@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13/2 วันที่ 13 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13/2 วันที่ 13 ต.ค. 55

“งั้นฉันจะเรียกคุณหญิงสุดา” กรรณนรีขู่
“ก็เรียกสิ” สรวงยั่ว ทำตาเจ้าชู้ กรุ้มกริ่มใส่ พร้อมกับดันตัวกรรณนรีไปทางห้องน้ำ “คราวนี้ฉันจะอยู่กับเธอในห้องน้ำ ในสภาพนี้เลย”
กรรณนรีมองหน้าสรวง เห็นสรวงยิ้มยั่ว แถมทำหน้าทะเล้น คุยฟุ้ง
“ผ้าเช็ดตัวผืนเดียว เซ็กซี่อย่าบอกใคร”
“ใช่!” กรรณนรียิ้มหวาน ช้อนตาขึ้นมองสรวง “เซ็กซี่มากค่ะ”
จังหวะนั้นเอง มือของกรรณนรีกระตุกผ้าเช็ดตัวสรวงอย่างแรง สรวงร้องลั่น รีบเอามือกุมเป้าซ่อนตัวอยู่ในห้องน้ำ ขณะที่กรรณนรีหัวเราะคิก บอกขำๆ ที่ได้แกล้งสรวง
“เก่งจริงก็วิ่งตามมาเลย ชีเปลือย!”

กรรณนรีรีบวิ่งหนีออกไป สรวงหน้าร้อนผ่าว
“เป็นผู้ชาย จะอายทำไมวะ”

สรวงก้มลงมองสารรูปตัวเอง ก่อนจะพึมพำเสียงจ๋อย “เออ...น่าอายจริงๆ ว่ะ”
นิคไม่มีกะจิตกะใจทำงานทั้งเซ็งทั้งเหนื่อยหน่าย ไม่นานต่อมานิคเดินหน้าม่อย ท่าทีเหงาๆ มาตามทางในสวนสาธารณะที่เคยมากับสองสาว ก่อนจะมาหยุดนั่งเล่นอยู่ริมน้ำ

จังหวะหนึ่งนิคหยิบก้อนหินข้างๆ ตัว ขว้างลงไปอย่างเบื่อๆ สะท้อนใจเมื่อหวนคิดถึงภาพความหลัง ตอนเพื่อนทั้งสามคนเคยสุขด้วยกัน



ภาพตอนที่สามคนเลิกงาน มาเดินเล่นในสวนสาธารณะ เดินกันมากินกันไป แย่งขนม ลูกชิ้นปิ้งกิน หัวเราะสนุกสนาน
จังหวะต่อมาหนึ่งชายสองหญิงมานั่งเล่นกันที่สนามเด็กเล่น แกล้งกันไปมา แถมเล่นแรงๆประสาเพื่อน
อีกครั้งตอนที่นิคนั่งเศร้าเซ็งเบื่อโลกอยู่ริมน้ำ สักพักมะยมเดินมานั่งข้างๆ ยื่นอมยิ้มให้ พร้อมกับยิ้มแฉ่ง และกรรณนรีก็ตามมานั่งข้างๆ พร้อมยื่นแก้วน้ำให้
สองสาวยิ้มให้นิค ทำท่าไฟต์ติ้ง-สู้ตาย เชียร์อัพ จนนิคยิ้มออกมาได้

นิคนั่งหงอยอยู่คนเดียวที่ริมน้ำที่เก่า มองซ้ายมองขวา วันนี้ไม่มีทั้งมะยม ไม่มีกรรณนรีแล้ว
ยิ่งคิดก็ยิ่งเศร้า นิคถอนหายใจเฮือกๆ ตระหนักชัดว่าวันเวลาเก่าๆ โมงยามแห่งความสุขคงไม่หวนคืนกลับมาแน่แล้ว

นิคไม่ได้ทะเลาะกับมะยม เพียงแต่หลังๆ มานี้ มะยมไปสนิทสนมกับนพ จึงทำให้ห่างเหินกัน และนิคก็ไม่รู้ความเคลื่อนไหวของมะยมเหมือนก่อน นิคเลยเหมือนอยู่ตัวคนเดียว

ภายในร้านอาหารยามนั้น สองคนนั่งทานข้าวด้วยกัน นพตักอาหารให้มะยม แสดงท่าทีเปิดเผยว่าจีบมะยมมองจ้อง จนนพต้องถาม
“มีอะไรเหรอครับ”
มะยมถามซีเรียส “กาวบอกฉันว่าคุณมีภรรยาแล้ว จริงหรือเปล่า”
นพอึกอัก และพูดบอกความจริงครึ่งเดียว “มีครับ แต่ผมเลิกกับเค้าแล้ว”
มะยมถอนหายใจโล่งอก “ขอโทษนะคะที่เสียมารยาท แต่ฉันจำเป็นต้องถาม เพราะฉันไม่อยากทำลายครอบครัวใคร”
“ครับ” นพหน้าเจื่อนไปนิด ก่อนตักอาหารให้มะยม ท่าทางของมะยมเปิดใจมากขึ้น

กรรณนรีเดินตามทาง มุ่งหน้าสู่โรงพยาบาล
“แทนที่จะได้เจอคุณหญิงสุดา...ไม่น่าเจออีตาสรวงบ้าเลยจริงๆ”
กรรณนรีได้แต่บ่นอยู่อย่างนั้น

ตกกลางคืนสรวงครุ่นคิด ดวงตาไม่ได้มองกรรณนรีในแง่ร้ายแล้ว
“ที่กรรณรีกลับมาที่นี่ ต้องมีอะไรแน่ๆ”
สรวงนิ่งคิด แต่ยังคิดไม่ตกมันคืออะไร?

ที่โรงพยาบาลแฉล้มยังนอนไม่ได้สติ กรรณนรีมอง
“น่าสงสารจังเลยนะคะ”
“เท่าที่พ่อรู้จัก แฉล้มไม่มีใคร? พ่อแม่ก็ตายไปนานแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี”
“แต่ตอนทำประวัติ กาวใส่ชื่อแม่เป็นเพื่อน เผื่อทางโรงพยาบาลจะติดต่อ”
เกริกนึกบางอย่างได้ “งั้นเดี๋ยวพ่อโทร.บอกแม่ดีกว่า แฉล้มจะได้มีคนดูแล”
กรรณนรีตกใจมาก เกริกเดินออกไป กรรณนรีรีบตาม

ด้านภาพิศกดมือถือ นึกสงสัยที่ติดต่อแฉล้มไม่ได้
“ทำไมคุณแฉล้มไม่รับสาย ติดต่อก็ไม่ได้” เสียงมือถือดัง ภาพิศสะดุ้ง ดีใจ
นึกว่าแฉล้ม จะรับแต่ชะงักกึก “พี่เกริก” ภาพิศไม่รับ
เกริกอยู่ที่โรงพยาบาล มองโทรศัพท์หน้าเจื่อน กรรณนรีเดินออกมาอย่างกังวล กลัวจะเจอภาพิศ
“แม่ว่ายังไงบ้างพ่อ? แม่จะมาเยี่ยมคุณแฉล้มมั้ย?” กรรณนรีหยั่งเชิง เพราะถ้ามาจะได้ไม่อยู่
“แม่ไม่รับสาย...คงไม่อยากคุยกับพ่อน่ะ กาวไปบอกแม่หน่อยไปลูก”
กรรณนรีอิดออด “แต่กาว”
“เถอะน่า..ช่วยหน่อยแล้วกัน คุณแฉล้มไม่มีใคร”
“แต่พ่อห้ามบอกแม่นะ ว่ากาวเป็นลูก” เกริกมองหน้ากรรณนรีปด “กาวไม่อยากไปยุ่งเกี่ยวอะไรกับแม่อีก”
เกริกพยักหน้า “พ่อเข้าใจ แต่ยังไงกาวต้องระลึกอยู่เสมอนะลูก ต่อให้แม้ไม่ได้เลี้ยงดูกาว ยังไงแม่ก็คือแม่”
“ค่ะ”

กรรณนรีรับปากพ่ออย่างไม่เต็มคำ
เช้าวันต่อมากรรณนรีพาตัวเองมายืนอยู่หน้าประตูคฤหาสน์ภาพิศ ซึ่งภาพิศเห็นจากกล้องวงจรปิด

ภาพิศตาลุกวาวโกรธเกลียดมาก “นังศุภาวีร์” เดินออกมา
กรรณนรีกดกริ่งที่หน้าประตู น้อยยินเสียงจะมาเปิด ภาพิศเดินออกมาร้องบอก
“ไม่ต้อง ฉันเปิดเอง” เดินไปกระชากประตูออก เห็นกรรณนรี “เธอกล้ามากเลย
นะก้าง ที่ยังหน้าด้านมายืนอยู่ตรงนี้น่ะ”
“ฉันไม่ได้มารบกวนค่ะ แค่มาแจ้งข่าว คุณแฉล้มถูกทำร้าย ตอนนี้อยู่ที่โรงพยาบาล
“ฝีมือเธอล่ะสิ” ภาพิศผลักกรรณนรีด้วยโทสะ “เธอโกรธใช่มั้ย ที่แฉล้มไปตามหาบ้านเธอน่ะ ถึงได้ทำร้ายแฉล้ม ทำไมเธอร้ายกาจอย่างนี้ศุภาวีร์”
ภาพิศขยุ้มผมกรรณนรี ทั้งโกรธทั้งเกลียดอยู่แล้ว เห็นหน้าก็หมั่นไส้ อยากตบ
“ปล่อยฉันค่ะปล่อย”
ภาพิศขยุ้ม “ไม่ปล่อย เธอรนหาที่เอง รู้ไว้ด้วยแค่เห็นหน้าเธอฉันก็ขยะแขยง ทำเป็นแอ๊บ ใส่ซื่อ ที่แท้ก็ร้ายกาจที่สุด ฉันเกลียดเธอศุภาวีร์ ฉันเกลียดเธอ”
ภาพิศขย้ำกรรณนรี ขยุ้มผม กรรณนรีร้องให้ปล่อย สองคนยื้อยุดฉุดกระชากกันไปมา
สร้อยคอกรรณนรีหล่นโดยไม่รู้ตัว กรรณนรีผลักภาพิศออก ภาพิศเซไปชนรั้วบ้าน
ภาพิศโกรธจัด “นังศุภาวีร์” ถลันเข้ามาจิกผมตบ
กรรณนรีร้องขอ “อย่าค่ะอย่า”
ภาพิศขู่คำราม “ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากตายอยู่ตรงนี้” พร้อมกับแผดเสียงกรี๊ดใส่ “รู้ไว้ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ”
กรรณนรีมองหน้าภาพิศ เสียใจเหลือแสน ภาพิศยิ่งมองยิ่งเกลียด
“อย่ามาบีบน้ำตา แถวนี้ไม่มีผู้ชายให้เธอออดอ้อน คนดัดจริต” จะตรงเข้ามาตบอีก กรรณนรีวิ่งหนีเตลิดไปอย่างเจ็บปวดร้าวราน
ภาพิศมองตามโกรธเกลียดแต่ลึกๆ กลับรู้สึกเสียใจอย่างประหลาด เสียความรู้สึก หายใจหอบเหนื่อย
ภาพิศน้ำตาคลอเสียใจ “เธอไม่น่าทำร้ายฉันเลยก้าง ไม่น่าเลย”
ภาพิศร้องไห้โฮออกมา น้อยวิ่งมาหา
“คุณหญิง...คุณหญิงเป็นยังไงบ้าง”
“ฉันไม่เป็นไร...ถ้าเด็กคนนั้นมาอีก ไม่ต้องไปสนใจ” จะเดินเข้าบ้าน
น้อยมองตามกรรณนรีแววตาเกลียดชัง แต่ต้องชะงักเมื่อเห็นสร้อยตกอยู่ที่พื้น
“คุณคะสร้อยหล่น”
ภาพิศหันมามอง น้อยยื่นสร้อยให้ตรงหน้า ภาพิศเบิกตาโพลง หน้าซีดราวกับกระดาษ มือสั่นระริก ขณะคว้าสร้อยมาดู จดจำมันไม่อย่างแม่นยำถึงที่มาสร้อยเส้นนี้

วันนั้นเมื่อในอดีตสร้อยเส้นนั้นอยู่ในมือภาพิศขณะยังเป็นนุดีเมื่อวัยสาว และยังไม่มีลูกภาพิศยื่นสร้อยให้เกริกดู
“ฉันทำสร้อยเป็นพิเศษให้พี่จ้ะ...มีเส้นเดียวในโลก”
เกริกยิ้มกริ่มปลื้มใจ “โห!ขนาดนั้นเชียว มีเส้นเดียวในโลก”
“ก็ฉันตั้งใจทำพิเศษให้พี่นี่...พี่ต้องสวมไว้ตลอด อย่าถอดนะ เพราะสร้อยเส้น
นี้จะช่วยปกป้องอันตราย คุ้มกันภัยให้กับพี่”
“จ้ะ”
ภาพิศสวมสร้อยให้เกริกใบหน้ายิ้มแย้ม

ภาพิศดึงตัวเองกลับมา หน้าซีดขาวราวกับกระดาษ ตกใจมาก
“สร้อยของเราอยู่กับเด็กคนนั้นได้ยังไง? ก้าง...” เสียงภาพิศสั่นสะท้าน ใจจะขาดรอนเมื่อปะติดปะต่อเรื่องราวก่อนจะเอ่ยชื่อลูกสาวที่ทิ้งมานานออกมา
“กาว”
ภาพิศมือไม้สั่นลนลานกดมือถือ
ขณะที่กรรณนรีวิ่งร้องไห้อยู่ที่ข้างทาง ตะโกนก้องร้องร่ำอยู่ในใจ
“แม่...กาวขอโทษ..กาวขอโทษ”
เสียงมือถือดัง กรรณนรีหยิบมาดูเห็นเป็นเบอร์ภาพิศ นึกถึงคำพูดที่จงเกลียดจงชัย พร้อมกับขู่ฆ่า ดังก้องในหัว
“ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้ ถ้าไม่อยากตายอยู่ตรงนี้” ภาพิศแผดเสียงกรี๊ดใส่ “รู้ไว้ฉันเกลียดเธอ ฉันเกลียดเธอ”
กรรณนรีได้แต่มองไม่กล้ารับสาย ภาพิศใจจะขาดเสียให้ได้
“พี่เกริก” นึกได้รีบกดหาเกริก ทว่ายินเพียงเสียงลอดออกมา ว่าเกริกปิดเครื่อง
ภาพิศทำท่าราวกับจะขาดใจรอนๆ

ภาพิศทนไม่ไหว ขับรถมาจอดที่หน้าบ้านเกริก พร้อมกับวิ่งไปทุบประตู ร้อนรนตกใจตื่นเต้น
“พี่เกริกๆๆๆ เปิดประตูเดี๋ยวนี้ เปิดๆๆๆ” ภาพิศทุบประตูบ้านอย่างบ้าคลั่ง
สองป้าเดินมาชะโงกหน้ามอง เห็นด้านหลังภาพิศ
“ทุบอะไรคู้ณ...เดี๋ยวบ้านเค้าก็พังหรอก” ตั๊กแตนโวยใส่
ภาพิศหันมา สองป้าตกใจ
“นุดี..นี่นุดีจริงๆเหรอ?” จักจั่นมองเหมือนมองดารา “โห ทำไมสวยอย่างนี้”
ตั๊กแตนมองไม่วางตา “จริงด้วย ยังกับดารา สมกับได้ผัวรวยจริงๆ เลย”
ภาพิศชักเริ่มไม่พอใจ พูดเสียงแข็ง “ฉันมาหาพี่เกริก พี่เกริกไม่อยู่เหรอ”
“บ้านปิดก็คงงั้นมั้ง...” จักจั่นบอก
ตั๊กแตนถามตามประสา “เลิกกับท่านนายพลแล้วเหรอ? ถึงได้กลับมาหาพ่อเกริก”
สองป้ามองท้องของภาพิศแบบอยากรู้อยากเห็น
ภาพิศสุดจะทนไหว ถามลอยๆ “คนชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเค้าเรียกว่าอะไรนะป้า”
สองป้าจ๋อย ค่อยๆ เดินออกไป ภาพิศทรุดตัวลงนั่งอย่างอ่อนแรง และเริ่มกระวนกระวาย เสียงมือถือดัง
ภาพิศกดรับ “ค่ะ..ฉันภาพิศค่ะ....” นิ่งฟังสีหน้าดีใจ “คุณแฉล้มฟื้นแล้ว ฉันจะรีบไปเดี๋ยวนี้ค่ะ”

ภาพิศลุกขึ้นมองรังรักหลังเก่า หงุดหงิดขัดใจที่เกริกไม่มาซักที ก่อนจะเดินหงุดหงิดออกไปในที่สุด
ครู่ต่อมาภาพิศเปิดประตูห้องพักแฉล้มเข้ามาด้วยท่าทางร้อนรนร้อนใจ พุ่งตรงไปที่เตียง ที่แฉล้มยังมีท่าเจ็บปวดมึนหัวอยู่

“คุณแฉล้ม..เป็นไงบ้าง?”
“เจ็บ” แฉล้มบอกพลางนิ่วหน้า ยังไม่ได้สติเต็มร้อย
ภาพิศจับไหล่แฉล้มถามคาดคั้นเสียงรัวเร็วอย่างร้อนใจ “คุณเจอบ้านเด็กคนนั้นมั้ย คุณเจอบ้านเด็กคนนั้นรึยัง”
แฉล้มร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด
“โอ๊ย..เจ็บ..คุณฉันเจ็บ”
“คุณตอบฉันมาหน่อยสิ..คุณเจอบ้านเด็กคนนั้นมั้ย พ่อแม่เค้าเป็นใคร ตอบฉันมาเร็ว ฉันอยากรู้”
เสียงแฉล้มร้อง ทำให้พยาบาลที่เปิดประตูเข้ามาจะฉีดยาเห็นตกใจ
“คุณคะ เบาๆ ค่ะ คนเจ็บเพิ่งฟื้น”
แฉล้มร้องครางพร้อมกับเอามือกุมหัว “เจ็บ...ฉันเจ็บ”
“เดี๋ยวฉีดยาแก้ปวด แล้วก็ยานอนกลับให้ค่ะ”
พยาบาลฉีดยาให้แฉล้มก่อนบอกภาพิศ
“คนเจ็บเพิ่งฟื้น คุณต้องให้เค้าพักผ่อนเยอะๆนะคะ อย่าเพิ่งรบกวน”
แฉล้มนอนหลับไป พยาบาลดูอาการอยู่ครู่หนึ่งจึงเดินออกไป ภาพิศหน้านิ่วคิ้วขมวด บ่นอย่างเหลืออด
“นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ แล้วเมื่อไหร่จะรู้เรื่องซักที” ภาพิศกดมือถือ แต่ไม่ติด บ่นอุบ “พี่เกริกนะพี่เกริก ปิดมือถือทำไม”

เวลาเดียวกัน เกริกเดินเข้ามาที่หน้าบ้าน เปิดประตู สองป้าที่ดักรออยู่ก่อนแล้วรีบวิ่งเข้ามาหา
“พ่อเกริก ทำไมไม่เปิดมือถือ ฉันโทร.หาตั้งนาน” จักจั่นถาม
“แบตหมด ลืมชาร์จ มีอะไรล่ะป้า” เกริกว่า
ตั๊กแตนโพล่งออกมา “นุดีมาที่นี่”
เกริกชะงัก “ว่าไงนะ นุดีมา”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 13/2 วันที่ 13 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager