@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 13 วันที่ 2 พ.ย. 55

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 13 วันที่ 2 พ.ย. 55

ตอนคุณหลอกลวงผู้หญิงหน้าโง่แล้วเขี่ยทิ้งดู นกแค่อยากให้คุณรู้ว่าในโลกของความหลอกลวงใบนี้ ผู้ชายไม่ได้เป็นฝ่ายได้เปรียบเสมอไปหรอก”
ประสิทธิ์ชัยพุ่งตัวมาคว้ามีดที่โต๊ะ โถมเข้ามา ศักดิ์ชายลุกขึ้นจับมือบิดง่ายดาย มีดบาดนิ้วศักดิ์ชายเล็กน้อย ศักดิ์ชายต่อยเตะประสิทธิ์ชัยลงไปกองแล้วเตะซ้ำทั่วตัว รัชนกลุกขึ้นกรายลากผ้าผ่านหัวประสิทธิ์ชัยเอามือศักดิ์ชายมาดูแล้วดูดแผลให้ ศักดิ์ชายตวัดรัชนกมาเบียดชิดปลดผ้าบางเบาลงไปทับตัวประสิทธิ์ชัย แล้วตระกองพากันไปที่เตียง

ประสิทธิ์ชัยแค้นใจมากหลังจากรู้ธาตุแท้ของรัชนก ประสิทธิ์ชัยจึงมานั่งกินเหล้าที่ผับกับวีกิจและกริบ วีกิจและกริบดื่มปรกติ แต่ประสิทธิ์ชัยกรอกเอากรอกเอา หน้ายังช้ำจากการถูกซ้อม
“ข้ายื่นเรื่องลาออกแล้ว สิ้นเดือนนี้ข้าจะบินไปแอลเอเลย ไปหาที่ต่อโทที่นู่น บางทีข้าอาจจะไม่กลับมาอีก”
“แล้วคู่หมั้นเอ็งล่ะ”
“ข้าไม่รู้ จะตามไป จะถอนหมั้น จะหาผัวใหม่ก็ช่างมันไม่สนโว๊ย”



“เฮ้ย แหม่มน่ะ ยังไงก็สู้ผู้หญิงไทยไม่ได้นะโว้ย”
ต้องนั่งซึมอยู่บนเตียงที่ห้องพักชั้นบนของผับ ยังแต่งชุดวูบวับอยู่ แต่หน้าซีดอิดโรยจากการถอนยา มีเสียงเคาะประตู

“มีอะไร”
ประตูแง้มเปิดออก ประพงส์ก้าวเข้ามา ต้องมีอาการดีใจแล้วก็มีอาการรู้ตัวว่าโทรมสุดๆ จึงฝืนยิ้มให้สดใส ประพงส์ก้าวมายืนห่างๆ ถามเรียบๆ มีความเหินห่าง
“นี่คุณกินยาแล้วหรือยัง”
เพียงเท่านั้นต้องก็รู้สึกน้อยใจ
“นี่คุณห่วงต้องด้วยหรือคะ”
“คุณแม่คุณฝากให้ผมช่วยดูแลคุณ”
“แค่นั้นเองหรือคะ คุณไม่ได้อยากดูแลฉันเพราะเป็นห่วงสักนิดหรือ” ประพงส์เลิกคิ้ว
“คุณอยากให้ผมตอบว่าอะไรหรือ”
ต้องลุกขึ้นมองประพงส์อย่างน้อยใจ
“นี่คุณเป็นอะไรกันแน่คะ ฉันดูไม่ออก บางครั้งคุณก็ทำเหมือนแคร์ฉัน บางครั้งคุณก็เย็นชาเหินห่างเหลือเกิน”
ประพงส์มองดูต้อง ยิ้มนิดๆ ประพงส์เดินมา เปิดขวดยา 2-3 ขวด หยิบยามาวางลงในมือต้อง
“กินยาเสียก่อน อย่าเพิ่งคิดอะไรเลย” ประพงส์หันไปรินน้ำส่งแก้วให้ ต้องเม้มปากแล้วยอมกินยา “อาการคุณดีมากแล้ว อีกไม่นานก็จะหายดี เพียงแต่คุณอย่ากลับไปยุ่งกับมันอีก ยาเดี๋ยวนี้มันพัฒนาสูตรให้เสพติดในแค่หนสองหนที่เสพแค่นั้นเอง”
ประพงส์มีแววแปลกๆ ราวเย้ยหยันตัวเอง ต้องมัวแต่ซาบซึ้งจนไม่รู้สึก
“ขอบคุณค่ะ คุณดูแลฉันดีกว่าพ่อของฉันอีก”
“คุณโชคดีแค่ไหนแล้วที่ยังมีทั้งพ่อและแม่”
“แล้วก็ขอบคุณ ที่คุณช่วยปิดเป็นความลับ ไม่บอกแม่ฉัน”
“คุณแม่คุณก็มีเรื่องลับให้ผมปกปิดเหมือนกันนี่”
ต้องมีแววยอกแสยงทั้งกับพฤติกรรมแม่และพฤติกรรมของประพงส์
“คุณทำทำไมคะ ทำไมคุณต้องช่วยแม่ทำเรื่องพวกนี้ด้วย”
“คนเราบางครั้งชีวิตก็ไม่มีทางเลือกมากนัก”
“แต่บางอย่างเราก็เลือกจะไม่ทำได้ไม่ใช่หรือคะ”
ประพงส์มีแววชั่วร้าย ขมขื่นบางอย่างวูบขึ้น

“ผมถึงได้บอกไงว่าคุณเป็นคนโชคดีกว่า ใครต่อใครมากมายนัก พักผ่อนเถอะฮะ ผมจะลงไปดูข้างล่างให้”
เจนภพเข้ามาโอบ นพนภาสะบัดอย่างขยะแขยงแล้วตวาด

“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉัน กลิ่นคาวมันยังติดตัวคุณอยู่ ถึงเอาน้ำยาล้างใส่อ่างแช่ทั้งตัวก็ไม่รู้จะหมดเมือกหมดมันหรือเปล่า”
นพนภาเดินปึงๆ เข้าบ้านไปแต่แอบยิ้ม เจนภพมองตามยิ้มที่เมียเชื่อทุกอย่าง

สร้อยคำนั่งหน้าหมอง มีมือขาวอวบเพชรพราวมาคว้ามือสร้อยคำบีบอย่างปลอบใจ นพนภาหน้าสดสวมชุดอยู่บ้านเปิดไหล่กรุยกราย
“หนูน่ะเชื่อพี่สร้อย ทำแต่กุศลไม่หวงหึงอาละวาดลงท้ายภพก็กลับมาตายรังจริงๆ แต่ทำไมกรรมมันดันไปตกที่ตากิจกับพี่สร้อยล่ะคะ”
“พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว คุณนภา”
“โสเภณีน่ะมันยังทำเพื่อเลี้ยงตัว เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ แต่อีนี่มันทำเพราะหายาแก้ร่านไม่ได้ เฮ้อ นี่ตากิจย้ายไปซุกหออยู่กับมันแล้วหรือคะ”
“เขาอยู่คอนโดไม่ได้อยู่หอ ยังไม่ได้ไปค่ะ แต่ก็กลับดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน”
“ภพบอกว่าไม่ใช่แค่ตากิจ ยังมีเสี่ยอะไรอีกก็ไม่รู้ สมกับเป็นนางกากีมิลเลนเนียม เฮ้อ นังนี่คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของตระกูลเรานะคะพี่สร้อย ไม่ไล่ไม่เลิก”
นพนภาเป็นห่วงกังวลอย่างจริงใจแต่ทุกถ้อยคำปลอบโยนทำให้สร้อยคำอาการหนักขึ้น

ที่คอนโดมุนินทร์ มุนินทร์กำลังทำงานอยู่ที่โซฟากลาง เหลือบมองไปที่วีกิจเห็นกำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่
มุนินทร์มองไปเห็นว่ากำลังจัดริบบิ้น มุนินทร์อมยิ้มทำงานต่อไป ไม่ได้สังเกตว่าวีกิจเดินมาเบื้องหลัง ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ แล้วมายื่นให้ข้างๆ คือดอกลิลลี่
“นี่อะไรคะนี่”

“ดอกไม้สำหรับสาวสวยครับ”
เจนภพเข้ามาโอบ นพนภาสะบัดอย่างขยะแขยงแล้วตวาด

“อย่ามาถูกเนื้อต้องตัวฉัน กลิ่นคาวมันยังติดตัวคุณอยู่ ถึงเอาน้ำยาล้างใส่อ่างแช่ทั้งตัวก็ไม่รู้จะหมดเมือกหมดมันหรือเปล่า”
นพนภาเดินปึงๆ เข้าบ้านไปแต่แอบยิ้ม เจนภพมองตามยิ้มที่เมียเชื่อทุกอย่าง

สร้อยคำนั่งหน้าหมอง มีมือขาวอวบเพชรพราวมาคว้ามือสร้อยคำบีบอย่างปลอบใจ นพนภาหน้าสดสวมชุดอยู่บ้านเปิดไหล่กรุยกราย
“หนูน่ะเชื่อพี่สร้อย ทำแต่กุศลไม่หวงหึงอาละวาดลงท้ายภพก็กลับมาตายรังจริงๆ แต่ทำไมกรรมมันดันไปตกที่ตากิจกับพี่สร้อยล่ะคะ”
“พี่ก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว คุณนภา”
“โสเภณีน่ะมันยังทำเพื่อเลี้ยงตัว เลี้ยงพ่อ เลี้ยงแม่ แต่อีนี่มันทำเพราะหายาแก้ร่านไม่ได้ เฮ้อ นี่ตากิจย้ายไปซุกหออยู่กับมันแล้วหรือคะ”
“เขาอยู่คอนโดไม่ได้อยู่หอ ยังไม่ได้ไปค่ะ แต่ก็กลับดึกๆ ดื่นๆ ทุกคืน”
“ภพบอกว่าไม่ใช่แค่ตากิจ ยังมีเสี่ยอะไรอีกก็ไม่รู้ สมกับเป็นนางกากีมิลเลนเนียม เฮ้อ นังนี่คงเป็นเจ้ากรรมนายเวรของตระกูลเรานะคะพี่สร้อย ไม่ไล่ไม่เลิก”
นพนภาเป็นห่วงกังวลอย่างจริงใจแต่ทุกถ้อยคำปลอบโยนทำให้สร้อยคำอาการหนักขึ้น

ที่คอนโดมุนินทร์ มุนินทร์กำลังทำงานอยู่ที่โซฟากลาง เหลือบมองไปที่วีกิจเห็นกำลังง่วนทำอะไรบางอย่างอยู่
มุนินทร์มองไปเห็นว่ากำลังจัดริบบิ้น มุนินทร์อมยิ้มทำงานต่อไป ไม่ได้สังเกตว่าวีกิจเดินมาเบื้องหลัง ซ่อนอะไรบางอย่างไว้ แล้วมายื่นให้ข้างๆ คือดอกลิลลี่
“นี่อะไรคะนี่”

“ดอกไม้สำหรับสาวสวยครับ”
“นี่ดอกลิลลี่ใช่ไหมคะ”

“อ้าว ก็ใช่น่ะซีฮะ ดอกไม้โปรดของคุณไม่ใช่หรือ คุณเคยเล่าว่าคุณเคยเพาะที่ไร่ไงฮะ มันยอมขึ้นแต่ไม่ยอมออกดอก”
มุนินทร์หน้าเปลี่ยนไปวูบหนึ่ง
“คราวหลัง อย่าซื้อมาอีกเลยนะคะ”
“โธ่ ไม่แพงมากหรอกฮะ ผมแค่อยากซื้อดอกไม้ให้คุณบ้าง”
“คุณไม่ควรซื้อดอกลิลลี่ค่ะ มันมีไว้สำหรับสาวบริสุทธิ์ต่างหากคะ”

มุนินทร์พูดเล่นแบบแรงๆ ตามนิสัย วีกิจหน้าตึง พูดเย็นชา
“คุณอย่าพูดอย่างนี้บ่อยนักได้ไหมฮะ ผมบอกแล้วว่าผมไม่ถือ แต่ถ้าคุณย้ำเช้าย้ำเย็นอย่างนี้ล่ะก็ผมอาจจะถือขึ้นมาจริงๆ ก็ได้”
“ฉันขอโทษค่ะวีกิจ บางครั้งฉันก็ปากเสียจริงๆ พยายามแก้ให้หายอยู่ค่ะ แน่ะ หน้าผากย่นเชียว ทำอย่างงี้บ่อยๆ เดี๋ยวแก่เร็วต้องไปฉีดโบท็อกซ์จนคิ้วเลิกไปถึงตีนผมนะคะ”
วีกิจขำแต่ไม่วายประชด
“ก็ดีซี คุณชอบแต่ผู้ชายแก่ๆ ไม่ใช่หรือ”
“อย่าพูดอย่างงี้บ่อยนักได้ไหมคะ ฉันบอกแล้วว่าฉันเลิกแล้ว แต่ถ้าคุณย้ำเช้าย้ำเย็นอย่างนี้ล่ะก็ฉันอาจจะชอบขึ้นมาจริงๆ ก็ได้”
มุนินทร์ตอกกลับหน้าตาเฉย วีกิจขำจนโกรธไม่ลง
“คุณนี่ร้ายจริงๆ เลย จำคำผมมาย้อนได้ทุกคำเลย”
“คุณก็รู้ ไม่มีใครเถียงชนะฉัน”
บรรยากาศกลับเป็นดีขึ้นมาใหม่ วีกิจหอมแก้มมุนินทร์หนึ่งที มุนินทร์นิ่งไป ประสานสายตากันหวานฉ่ำ วีกิจเขินเสียเอง
“ได้เวลาผมทำอาหารเย็นให้คุณทานแล้วครับ”

วีกิจรีบไปที่ครัวยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ มุนินทร์เองก็ยิ้มเปี่ยมสุข เมื่อเข้ามาในครัววีกิจเหลือบมองไปเห็นมีดของปุ๊ วีกิจหยิบขึ้นมามองดู ครุ่นคิด
ณัฐดนัยจาระไน มุนินทร์หัวเราะออกมาเต็มเสียง ณัฐดนัยทำหน้าเฉย ที่นอกร้านวีกิจเดินผ่านมาชะงักกึก

“ข้อแม้เยอะจัง”
“ถ้ามันหาได้ง่ายๆ ผมจะมาปรึกษาคุณทำไม”
“เอายังงี้ไหมคะ”
“ยังไงครับ”
“ไม่ต้องซื้ออะไร นอกจากกระดาษห่อกับโบว์แล้วเอามาห่อตัวคุณ รับรองยายลูกศรฉีกห่อของขวัญออกมาแล้ว ต้องกรี๊ดแน่”
“ว้า ผมก็เสียความบริสุทธิ์น่ะซี”
มุนินทร์ร้องอุทานแล้วหัวเราะ ณัฐดนัยหัวเราะตาม วีกิจยืนอึ้งดวงตาหวาดระแวง
“ทำไมเล่นตัวนักคะ ยายศรน่ะจีเนียสนะคะ น่าเอ็นดูจะตาย”
“เฮ้อ รักในที่ทำงานมันไม่เวิร์คหรอกฮะ”
“แหม ถ้าจะให้เวิร์คมันก็เวิร์คนะคะ ฉันยังเคยเลย”
“อ๋อ กับหนุ่มท้องฟ้าจำลองน่ะหรือครับ โรแมนติกเป็นบ้า”
มุนินทร์อ้าปากค้าง อับอายขายหน้า แล้วต่อยแขนณัฐดนัยทีหนึ่ง ณัฐดนัยร้องโอ๊ย
“นี่แน่ะ ตายแล้ว เล่าให้ยายลูกศรฟัง ข่าวแพร่กระจายกว่าไวรัสอีก”
“นั่นซี ถ้าผมหลวมตัวไปกับคุณลูกศร ข่าวผมจะไม่ไปโผล่ในยูทูบเหรอ”
ทั้งคู่หัวเราะกันอีก วีกิจขบกราม

ที่ทางเข้าร้านเบเกอรี่ มุนินทร์หิ้วของมา 3-4 ถุง มองเห็นวีกิจอยู่มุมในสุดจึงเดินเข้าไป วีกิจมีท่าทางเย็นชาไม่ลุกขึ้นต้อนรับ มุนินทร์วางถุงลงแล้วนั่งลงอย่างเหนื่อยมองดูวีกิจดวงตาสดใส
“ทำไมมาช้าจังฮะ”
“ทำธุระให้เจ้านายอยู่น่ะซีคะ”
“ช็อปปิ้งนี่น่ะหรือฮะ ทำธุระ”
“ฉันหาของขวัญอยู่น่ะค่ะก็เลยเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ของถูกใจน่ะมีเยอะแยะค่ะ แต่เห็นราคาแล้วปวดใจต้องตัดใจแทน”
“ก็มีคนเต็มใจออกเงินให้อยู่แล้วไม่ใช่หรือฮะ ไม่งั้นทำไมคุณถึงซื้อมาได้ตั้งหลายถุงล่ะ”
มุนินทร์เริ่มเดาได้เลิกคิ้ว
“เอ นี่คุณ “บังเอิญ” ไปเห็นอะไรหรือใครมาอีกแล้วหรือเปล่าคะ”
“ไม่เห็นต้องบังเอิญอะไรนี่ครับ คุณนัดผมที่นี่ แล้วก็นัด “บอส” ที่นี่ด้วยไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณณัฐดนัยกับฉัน เรามาด้วยกันต่างหาก” มุนินทร์เห็นท่าทีวีกิจ กลับยิ่งอยากยั่วซึ่งได้ผลวีกิจยิ่งเย็นชาแข็งกร้าวขึ้น “ที่จริงคุณเห็นแล้วก็น่าจะเข้าไปทักซะหน่อยนะคะ”
“อย่าเลยฮะ รู้สึกว่าเขาจะคนละชั้นกับผม คนละคลาสกัน”

“ใช่ค่ะ เขาก็คนละชั้นกับฉันเหมือนกัน คนละฟลอร์กัน”
ณัฐดนัยจาระไน มุนินทร์หัวเราะออกมาเต็มเสียง ณัฐดนัยทำหน้าเฉย ที่นอกร้านวีกิจเดินผ่านมาชะงักกึก

“ข้อแม้เยอะจัง”
“ถ้ามันหาได้ง่ายๆ ผมจะมาปรึกษาคุณทำไม”
“เอายังงี้ไหมคะ”
“ยังไงครับ”
“ไม่ต้องซื้ออะไร นอกจากกระดาษห่อกับโบว์แล้วเอามาห่อตัวคุณ รับรองยายลูกศรฉีกห่อของขวัญออกมาแล้ว ต้องกรี๊ดแน่”
“ว้า ผมก็เสียความบริสุทธิ์น่ะซี”
มุนินทร์ร้องอุทานแล้วหัวเราะ ณัฐดนัยหัวเราะตาม วีกิจยืนอึ้งดวงตาหวาดระแวง
“ทำไมเล่นตัวนักคะ ยายศรน่ะจีเนียสนะคะ น่าเอ็นดูจะตาย”
“เฮ้อ รักในที่ทำงานมันไม่เวิร์คหรอกฮะ”
“แหม ถ้าจะให้เวิร์คมันก็เวิร์คนะคะ ฉันยังเคยเลย”
“อ๋อ กับหนุ่มท้องฟ้าจำลองน่ะหรือครับ โรแมนติกเป็นบ้า”
มุนินทร์อ้าปากค้าง อับอายขายหน้า แล้วต่อยแขนณัฐดนัยทีหนึ่ง ณัฐดนัยร้องโอ๊ย
“นี่แน่ะ ตายแล้ว เล่าให้ยายลูกศรฟัง ข่าวแพร่กระจายกว่าไวรัสอีก”
“นั่นซี ถ้าผมหลวมตัวไปกับคุณลูกศร ข่าวผมจะไม่ไปโผล่ในยูทูบเหรอ”
ทั้งคู่หัวเราะกันอีก วีกิจขบกราม

ที่ทางเข้าร้านเบเกอรี่ มุนินทร์หิ้วของมา 3-4 ถุง มองเห็นวีกิจอยู่มุมในสุดจึงเดินเข้าไป วีกิจมีท่าทางเย็นชาไม่ลุกขึ้นต้อนรับ มุนินทร์วางถุงลงแล้วนั่งลงอย่างเหนื่อยมองดูวีกิจดวงตาสดใส
“ทำไมมาช้าจังฮะ”
“ทำธุระให้เจ้านายอยู่น่ะซีคะ”
“ช็อปปิ้งนี่น่ะหรือฮะ ทำธุระ”
“ฉันหาของขวัญอยู่น่ะค่ะก็เลยเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ของถูกใจน่ะมีเยอะแยะค่ะ แต่เห็นราคาแล้วปวดใจต้องตัดใจแทน”
“ก็มีคนเต็มใจออกเงินให้อยู่แล้วไม่ใช่หรือฮะ ไม่งั้นทำไมคุณถึงซื้อมาได้ตั้งหลายถุงล่ะ”
มุนินทร์เริ่มเดาได้เลิกคิ้ว
“เอ นี่คุณ “บังเอิญ” ไปเห็นอะไรหรือใครมาอีกแล้วหรือเปล่าคะ”
“ไม่เห็นต้องบังเอิญอะไรนี่ครับ คุณนัดผมที่นี่ แล้วก็นัด “บอส” ที่นี่ด้วยไม่ใช่หรือ”
“ไม่ใช่ค่ะ คุณณัฐดนัยกับฉัน เรามาด้วยกันต่างหาก” มุนินทร์เห็นท่าทีวีกิจ กลับยิ่งอยากยั่วซึ่งได้ผลวีกิจยิ่งเย็นชาแข็งกร้าวขึ้น “ที่จริงคุณเห็นแล้วก็น่าจะเข้าไปทักซะหน่อยนะคะ”
“อย่าเลยฮะ รู้สึกว่าเขาจะคนละชั้นกับผม คนละคลาสกัน”

“ใช่ค่ะ เขาก็คนละชั้นกับฉันเหมือนกัน คนละฟลอร์กัน”
มุนินทร์ยิ่งเล่นลิ้น

“แล้วตกลงเขาเป็นสปอนเซอร์ให้คุณอย่างที่อาภพว่ารึเปล่า”
“ลืมไปว่าฉันหลอกอาคุณให้เชื่ออย่างนั้น เอาล่ะ ความจริงก็คือมะรืนนี้วันเกิดยายลูกศร เราสองคนก็มาหาของขวัญให้ยายลูกศรกัน เคลียร์ไหมคะ”
วีกิจยังไม่อยากเชื่อ แต่ก็อ่อนลง มุนินทร์เริ่มขึ้นแทน
“จะให้ผมเชื่อหรือ”
“ก็อย่าเชื่อซีคะ นี่คุณรู้ไหม คุณกำลังหาเรื่องฉันอย่างไม่เข้าท่าที่สุด คุณณัฐดนัยเขาเป็นเจ้านายแล้วก็เป็นเพื่อนฉันด้วย แล้วเมื่อฉันบอกเป็นเพื่อนก็เป็นเพื่อน ถ้าเป็นอย่างอื่นฉันก็จะบอกเองว่าเป็นอย่างอื่น”
วีกิจเจื่อนลง มุนินทร์ตาแข็งเสียงแข็งบ้าง วีกิจอ้อมแอ้มขอโทษ
“ผม ผมขอโทษ”
“ก็ได้ค่ะ ฉันยกโทษให้”

ที่หน้าทีวีจอกว้าง มุนินทร์กับวีกิจเอาเบาะมากองนั่งกับพื้นคุยกัน มุนินทร์เอาหมอนอิงมากอดไว้ ตรงหน้ามีกล่องช็อคโกแลตและน้ำหวานสีสวย
“อาทิตย์หน้าวันเกิดผมแล้วนะฮะ”
“ฉันรู้แล้วค่ะ”
“รู้ได้ยังไงฮะ”
“ฉันแอบดูใบขับขี่ในกระเป๋าสตางค์คุณตอนคุณเข้าห้องน้ำไงคะ” วีกิจหน้าแดงคว้ากระเป๋าสตางค์มาอึกอัก มุนินทร์เห็นอาการก็หัวเราะ “แหมฉันพูดเล่นน่ะค่ะ ฉันเคยพิมพ์ข้อมูลคุณลงไฟล์ให้พี่แจงจิต แล้วจำวันเกิดคุณได้ ทำไมคะในวอลเลตคุณมีความลับอะไรหรือ”
“อาจมีของลับเฉพาะของผู้ชายก็ได้นะฮะ”
“งั้นฉันไม่ถามแล้วค่ะ”
“โธ่ ผมพูดเล่น วันศุกร์นี้แล้วนะฮะ”
“จะทวงของขวัญใช่ไหมคะนี่”
“คุณให้ของผมมาตั้งเยอะแล้ว ไม่ต้องก็ได้ฮะ แค่คุณไปงานผมก็ดีใจแล้ว”
“เรื่องอะไร หาของขวัญสนุกจะตาย เอ ซื้ออะไรให้ดีนะ”

“หรือฮะ โฮ ผมไม่ชอบหาของขวัญให้ใครเลย เพราะไม่รู้จะซื้ออะไรดี พอหมดท่าเข้าไอ้สิทธิ์จะซื้อตุ๊กตาหมี ส่วนผมถ้าไม่รู้จะให้อะไรก็ซื้อช็อคโกแลตให้”
“แล้วคุณไม่รู้เลยหรือคะว่าช็อคโกแลตน่ะมันมีมีนนิ่งอะไร”

“อ้าว มีด้วยหรือฮะ”
“มันก็มีมีนนิ่งว่า คุณหวานเหลือเกินสุดที่รักของผม อะไรทำนองเนี้ย”
วีกิจสำลักเครื่องดื่ม
“ให้ตาย ผมไม่รู้เลยนะนี่”
“มิน่าล่ะ คุณปริมถึงได้เครซี่คุณนัก คุณไปให้ท่าเขาก่อนนี่เอง”
วีกิจค้อน ทั้งสองหัวเราะกัน

พอออกจากคอนโดมุนินทร์ วีกิจก็มานั่งกินเหล้ากับกริบที่ผับ กริบจิบเหล้า วีกิจมองดูรอบๆ ร้าน
“เฮ้อ ไม่มีไอ้สิทธิ์เหงาๆ ยังไงไม่รู้”
“สนอะไรกับไอ้สิทธิ์ ในเมื่อแกมีมุตตาแก้เหงาอยู่ทั้งคน ไง เมื่อกี้ก็เพิ่งมาจากคอนโดเขาใช่ไหม”
“เออว่ะ เฮ้ย อย่าลืมวันเกิดข้านะ ข้าชวนตาไปด้วย คราวนี้เอ็งจะได้เจอเขาอีกหน คราวนี้เอ็งจะได้ประเมินเขาอย่างที่เขาเป็นจริงๆ”
“นี่เอ็งจะเปิดตัวเขากับทุกคนว่าเป็นแฟนกันหรือ”
“ก็คิดอยู่”
“แต่แม่เอ็งรับไม่ได้ เพื่อนเอ็งรับไม่ได้ ญาติเอ็งทั้งบ้านรับไม่ได้ อาจมีรับได้อยู่คนเดียวคืออาภพของเอ็ง”
วีกิจอึ้งถอนใจยาว
“มีแต่ผู้ชายเท่านั้นหรือวะที่ทำตัวสกปรกแค่ไหนก็ได้ แต่กับผู้หญิงมันกลายเป็นตราบาปไปตลอดชีวิตหรือ”
“โลกนี้ผู้ชายเป็นคนตั้งกฏมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว แม้แต่เอ็ง เอ็งแน่ใจหรือว่าเอ็งไม่รู้สึกอะไร ตอนนี้เอ็งยังรักยังหลง อะไรแย่ๆ เอ็งก็มองข้ามไปหมด แต่พออะไรๆ หวือหวามันจางลงแล้ว เอ็งก็จะเริ่มตั้งคำถามว่าเขาดีพอหรือ
เอ็งเลือกผิดหรือเปล่า”

วีกิจอึ้งอีก
วันต่อมาที่บ้านเจนภพ ทุกคนในบ้านเฮพร้อมกัน ฉีดสายรุ้งใส่ต่อที่ยืนอยู่กลางห้อง นพนภา ต้อง ต้อม แต้ว ยายแหวง เฮกันทั้งบ้าน เจนภพยืนยิ้ม ดูอยู่ห่าง ๆ

“ในที่สุดลูกแม่ก็ทำสำเร็จนะ ได้รับเลือกเป็นหนึ่งในทูตเยาวชนวัฒนธรรม”
“แล้วไปกี่ประเทศล่ะ”
“สามครับ เริ่มต้นที่ญี่ปุ่นก่อน”
ทั้งหมดเฮกันอีกครั้ง
“นี่คุณ จะไม่แสดงความยินดีกับนายต่อบ้างเหรอ”
“ดีใจด้วย แกฉลาดเหมือนฉัน เรียนหนังสือเก่งได้ที่หนึ่งเหมือนกัน ได้เลือดพ่อไปเยอะ”
“ไม่จริงหรอกครับ”
เจนภพหน้าเจื่อนไป นพนภายิ้มเยาะ แต้วและต้อมวิ่งออกไปนอกห้อง แล้วกลับมาพร้อมต้อมถือเค้กอันใหญ่ แต้วช่วยประคองมา เค้กจุดเทียนเล่มเดียว ทุกคนเฮ ปรบมือ
“โอ้โฮ แม่ครับ”
“สำหรับลูกสุดที่รักของแม่จ้ะ”
ต่อตัดเค้กให้ทุกคน ต้องเข้ามาช่วยแบ่งใส่จานส่งให้พ่อและแม่ ต้อมขอทานตรงที่มีตุ๊กตา
“เฮ้อ นานๆ เห็นทีนะป้า” แต้วคุยกับยายแหวง
“เห็นอะไรวะ”
“ก็เห็นทุกคนในบ้านรักกันน่ะซี ปรกติเห็นแต่จะฆ่ากัน”
“เออว่ะ อย่างนี้ต้องซื้อหวย ตีเลขให้ข้าหน่อยนะ”

ส่วนที่บ้านวีกิจ สร้อยคำนั่งดูข่าวเช้า วีกิจหาวหวอดลงมา เดินเข้ามายิ้มอย่างประจบ สร้อยคำมีอาการหมางเมิน
“ข้าวต้มเหรอครับแม่” มีเสียงสรวลเสเฮฮามาจากบ้านเจนภพ “บ้านนั้นมีฉลองอะไรกันหรือฮะ”
“ตาต่อฉลองได้รับเลือกเป็นทูตเยาวชนอะไรซักอย่าง ส่วนแม่นภาฉลองที่ยกภูเขาออกจากอกได้”
“ทำไมแม่ไม่ไปฉลองกับเขาล่ะครับ”

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 13 วันที่ 2 พ.ย. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager