิครับพี่นพ”
นพนิ่งคิดสักครู่ก่อนบอกออกไปอย่างจริงจัง “พี่ว่าไม่บาปหรอก...สืบเพื่อรู้ รู้แล้วจะได้แก้ไข สรวงเอก็จะได้รู้...คุณกรรณรีเข้ามาเป็นผู้หญิงของพ่อสรวงเพราะอะไร”
สรวงนั่งคิด ขณะที่ภรตขอตัวเพื่อนๆ เดินออกไปนอกร้าน



เวลานั้นกรรณนรีอยู่ที่หน้าร้านดอกไม้ กำลังเลือกซื้อดอกไม้เยอะแยะ จนแม่ค้าถาม
“วันนี้ซื้อดอกไม้เยอะจัง”
กรรณนรียิ้มบอก “ว่าจะพาพ่อไปไหว้พระ 9 วัดน่ะค่ะ”
แม่ค้ายิ้มตอบ “ดีๆ พาพ่อไปทำบุญ ได้บุญ”
เสียงมือถือดัง กรรณนรีกดรับ “คะพี่ภรต”
ภรตอยู่หน้าร้านอาหาร ถามกรรณนรีอย่างร้อนใจ “พี่ได้ยินจากปากคุณสรวงว่า กาวเป็นผู้หญิงของพ่อเค้าจริงหรือเปล่า”
กรรณนรีหน้าซีดเผือด ยังไม่ทันได้ตอบภรตชิงพูดต่อทันที

“กาวออกมาหาพี่หน่อยแล้วกัน”

กรรณนรีไม่อาจปฏิเสธ
ภรตยืนกระวนกระวาย รอกรรณนรีอยู่หน้าร้านอาหารครู่ใหญ่ พลางบ่นด้วยความร้อนใจ

“กาวมาช้าจัง เดี๋ยวเค้าก็กลับกันหมดหรอก”
จังหวะนั้นสรวงเดินออกมาจากร้านพร้อมนพ สรวงเห็นภรต สองคนมองหน้า เขม่นกันตาม
ประสา
ห้วงเวลานั้นกรรณนรีวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามา ถูกสรวงเหน็บแหนมอย่างหึงหวง
“ยังกับมีคนให้คิว...พระเอกมาปุ๊บ นางเอกมาปั๊บ”
“พระเอกจำเป็นต้องมาปกป้องนางเอก เพราะมีผู้ร้ายปากเสีย ใส่ร้ายนางเอก” ภรตแดกดันกลับ
สรวงงง ขึ้นเสียง “ว่าใคร”
“ก็ว่าคุณนั่นแหละ...” หันมาทางกรรณนรีที่หน้าเสียอยู่ “กาวบอกพี่มาเลย..กาวเป็นผู้หญิงของพ่อเค้ารึเปล่า? ตอบมา...พี่จะได้ต่อยคนปากเสียถนัดๆ หน่อย ที่นั่งนินทาผู้หญิง”
สรวงพอเข้าใจเรื่องราวแล้ว จึงพูดเยาะเย้ย “อ้อ! เรื่องนี้เอง บอกเค้าไปสิจ้ะ กรรณรี อ้อ!ศุภาวีร์ ว่าความจริงคืออะไร”
นพจับแขนสรวง พูดปราม “สรวงไม่เอาน่า ใจเย็น”
สรวงสะบัดนพออก “ผมใจเย็นอยู่แล้วครับพี่นพ” พูดกับนพแต่จดสายตามองจ้องหน้ากรรณนรีเขม็ง “ถึงได้คอยให้เค้าพูดความจริงออกมา แต่เค้าก็ไม่พูดซักที” สรวงดุใส่กรรณนรี น้ำเสียงกร้าว “ว่าไงกรรณรี..ความจริงคืออะไร เธอพูดออกมาเลย”
ภรตฉุน เดินเข้ามาขวาง ตะคอกใส่ “เฮ้ย!คุณ...เป็นลูกผู้ชายหน่อยสิคุณ”
สรวงเบี่ยงตังยื่นหน้าผ่านภรตไปต่อว่ากรรณนรีอีก “ก็เพราะเป็นลูกผู้ชายน่ะสิ ถึงได้ยืนโง่อยู่อย่างนี้ ตอบมากรรณรี”
สรวงอารมณ์ขึ้นกรุ่นๆ เอามือกวาดตัวภรตออก ปรี่เข้าหากรรณนรี ตะคอกถาม
“เธอเป็นผู้หญิงพ่อฉันทำไม”
กรรณนรีน้ำตาไหลริน ทั้งเจ็บทั้งอาย ภรตโกรธจัดหันมากระชากสรวงสุดแรง
“หยุด! คุณสรวง”
ขาดคำภรตต่อยโครมเข้าหน้าสรวงจังๆ คำรามใส่ “อย่าข่มขู่กาว”
สรวงเซ นพคว้าตัวเอาไว้ กรรณนรีกรี๊ด ร้องห้ามเสียงหลง
“อย่าค่ะ พี่ภรตอย่า”
สรวงฮึดฮัด “งั้นเธอก็ตอบมาสิ...ทั้งๆ ที่ฉันรักเธอ...เธอเป็นผู้หญิงพ่อฉันทำไม”
“ฉันไม่ได้เป็น”
กรรณนรีตวัดเสียงใส่ แล้ววิ่งร้องไห้ออกไป ภรตวิ่งตาม สรวงจะตามแต่นพดึงไว้
“อย่าสรวง”
“พี่นพเข้าใจผมแล้วใช่มั้ย...พี่นพเข้าใจผมแล้วใช่มั้ย”
นพมองสรวงอย่างเวทนา

ภรตวิ่งตามกรรณนรีมาที่บริเวณลานจอดรถหน้าร้าน
“กาว หยุดก่อนกาว” คว้ามือไว้ กรรณนรียอมหยุด ภรตจึงค่อยปล่อยมือ “ตกลงเรื่องของกาวกับคุณสรวงมันยังไง”
“พี่ภรตกำลังสงสัยในตัวกาวใช่มั้ย” กรรณนรีจ้องหน้า ย้อนถาม
ภรตนิ่งงันไป
ระหว่างนั้นสรวงกับนพเดินออกมา แต่ทว่าสองคนไม่เห็น กรรณนรีพูดต่อ
“กาวไม่ได้เป็นอะไรกับพ่อคุณสรวงจริงๆ...กาวรักคุณสรวง”
คำพูดประโยคดังกล่าวกระแทกเข้าหน้าสรวงจังๆ ชายหนุ่มตกใจ ตื่นเต้น ตื้นตัน และงุนงง ปนเปกันไปหมด สุดท้ายกลายเป็นความไม่เข้าใจ กรรณนรีร้องไห้ออกมาขณะพูดต่อ
“ชีวิตนี้กาวจะไม่มีใคร..นอกจากคุณสรวง” กรรณนรีวิ่งหนีไป ภรตวิ่งตาม
สรวงมองตามอย่างข้องจิต

สรวงกับนพคุยกันอยู่ริมน้ำสวยยามค่ำคืน สรวงพูดแดกดันออกมาด้วยความหนักใจ
“ที่ผ่านมา..ก็มีแต่แบบนี้ล่ะพี่นพ...รักผม...แต่ไม่บอกอะไรกับผม”
“พี่ว่ากาวต้องมีเหตุผล...” นพมองหน้าสรวงในท่าทีอึดอัด ก่อนจะพูดออกมาด้วยความลำบากใจ “เหตุผลก็คงเกี่ยวกับ..แม่สรวง”
สรวงพยักหน้ายอมรับ “ผมรู้ครับ...แต่เค้าไม่บอก ว่ามันคืออะไร”
นพแนะนำให้สรวงถามใจตัวเอง “ถ้าบอก...สรวงจะเชื่อเค้า100 เปอร์เซ็นหรือเปล่าล่ะ”
สรวงอึ้ง ลังเล นพว่าต่อ
“พี่เข้าใจ...คนเป็นลูกก็ต้องเชื่อแม่ เข้าข้างแม่ทั้งนั้น นี่แหละเป็นเหตุผลทำให้กาวลังเล” นพรีบบอกต่อ “แต่พี่ไม่ได้หมายความว่า..แม่สรวงเป็นคนผิดนะ...พี่ถึงได้บอก...ถ้าไม่มีคนพูด เรื่องนี้ สรวงต้องสืบเอาเอง”
สรวงทำหน้ากลุ้มใจหนักหน่วง

ทั้งๆ ที่เป็นคืนข้างขึ้น แต่ดวงจันทร์กลับส่องแสงหมองหม่น สรวงเดินครุ่นคิดอยู่ตรงสนามหญ้าในบ้าน ท่าทางกลัดกลุ้ม ทุกข์ใจเหลือแสน ตัดรับ
ขณะเดียวกัน ที่นอกบ้าน กรรณนรีแอบมาดูสรวง ยิ่งเห็นท่าทางหมองหม่นของสรวง กรรณนรีก็ยิ่งทุกข์ใจ ร่ำไห้ออกมา

ส่วนภาพิศยืนเครียด มองดูบ้านรังรักหลังเก่า นึกถึงความร้ายกาจของคุณหญิงสุดา ยิ่งแค้นหนัก พูดบอกตัวเองในใจ
“นังสุดา แกทำลูกฉัน...ฉันเกลียดแก”
ภาพิศ กำมือแน่น พยายามข่มอารมณ์แค้นที่พวยพุ่งในใจแทบจะทะลักออกมา

กลางดึกคืนนั้น ที่ริมสระน้ำ ท่ามกลางความมืดมิด สรวงนั่งคิดไม่ตกเกี่ยวกับสุดา ท่าทางกลุ้มใจ
“ตกลง แม่ทำอะไรกันแน่”
ระหว่างนั้นภาพิศเดินเข้ามาในบ้าน แต่ไม่เห็นสรวง ในขณะที่สรวงเห็น และมองอย่างฉงน
“คุณภาพิศมาทำไมดึกดื่น”

ขณะเดียวกันสุดาเดินงัวเงียลงบันไดมาจากบนบ้าน เห็นภาพิศ ก็จิกกัดตามประสา
“คุณน้อง..มาทำไมดึกดื่น? อย่าบอกนะว่าจะมาทำอะไรพี่น่ะ”
“คุณหญิงพี่เดาไม่ผิดหรอกค่ะ”
ภาพิศยกปืนขึ้นเล็งไปที่ร่างของสุดาจังๆ สุดาร้องลั่น
“อย่า”
เร็วเกินกว่าที่ภาพิศจะคาด สุดาวิ่งเข้ามาปัดปืนจากมือภาพิศ สองคนแย่งปืนกันไปมา และในความชุลมุนนั้น จู่ๆ เสียงปืนดังกึกก้อง สรวงอยู่ที่สระน้ำได้ยิน รีบวิ่งเข้ามา เห็นร่างของภาพิศนอนจมกองเลือด โดยที่สุดากำปืนแน่น สรวงร้องออกมาสุดเสียง
“แม่”

สรวงสะดุ้งตื่น เหงื่อแตกพลั่ก ชายหนุ่มเอามือปาดเหงื่อ สีหน้าเต็มไปด้วยความกลัดกลุ้ม
“มันเป็นแค่ฝัน... แม่ต้องไม่ทำอะไรอย่างนั้น”
สรวงกลุ้มใจ

วันต่อมา สุดาคุยโทรศัพท์อยู่กับใครคนหนึ่ง
“ยังไงก็หาที่พักที่ดีที่สุดให้ฉันแล้วกัน....กี่คน ฉันค่อยคอนเฟิร์มอีกที”
จังหวะที่สุดาวางสายไปนั้นสรวงเดินเข้ามาทันได้ยิน จึงเอ่ยออกไป
“แม่จะไปเที่ยวเหรอครับ”
“จ้ะ..ว่าจะไปพักผ่อน”
“ผมไปด้วย”
“ไม่เป็นไรลูก ทำงานเถอะ...แม่ว่าจะชวนภาพิศ ศุภาวีร์ไปด้วย ก็ตามประสาผู้หญิง....ของคุณพ่อน่ะจ้ะ”
สุดายิ้มเยื้อนอย่างปกติให้ แต่สรวงหวั่นใจ

ภาพิศวางสาย หน้าเครียดเคร่ง แฉล้มถามด้วยสีหน้าสงสัย
“ยัยสุดา มันจะทำอะไรอีก”
“มันชวนฉันไปเที่ยว....แล้วก็บอก จะชวนลูกฉันไปเที่ยวด้วย”

แฉล้มตาวาว ภาพิศตาขวาง สองคนมองหน้ากัน
เสียงมือถือดังลั่น กรรณนรีอยู่กับกาวินทร์ มองเบอร์ที่โทร.เข้า พลางบอกพี่ชาย

“คุณหญิงสุดา”
“รับเลย”
กรรณนรีมองไปทางหลังบ้าน กลัวเกริกเห็น ก่อนพยักหน้าให้กาวินทร์ตามมาที่มุมลับตาพ่อ จากนั้นกรรณนรีกดสปีกเกอร์โฟนรับสาย และทันทีที่รับสาย สุดาก็แว้ดออกมา
“มัวทำอะไรอยู่ ถึงไม่รับโทรศัพท์ฉัน”
กรรณนรีกวนใส่ “ทำเหมือนคุณฤทัย....แคะขี้เล็บอยู่ค่ะ”
“นังกรรณรี”
สุดาอยู่ที่บ้าน ตาเขียวปั๊ด
ระหว่างนั้นเกริกเดินถือจานขนมมาที่โต๊ะอาหาร
“หายไปไหนกัน”
เกริกเดินมองหาลูก ขณะที่กรรณนรีถามกลับ
“คุณหญิงมีอะไรก็ว่ามา”
สีหน้าสุดาไม่พอใจ “ฉันจะชวนเธอไปเที่ยว”
“อ้อ! เหรอคะ? น้ำเสียงอย่างนี้นึกว่าจะหลอกไปฆ่าซะอีก” กรรณนรีแขวะ
“ก็อยากทำอย่างนั้นเหมือนกันล่ะ แต่ท่านอารักษ์คงไม่ยอม นี่! จะไป ไม่ไป ก็ตามใจนะ แค่โทร.มาบอก ว่างานนี้ แม่เธอไปด้วย...” สุดาโยนไพ่ในมือ
เกริกเดินเข้ามา ทันได้ยินประโยคสุดท้าย ก่อนที่สุดาจะวางสาย เกริกถาม
“แม่เธอ แม่ใครเหรอลูก”
สองพี่น้องตกใจ สะดุ้งโหยง กรรณนรีรีบแก้
“ก็...ก็..แม่แหละค่ะ แม่จะไปเปิดงานอะไรไม่รู้....เพื่อนเลยโทร.มาบอกกาว”
“ทำไมเพื่อนเสียงแก่จัง”
“เพื่อนรุ่นพี่น่ะค่ะ” กรรณนรีหน้าเจื่อน
เกริกหัวเราะขำ “แต่จากฟังเสียง รุ่นป้ามากกว่ามั้ง....แล้วเราจะไปกันรึเปล่าล่ะ”
“ไปครับ....ผมว่าจะขอน้องไปด้วย งานจัดที่เขาใหญ่ น่าสนุก” กาวินทร์บอก
“น่าสนุกจริงๆ...พ่อไปด้วยได้หรือเปล่า”
สองคนร้องขึ้นพร้อมกัน “ไม่ได้ค่ะ” / “ไม่ได้ครับ”
“พ่อพูดเล่น...” เกริกหัวเราะขำ “ไม่ได้อยากไปกินฟรีขนาดนั้น...อยู่บ้านเราสบายที่สุดแล้ว เอา..พ่อทำขนมมาให้”
เกริกวางจานขนมแล้วเดินไป สองพี่น้องมองหน้ากัน
กรรณนรีพูดเสียงเบาๆ “คุณหญิงสุดาคิดจะทำอะไรแม่แน่ๆ”
“พี่ว่าเค้าคิดจะทำกาวด้วย...ไม่ต้องห่วง พี่ไปด้วย ใครหน้าไหนมาทำน้องพี่ แม่พี่ มันตาย”
กาวินทร์พูดหน้าตาดุดัน เกริกได้ยินเหลียวหันมามอง สงสัยในท่าทางลูกทั้งสอง

เกริกมีท่าทีสงสัยไม่คลาย ตัดสินใจโทรศัพท์หามะยม ขณะที่มะยมนั่งทำงานอยู่ที่ออฟฟิศ มือถือดัง
“มะยมค่ะ”
“พ่อนะมะยม”
มะยมตกใจ “คุณพ่อ...มีอะไรคะ”
นิคที่ทำงานอยู่หันมามองท่าทีตกใจเช่นกัน เกริกพูดถามต่อ
“พ่อได้ยินข่าวว่ากาวเค้าจะไปทำข่าวที่เขาใหญ่เหรอลูก”
มะยมทวนคำ “งานที่เขาใหญ่” มองนิค คราวนี้นิคลุกมายืนข้างๆมะยม “เอ่อ..เดี๋ยวมะยม
เช็กก่อนนะคะพ่อ”
“ถ้ากาวต้องไปทำงานจริงๆ มะยมไปเป็นเพื่อนกาวได้มั้ยลูก...พ่อเป็นห่วง” เกริกบอกเสียงอ่อนโบน
มะยมรีบรับคำ “พ่อไม่ต้องห่วงค่ะ กาวไปไหนมะยมกับนิคไปด้วยอยู่แล้ว”
“ขอบใจลูกขอบใจ พ่อฝากกาวด้วยนะ”
เกริกวางสาย รู้สึกโล่งมากขึ้น
ส่วนนิคกับมะยม เหลียวมองหน้ากันงงๆ
“กาวมันคิดอะไรของมัน ถึงได้โกหกพ่อว่าไปทำงานที่เขาใหญ่” นิคฉงน
“ก็คงไม่พ้นท่านอารักษ์แหละ” มะยมเหน็บว่าอย่างฉุนๆ เพราะยังโกรธกรรณนรีอยู่

สรวงนั่งทำงานไม่มีสมาธิ นิ่งคิดเรื่องกรรณนรี เสียงของสุดาดังก้องในหัว
“แม่ว่าจะชวนภาพิศ ศุภาวีร์ไปด้วย ก็ตามประสาผู้หญิง....ของคุณพ่อน่ะจ้ะ”
สรวงคิด ติดค้างอยู่ในใจ “แม่ต้องคิดทำอะไรแน่เลย” นึกเป็นห่วงกรรณนรีครามครัน

กรรณนรีจัดของเก็บของอยู่ในบ้านอยู่ สรวงเปิดประตูโผล่พรวดเข้ามาไม่มีปี่มีขลุ่ย กรรณนรีได้ยินเสียงคนเปิดประตูก็หันขวับ ตกใจมาก
“คุณสรวง”
เสียงของเกริกตะโกนออกมาจากในบ้าน
“ห้องเก็บของทำไมมันรกอย่างนี้ เดี๋ยวพ่อจัดของก่อนนะกาว ถ้าหิวข้าว กินก่อนพ่อเลย”
กรรณนรีตกใจ “จ้าพ่อ” หันมามองสรวงอย่างตกใจกลัว พูดเสียงเบาๆแต่ดุ “คุณมาที่นี่ทำไม”
“ฉันมีเรื่องสำคัญ จะคุยกับเธอ”
กรรณนรีรีบลากมือสรวงออกมา แล้วปล่อยทันที ก่อนเดินนำลิ่วออกนอกบ้านไป

กรรณนรีเดินลิ่ว กลัวเกริกเห็น สรวงเดินตามมาด้วยความโมโห
“ทำไมเธอต้องทำตัวเป็นคนมีความลับตลอดเวลา”
กรรณนรีฉุน จ้องหน้าสรวงเขม็ง “เพราะฉันมีคนที่ฉันต้อง...แคร์”
สรวงสะอึก “ก็แปลว่า...เธอไม่แคร์ฉัน”
กรรณนรี เสียใจ นิ่งไปนิด ก่อนตอบ “หมดเวลาที่เราจะพูดเรื่องนี้แล้วค่ะ”
สรวงฟังแล้วยิ่งเสียใจ “โอเค....ฉันเข้าใจ งั้นฉันขอพูดสั้นๆ ฉันไม่อยากให้เธอไปเที่ยวกับแม่ฉัน”
“ที่ฉันไปเพราะฉันเป็นห่วงแม่ฉัน” กรรณนรีบอก
สรวงพูดอย่างลำบากใจ “ฉันก็กลัวเธอจะมีอันตราย”
กรรณนรี แอบดีใจ “ถ้าคุณพูดอย่างนี้..แปลว่าคุณรู้ว่าแม่คุณร้ายใช่มั้ยคะ”
สีหน้าสรวงเสียใจ “เลิกพูดจาทำร้ายจิตใจฉันได้มั้ยกรรณรี”
กรรณนรีหน้าซีด สรวงมองด้วยความสะเทือนใจ ต่างคนต่างเสียใจ กรรณนรีมองสรวงด้วยความสงสาร
“เธอรู้...ว่าฉันรู้สึกยังไง งั้นเธอก็บอกความจริงฉันทุกอย่างซะที”
กรรณนรีมองมาอย่างเห็นใจ เสียใจ และเข้าใจ “แค่คำถามบางคำถามของฉัน คุณยังรู้สึกว่าฉันทำร้าย คุณทำใจไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าจะฟังฉันเล่าทุกฉากทุกตอน”
สองคนมองหน้ากัน กรรณนรีบอกต่อ
“คุณสรวง....ฉันรู้...ตอนนี้เราสองคนต่างยืนอยู่บนกองไฟ...แต่จะทำยังไงได้ล่ะคะในเมื่อ คนที่ก่อกองไฟคือพ่อแม่ของเราเอง”
พูดจบกรรณนรีก็เดินกลับไปในบ้าน ส่วนสรวงยืนอยู่ที่เดิม....เศร้าปนเครียด

ในบ้านสองคนนั่งคุยหารือกันอยู่ ภาพิศบอกแฉล้มท่าทีจริงจัง
“ฉันห่วงลูก”
“แล้วจะเอายังไง จะเดินถอยหลัง หรือจะเดินหน้า ลุย ไปดูว่าคุณหญิงสุดาจะทำอะไร”
“คุณก็รู้นิสัยฉันนี่...ว่าฉันจะทำอะไร”
วลีสั้นๆ นั้น พูดออกมาพร้อมแววตาที่น่ากลัว

เวลาต่อมา สุดาถามภาพิศเสียงดังตกใจ
“ว่าไงนะ คุณน้องจะไม่ไปเที่ยวกับพี่”
ภาพิศแกล้งบ่น มีแผน “ค่ะ..น้องเหนื่อย...ช่วงนี้รู้สึกว่าลูกดิ้นบ่อยด้วย”
สุดาค่อนขอด “สงสัยอยากจะคลอดก่อนกำหนด”
“จะคลอดได้ยังไงคะ? อีกตั้งหลายเดือน” ภาพิศแอ๊บซื่อ
“พี่ถึงบอก..อยากคลอดก่อนกำหนดไง”
ภาพิศมองค้อนแต่แอ๊บโง่ต่อ “ก็นี่ล่ะค่ะถึงไม่อยากไป”
สุดารีบเสี้ยม “ไมได้นะคะคุณน้องต้องไป...เพราะที่พี่จัดงานนี้..เพราะต้องการจัดการกับนังศุภาวีร์”
ภาพิศแสร้งทำเป็นตื่นตระหนก ทั้งที่ใจห่วง “จัดการศุภาวีร์”
“ใช่ค่ะ...เพราะพี่คิดดูแล้ว วิธีซ้อมตบแบบที่น้องทำกับพี่..มันเป็นของเด็กเล่นกัน ต้องวิธีของพี่...เท่านั้น”
ภาพิศนิ่ง ข่มความโกรธ “คุณหญิงพี่จะทำยังไงคะ”
“ก็ไม่มีอะไรมากหรอก...แค่พี่จะหาสามีให้นังเด็กนั่นซักคนสองคน ไม่ก็ซักโหลสองโหล มันจะได้เลิกยุ่งกับสามีเราซักที”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14/3 วันที่ 18 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager