@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10 วันที่ 3 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10 วันที่ 3 ต.ค. 55 

 ภาพิศสะบัดออก “อย่ามาถูกตัวฉัน” เสียงดังยิ่งขึ้น “ฉันรังเกียจเธอ ฉันขยะแขยงเธอ”
       กรรณนรีร้องไห้ “คุณภาพิศ....ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับท่านจริงๆ นะคะ”
      “งั้นเธอก็ไปสิ ไปจากท่าน...ถ้าฉันยังเห็นเธออยู่ที่นี่อีก เธอคงรู้ ว่าเธอจะเจออะไร”
       ภาพิศเดินออกไปพร้อมกับปิดประตูดังปัง กรรณนรีร้องไห้เสียใจเป็นอย่างมาก
       ภาพิศหน้าตาบูดบึ้ง ก้าวฉับๆ ไปที่รถแล้วขับออกไป คล้อยหลังภาพิศแค่ไม่กี่อึดใจ สรวง
       ขับรถเข้ามาหน้าตาเต็มไปด้วยความสงสัย ว้าวุ่นใจ ก่อนจะเดินขึ้นไปบนคอนโด
       ในขณะที่กรรณนรีร้องไห้เสียใจ ปิ่มว่าจะขาดใจ จู่ๆ มีเสียงเคาะประตูดังปังๆๆ ติดๆ กัน
       กรรณนรีเหลียวขวับ “คุณภาพิศ”
       กรรณนรีรีบวิ่งไปเปิดประตู แต่แล้วกลับตกใจแทบช็อกเมื่อเห็นสรวงอยู่ตรงหน้า
       “คุณสรวง”      
       สรวงมองจ้องหน้ากรรณนรี แม้จะรู้อยู่แล้ว แต่ก็เจ็บปวดแทบขาดใจ
          ออกจากคอนโดกรรณนรี ภาพิศขับรถมาตามทางสักระยะก็จอดที่ข้างทางแล้วร้องไห้ออกมา ดวงตามีความเสียใจ แค้นใจ และอาฆาตมาดร้าย ก่อนจะหยิบมือถือกดโทร.ออก
     
       ปลายสายเป็นคุณหญิงสุดา ซึ่งยังอยู่ที่บ้าน “ว่าไงคะคุณน้อง”
       “ฉันเห็นคอนโดที่ท่านซื้อให้นังศุภาวีร์แล้วนะคะ”
       สุดาแสร้งทำเสียงเป็นตื่นเต้น “เป็นไงมั่งคะ”
       ภาพิศบอกด้วยน้ำเสียงทั้งเสียใจและเจ็บใจ “สวย หรู...อยู่กลางใจเมือง”
       สุดาร้องอย่างโอเว่อร์แอ็ค “โห! งั้นแสดงว่าท่านหลงนังเด็กนั่นมากกว่าตอนที่หลงคุณ
       น้องอีกนะคะ ขนาดของขวัญชิ้นแรกยังจัดเต็มซะขนาดนั้น นี่ถ้ามันมีลูกกับท่านอีก ลูกของคุณน้องต้องกลายเป็นหมาหัวเน่าแน่ๆ”
       ภาพิศแม้จะเศร้าเสียใจแต่ก็พูดตอบกลับเสียงกร้าว “ฉันจะสู้เพื่อลูกของฉัน...ลูกของฉันต้องได้ทุกอย่างไม่ใช่มัน”
       ภาพิศวางสายสุดาเบ้ปาก พูดคนเดียวตาวาวโรจน์
       “ตาสรวงต่างหากที่จะเป็นคนได้ทุกอย่าง ไม่ใช่พวกแก”
     
       ทางด้านสรวงยังคงมองจ้องกรรณนรีราวกับเห็นสิ่งแปลกประหลาด เพราะถึงจะรู้มาก่อน แต่พอมาเห็นอีกคั้งคาตา ก็ถึงกับช็อก ที่กรรณนรีมาอยู่คอนโดกับพ่อตนเลยหรือ?
       สรวงมองกรรณนรีอย่างรังเกียจ ขยะแขยงอยู่อย่างนั้น ก่อนสะบัดตัวหันหลังกลับเดินลิ่วออกประตูไป
       กรรณนรีนั้นตกใจมาก ไม่คิดว่าจะเจอสรวงที่นี่ “คุณสรวง...” เสียงดังขึ้นใจจะขาดรอนๆ
       “คุณสรวงๆๆๆ”
       กรรณนรีเรียกสรวงไม่หยุดหย่อน วิ่งตามมาคว้าตัวสรวงกอดเอาไว้ ร้องไห้ปิ่มว่าจะขาดใจ สรวงปัดออกทว่ากรรณนรีไม่ยอม ยื้อไว้สุดชีวิต
       “คุณสรวง ได้โปรด อย่ามองฉันด้วยสายตารังเกียจอย่างนี้”
       สรวงผลักออกอีก “ขนาดสายตาฉันยังรังเกียจ เธอก็คิดเองแล้วกัน ว่าฉันจะรังเกียจแค่ไหนที่เธอมากอดฉันอย่างนี้ ปล่อย”
       สรวงผลักออกเต็มแรง กรรณนรีล้มลง สรวงมองสมเพช ก่อนจะทำท่าปัดเนื้อปัดตัวออก “สกปรก..เธอสกปรกที่สุด กรรณนรี” สรวงเดินหนีอย่างขุ่นเคือง
       กรรณนรีใจจะขาด “คุณสรวง” ลุกขึ้นได้ก็วิ่งตามไป
     
       สรวงออกจากลิฟท์เดินลิ่วไปที่จอดรถ ขณะจะเปิดประตู กรรณนรีวิ่งมาจนทันตรงเข้าไปปัดมือสรวงออก ไม่ยอมให้กลับ
       สรวงโมโหสุดขีด “เอ๊ะ!เธอนี่ยังไง อย่ามายุ่งกับฉัน”
       กรรณนรีบอกเสียงรัวเร็วไม่สน ผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเป็นตาเดียว “ฉันผิดไปแล้วที่ฉัน
       คิดตื้นๆ ทำอะไรโง่ๆ แต่ฉันอธิบายได้นะ ฉันอธิบายได้” กรรณนรีคว้ามือสรวงมาจับ ยึดเหนี่ยวรั้งเอาไว้ “คุณอยู่ฟังฉันก่อนนะ ฉันจะบอกความจริงคุณหมดทุกอย่างเลย”
       “ความจริงที่เธอมักง่าย ใจง่าย มาเป็นเมียน้อยพ่อฉันน่ะเหรอ?...” สรวงมองจ้องกรรณนรีอย่างสมเพช “รถ คอนโด ข้าวของเงินทอง อะไรต่อมิอะไรอีกหลายอย่าง” ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเยาะเย้ย ถากถาง “เงิน..เงินทั้งนั้น ต่อให้เธอลากร้อยเหตุผล พันเหตุผล มาบอก ก็ไม่มีใครรับได้” สรวงผิดหวังมาก “มันไม่ใช่แค่เธอทำร้ายฉัน ทำร้ายพ่อเธอ แต่เธอยังทำร้ายแม่เธอด้วย” สรวงผลักกรรณนรีออก “ออกไป๊” ร่างกรรณนรีเซ สรวงขับรถออกไปทันที
       กรรณนรีกรีดร้องตาม “คุณสรวง..คุณสรวง อย่าเพิ่งไป กลับมาฟังฉันก่อน กลับมา”
       สรวงไม่กลับ กรรณนรีร้องไห้โฮ ผู้คนเดินผ่านไปมามองดูกรรณนรีกับสรวงราวกับดูละครหลังข่าวอยู่
     
       กรรณนรีเดินกลับเข้าไปในคอนโด ในลักษณะหมดแรง ยึดผนังคอนโด ร้องไห้ โดยไม่สนใจผู้คนที่เดินสวนไปมาจะเหลียวมอง ได้แต่ตะโกนก้องในใจ
       “พลาดไปแล้ว เธอพลาดไปแล้วกรรณรี”
       กรรณนรีร้องไห้ใจจะขาดรอนๆ
     
       คืนนั้น สุขหฤทัยแวะมาถามข่าว พอได้ยินก็ตาโตย้อนถามคุณหญิงสุดา
       “นังภาพิศมันตกลงพรางของเราจริงหรือคะคุณหญิงแม่.....?”
       สุดาเดินออกนอกบ้านยิ้ม “มันก็โง่ตกหลุมพรางเราทั้งแม่ทั้งลูกนั่นแหละ นี่แม่นัดทานข้าวกับนังภาพิศอีกนะ จะไปเสี้ยมต่อ ให้แม่ลูกมันตีกันตายไปเลย สะใจ”
       “ดีค่ะ...แต่คุณหญิงแม่ต้องระวังสรวงด้วยนะคะ ฤทัยกลัวว่าสรวงจะใจอ่อน”
       “ไม่มีทาง..ตอนนี้แม่ว่าสรวงเกลียดนังกรรณนรี จนแม้แต่หน้าก็ไม่อยากมอง”
       ยินดังนั้น สุขหฤทัยยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ  
     
       ท่ามกลางแสงสลัวรางข้างสระน้ำ สรวงนั่งดื่มเหล้าอยู่อย่างเดียวดาย ท่าทางกลุ้มหนัก ก่อนที่สรวงจะกระโดดลงไปในสระ แหวกว่ายน้ำอย่างรุนแรง รวดเร็ว ราวกับไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ก่อนที่จะตีน้ำกระจายสุดแรง เหมือนจะแค้นใจมาก แล้วจากนั้นหนุ่มรูปงามก็นอนกางแขนแผ่มือนอนหงายตัวอยู่กลางผืนน้ำ มองขึ้นไปบนท้องฟ้า เห็นทั่วแผ่นฟ้ามืดสนิทไร้ดวงดาว มืดมิดเหมือนหัวใจตัวเองยามนี้
       ระหว่างนั้นสุขหฤทัยเดินเข้ามาแอบมอง ไม่เข้าไปหา แต่สายตาจดจ้องมองสรวงอยู่อย่างนั้น
     
       สรวงเดินขึ้นมาจากสระคว้าเสื้อคลุมมาสวมก่อนเดินเข้าไปภายในบ้าน ร่างสูงโปร่งเดินไปในอาการโงนเงนนิดๆ ด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์ สุขหฤทัยตามไปติดๆ
       ท่ามกลางความมืดในห้องนอน สรวงทิ้งตัวนอนแผ่หราลงบนเตียง หลับตาด้วยความกลัดกลุ้มใจ
       โดยไม่รู้ว่ามีแมวขโมยตามขึ้นมาบนเตียง
       สุขหฤทัยขยับตัวไปนอนข้างๆ สรวง ยกมือลูบไล้ที่แผ่นอกของสรวงอย่างแผ่วเบา สรวงรู้สึกตัวหันมา มอง แต่เห็นเป็นกรรณนรี
       “นี่เธอจริงๆหรือกรรณรี?”
       แมวขโมยสุขหฤทัยชะงักไปนิดหนึ่ง แล้วรีบสวมรอยทันควัน “ค่ะคุณสรวง”
       สรวงมองจ้อง เห็นเป็นใบหน้ากรรณนรีกำลังยิ้มให้ สรวงยกมือประคองดวงหน้านั้นไว้ พร่ำบอกออกมาอย่างเต็มตื้น หวนไห้ และถวิลหาสุดหัวใจ
       “ถึงฉันจะโกรธ จะเกลียดเธอ แต่ทุกวินาทีที่ฉันหายใจ ฉันคิดถึงแต่เธอ”
       สรวงก้มลงจูบที่ริมฝีปากของสุขหฤทัยอย่างละมุนละไม สุขหฤทัยจูบตอบด้วยความเต็มใจ สรวงกอดกระหวัดรัดร่างของคนที่อยู่ตรงหน้าเข้ามาอีก กอดจูบด้วยแรงเสน่หา ในสายตาของสรวงยามนี้ ร่างนั้นคือกรรณนรี ผู้หญิงที่สรวงรักหมดใจ
     
       ส่วนกรรณนรีเดินหน้าเศร้าเสียใจอยู่ริมน้ำที่พักใจอย่างเหนื่อยล้า มองไปทางไหนก็เห็นแต่
       ใบหน้าสรวงตามหลอกหลอน เพราะเป็นที่ๆ สองคนมีความสุขด้วยกัน
       กรรณนรีน้ำตาไหลริน คิดถึงวันคืนเก่าๆ ที่คงไม่อาจเรียกกลับคืนมาได้อีก
     
       สุขหฤทัยเพริดอยู่ในห้วงสิเน่หา กอดรัดสรวงแรงขึ้นจนสรวงรู้สึกตัว ได้สติ สรวงเพ่งมองอย่างมึนเมา เห็นเป็นสุขหฤทัยก็ตกใจแทบสร่างเมา “ฤทัย” ผลักสุขหฤทัยอย่างแรงจนตกเตียง
       สุขหฤทัยอารมณ์ค้างเติ่งร้องเสียงดัง “ว๊าย! ทำไมสรวงทำกับฤทัยอย่างนี้คะ”
       สรวงเปิดโคมไฟ “ก็คุณเข้ามาในห้องผม ..กอดจูบผมทำไม”
       “สรวงต่างหาก...กอดจูบฤทัย”
       สรวงหลุดปาก “ก็ผมนึกว่าคุณเป็น...”
       สุขหฤทัยสวนคำขึ้นมาทันควัน “นังกรรณนรี” สรวงอึ้ง สุขหฤทัยว่าต่อ “รู้ทั้งรู้ว่ามันเป็นเด็กของคุณพ่อ สรวงจะไปอาลัยอาวรณ์มันอีกทำไมคะ”
       สรวงฉุนกึก “เรื่องของผม”
       “ไม่ใช่เรื่องของสรวงค่ะ เรื่องของคุณพ่อ....เรื่องของคุณหญิงแม่..ท่านจะคิดยังไง ถ้าสรวงคว้านังกรรณนรีมาเป็นสะใภ้”
       สรวงแค้นจัด “ผมไม่มีทางเอาผู้หญิงแบบนั้นมาเป็นสะใภ้ของอริยะวรรตโดยเด็ดขาด”
       “จำคำพูดนี้ไว้ให้ดีนะคะ สรวงจะได้ไม่กลืนน้ำลายตัวเอง”
       สุขหฤทัยเดินสะโพกครากออกไปเพราะตกเตียง
     
       ขณะที่สรวงขมขื่นใจเหลือล้น
          ผู้หญิงสองคนของนายพลอารักษ์ นั่งอยู่ในร้านอาหารด้วยกัน ภาพิศนั้นเครียดอย่างเห็นได้ชัด  ขณะที่สุดายิ้มเยาะเหน็บต่อ
     
       “จะห้ามไม่ให้คุณน้องทุกข์อกทุกข์ใจก็คงเป็นไปไม่ได้หรอกใช่มั้ยคะเพราะตอนที่ท่านหลงคุณน้อง ขนาดพี่ปลอบใจตัวเอง แค่ผู้ชายหลงของเล่นใหม่ๆก็ยังอดบอกตัวเองไม่ได้ว่า แหงละ...เรามันเป็นของแค่เก่า เค้าจะทิ้งจะขว้างตอนไหนก็คงห้ามเค้าไม่ได้”
       “ตอนนี้ฉันก็ตกอยู่ในสภาพ ของเก่าเหมือนคุณหญิงพี่”
       “คิดซะว่ากรรมตามทันแล้วกันค่ะ จะได้ไม่เจ็บไม่ปวดใจ” สุดาพูดเหมือนปลง แต่จริงๆ กำลังเขี่ยไฟริษยา
       ภาพิศมองสุดาอย่างเสียใจ “ถึงจะคิดยังไง ฉันก็เจ็บก็ทุกข์อยู่ดี
       “งั้น..ก็เอาคืนสิคะ....คุณน้องเป็นคนฉลาด น่าจะรู้ว่าต้องเอาคืนยังไง?ถ้าทุกข์มากจนคิดไม่ได้...ก็ทำเหมือนที่คุณน้องเคยทำ ตอนแย่งท่านไปจากพี่สิค่ะ ง่ายดี”
       คุณหญิงสุดาเสี้ยม
     
       วันต่อมา ภาพิศเดินเข้ามาที่หน้าออฟฟิศสตาร์ อินเทรนด์ด้วยท่าทีปกติ แต่ดวงตาเหมือนมีแผนการ พอไปถึงจุดที่มีผู้คนก็แกล้งเป็นลมล้มลงไปทันที
       ผู้คนแถวนั้น รปภ.ตกใจวิ่งหน้าตื่นมาหา
       ส่วนด้านใน จ๋า มะยม ทำงานกันอยู่หน้ายุ่ง สายตามะยมอยู่กับต้นฉบับที่หน้าคอมพ์ ขณะถามจ๋า
       “จะให้ใบ้เพิ่มมั้ยคะพี่จ๋า...ว่านักร้องสาวที่วิ่งเข้าหาพระเอกคิ้วดก เป็นใคร”
       จ๋าอ่านแล้ว เอ่ยขึ้น “พอหอมปากหอคอแบบนี้ดีแล้วล่ะ หยิกแกมหยอกเบาๆ พอให้เค้ารู้ตัว จะได้ไม่ทำอะไรที่มันน่าอายอีก”
       จู่ๆ นิควิ่งหน้าตื่นเข้ามา “คุณภาพิศเป็นลมอยู่หน้าออฟฟิศเรา”
       ทุกคนตกใจมองนิคเป็นตาเดียว
     
       ตรงโซฟา ภายในห้องรับแขกของสตาร์ อินเทรนด์ มะยมกับจ๋า กำลังช่วยกันให้ยาลม ยาหม่อง บีบนวด พัดวีภาพิศที่แกล้งนอนหมดแรงอยู่ตรงหน้า
       “ท่าทางคุณภาพิศไม่ดีเลย...พาส่งรพ.ดีมั้ยครับพี่จ๋า” นิคว่า
       จ๋ายังไม่ทันตอบ ภาพิศก็แกล้งลืมตาขึ้น พูดเหมือนคนอ่อนแรงเต็มที
       “พี่ไม่ได้เป็นอะไรมากหรอกค่ะ แค่แพ้ท้องหนัก อาเจียนบ่อยจนหมดแรง..แล้วก็กลุ้มใจ”
       ทุกคนมองภาพิศเป็นตาเดียว อย่างสนใจใคร่รู้ ว่ากลุ้มเรื่องอะไร จู่ๆ ภาพิศถามขึ้น
       “หนูก้างอยู่มั้ยคะ? ฉันอยากคุยด้วย”
       จ๋ามองงงๆ ว่าใครกันคือก้าง มะยมตอบ
       “ลาออกไปแล้วค่ะ”
       ภาพิศแสร้งทำเป็นตกใจ “ลาออก” เปลี่ยนท่าทีเป็นข่มขื่น ก่อนจะร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ “ท่านอารักษ์คงดูแลน้องเค้าเป็นอย่างดี...น้องเค้าถึงได้ลาออก”
       คราวนี้นิคกับมะยมหน้าเสีย มองกันเลิ่กลั่ก ขณะที่จ๋างงไปใหญ่ ภาพิศพูดต่อ
       “พี่ก็ไม่ได้มาเพื่อต่อว่าอะไรหรอกนะคะ..พี่เข้าใจ...ว่าน้องเค้าอยากสบายแต่พี่อยากให้เห็นใจเด็กในท้องของพี่บ้าง ยังไงฝากบอกน้องเค้าด้วยนะคะปล่อยท่านกลับมาหาพี่กับลูกหน่อย ขอบคุณค่ะ”
       ภาพิศเดินออกไปในอาการของคนหมดแรง มะยม กะจ๋าวิ่งเข้าไปประคองอย่างสงสาร
       “ฉันช่วยค่ะ” สองคนประสานเสียง
       ภาพิศยิ้มหวานอ่อนโยนและแสนดี “พี่ไม่เป็นไร...อย่าลืมนะคะ...บอกน้องเค้า อย่าทำร้ายพี่
       กับลูกนักเลย ปล่อยท่านกลับมาหาพี่ด้วยค่ะ” พูดจบก็เดินโผเผออกไป
       ภาพิศลับตัวไปแล้ว บอกอจ๋าปวดตับ หน้าเมื่อย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นตกใจ
       “นี่กาวลาออกไปเป็นเมียน้อยท่านอารักษ์ ตาย! ฉันวิ่งรอกหาแต่ข่าวคนอื่น จนไม่รู้เลยว่าลูกน้องตัวเอง ไปเป็นเมียน้อยชาวบ้านเค้า เป็นไปได้ยังไง”
       นิคกับมะยหน้าเจื่อน
     
       เวลาต่อมามะยมเดินพรวดๆๆ ออกมาจากออฟฟิศ ใบหน้าถมึงทึงโกรธ และเหวี่ยงมาก นิคตามมาเป็นห่วงเพื่อน
       “ใจเย็นๆ ก่อนมะยม”
       “ต่อให้เย็นเป็นน้ำแข็งขั้วโลกยังไงก็ต้องละลาย” มะยมหยุดกึก หันขวับไปจ้องหน้านิค “หรือแก
       ไม่อายวะนิค..คุณภาพิศเค้ามาด่าถึงที่ เค้ามาทวงสามีเค้าคืนถึงที่” ยิ่งพูดก็ยิ่งโกรธ “กาวนะกาวทำได้ยังไง”
       มะยมควักมือถือมากดโทร.ออก
       “แกจะทำอะไร?”
       “บ๊ะไอ้นี่..ไม่เห็นหรือไง ว่าโทรศัพท์”
       นิคโล่งพ่นลมหายใจออกมา มองมะยมเป็นเชิงถาม มะยมบอก
       “ฉันจะโทรฯหาตัวต้นเหตุ”
     
       ขณะนั้นกรรณนรีกราดสายตามองข้าวของทุกสิ่งอย่างในห้อง ก่อนจะคำรามในลำคออย่างคั่งแค้น
       “ฉันจะล้างผลาญมันให้หมดเลย ท่านอารักษ์”
       เสียงมือถือดัง กรรณนรีสะดุ้ง พอเห็นเป็นเบอร์มะยมก็ดีใจมากรีบรับ
       “ว่าไงมะยม”
       “แกอยู่ไหน? ฉันจะไปหาแก”
       สีหน้ากรรณนรีดีใจมาก ขณะที่มะยมเสียงแข็งเป็นมะนาวไม่มีน้ำ
     
       ไม่นานต่อมา กรรณนรีอยู่ในห้อง ยินเสียงเคาะประตูดัง กรรณนรียิ้มดีใจวิ่งออกมาเปิด แต่ทันทีที่จับลูกบิดเปิด ประตูก็ถูกผลักเข้ามา พร้อมร่างมะยมที่หน้าบึ้งตึงอย่างเอาเรื่อง โดยมีนิคตามหลังมากรรณนรีเห็นหน้าเพื่อนก็มองอย่างสงสัย
       “ทำไมทำหน้ากันอย่างนี้”
       มะยมเยาะหยัน “มาหาคนที่เป็นเมียน้อย ต้องทำหน้ายังไง”
       กรรณนรีหน้าเสีย แล้วเปลี่ยนเป็นโกรธ ทั้งเสียใจ และน้อยใจ ประชดออกไป
       “ฉันก็หลงดีใจ ว่าแกมาดี”
       มะยมเสียงสั่นเครือ มองกรรณนรีอย่างเจ็บปวด เสียงอ่อนลง “ฉันก็อยากมาหาแกดีๆ เหมือนกันกาว แต่พอนึกภาพคุณภาพิศเค้าอุ้มท้องไปทวงสามีของเค้าคืน” เสียงมะยมเครือหนัก “ฉันทำไม่ได้”
       กรรณนรีเสียงสั่นตกใจ แทบจะเป็นลมทั้งยืน “อะไรนะคุณภาพิศ...”
       นิคแทรกขึ้นน้ำเสียงเข้ม “แกฟังไม่ผิดหรอกกาว? เค้าอุ้มท้องไปหาพวกฉันถึงออฟฟิศ” นิคเน้นชัดๆ ทุกถ้อยคำ “ขอท่านอารักษ์คืน จากแก”
       กรรณนรีหน้าซีดขาวราวกระดาษ “ถอยกรูดเข้าไปด้านใน ร่างแทบทรุดลง มะยมอ้อนวอนอย่างมีหวัง
       “แกเลิกยุ่งกับท่านอารักษ์นะกาว...นะฉันขอร้อง”
       กรรณนรีนิ่งนึกเสียใจ แวบหนึ่งนั้นก็ฮึดขึ้นมา “ไม่...ฉันทำไม่ได้”
       มะยมมองจ้องด้วยสีหน้าผิดหวังมาก “ทำไมกาว” มะยมจับไหล่กรรณนรีเขย่าๆ “ทำไม”
       กรรณนรีจับมือมะยมเอาไว้ “ฉันเสียอะไรไปแล้วตั้งมากมาย” กรรณนรีเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเข้มเคร่ง “ฉันจะปล่อยท่านไปได้ง่ายๆ ได้ยังไง”
       ในความหมายของกรรณนรี หญิงสาวหมายถึง สูญเสียหลายสิ่งอย่างในชีวิตให้อารักษ์
       มะยมมองอย่างผิดหวังหนัก คิดไปอีกอย่าง บอกเสียงเครือสั่น พูดช้าๆ ชัดๆ สะเทือนใจเอามากๆ
       “ที่ฉันมาที่นี่ตอนแรกเพราะฉันยังหวังว่าจะได้ยิน...คำปฏิเสธจากแก ว่าแกไม่ได้มีอะไรกับท่านอารักษ์ แต่นี่...แกมันเลวจริงๆกาว เลว” มะยมของขึ้นเต็มที่ ตรงเข้าไปขย้ำกรรณนรี “แกทำร้ายคนที่แกรักได้ยังไง ทั้งคุณสรวง คุณภาพิศ พ่อแกจะรู้สึกยังไงที่แกเป็นเมียน้อยคนอื่น” มะยมจับร่างกรรณนรีเขย่าๆ อย่างกราดเกรี้ยว
       นิคตกใจ เข้ามาห้ามเสียงหลง “เฮ้ย! มะยม หยุด”
       มะยมสะบัดนิคออกสุดแรง “ฉันไม่หยุด” กระชากกรรณนรีต่อ “ฉันจะตบเรียกสตินังกาว”
     
       มะยมตบตีกรรณนรีไม่ยั้ง ตบเพื่อเรียกสติเพื่อน ไม่ใช่เพราะเคียดแค้นชิงชังแต่อย่างใด
     
       เวลาเดียวกันนั้น อารักษ์ขับรถมาจอดที่หน้าคอนโด ก้าวลงมาพร้อมรอยยิ้มละไม แหงนหน้ามองขึ้นไปยังห้องกรรณนรีบนคอนโด ด้วยแววตาของเสือร้ายหมายขย้ำเหยื่อ ก่อนที่จะเดินเข้าไปหน้าลิฟท์
           ภายในห้อง มะยมทั้งร้องไห้ ทั้งกระชากลากถู จับตัวกรรณนรีเขย่า ในขณะที่กรรณนรีเอาแต่ร้องไห้
     
       “ปล่อยฉันมะยม ฉันเจ็บ อย่าทำฉัน ปล่อย”
       นิคดึงมะยมออกร้องไห้เหมือนกัน “หยุดมะยม หยุด..ฉันขอ หยุด”
       มะยมบันดาลโทสะไม่ยอมปล่อยแต่ไม่ตี ร้องไห้ถาม เหมือนคนใจจะขาด
       “แกบอกฉันมาสิกาว มันเรื่องอะไร? แกถึงต้องขายศักดิ์ศรีตัวเอง มาเป็นเมียน้อยเค้า แกบอกฉันมาสิกาว”
       กรรณนรีอ้ำอึ้ง น้ำท่วมปาก “ฉัน...ฉัน”
       “บอกมานะกาว...ฉันพร้อมรับฟัง เหตุผลจากแกทุกอย่าง” นิคว่า
       กรรณนรีมองเพื่อนอย่างตื้นตัน ในขณะที่อารักษ์กำลังมุ่งหน้าตรงมาหน้าห้อง  
       กรรณนรีอึกอัก “ฉัน..ฉัน...”
       มะยมถามรัวเร็ว อ้อนวอนอยู่ในที “ฉันมั่นใจแกเป็นคนดี...แกต้องมีเหตุผล แกบอกฉันมานะกาว”
       “บอกพวกเรานะกาว...แกก็รู้ ยังไงพวกฉันก็ไม่ทิ้งแก” นิคเสริม
       กรรณนรีใจชื้น มองสองเพื่อนซี้อย่างเต็มตื้นพยักหน้าให้ “ฮื่อ...ฉันจะบอก...พวกแกจะได้ช่วยฉัน”
       จู่ๆ ประตูห้องถูกเคาะดังปังๆ พร้อมกับยินเสียงอารักษ์แทรกเข้ามา เสียงหวานสะท้านจิต
       “หนูจ๋า...ฉันมาหาหนูแล้วจ้ะ”
       สามคนมองหน้ากันอย่างตื่นตะลึง กรรณนรีหน้าเสีย คิดในใจว่าทำไมต้องมาตอนนี้ นิคกะมะยมมองหน้ากันด้วยความผิดหวัง
     
       สรวงทำงานอยู่ในห้องไม่รู้เรื่อง หยิบมือถือมากด โทร.หากรรณนรี
     
       บรรยากาศเงียบกริบ สามคนนั่งอึ้ง เสียงมือถือกรรณนรีดัง นิคกับมะยมมองมาที่มือถือ เห็นเป็นชื่อสรวง
       “คุณสรวง” มะยมคราง
       กรรณนรีหน้าเสีย กำลังจะคว้าโทรศัพท์ แต่ประตูก็ถูกเปิด พร้อมอารักษ์ก้าวเข้ามา ในมือมีกุญแจ
       สรวงรอสายอย่างมีหวัง ก่อนจะถอนหายใจอย่างเจ็บปวดที่กรรณนรีไม่รับสาย
       ขณะที่อารักษ์มองกราดไปที่นิคกับมะยม ถามอย่างแปลกใจ

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 10 วันที่ 3 ต.ค. 55
ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager