@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร [แก้ไข]ตอนที่ 11/4 วันที่ 9 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 11/4 วันที่ 9 ต.ค. 55

ขณะเดียวกันกาวินทร์แสยะยิ้ม รู้สึกขยะแขยงสิ่งที่ทำเหลือเกิน

สรวงเดินเล่นอยู่คนเดียวที่ริมน้ำที่เคยมากับกรรณนรี เห็นผู้คนเดินมากันเป็นคู่ๆ แต่วันนี้สรวงมาคนเดียว มองไปมุมไหน ทางใด ก็เห็นแต่กรรณนรี
“เดินคนเดียว ไม่เห็นจะตาย”
สรวงส่ายหน้า สลัดความคิดออกจากหัว เดินเหงาคนเดียวต่อไป
วันต่อมา ขณะที่กรรณนรีเดินลงบันไดมาด้วยท่าทีเร่งรีบร้อนรนจะออกจากบ้าน เจอคุณหญิงสุดาพูดถากถาง

“จะไปไหนจ๊ะแม่กรรณรี ไม่อยู่เฝ้าทรัพย์สมบัติสามีฉันล่ะ”
กรรณนรีย้อนกลับไปอย่างไม่สะทกสะท้าน “ก็ทรัพย์สมบัติสามีคุณหญิง ไม่ใช่ของฉัน”
“แต่เธอก็อยากได้” สุดาหยัน
“ฉันไม่เคยอยากได้...”
“แต่ก็อยากให้เค้าหย่าขาดจากฉัน ฮึ!เธออย่าหวังเลย ต่อให้ท่านอารักษ์หย่าจากฉัน เค้าก็ไม่มีวันกลับไปหาแม่แก”
“นั่นเป็นสิ่งที่ฉันต้องการค่ะ” กรรณนรีจะเดินไป
สุดาเบ้ปากพูดใส่ “ทำยังกับฉันจะเชื่อ”
“แล้วแต่คุณหญิง แต่ถ้าแม่ฉันเป็นอะไร? คุณหญิงจะต้องสูญเสียทุกอย่าง เพราะฉันจะเล่าความจริงให้คุณสรวงฟัง”
“โอ๊ย! งั้นแกไม่ได้เล่าหรอก เพราะแม่แกมันหัวแข็ง ป่านนี้มันกลับไปเดินปร๋อที่บ้านแล้ว” กรรณนรีส่ายหัว มองสุดาอย่างระอา ก่อนจะเดินหนีไป สุดาว่าไล่หลังตาม “พูดอะไรก็เชื่อ...โง่อย่างนี้ ถูกฉันปั่นหัวอีกนานแน่” เดินไปหยิบมือถือ “คุณน้องขา..เดี๋ยวพี่ไปหานะคะ...”

สุดาวางสายเบ้ปากใส่ภาพิศอีกราย

กรรณนรีท่าทางร้อนใจไปกดกริ่งประตู น้อยเดินออกมา ชะงักที่เห็นกรรณนรี มองไม่พอใจ
“อ้าว!เธอมาทำไม?”
“ฉันมาหาคุณภาพิศ”
“คุณภาพิศไม่อยู่” น้อยมองอย่างไม่พอใจ จะปิดประตูใส่หน้า
กรรณนรีเอามือดึงประตูยั้งไว้ “ฉันขอร้องล่ะ ฉันมาดี....คุณภาพิศเป็นยังไงบ้าง”
“นี่เธอพูดอะไร แช่งคุณภาพิศเหรอ” น้อยโมโหคว้าไม้กวาดๆ หญ้าอันยาวๆ จะมาฟาดกรรณนรี พลางด่า “เธอนี่มันจริงๆเลย เห็นหน้าจืดๆหน้าซื่อๆกลับทำร้ายคุณภาพิศได้อย่างเลือดเย็น” เงื้อไม้กวาดอยู่แล้ว “เธอกลับไปเลยนะ กลับไป ไม่งั้นเธอโดนฟาดหัวแตกแน่ นังแพศยา”
“ฉันขอร้องล่ะ ฉันขอเข้าไปเยี่ยมคุณภาพิศหน่อย” กรรณนรีคุมสติ
น้อยแว๊ดใส่ “เอ๊ะ!เธอนี่ แช่งนายฉันอยู่ได้ เค้าไม่อยู่ แล้วก็ไม่ได้กลับมา รู้ไว้ ไป๊”
น้อยเขวี้ยงไม้กวาดใส่ กรรณนรีรีบหลบแล้ววิ่งออกมา น้อยด่าตามหลัง
“หน้าจืดๆ ร้ายนักนะแก”
น้อยมองตาม ด้วยสายตามองเกลียดชัง

กรรณนรีวิ่งหนีออกมา หน้าตาตื่นแล้วหยุดฉุกคิด
“หรือคุณหญิงสุดาจะโกหก?” กรรณนรีได้แต่ถามตัวเอง
ตรงทางเดินในโรงพยาบาล สุดาประคองภาพิศเดินลงบันไดมาแกล้งทำทีเป็นห่วงใยมาก แต่เหน็บ กัด ทุกวาจา
“เดินดีๆ ค่ะคุณน้อง เดินดีๆ พลั้งพลาดประเดี๋ยวจะตายทั้งกลม”
ภาพิศฉุนนิดๆ “ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอกค่ะ”
“ดีค่ะ...อย่างน้อยคุณน้องก็ต้องอยู่เอาคืนนังศุภาวีร์..ดู๊ดู...คนอะไรใจร้ายใจดำ ขนาดมันทำคุณน้องเกือบแท้ง มันยังไม่มีแก่ใจมาเยี่ยมแม้แต่นิดเดียว สงสัยมันคงอยากให้คุณน้องตาย มันจะได้มาแทนที่คุณน้อง”
ภาพิศคำราม “เลว”
“ไม่ใช่เลวธรรมดาค่ะ เลวมาก...” มองภาพิศอย่างเกลียดชัง “เลว เหมือนแม่ของมัน”
“คุณหญิงพี่รู้จักแม่ของนังศุภาวีร์ด้วยเหรอคะ” ภาพิศแปลกใจ ไม่รู้ตัวว่าถูกหลอกด่า
“ถึงไม่รู้จักก็เดาออก ช้างให้ดูหาง ดูนางให้ดูแม่” น้ำเสียงเข้ม “ลูกเลว แม่ก็ต้องเลว”
“ดีค่ะ..ถ้าฉันเจอแม่มัน ฉันจะได้ตบสั่งสอน ทั้งแม่เลวๆ ลูกเลวๆ”
ภาพิศโกรธจัด สุดาลอบยิ้มเยาะ ทำหน้าสาแก่ใจมาก

กรรณนรีเดินฉับๆ ตรงมาที่ห้องสุดา เคาะประตูเรียกเสียงดังๆ
“คุณหญิงสุดาๆ ออกมาคุยกับฉันเดี๋ยวนี้นะคะ”
สรวงเดินมาจากห้องตัวเอง มองตาวาว อย่างไม่พอใจ “หยุดก้าวร้าวแม่ฉัน กรรณรี”
“ฉันไม่ได้ก้าวร้าว แค่อยากถาม ทำไมต้องโกหกฉันด้วย ว่าแม่ฉันกลับไปอยู่บ้าน ทั้งๆ ที่แม่ฉันไม่ได้กลับ”
“แล้วเธอไปเยี่ยมแม่เธอที่รพ.แล้วเหรอ” สรวงถาม
กรรณนรีเงียบ สรวงโมโหมองด้วยแววตาโกรธขึ้ง
“เธอไม่ได้ไปแล้วก็มาเอะอะโวยวาย...ทั้งๆที่ความจริง แม่เธออาจจะทนรังเกียจเธอไม่ไหว เลยหนีไปอยู่ที่อื่น”
กรรณนรีประชดเสียงแข็ง “ฉันน่ารังเกียจขนาดนั้นเลยเหรอ”
สรวงเสียงดังใส่ “ใช่! แต่ถึงจะน่ารังเกียจ เป็นนกไม่ซ้ำคอน นอนไม่ซ้ำคน ไอ้ภรตมันก็ยังรอเธอ”
“อย่าดูถูกฉันนะคุณสรวง”
“ฉันจะว่า เธอจะทำไม”
กรรณนรีไม่ตอบตบหน้าสรวงอย่างแรง สรวงโกรธจัด
“กรรณนรี” สรวงกระชากกรรณนรีเข้ามากอด จูบแรงๆ
กรรณนรีดิ้นรนผลักไส “ปล่อยฉันนะปล่อย
สรวงไม่ปล่อย แต่ทั้งกอดทั้งจูบจนร่างของกรรณนรีหยุดนิ่ง สรวงค่อยๆ จูบอ่อนโยนแผ่วเบา แต่ทว่าร่างของกรรณนรีกลับสั่นสะท้านพร้อมแรงสะอื้น สรวงตกใจ
“เธอร้องไห้”
กรรณนรีย้อนถามเสียงแผ่วเบา ด้วยความเสียใจ “สนใจด้วยเหรอคะว่าฉันร้องไห้ ในเมื่อในสายตาคุณ ฉันเป็นแค่ผู้หญิงไร้ค่า...นกไม่ซ้ำคอน นอนไม่ซ้ำคน”

กรรณนรีวิ่งร้องไห้ออกไป สรวงนิ่งงันเสียใจอยู่ตรงนั้น

ที่บ้านมาลินี หญิงสาวกำลังจัดขนมใส่กล่อง ภรตเดินเข้ามาหา

“อื้อหือ..หอมเชียว”
“อร่อยด้วยค่ะ...มดเก็บไว้ให้พี่ภรตแล้ว...ที่เหลือ เดี๋ยวเอาไปส่ง”
“มะพี่ช่วย...”
ภรตตรงเข้ามาช่วยมาลินีหิ้วของ สองคนเดินเคียงกันออกไป

มาลินีเดินขึ้นรถของภรตที่จอดอดยู่หน้าบ้าน สองคนไม่ทันเห็นว่าที่ด้านหลัง กาวินทร์ขับรถมาจอดซุ่มอยู่ และเมื่อเห็นสองคนไปด้วยกัน
กาวินทร์หน้าเจื่อน เหมือนว่าของสำคัญที่ไม่เคยเห็นค่ากำลังจะหลุดลอยไป ส่วนมาลินีกับภรตยิ้มให้กัน

กาวินทร์กลับเข้าบริษัท เดินมาที่มุมหนึ่งท่าทางไม่สบายใจ ก่อนหยิบมือถือออกมา
กดชื่อ “มด” จะโทร.ออก แต่แล้วกลับเปลี่ยนใจ
กาวินทร์บอกตัวเองในใจ “จะโทร.ไปทำไม ในเมื่อเราไม่ได้รู้สึกอะไรกับมดแม้แต่นิดเดียว”

จากนั้นกาวินทร์ก็ยืนมองมือถือที่มีชื่อมาลินีค้างอยู่อย่างนั้น
กรรณนรีหนีมาแอบนั่งร้องไห้อยู่ที่มุมหนึ่งในบ้าน ท่าทางหมองเศร้าและหดหู่ สรวงเดินมาแอบมองวูบหนึ่งด้วยความรู้สึกสงสาร แต่พอเห็นกรรณนรีหยิบโทรศัพท์คุยกับอารักษ์ สรวงก็จ้องตาแทบถลน ก่อนที่จะเห็นกรรณนรีคว้ากระเป๋าเดินออกไป

กรรณนรีเดินเร็วรี่ ออกมายังนอกบ้าน ดวงตาแดงก่ำ ใบหน้านองน้ำตา สรวงทำท่าจะตามไปแต่ ชะงักกึก
“หล่อนจะไปไหน ไม่ต้องสนใจ” สรวงหน้าบูดบึ้งบอกตัวเอง ยืนมองกรรณนรีจนลับสายตา

กรรณนรีเดินเข้ามาในบ้าน ยกมือไหว้เกริก กรรณนรีหน้าตาซีดเซียว ฝืนยิ้มก่อนจะซ่อนหน้าหลบตาพ่อ
“ไม่สบายรึเปล่าลูก”
“นิดหน่อยค่ะ”
“มิน่า..ตอนโทร.มาหาพ่อเสียงอู้อี้เชียว” เกริกมองจับสังเกต “พ่อก็นึกว่าร้องไห้นะนั่น”
กรรณนรีรีบเดินมากอดประจบ “ถ้ากาวจะร้องไห้ก็เพราะกาวคิดถึงพ่อค่ะ” เกริกมองสังเกตอีก “พ่อก็นึกว่ามีเรื่องอะไร? ไม่สบายก็นอนพักนะลูก พ่อทำกับข้าวเสร็จเดี๋ยวไปเรียก”
“ค่ะ” กรรณนรีเดินขึ้นห้องไป เกริกมองตามอย่างเป็นห่วง

กรรณนรีเปิดประตูเข้าไปในห้อง ทรุดตัวลงนั่งบนเตียง ทอดสายตามองออกไปนอกหน้าต่าง
ท่าทีเศร้าหมอง ขอบตาร้อนผ่าว น้ำตาคลอเบ้า ส่วรที่หน้าห้อง เกริกค่อยๆ เดินมาห้อง หมุนลูกบิดประตูอย่างแผ่วเบาแอบมอง เห็นกรรณนรีนั่งซึม ท่าทางเหมือนมีเรื่องทุกข์ใจ

คณู่ต่อมาเกริกเปิดประตูเดินเข้ามาในห้อง หยิบรูปภาพของภาพิศขึ้นมาดู
“เรื่องบางเรื่อง ผู้หญิงคุยกันน่าจะเข้าใจมากกว่าผู้ชาย ถ้าเรายังเป็นครอบครัวเดียวกัน...ลูกคงได้ปรึกษานุดีบ้าง”
เกริกมองรูปอย่างเศร้าใจ จ้องมองที่ภาพิศตอนสมัยยังเป็นนุดีที่อยู่ในกรอบรูปยิ้มแย้มสวยงามมาก

ส่วนภาพิศเอามือลูบท้อง ท่าทางหวงแหน บอกลูกในท้อง
“แม่จะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องลูกแม่......ใครที่มันคิดฆ่าลูกแม่ แม่จะเอาคืนมันให้ถึงที่สุด” ภาพิศกำมือแน่นท่าทางเกรี้ยวกราด “นังศุภาวีร์!”
สีหน้าภาพิศยามนี้ แตกต่างจากภาพที่เกริกมองเมื่อครู่ราวกับไม่ใช่คนเดียวกัน

สรวงเดินกระวนกระวายท่าทางไม่สบายใจ สายตามองไปที่ประตูตลอดเวลา
สักครู่สุดาเดินหัวเราะมากับสุขหฤทัย
“นี่คุณแม่แดกดันนังภาพิศถึงขนาดนี้เลยเหรอคะ?” สุขหฤทัยว่าตาโต
สุดาปราม “เบาๆ”
สุขหฤทัยหัวเราะ ระรื่น “ไม่เบาหรอกค่ะ พลาดพลั้งตายทั้งกลมงี้ ดูช้างให้ดูที่หาง ดูนาง
ให้ดูที่แม่งี้ หลอกด่ามันชัดๆ”
สุดาหัวเราะ “เค้าถึงเรียกว่าหลอกด่าไงจ้ะ..เพราะนังภาพิศมันไม่รู้เรื่องอะไร ตั้งหน้าตั้งตาจะตบนังกรรณนรีอย่างเดียว”
“แม่ลูกตบกันมันดีนะคะคุณหญิงแม่”
สองคนหัวเราะสนุก สุขหฤทัยเหลือบไปเห็นสรวง ในระยะห่างๆ
“อ้าว! สรวงยืนทำอะไรอยู่นะนั่น”
“นั่นสิ”
สองคนเดินเข้าไปหาสรวง

สุขหฤทัย และสุดาเดินไปหาสรวง สุขหฤทัยกอดแขนสรวงออเซาะตามประสา
“คิดถึงฤทัยอยู่เหรอคะสรวง”
“เปล่า” สรวงบอกเสียงแข็ง
“อ้าว” สาวแสบเซ็ง
สุดาตกใจ “ทำไมสรวงพูดอย่างนี้ล่ะลูก ฤทัยอุตส่าห์มาหา เสียน้ำใจหมด”
สรวงถอนหายใจแบบเบื่อๆ “ก็ผมไม่ได้อยากให้ใครมาหา”
สุขหฤทัยกระเง้ากระงอด “ก็ฤทัยเป็นห่วง”
“ผมสบายดี”
“สบายดีแล้วมาทำเป็นไก่ยืนซึมอยู่ทำไมคะ” สุขหฤทัยค่อนแคะ
“อย่าบอกนะว่าลูกรอนังนั่น” สุดาโกรธขึ้นมาทันที
“ไม่ต้องรอหรอกค่ะ ป่านนี้มันไปกับผู้ชายแล้ว เฮอะ! คงจะฉวยโอกาสที่คุณพ่อไม่อยู่ ออกไปล่านับแต้ม”
“คุณเป็นคนสวยนะฤทัย สูงด้วย แต่คำพูดของคุณมันขัดกับความสูงของคุณจังเลย”
สรวงเดินออกไป ฤทัยงง
สุขหฤทัยงง ไม่รู้ตัวว่าถูกด่า “ฤทัยสูง คำพูดของฤทัยขัดกับความสูงหมายความว่าไงคะคุณหญิงแม่?”
สุดาทำท่าคิด “ขัดกับความสูง...งั้นก็คงต่ำ”
สุขหฤทัยกรี๊ดแตก “แอร๊ยยย..สรวงว่าฤทัยต่ำ ฤทัยไม่ยอม”
สุขหฤทัยตามสรวงไป สุดาชักสีหน้าไม่พอใจสรวงเช่นกัน

สรวงเดินมาอีกมุม สุขหฤทัยตามมาเอาเรื่อง
“หยุดเดี๋ยวนี้นะสรวง หยุด”
สรวงหยุด สุขหฤทัยแว้ดใส่อีก
“ทำไมคุณด่าฤทัยอย่างนี้?”
“คุณจะได้คิดก่อนพูดบ้างไง? ไม่งั้นแต่ละวันพ่นแต่สิ่งโสมมออกมา”
“ถึงปากฤทัยจะโสมม ฤทัยก็ไม่เคยเป็นเมียเก็บ เป็นนางเล็กๆ เป็นเมียน้อยใคร? ไม่เหมือนนังศุภาวีร์”
“ยังไงก็ไม่เกี่ยวกับคุณ?”
“เกี่ยวค่ะเพราะฤทัยรักคุณ ฤทัยทนเห็นคุณยกย่องผู้หญิงที่เป็นเมียน้อยพ่อเกินหน้าเกินตาไม่ได้”
“มันก็เรื่องของคุณ....เพราะผมไม่ได้แคร์คุณ...ได้ยินมั้ยฤทัย” สรวงรำคาญเดินหนีไปต่อหน้า
“สรวง..สรวง...” สุขหฤทัยกำมือแน่น น้ำตาคลอ ทั้งโกรธ ทั้งแค้นใจ เสียใจ

สุขหฤทัยก้าวฉับๆ ออกมาที่หน้าคฤหาสน์อารักษ์ น้ำตาคลอเบ้า ทั้งโกรธ ทั้งอาย กิริยาอาการฟึดฟัด กราดเกรี้ยว
“ทำไมต้องทนขนาดนี้ด้วยฤทัย..คนที่รักเธอยังมีนะ”
สุขหฤทัยทำท่าชะงัก หยิบมือถือขึ้นมาดู ยืนนิ่งอยู่ครู่ก่อนกดมือถือ เห็นเป็นเบอร์กาวินทร์ ทำท่าจะโทร.หา แต่เกิดลังเล สุดท้ายก็ไม่โทร.ขึ้นรถแล้วขับไป
สุขหฤทัยไม่ได้รักกาวินทร์อะไรหรอก แต่สาวแสบเริ่มหวั่นไหว เหมือนมีคนที่ชอบตัวเองอยู่ ทำไมต้องทนกับสรวงที่ไม่ได้รักใคร่ใยดีเลยสักนิด

กาวินทร์เดินเข้ามาในบ้าน ยกมือไหว้พ่อ
“หวัดดีครับพ่อ”
“วันนี้น้องกลับแต่วัน...แต่ท่าทางเหมือนมีเรื่องไม่สบายใจ แก้วไปคุยกับน้องหน่อยไปลูก...เผื่อน้องมีเรื่องอะไร?”
กาวินทร์เครียดรู้ดีว่ากรรณนรีกลุ้มใจเรื่องอะไร

สองพี่น้องอยู่ในห้อง กาวินทร์บอกปลอบกรรณนรี
“เอาน่า...ยังไง กาวก็ต้องอดทน อดทนจนกว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนของเรา”
“กาวรู้...แต่กาวเบื่อ น้ำท่วมปาก นั้นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้”
กาวินทร์พยักหน้า “ใช่!โดยเฉพาะจิตใจคุณสรวง....คุณสรวงคงเจ็บมากถ้ารู้ว่าคุณหญิงสุดาเป็นต้นเหตุแห่งความเลวร้ายทุกอย่าง”
“ไม่ใช่คุณหญิงสุดา แต่เป็นนายอารักษ์ เพราะถ้าเค้าไม่หลงในกิเลสตัณหาเรื่องทุกอย่างมันก็ไม่เป็นแบบนี้”
“โทษเค้าฝ่ายเดียวไม่ได้...เพราะแม่ก็ผิด...เพราะอย่างงี้พี่ถึงอยากให้กาวดึงแม่ออกมาจากนายอารักษ์ให้เร็วที่สุด แม่จะได้มีชีวิตใหม่ ไม่ต้องทนกับความสุขจอมปลอม ที่นายอารักษ์เอามาล่อ”
“กาวจะอดทนพี่แก้ว...อดทนเพื่อทุกคน”
“โดยเฉพาะคุณสรวง....เพราะพี่รู้...เค้ารักกาว”
ฟังคำพี่ชายกรรณนรีหน้าหมอง ทั้งเสียใจ และสงสารสรวงจับจิต

ขณะเดียวกันสรวงเดินวนเวียนอยู่ในห้องเอาแต่มองนาฬิกาตรงผนัง
“เที่ยงคืนแล้วยังไม่กลับมาอีก มัวไปไหน? ทำอะไรกับใคร?”
สรวงเดินวนไปเวียนมาบ่นตลอดๆ ก่อนนึกได้
“แล้วจะไปรอผู้หญิงอย่างนั้นทำไม?”
สรวงทรุดตัวลงนอนที่เตียง แต่ไม่มีทีท่าว่าจะหลับลง

กรรรณนรีเดินหน้าเศร้าเข้ามาบนบ้าน ผ่านหน้าห้องสรวง กรรณนรียืนมองตาละห้อย เอามือแตะประตู เบาๆ ก่อนเดินเลยไปกลับห้องตัวเอง
ภายในร้านอาหาร มาลินีส่งขนมเสร็จแล้ว กำลังจะเดินออกไปพร้อมกับภรต ระหว่างนั้นเจอมะยมกับนิคนั่งทานข้าวกันอยู่ มะยมเห็นจำได้จึงรีบลุกมาหาอย่างเร็วรี่ ทำเอานิคตกใจ

“เอ่อ..คุณคะ” มาลินีทำหน้าแปลกใจ มะยมถามต่อ “ขอโทษที่รบกวน..คุณเป็นเพื่อนพี่แก้วใช่มั้ยคะ”
มาลินีได้ยินชื่อกาวินทร์ก็หน้าเจื่อน “ค่ะ”
“เจอกาวบ้างมั้ยคะ? ฉันติดต่อกาวไม่ได้เลย”
มาลินีหันไปมองหน้าภรต “ไม่ค่ะ”
มะยมมีสีหน้าผิดหวัง “ขอบคุณค่ะ” มาลินีกับภรตเดินหน้าเจื่อนออกไป
นิคต่อว่ามะยม “ไปทักอะไรอย่างนั้นวะ”
“ก็ฉันร้อนใจ...”
“แต่แกดูหน้าเค้าสองคนสิ...เหมือนเห็นผีเลย ตอนที่เห็นแกน่ะ...”
มะยมค้อนขวับ “ออกจะสวย เหมือนผีได้ยังไง”

สองคนเดินออกมา ภรตถามขึ้น
“ไหวเปล่ามด”
มาลินียิ้มบางๆ “ไหวสิคะ พี่ภรตน่ะแหละ แค่ได้ยินชื่อกาวก็หน้าถอดสีแล้วไหวเปล่า”
“ไหวสิ...ตอนนี้พี่ไม่ได้คิดอะไรกับกาวแล้ว” ภรตมองมาลินีด้วยสายตาลึกซึ้ง
มาลินีรีบหลบตาซ่อนหน้า เพราะใจยังชอบกาวินทร์อยู่ จึงกลบเกลื่อน “ดีแล้วค่ะถ้าตัดใจได้ จะได้ไม่ต้องเจ็บอีก”
ภรตเหมือนจะรู้ตัวมองมาลินีหน้าหม่น “หรือจะเจ็บอีกรึเปล่าก็ไม่รู้...ท่าทางพี่จะไม่มีดวงเรื่องความรัก”
มาลินียิ้มเจื่อนปลอบใจ “มดเชื่อ..ว่าเราทุกคน ต้องมีคู่เป็นของตัวเอง...”
“ก็แล้วคนที่ใช่..เมื่อไหร่จะมา” ภรตพูดแล้วมองอย่างลึกซึ้ง
มาลินีเฉไฉยิ้มขำไม่ใส่ใจ เดินนำไป

ภายในร้าน สองคนนั่งด้วยกัน แฉล้มตัดพ้อขึ้นมา
“นี่คุณ....ฉันชวนให้คุณมาผ่อนคลาย ไม่ได้ให้มาทำหน้าหงิก”
“ก็ฉันยังทำใจไม่ได้นี่ ที่จู่ๆ นังเด็กนั่น มันแย่งทุกอย่างจากฉันไป” ภาพิศโกรธกรุ่นๆ
แฉล้มปากไว “แถมยังทำท่าว่าได้ดีกว่าซะด้วย”
ภาพิศตาเขียว แฉล้มหัวเราะกลบเกลื่อน
“ฉันล้อเล่นน่ะคุณ....โธ่! ยังไง คุณก็มีลูกของท่านอยู่ในท้อง กลัวอะไร? แต่ถ้าสู้ไม่ไหว..ก็แท็กทีมกับยัยคุณหญิงสุดาสิ...ขานั้น...เค้าคิดเรื่องร้ายๆ ได้เก่งจะตาย ดีไม่ดี ตอนนี้อาจจะคิดแผนอะไรอยู่ก็ได้”
ภาพิศนิ่งคิด

มะยมกับนิคคุยหารือกัน ตั้งข้อสังเกตว่า หรือกรรณนรีจะไปคบกับอารักษ์จริงๆ มะยมบอกถ้าเป็นอย่างนั้นจะไม่ให้อภัยอีกเลย จ๋าออกมาเรียก

จ๋าแจ้งข่าวเรื่องที่คุณหญิงสุดาจะมา คุยเรื่องกรรณนรีกับสองคน มะยมและนิค

สรวงว่ายน้ำอารมณ์ไม่ดี กรรณรีเดินออกมาเห็นสรวงตกใจ หันหลังกลับ
สรวงเห็นหัวเราะ เปลี่ยนน้ำเสียงเป็นเย้ย พูดออกมาอย่างน่าขัน
“อะไร เคยเห็นแต่พุงคนแก่ พอเห็นซิกซ์แพ็กคนหนุ่มเท่านั้น ใจสั่นเลยล่ะซี้
กรรรณรีแกล้งเดินเข้ามาใกล้ๆ ทำเป็นใจกล้ามองดู “ไหนคะซิกซ์แพ็ก? เห็นแต่ซี่โครง”
สรวงชี้แผงอกตัวเอง “ไหนซี่โครง” คว้ามือกรรณนรีมาจับอกซ้ายตัวเองอย่างจงใจ “จับดูสิ...มีแต่หัวใจ...หัวใจที่ถูกเธอทำร้าย”
สองคนสบตากัน สรวงมองจ้องดวงหน้ากรรณนรีทั้งรักทั้งเกลียด กรรณนรีหลบตาซ่อนหน้า ด้วยความเสียใจ
“หลบตาทำไม? สบตาฉันสิเธอจะได้รู้...สิ่งที่เธอทำ มันเลวแค่ไหน
“ใช่...ฉันมันเลว...เลวเกินกว่าคุณจะมาแตะเนื้อต้องตัวฉัน” สะบัดตัวออก แล้ววิ่งออกไป
“กรรณรีๆๆๆ” กรรณนรีไม่หยุด

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 11/4 วันที่ 9 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager