@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 16/4 วันที่ 25 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 16/4 วันที่ 25 ต.ค. 55

“ทำไมจะไม่รู้เรื่อง”
แฉล้มโกรธจัด ดิ้นสุดแรงเกิดจนหลุดจากมือกาวินทร์ พร้อมกับโผนทะยานเข้าหาสุดา กระชากตัวออกจากตัวสรวง ขย้ำ สุดาร้องครวญครางอย่างเจ็บปวด สรวงห้ามเสียงหลง
“อย่าทำแม่ผม อย่า”
แฉล้มบ้าเลือด อาละวาดและไม่ยอมปล่อย “บอกมา แกบอกมา..แกพาเพื่อนฉันไปไหน”
สรวงกระชากร่างแฉล้มออก พูดเสียงดุดัน “อย่ามาหยาบคายกับแม่ผม”
แฉล้มเซลงไปกองที่พื้น “คุณสรวง แต่แม่คุณเป็นคนร้ายนะ”

กาวินทร์เสียงเข้ม เผชิญหน้าสรวง “คุณต้องแยกแยะให้ออกคุณสรวง”
สุดาแว๊ดใส่ “จะแยกแยะอะไร พวกแกมันบ้า สรวง...อย่าไปเชื่อมันนะลูก แม่ไม่รู้เรื่องๆ”
สรวงมองด้วยแววตาอ้อนวอน “คุณแม่...ผมขอร้อง...พูดความจริงเถอะนะครับ...ก่อนที่อะไรๆ มันจะแย่ไปกว่านี้”
สุดามองลูกชายด้วยสายตาผิดหวัง ตกใจ และคาดไม่ถึง บีบน้ำตา “ตาสรวง...ลูกเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่”
สุดาวิ่งร้องไห้ออกไป
สุขหฤทัยมองจ้องหน้าสรวง
“อกตัญญู”

ด่าเสร็จสุขหฤทัยก็ผลักกาวินทร์แล้ววิ่งตามสุดาไป สรวงสับสนว้าวุ่นใจ รีบตามไป
สุดาวิ่งร้องไห้มาตามทาง โดยมีสุขหฤทัยตามมากอดตัวไว้ สรวงตามมาสีหน้าเครียดจัดเต็มไปด้วยความสับสน พูดออกมาด้วยท่าทีลำบากใจ



“คุณแม่...ผม”
“ไม่ต้องพูดอะไร ถ้าสรวงเชื่อว่าแม่เป็นคนร้ายอย่างที่เค้าว่า สรวงก็แจ้งตำรวจมาจับแม่สิ”
สุขหฤทัยทำเป็นท้า ผสมโรง “เอาเลยมั้ยคะ ฤทัยจะช่วยกดมือถือให้”
“เอาเลยสรวง เอาเลย” สุดา
สรวงอึดอัด ลำบากใจอย่างยิ่ง “คุณแม่...”
ระหว่างนั้นกาวินทร์ กับแฉล้มวิ่งตามออกมา สองคนมองสุดาอย่างเกลียดชัง และเห็นใจสรวง สุดาร้องไห้สะอึกสะอื้น
“ที่ผ่านมา คนพวกนั้นมันทำลายแม่ ทุกวันนี้มันก็จ้องทำลายแม่ ใส่ร้ายแม่...สรวงยังจะเชื่อมันอีก”
กาวินทร์ กับแฉล้มพูดไม่ออก ขณะที่สรวงว้าวุ่นใจ
“เอาสิ..เอาเลยถ้าสรวงเชื่อคนอื่นมากกว่าแม่...สรวงแจ้งตำรวจมาจับแม่เลย”
สรวงอึดอัดลำบากใจมาก หันไปมองแฉล้ม ถาม
“คุณแฉล้ม บอกรูปพรรณสัณฐานคนร้าย รถอะไร ทะเบียนอะไร ผมจะแจ้งตำรวจ”
แฉล้มอึกอัก “ฉันจำไม่ได้” ชี้ไปที่สุดา “คุณหญิงนั่นแหละรู้ดี”
สุดาแหวกลับ “ยังจะมาใส่ร้ายฉันอีก สรวงแจ้งตำรวจเลย แม่จะลากคอนังแฉล้มเข้าคุก มันหมิ่นประมาทแม่”
“ฉันพูดจริงๆ นะคุณสรวง”
สรวงอัดอั้นตันใจร้อง “โธ่เว้ย” แล้ววิ่งผละออกจากตรงนั้นไปอย่างรวดเร็ว
กาวินทร์ตะโกนเรียก “คุณสรวงๆ” แล้ววิ่งตามไป
“คุณทำร้ายคนอื่นไม่พอ คุณยังทำร้ายคุณสรวงอีก” แฉล้มด่าทันที
“ฉันไม่เคยทำร้ายลูก” สุดาตาขวาง อย่างน่ากลัว “มีแต่ทำร้ายคนที่มันทำฉันก่อน อย่างพวก
แก” ลุกพรวดกระชากผมแฉล้มทันที
“คิดว่าฉันจะยอมแกอย่าง คนอื่นเหรอ ไม่มีทาง”
แฉล้มกระโจนเข้ามากระชากผมสุดาตบอย่างแรง สุดาก็ไม่ยอม สองคนตบกันนัว สุขหฤทัยมองหน้าตาสยอง
“โอ๊ย จะหาใครมาช่วยเนี่ย”
สาวแสบนึกบางอย่างออก รีบวิ่งออกไป

สุขหฤทัยมาเคาะประตูห้องเรียกอารักษ์
“คุณลุงคะคุณลุง”
เงียบไม่มีเสียงตอบ สุขหฤทัยตัดสินใจเปิดประตู เห็นว่าอารักษ์ไม่อยู่
“คุณลุงไปไหน” สุขหฤทัยแปลกใจ

อารักษ์ขับรถเตลิดมาจนถึงเขาใหญ่ จอดรถที่หน้าผับละแวกนั้น นั่งดื่มเหล้าจนเมามาย เพ้อพร่ำ รำพันด่าทอตัวเอง
“ทำไม? ทำไมถึงเป็นแบบนี้...เลว แกเกือบทำร้ายลูกแกแล้ว”
อารักษ์จะคว้าแก้วเหล้ามาดื่ม หญิงบริการที่นั่งข้างๆ คว้าแก้วไว้
“เดี๋ยวหนูป้อนนะคะพี่...”
หญิงสาวออดอ้อน ป้อนเหล้าอารักษ์ อารักษ์ดื่มพรวด ก่อนจะระเบิดอารมณ์ออกมา
“กลุ้ม”
“มีหนูอยู่ทั้งคน พี่ไม่ต้องกลุ้มค่ะ” (มองสายตาออดอ้อน)
“สรวง...หนูศุ....ฉันขอโทษ..(อารักษ์ดื่มเหล้าคอพับคออ่อน)

ขณะเดียวกัน กลุ่มคนร้ายนั่งอยู่บนรถตู้ คนขับพารถแล่นทะยานไป มุ่งหน้าสู่จุดหมาย หนึ่งในวายร้ายมองสองแม่ลูกด้วยสายตาหื่นกระหาย
“สองคนนี้มันน่า...”
“อย่านะเว้ย....เดี๋ยวเป็นเรื่องใหญ่ แกก็รู้คุณหญิงสุดาเป็นคนยังไง” อีกคนเตือน

ทางด้านแฉล้มกับสุดาตบกันยังไม่เลิก จังหวะนั้นแฉล้มตบสุดาลงไปนั่งกองกับพื้น แฉล้มตามกระชากผม
“อย่าคิดว่าคนอื่นสู้คุณไม่ได้ บอกมา...แกเอาคุณภาพิศไว้ไหน”
มือของสุดาควานไปเจอก้อนหินที่ด้านหลัง “ไว้ในนรกไง”
สุดาเอาก้อนหินเหวี่ยงเข้าที่ศีรษะแฉล้มอย่างแรง...แฉล้มร้อง “โอ๊ย” ออกมาคำเดียวก็หมดสติไป
“แกรนหาที่เอง นังแฉล้ม”
สุดาเดินกลับเข้าไปในห้อง หยิบกระเป๋าล้วงเอามือถือออกมา
“ส่งคนมาหาฉันด่วน”
สุขหฤทัยหลบมุมแอบมองด้วยความสยอง นับวันก็ยิ่งกลัวสุดา

สรวงขับรถตามหาภาพิศและกรรณนรี โดยมีแก้วตามมาด้วยกัน ก่อนเบนรถเข้าข้างทาง
“ผมมืดแปดด้านจริงๆ ไม่รู้จะไปตามกาวกับคุณภาพิศที่ไหน”
กาวินทร์มองสรวง ถามจริงจัง “คุณเชื่อใช่มั้ย..ว่าแม่คุณ”
สรวงไม่อยากคุยเรื่องแม่ จึงตัดบทน้ำเสียงกร้าว “ผมไม่รู้...รู้แต่ผมต้องตามคุณภาพิศกับกาวให้เจอ”
จากนั้นสรวงก็ขับรถไปต่อ

สรวงขับรถมาตามทาง กับกาวินทร์ สองหนุ่มพยายามตามหากรรณนรีกับภาพิศจนดึกดื่น แต่ไม่มีวี่แวว
สรวงเครียดจัด ครุ่นคิดอยู่ในใจ “พ่อจะรู้บ้างมั้ย พ่อเป็นคนเอาไฟเข้าบ้าน พ่อเป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง”
ทางด้านอารักษ์ในสภาพเมามาย กำลังเสพสุขเริงโลกีย์อยู่กับหญิงบริการนางนั้น

สรวงกลับมาถึงรีสอร์ทในตอนเข้า กำลังเดินเข้าไปที่บ้านพัก เจอพนักงานเดินมาบอกพอดี
“คุณสรวงคะ...คุณหญิงกลับไปแล้วนะคะ”
สรวงหน้าเครียด กลุ้มหนัก ไม่ต่างจากกาวินทร์นัก จังหวะนั้นอารักษ์เพิ่งมาถึง และเดินเข้ามาหาสองหนุ่ม
“มีอะไรกันสรวง”
“คุณแฉล้มบอก..แม่ลักพาตัวคุณภาพิศกับกรรณนรี”

อารักษ์ตกใจแทบช็อก หน้าซีดเผือด

เช้าวันต่อมา ที่ไร่ชลาลัย สถานที่ซึ่งสุดาสั่งให้นำสองแม่ลูกมาคุมขังไว้ แฉล้มซึ่งถูกตีหัวแตกและยังสลบอยู่ ถูกลูกน้องของสุดาช่วยกันแบกเข้ามาในกระท่อม ที่ภาพิศกับกรรณนรีนอนหมดสติกันอยู่คนละมุม ลูกน้องสุดานำร่างแฉล้มมาวางไว้อีกมุมหนึ่ง ก่อนร้องบอกกัน

“คุณหญิงบอกให้มัดพวกมันเอาไว้”

กลุ่มคนร้ายทยอยกันไปมัดมือมัดเท้าทั้งสามคน ก่อนจะเหวี่ยงร่างไปให้พิงฝากระท่อม
เวลาเดียวกันสุดากลับมาที่คฤหาสน์ ด้วยหน้าสาแก่ใจ ในขณะที่สุขหฤทัยซึ่งแวะมาหามีท่าทางกระสับกระส่าย ตื่นตระหนก หวาดหวั่นตลอดเวลา สุดาสังเกตเห็น พูดปรามเสียงดุ

“เลิกทำท่าแบบนี้ได้แล้วฤทัย น้าไม่ชอบ แล้วก็หุบปากให้สนิท ไม่ว่าจะรู้เห็นอะไร ไม่อย่างนั้น” ขณะพูดสุดายิ้มนิดๆ ดวงตาวาววับน่ากลัว ขู่อยู่ในที “น้าคงไม่ต้องบอกใช่มั้ย...ว่าฤทัยจะต้องเจออะไร”
“งั้นฤทัยกลับเลยนะคะ”
สุดาพยักหน้าให้ สุขหฤทัยสยองรีบเดินออกไปอย่างว่องไว
“ไม่มีใครช่วยพวกแกได้หรอก”
สุดายิ้มเยาะ พร้อมกับหัวเราะออกมาอย่างสาแก่ใจ

มะยมอยู่ที่ออฟฟิศสตาร์อินเทรนด์ พยายามโทร.ติดต่อกรรณนรี หน้านิ่วคิ้วขมวด
“ทำไมไม่รับสายซักทีวะ”
“กาว หรือไอ้คุณนพ” นิคเหน็บ
“ก็กาวน่ะสิ....ฉันจะโทร.หาคุณนพทำไม”
“ใช่...เพราะไอ้คุณนพมันโทร.หาแกตลอด” คราวนี้นิคเปลี่ยนเป็นแขวะ
มะยมมองนิคอย่างฉงน “จู่ๆ ก็มาเหน็บฉันตลอด เป็นบ้าอะไรวะนิค”
“บ้าตรงไหน? ฉันเตือนสติแก แกจะได้จำได้ขึ้นใจ ว่าคนที่แกกำลังคุยด้วย มันสามีคนอื่น”
นิคเดินหนีออกไปเลย มะยมอึ้ง หน้าเสีย

ส่วนที่คอนโดของนพ ซึ่งสภาพไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา เป็นคอนโดพักอาศัยธรรมดา นพกำลังแต่งตัวอยู่ในห้อง เสียงเคาะประตูดังขึ้น นพขมวดคิ้วสงสัย ก่อนเดินมาเปิดประตูแล้วก็เห็นนายืนยิ้มเย้ยอยู่หน้าประตู
นพถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย ขณะที่นาเดินช้าๆ เข้ามาในห้องกวาดสายตามองเหยียด พูดน้ำเสียงหยัน
“ฉันก็นึกว่าออกมาจากบ้านฉัน...แล้วจะอยู่ดีมีสุข ที่ไหนได้อยู่ห้องเท่ารูหนู”
นพถอนหายใจ ข่มอารมณ์พูดด้วยดีๆ เพราะไม่อยากทะเลาะ “งั้นคุณก็คิดถูกแล้วล่ะ เพราะผมอยู่ที่นี่ ผมมีความสุข”
นาแหวใส่ ตะคอกข่ม “แล้วตอนที่อยู่กับฉัน คุณไม่มีความสุขรึไง”
นพบอกด้วยท่าที่เหนื่อยใจ “ใช่”
นากรี๊ดอีกใส่ ตรงเข้ามาทุบตีนพ “คุณนพ ทำไมคุณกล้าพูดจากับฉันอย่างนี้ ลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นใคร”
นพจับเหวี่ยงออกให้หยุด “เลิกถามได้แล้วว่าคุณเป็นใคร คุณก็เป็นแค่คนๆ หนึ่ง เหมือนคนอื่นๆ นั่นแหละ”
นาโมโห “คุณนพ”
“ผมไม่รู้ว่าคุณจะตามมาด่าผมอีกทำไม ทั้งๆ ที่เราเลิกกันไปนานแล้ว” สุ้มเสียงนพเข้ม แต่ไม่ก้าวร้าว “พอได้แล้ว จบได้แล้ว หย่าให้ผมได้แล้ว”
นามองมาอย่างโกรธแค้น “อยากหย่าก็เอามาให้ฉันสิบล้าน”
“10 ล้าน” นพตกใจ
นาพูดต่อด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย “ซึ่งน้ำหน้าอย่างคุณ ไม่มีวันหาได้หรอก”
“มันก็จริง เพราะถ้าผมมีเงิน10 ล้าน ผมก็ยินดีจะให้คุณ...เพื่อที่เราจะได้จบๆ กันไปซักที ถึงแม้ตอนนี้คุณจะไม่มีค่าเท่ากับเงินแม้แต่บาทเดียว”
นากรี๊ดลั่น “คุณนพ” ตรงเข้ามาทุบตีพัลวัน
นพผลักออก มองจ้องหน้า “พอได้แล้ว หย่าให้ผมได้แล้ว”
“ฉันไม่หย่า จะกอดทะเบียนไว้อย่างนี้แหละ คุณจะทำไม”
พูดจบนาเดินฉุนเฉียวออกไป นพมองตามอย่างเหนื่อยใจ

นาเดินออกมาตามทาง พร้อมโทรศัพท์
“แกรีบมาเฝ้าผัวฉัน” พูดจิกหัวสั่ง “มันไปไหน มาไหน กับใคร รายงานฉันตลอด”
นาวางสาย สีหน้าขัดอกขัดใจมาก

สองพ่อลูกคุยกันอยู่ ภรตถามบุญยิ่งด้วยความอยากรู้ ปนร้อนใจ
“เรื่องกาว ตกลง...คุณอารักษ์ ว่ายังไงครับพ่อ”
“พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ตั้งแต่วันนั้นยังไม่ได้คุยกันเลย”
ภรตกังวลไม่หาย “แล้วเรื่องมันจะจบยังไงครับเนี่ย”
“พ่อคงเข้าไปยุ่งเกี่ยวอะไรไม่ได้ ก็ได้แต่หวัง ให้อารักษ์คิดได้...ว่าอะไรถูกอะไรผิด จะได้ไม่เกิดเรื่องยุ่งๆไปกว่านี้”
สองพ่อลูกได้แต่ทำหน้าหนักใจ

บนถนนมุ่งหน้าสู่กรุงเทพฯ อารักษ์อยู่บนรถกับสรวง และกาวินทร์ ต่างคนต่างเครียด อารักษ์สั่งคนขับรถเสียงเข้ม
“ขับให้เร็วกว่านี้อีก...เร็วกว่านี้ ฮึ้ย”
กาวินทร์ตัดสินเอ่ยขึ้น ท่าทีลำบากใจ “ผมขอแจ้งตำรวจ”
สรวงกับอารักษ์หันขวับมามอง สรวงขอร้อง
“ผมขอร้องล่ะนะครับ...”
“แต่น้องสาวผม แม่ผม”
“ฉันขอร้อง สรวงโทร.หาแม่อีก จนกว่าแม่จะรับ” อารักษ์ขอร้องอีกแรง
สรวงก้มหน้าก้มตากดโทรศัพท์มือระวิง จนอารักษ์ถาม
“แม่ไม่รับสายเลยเหรอ”
“ครับ”
อารักษ์กลุ้มปนกังวล “คุณหญิงอย่าทำอะไรที่มันเลวร้ายไปกว่านี้เลย”
ทุกคนเครียดจัด

จังหวะที่สุดาขับรถออกไปพ้นคฤหาสน์ รถกลุ่มอารักษ์แล่นเข้ามาหน้าบ้าน ทันทีที่รถจอดอารักษ์ สรวง และกาวินทร์ ต่างรีบลงรถ ท่าทีร้อนอกร้อนใจ อารักษ์กวาดสายตามองไปที่จอดรถ เห็นว่ารถสุดาไม่อยู่ อารักษ์มองสรวง
“แม่ไม่อยู่”
กาวินทร์ร้อนใจยิ่งขึ้น “ตามหาใครไม่ได้อย่างนี้ ผมคงต้องขอแจ้งความ”
อารักษ์กับสรวงท่าจะพูด กาวินทร์ร้องห้าม
“ผมเย็นไม่ไหวแล้วครับ ป่านนี้แม่ผม น้องผมจะเป็นยังไง ถึงตอนนี้แล้ว ผมจำเป็นต้องแจ้งความ”

เกริกฟังลูกชายเล่าเรื่องจบก็ตกใจหน้าซีดเผือด อาการโรคหัวใจกำเริบ ยกมือกุมหน้าอก กิริยาเจ็บปวด
“แจ้งความ? แก้วต้องแจ้งความให้เร็วที่สุด ไปเลยไปเดี๋ยวนี้”
กาวินทร์ตกใจเข้ามาประคอง “แต่พ่อ”
เกริกกัดฟัน พูดอย่างยากเย็น “พ่อไม่เป็นไร...แต่ที่พ่อไม่เข้าใจ เรื่องใหญ่ขนาดนั้น ทำไมแก้วกับกาว ถึงไม่บอกพ่อ แต่ปล่อยเอาไว้ จนเรื่องมันบานปลายขนาดนี้....รีบไปแจ้งความเลย ไป” เกริกทำท่าจะเดินไป แต่ไม่มีแรงล้มทรุดลงไปกับพื้น
“พ่อ...” กาวินทร์ตกใจหนัก
เกริกกัดฟัน รู้สึกเจ็บมากกว่าเดิม “พ่อไม่เป็นไร...” คอแห้งผากแทบไม่มีเสียง “ไป”
เกริกพูดได้แค่นั้นก็เดินต่อไม่ไหว แก้วร้องออกมาด้วยเป็นห่วง
“พ่อ”
สองป้าเดินถือถ้วยแกงเข้ามาในบ้านพอดี
“ว้าย!พ่อเกริก เป็นอะไร” สองป้าเงอะงะตกใจ ทำตัวไม่ถูกจนขวางทางไว้
“ป้า..ขอทางหน่อย ผมจะพาพ่อไปโรงพยาบาล”
แก้วประคองเกริกเดินออกไป สองป้าหลีกทางอย่างรวดเร็ว แต่มองตามสีหน้าตื่นตกใจ
“มันมีอะไร พ่อเกริกถึงได้หัวใจกำเริบ” ตั๊กแตนปรารภ
จักจั่นออกความเห็น “ต้องเป็นเรื่องใหญ่แน่ๆ เลย”
สองป้าตื่นตระหนกตกใจไม่ต่างกัน

ไม่นานนัก เกริกนอนอยู่บนรถเข็น ถูกนำตัวเข้าห้องฉุกเฉิน มีกาวินทร์คอยจับมือให้กำลังใจ
“อย่าเป็นไรนะพ่อ พ่อต้องไม่เป็นอะไร”
“ญาติรออยู่ข้างนอกก่อนครับ” บุรุษพยาบาลบอก
เกริกถูกเข็นเข้าห้องฉุกเฉิน กาวินทร์มองตาม เป็นห่วงพ่อมาก ได้แต่สบถออกมาอย่างหงุดหงิด
“ปั๊ดโธ่เว้ย”

กาวินทร์เดินออกมาหน้าโรงพยาบาล กดโทร.หาสุขหฤทัย ยามนั้นสุขหฤทัยอยู่บ้าน มองมือถือท่าทีลังเลหน้าเจื่อนจ๋อยเมื่อเห็นเบอร์กาวินทร์
“แก้ว...”
กาวินทร์บ่นออกอาการหงุดหงิดงุ่นง่าน
“ทำไมไม่รับสายซักที” ก่อนจะกดโทร.ซ้ำ
เสียงมือถือดังอีก สุขหฤทัยมองด้วยสีหน้าหวาดหวั่น จำต้องรับสาย
“จะโทร.มาบีบคั้นอะไรฉันอีก ก็บอกแล้วไงว่าไม่รู้เรื่อง”
กาวินทร์ออดอ้อนแต่ดุอยู่ในที “คุณรู้”
“ไม่รู้”
“ผมขอร้องล่ะฤทัย...บอกมาเถอะ...คุณหญิงสุดาเอาแม่ผม น้องผมไปไว้ที่ไหน ก่อนที่เรื่องมันจะเลวร้ายมากไปกว่านี้”
สุขหฤทัยสับสน ลังเล ในใจเริ่มหวาดหวั่นแต่ยังทำเป็นปากแข็ง “ฉันไม่รู้”
“งั้นผมคงต้องแจ้งตำรวจ”
สุขหฤทัยอึ้ง
จังหวะนั้นสมหญิง แม่ของสุขหฤทัยเดินเข้ามามองลูกสาวอย่างแปลกใจ
กาวินทร์พูดต่อ เสียงเข้ม
“ฟังนะ..ผมพยายามที่จะไม่ให้มันเป็นเรื่องใหญ่ เพราะผมเห็นแก่ทุกคน แต่ตอนนี้..น้องผม แม่ผมกำลังตกอยู่ในอันตราย และมีคุณเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะแก้ปัญหานี้ได้...บอกมาฤทัย”
สุขหฤทัยเริ่มกลัว “ก็บอกแล้วไง ฉันไม่รู้” กดวางสายไปทันที
กาวินทร์โมโหหนัก “ปั๊ดโธ่เว้ย”

พอวางสายสุขหฤทัยหน้าซีดว้าวุ่น กังวลใจ สมหญิงถามขึ้น
“มีอะไรฤทัย”
สุขหฤทัยสะดุ้งโหยง “คุณแม่”
สมหญิงจ้องเขม็งจับอาการ “แม่ถามว่ามีอะไร”
สุขหฤทัยหน้าเจื่อน

สองแม่ลูกเดินมาคุยกันอยู่ที่อีกมุมในบ้าน สมหญิงตกใจ พูดแทบเป็นตวาด
“ไม่ได้นะฤทัย คุณหญิงสุดาทำผิดขนาดนี้ ลูกต้องบอกทุกคน”
“ลูกกลัว” สุขหฤทัยทำท่าจะร้องไห้
สมหญิง ร้อนรน “แต่ถ้าลูกไม่บอก เดือดร้อนกันหมดทุกคนแน่ รวมทั้งลูกด้วย”
สุขหฤทัยหน้าซีดเป็นกระดาษ ผู้เป็นแม่สำทับอีก เสียงเข้ม
“ตัดสินใจเองแล้วกัน งานนี้ยังไงแม่ก็ไม่เข้าข้างคนผิด”

กาวินทร์ออกอาการหงุดหงิด โมโหเป็นอย่างมาก กดมือถือออกบอกกับตัวเองน้ำเสียงกร้าว
“ไม่สนใจใครแล้วโว้ย...ฉันจะแจ้งตำรวจ”
เสียงมือถือดังขึ้น กาวินทร์กดรับทันที
“ว่าไง”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 16/4 วันที่ 25 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager