@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14/2 วันที่ 12 ต.ค. 55

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14/2 วันที่ 12 ต.ค. 55

โซว์พาขิงมาที่เชิงเขาที่เป็นทุ่งหญ้าเขียว ด้านล่างมีชาวบ้านกำลังทำการเกษตร โซว์ชี้ก่อนจะตั้งใจอธิบายให้ขิงฟัง ขิงฟังอย่างตั้งใจก่อนจะแอบมองโซว์ที่ตั้งใจอธิบายให้ฟังอย่างปลื้มสุดๆ
โซว์พาขิงไปตามทุ่งนา ขุนเขา ทุ่งดอกไม้ ขิงมีความสุขและสนุกมาก โซว์หันไปมองขิงแล้วแอบยิ้มปลื้มใจ
โซว์อ่านหนังสือเล่มหนาก่อนจะอธิบายเรื่องต่างๆ ควบคู่กับแผนภูมิต้นไม้ราชวงศ์ ขิงทั้งฟังทั้งจด ทั้งซักถาม ด้วยความตั้งใจ
โซว์และขิงเขวี้ยงหนังสือลงข้างตัวกันคนละเล่มก่อนจะล้มลงนอนแผ่หลาลงไปบนหญ้าด้วยความเหนื่อย

“โอ๊ยย เหนื่อยชะมัด ไม่นึกว่าการต้องกลับมาท่องหนังสือ แบบนี้มันเหนื่อยจริงๆ ว่ามั้ย” โซว์ถาม
ขิงไม่ตอบ โซว์หันหน้าไปมองก็เห็นว่าขิงหลับไปแล้ว โซว์มองขิงยิ้มๆ ก่อนจะนอนตะแคงมองขิงที่หลับไปด้วยความเหนื่อย โซว์ค่อยๆแอบเอามือลูบผมขิง
“ไม่เคยนึกเลยว่าเธอจะทุ่มเทเพื่อชั้นขนาดนี้ ขอบคุณนะขิง”
โซว์เห็นขิงหลับไม่รู้เรื่อง เขาก็มองซ้ายมองขวาก่อนจะค่อยๆ แอบหอมแก้มขิงหนึ่งฟอด โซว์หอมเสร็จแล้วก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขารีบหันไปทางอื่นแล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ขิงที่หลับตาอยู่ค่อยๆลืมตาแล้วอมยิ้มทั้งเขินทั้งขำที่โซว์ขโมยหอมแก้มเธอ แล้วเธอก็หลับตาลงอย่างมีความสุข

ในห้องขิงเต็มไปด้วยหนังสือมากมายกองเต็มแทบทุกซอกทุกมุม ขิงกำลังนั่งคุยโทรศัพท์ไปอ่านหนังสือไปอย่างขยันขันแข็ง
“ขิงยังไหวจ๊ะยายไม่ต้องห่วง ส่วนเรื่องคืนดีกับโซว์ ... ก็ไม่รู้เหมือนกันน่ะจ๊ะยาย บางทีเค้าก็ดูเหมือนใจดี บางทีก็ดูเหมือนไม่สนใจ แต่ขิงก็ทำกับเค้าไว้เยอะ เค้าจะงอน จะโกรธ จะเกลียดบ้างก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะยังไงขิงก็จะทำให้เค้ากลับมารักขิงเหมือนเดิมให้ได้” ขิงยิ้มมั่นใจ



โซว์พยายามเข้าไปอ้อนพระราชา กับพระราชินี
“เสด็จพ่อทรงยกเลิกเวลาหนึ่งอาทิตย์ไม่ได้เหรอพระเจ้าค่ะ มันเร็วเกินไป หม่อมชั้นใช้เวลาทั้งชีวิตก็ยังไม่รู้จักประเทศนี้ดีพอเลย”
“เจ้าไม่ต้องเข้าข้างคนรักเจ้าเลย หนึ่งอาทิตย์ก็คือหนึ่งอาทิตย์ มีคนที่ต้องเจอเรื่องหินๆกว่าคนรักของเจ้าตั้งหลายเท่า เค้ายังทำได้เลย ใช่มั้ยจ๊ะ”
พระราชาพูดเสร็จก็หันไปมองหน้าพระราชินีเหมือนมีความลับอะไรบางอย่าง พระราชินียิ้มน้อยๆ โซว์สงสัย
“ใครทำได้เหรอพระเจ้าค่ะ เคยมีสามัญชนที่ต้องขึ้นมาเป็นผู้ปกครองนิวแลนด์ด้วยเหรอพระเจ้าค่ะ” พระราชินีพูดขำๆ “ ลูกคงพูดถูกนะเพคะ ที่ลูกชายเราใช้เวลาศึกษามาทั้งชีวิตยังไม่รู้จักนิวแลนด์ดีพอจริงๆด้วย”
โซว์ทำหน้าสงสัย “มีเรื่องอะไรที่ลูกไม่รู้กันแน่”
พระราชารีบตัดบท “ไว้ถึงเวลาลูกก็รู้เองแหละน่า บอกตอนนี้มันไม่ตื่นเต้น ฮ่าๆๆๆ”
“อย่างนี้ทุกทีเลยเสด็จพ่อ งั้นถ้าขิงทำสิ่งที่ท่านพ่อต้องการภายในสองอาทิตย์ เสด็จพ่อและเสด็จแม่จะยอมรับขิงใช่มั้ย”
“ลูกไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนั้น พ่อกับแม่ก็รับคนที่ลูกรักได้เสมอ แต่คนที่ลูกต้องห่วงมากที่สุด คือประชาชนของเราต่างหาก พ่อกับแม่อยากจะเห็นว่า คนที่ลูกรักจะทำอะไร เพื่อประเทศที่เรารักได้บ้าง”
โซว์ได้ฟังแล้วก็ถึงกับเครียดและครุ่นคิด

ขิงเดินเข้ามาในห้องที่บรรยากาศดูเงียบไปกว่าทุกวัน ขิงหันไปถามพัชรีและปีเตอร์ ที่เดินมาด้วยด้วยความแปลกใจ
“วันนี้ทำไมบรรยากาศมันดูเงียบๆแปลกๆแบบนี้ล่ะ ประราชา พระราชินี แล้วเจ้าชายโซว์ไปไหนกันเหรอ”
ปีเตอร์หน้าเครียด “มีปัญหาใหญ่เกิดขึ้นในนิวแลนด์อีกแล้วครับคุณขิง แต่คุณขิงไม่ต้องสนใจหรอกครับ อ่านหนังสือไปดีกว่า”
“เอ๊ะ !! นายเห็นพวกเราสองคนเป็นคนชอบอยู่เหนือปัญหารึไง นิวแลนด์ก็ไม่ต่างกับบ้านของเรา เกิดเรื่องอะไรเราก็อยากรู้ เกิดอะไรกันแน่” พัชรีถาม
“นั่นซิปีเตอร์ เกิดอะไรขึ้น”
ปีเตอร์ถอนหายใจ “เกิดม็อปประท้วงจากเกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดแถบมิดเวส จริงๆพวกเค้าก็ประท้วงกันทุกปี ๆ แต่คราวนี้ดูจะหนักข้อมากไปหน่อย”
“พวกเค้าต้องการอะไร” พัชรีถาม
“พวกเค้าต้องการให้ทางรัฐบาลรับซื้อข้าวโพดของพวกเค้า เนื่องจากโรงงานที่รับซื้อให้ราคาต่ำ และไปรับข้าวโพดจากจีนที่มีราคาถูกกว่ามาแทน ไม่มีตลาด ชาวไร่ก็ขายของไม่ได้ ขายของไม่ได้ก็ไม่มีเงิน ไม่มีเงินก็ไม่มีอะไรกิน จะให้กินข้าวโพดที่ปลูกเองทั้งปีทั้งชาติก็คงไม่ไหว ใช่มั้ยละครับคุณขิง”

ขิงไปยืนแอบฟังที่ประตูห้องที่มีการประชุมที่เผ็ดร้อนอยู่ภายใน
รัฐมนตรีกล่าว “เราต้องรับซื้อข้าวโพดเหล่านั้นไว้ ไม่อย่างนั้นชาวบ้านจะเดือดร้อน”
“มันไม่มีทางอื่นเลยเหรอท่านรัฐมนตรี เรารับซื้อข้าวโพดของชาวไร่จากแถบมิดเวสทุกปี ใช้เงินจำนวนมาก แต่ก็ยังไม่เคยแก้ปัญหานี้ได้ ท่านไม่คิดว่านี่เป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ตรงจุดเหรอ” โซว์ถาม
“แต่ประชาชนกำลังเดือดร้อนเราต้องรีบดำเนินการ” รัฐมนตรีบอก
“แล้วมันจะต่างอะไรกับการโยนปลาไปให้คนหิวกิน การแก้ปัญหาที่ปลายเหตุแบบนี้ไม่มีผลดีกับใครเลยนะ”
“แล้วเจ้าชายจะให้กระหม่อมบอกกับประชาชนยังไง หรือจะปล่อยให้พวกเค้าอดตาย ทรงช่วยบอกทางแก้ปัญหากระหม่อมด้วย”
“ขอเวลาเราคิดอีกซักนิด เราเชื่อว่าเราจะมีคำตอบที่ดีให้กับท่าน” โซว์บอก
“ได้กระหม่อม หม่อมชั้นจะรอคำตอบ หวังว่า หม่อมชั้นจะได้คำตอบที่ดีจากเจ้าชายนะพระเจ้าค่ะ”รัฐมนตรีลุกขึ้น โค้งก่อนจะเดินออกไป โซว์หันมามองหน้าพระราชาด้วยสีหน้าเครียด
“ลูกควรจะจัดการกับเรื่องนี้ยังไงดี เสด็จพ่อ” โซว์ถาม
“ถึงเวลาที่ลูกจะต้องแก้ไขปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวลูกเองแล้ว โซว์” พระราชาตบบ่าให้กำลังใจ “และพ่อรู้ว่าลูกจะต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ประชาชนของเรา”
พระราชาพูดเสร็จก็เดินออกไป โซว์ก้มหน้าเครียด ขิงแอบมองโซว์ด้วยความเป็นห่วง

โซว์กำลังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะ เขาอ่านเอกสารอย่างคร่ำเคร่งกว่าที่เคยเป็น ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น !!!
“เข้ามา !!!”
ประตูเปิดออก โซว์เงยหน้ามองเห็นขิงยกเซ็ตน้ำชาพร้อมขนมเข้ามาให้ ขิงยิ้มเอาใจ
“เจ้าชายทำงานมาทั้งวัน ต้องพักผ่อนพระวรกายบ้างนะเพคะ” ขิงบอก
โซว์มองขิงที่พูดจาแปลกหูกว่าทุกวันอย่างขำๆ “เดี๋ยวนี้รู้จักใช้คำพูดคำจาสุภาพก็เป็นนะ”
ขิงลืมตัวจึงพูดปกติ “ชั้นเรียนรู้มาแล้ว จะให้พูดจาแบบเดิมได้ไงล่ะ จริงมั้ย” ขิงรีบเอามือปิดปาก “อุ๊ย !! เผลอพูดแบบเดิมอีกแล้ว”
โซว์ยิ้ม “พูดอย่างที่เคยพูด ทำอย่างที่เคยทำเถอะ พูดแบบนั้นเราก็ไม่ชินเหมือนกัน”
โซว์พูดเสร็จก็ทำหน้าเครียดๆ เหมือนมีเรื่องกังวลใจ ขิงสังเกตเห็นจึงรีบเดินเข้าไปใกล้ๆ
“มีอะไรที่ชั้นพอจะช่วยได้มั้ย ตอบแทนที่นายช่วยติวอะไรต่อมิอะไรให้ชั้นตั้งเยอะน่ะ”
“แค่ทำสิ่งที่เธอต้องทำให้ดีที่สุดก็พอแล้ว อ้อ..แล้ววันนี้ชั้นคงไม่ว่างพาเธอไปไหนนะ ให้ปีเตอร์พาไปก็แล้วกันนะ”
โซว์พูดเสร็จก็ก้มหน้าก้มตาทำงานอย่างคร่ำเคร่ง ขิงมองก่อนจะถอนหายใจเพราะรู้สึกเป็นห่วง

ขิง ปีเตอร์ และพัชรีมาปิกนิกกัน ขิงยังครุ่นคิดกับเรื่องของโซว์
“ยายเคยบอกไว้ คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตาย แล้วทำไมชาวไร่ทางมิดเวสถึงจะอดตายได้ล่ะ”
“จริงๆเค้าก็ไม่ได้อดตายหรอกค่ะ เพียงแต่เค้ามีแต่ข้าวโพด ..ข้าวโพด..ข้าวโพด แล้วไอ้ข้าวโพด มันก็เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นไม่ได้ ถ้าข้าวโพดเปลี่ยนเป็นหมู ไก่ แกะ แฮม ขนมปัง เค้าก็คงไม่เดือดร้อนหรอก” พัชรีบอก
“ที่รักจ๋า ฉลาดล้ำเลิศในปฐพีจริงๆ สมกับเป็นยอดหญิงของปีเตอร์” ปีเตอร์ชม
“ก็เพราะชาวมิดเวสคิดแต่ปลูกพืช โดยพึ่งพิงตลาดและพ่อค้าคนกลางมากเกินไป ทำให้วัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่มีอยู่เดิมเสื่อมสลายไป ตามที่ขิงอ่านเขตมิดเวส เป็นเขตที่อุดมสมบูรณ์มาก ไม่เห็นจำเป็นต้องปลูกข้าวโพดอย่างเดียวเลย” ขิงว่า
“มันเป็นไปตามการเจริญเติบโตของเศรษกิจของโลกน่ะครับ” ปีเตอร์พยายามเปลี่ยนเรื่อง “เรามาร้องเพลงกันมั้ยครับ ผมเอาอูคูเลเล่มาเล่นด้วย”
ปีเตอร์หยิบอูคูเลเล่ขึ้นมา พัชรีรีบเข้าไปนั่งข้างเตรียมพร้อมร้องเพลง แต่ขิงยังคงยืนนิ่งครุ่นคิด
“อ้าว !! ทำไมไม่มาร้องเพลงด้วยกันละคะคุณขิง” พัชรีชวน
ขิงพึมพำกับตัวเอง “เราไม่จำเป็นต้องโยนปลาไปให้คนที่หิว แต่เราควรจะพาเค้าไปที่แหล่งน้ำ และสอนเค้าจับปลาซิ”
ปีเตอร์งง “เอ่อ คุณขิงครับ เราอยู่บนภูเขานะครับ จะไปจับปลาที่ไหน”
ขิงพึมพำกับตัวเองต่อ “คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตายหรอก ใช่ !! เรารู้แล้ว !!”
ขิงคิดอะไรขึ้นมาได้ก่อนจะรีบวิ่งออกไป ปีเตอร์ และพัชรีงง
“คุณขิง คุณขิง”

โซว์ลองปรึกษาสิ่งที่คิดกับพระราชา
“ลูกคิดว่าเราจำเป็นต้องรับซื้อข้าวโพดพวกนั้นไว้ก่อน หลังจากนั้น เราคง...”
ขิงที่เพิ่งเดินเข้ามาโพล่งออกมา “หลังจากนั้นเราต้องส่งเสริมให้เกษตรกรที่นั่น หันกลับมาปลูกพืชเพื่อการดำรงชีวิตของตัวเองก่อน แล้วถึงจะค่อยๆสร้างเสริมความเจริญและความมั่นคงทางเศรษฐกิจให้สูงขึ้นเรื่อยๆ”
โซว์หันหน้ามองขิงที่เดินเข้ามาในห้องด้วยสายตาตำหนิ
“เธอพูดอะไรของเธอน่ะขิง”
“เพราะพวกเค้าทำเกษตรกรรมเพื่ออุตสาหกรรม พึ่งพิงโรงงานและ สภาวะเศรษฐกิจโลก โดยไม่พยายามพึ่งพาตัวเอง เมื่อพืชผลราคาไม่ดี เศรษฐกิจโลกถดถ้อย พวกเค้าก็ไม่สามารถพึ่งพาตัวเองได้ แต่ถ้าเราให้เค้ากลับมาพึ่งพาตัวเองให้ได้ก่อน โดยไม่ต้องพึ่งพาปัจจัยภายนอก พวกเค้าก็จะมีชีวิตอยู่ได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาใคร” ขิงอธิบาย
“เราเคยได้ยินแนวคิดแบบนี้มาก่อน” พระราชาบอก
“เป็นแนวคิดของกษัตริย์ของประเทศหม่อมชั้นเพคะ ท่านสอนให้เราพอเพียง และพัฒนาประเทศไปตามลำดับขั้นอย่างมั่นคงเพคะ”
พระราชาและพระราชินีฟังอย่างครุ่นคิด
“หากพระองค์ทรงลองศึกษา และ ลองไปใช้กับเกษตรกรแถบมิดเวส หม่อมชั้นว่าอาจจะเป็นทางแก้ปัญหาที่ยั่งยืน คนมีที่ดินยังไงก็ไม่อดตายหรอกเพคะ”
โซว์รีบเข้าไปดึงตัวขิงออกมา “ขิงรู้ตัวมั้ยว่ากำลังพูดอะไรอยู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มากเกินกว่าที่เธอจะมาพูดเล่นนะ เธอออกไปก่อนเถอะ”
ขิงพยายามจะพูดต่อ “แต่ว่า ....”
โซว์มองขิงด้วยสายตาดุ ขิงจ๋อย ๆก่อนจะเดินออกไป
โซว์มองหน้าพระราชาและพระราชินีและคิดว่าขิงทำเรื่องอีกแล้ว

หนังสือ “เศรษฐกิจพอเพียง” ฉบับภาษาอังกฤษวางอยู่บนโต๊ะ พระราชายืนเหม่อมองไปนอกหน้าต่างพลางครุ่นคิด โซว์เดินเข้ามาแล้วถอนหายใจหน้าเครียด
“ขอเสด็จพ่อโปรดอภัยขิงด้วย เค้าคงไม่ได้ตั้งใจที่จะทำอะไรแบบนั้น”
พระราชาไม่ตอบ หน้าตาของพระราชานิ่งมากจนโซว์รู้สึกใจคอไม่ดี
“เค้าคงยังถูกอบรมเรื่องมารยาทไม่ดีพอ เดี๋ยวลูกจะไปเคี่ยวเข็ญเค้าเรื่องนั้นเอง”
พระราชาเสียงเข้ม “ไม่จำเป็นหรอก เราไม่จำเป็นต้องฝึกอะไรเด็กคนนั้นอีกต่อไปแล้ว”
“เสด็จพ่อ !!! ทำไมล่ะเสด็จพ่อ”
พระราชาหันมามองโซว์หน้าเครียด
“แค่นี้เราก็รู้อะไรๆมากพอแล้ว” พระราชาเสียงเข้ม “ไปตามเด็กคนนั้นมาพบพ่อ พ่อมีเรื่องต้องคุยกับเค้าเป็นครั้งสุดท้าย”
โซว์ตกใจจนโวยวายอกมา “อย่าบอกนะว่าเสด็จพ่อจะไล่ขิงกลับประเทศ ทำไมเสด็จพ่อทำแบบนี้ นี่มันยังไม่ครบเจ็ดวันตามสัญญาเลยนะพระเจ้าค่ะ เสด็จพ่อ อย่าเพิ่ง”
พระราชาหันขวับไปมองโซว์อย่างเอาเรื่อง “เจ้าจะไปตามเค้ามาพบพ่อดีๆ หรือ อยากให้เราไปบอกเด็กคนนั้นด้วยตัวเอง”
พระราชามองหน้าโซว์อย่างจริงจัง โซว์ได้แต่อ้ำอึ้งเพราะทำอะไรไม่ได้

ขิงรีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า เธอยัดเสื้อผ้าด้วยความเร็ว โดยมีปีเตอร์และพัชรียืนเศร้าอยู่ใกล้ๆ
“คุณขิงนะคุณขิง ทำอะไรไม่ปรึกษากันเล๊ย ...ปีเตอร์ไม่รู้จะช่วยคุณขิงได้ยังไงแล้ว”
“ไม่ใช่ความผิดของสุดที่รักหรอก เพราะเค้าไม่ดีเอง ไม่ควรปล่อยคุณขิงไปเลย” พัชรีบอก
ปีเตอร์และพัชรีกอดคอกันร้องไห้เพราะเศร้าสุดๆ ขิงมองทั้งสองคนอย่างจ๋อยๆ เพราะยอมรับชะตากรรม
“เอาเถอะยังไงขิงก็ทำดีที่สุดแล้ว ถึงจะมีคนโกรธ แต่ขิงก็ได้ทำสิ่งที่ควรทำแล้วหละ จริงๆชั้นอยากไปลาพระราชา พระราชินี แล้วก็เจ้าชายโซว์นะ แต่พวกเค้าคงไม่อยากเห็นหน้าชั้นแล้วหละ”
ขิงหยิบกระเป๋าจะเดินออกไป ปีเตอร์ และพัชรีเศร้าจนร้องไห้ระงม
“มันจบแล้วจริงๆเหรอเนี่ย ปีเตอร์ไม่อยากจะเชื่อ”
ประตูห้องเปิดออก โซว์เดินหน้าเครียดเข้ามาในห้อง ปีเตอร์คิดว่ามีข่าวดีรีบกระโดดดีใจเข้าไปหา
“เจ้าชายเข้ามาแบบนี้แสดงว่ามีข่าวดีใช่มั้ย”
“เกรงว่าไม่น่าจะเป็นอย่างนั้น” โซว์มองหน้าขิง “เสด็จพ่อต้องการพบเธอ ...เป็นครั้งสุดท้าย”
ขิงได้ฟังคำว่า “เป็นครั้งสุดท้าย” ก็ถึงกับช็อคไปชั่วขณะ ปีเตอร์และพัชรีมองหน้ากันแทบจะร้องไห้โฮ
“คุณขิงง !!!”
ขิงเรียกสติตัวเอง ก่อนจะเชิ่ดหน้า “ไม่เป็นไรนะ พวกเราทำทุกอย่างดีที่สุดแล้ว” ขิงมองหน้าโซว์ “ขอโทษนะโซว์ที่ชั้นทำไม่สำเร็จ”
โซว์พูดอะไรไม่ออก เขาอยากจะร้องไห้แต่ก็ทำไม่ได้จึงทำได้แค่เดินเข้าไปกอดขิงไว้
“ชั้นขอโทษที่ช่วยเธอไม่ได้”
ปีเตอร์และพัชรีเห็นแบบนั้นก็กอดคอกันร้องไห้เหมือนกัน ขิงเศร้าและผิดหวังในตัวเอง

ขิงเดินเข้ามาในห้องแล้วเห็นพระราชายืนจ้องมองมาที่เธอด้วยสีหน้าที่ไม่บ่งบอกอารมณ์ ขิงเริ่มกังวล มือของเธอเริ่มสั่น แต่ยังทำใจกล้าเดินเข้าไปหาพระราชาอย่างงามสง่า
“เวลาของหม่อมชั้นหมดแล้วใช่มั้ยเพคะ” ขิงถาม
“เจ้าหมายถึงเวลาอะไรล่ะ ถ้าเวลาเจ็ดวันที่เราสัญญากันไว้น่ะ มันคงไม่จำเป็นแล้ว” พระราชาหันไปมองหน้าขิงแล้วยิ้มอย่างจริงใจ “เพราะเจ้าแสดงให้เราเห็นแล้วว่า เจ้าคู่ควรที่จะอยู่เคียงข้างลูกชายของเรา”
ขิงทั้งอึ้ง ทั้งแปลกใจ ทั้งงงและสับสนไปหมด
“พระองค์ไม่ทรงโกรธหม่อมชั้นหรือเพคะ”
“เราว่าเราต้องขอบใจเจ้ามากกว่า” พระราชาหยิบหนังสือขึ้นมา “เราลองไปอ่านสิ่งที่เจ้าพูดดูแล้ว มันเป็นแนวคิดที่ดีมากจริง จนเราคิดว่า..บางทีเราอาจจะลองทำอย่างที่เจ้าแนะนำก็ได้ แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ คือ การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ถ้าเรามุ่งมั่นตั้งใจจริงๆ คนที่จะได้รับผลประโยชน์มากที่สุดคือ ประชาชนของเรา”
“หม่อมชั้นยินดีแทนประชาชนชาวนิวแลนด์จริงๆ ที่มีพระราชาที่ห่วงใยและทุ่มเทให้พวกเค้าอย่างเต็มที่แบบนี้”
“เราก็ต้องขอบใจเจ้า ที่ทุ่มเทเพื่อลูกชายของเรา และ ประชาชนชาวนิวแลนด์เช่นกัน”
ขิงก้มหัวลงอย่างงามสง่า “หม่อมชั้นยังไม่ดีพอ และยังต้องเรียนรู้อีกมากเพคะ”
พระราชาจับตัวขิงขึ้นมา “ไม่ใช่แต่เจ้าหรอกที่ต้องเรียนรู้ พวกเราทุกคนก็ต้องเรียนรู้กันอีกมากมาย เรื่องทุกข์สุขของประชาชนนั้นมีมากมายไม่เคยหมดสิ้น ต่อไปเราต้องช่วยกันนะ”
“เพคะ ..ถ้าพระองค์เห็นว่าหม่อมชั้นจะช่วยพระองค์ได้ หม่อมชั้นก็ยินดี”
“รู้รึยังว่าทำไมเราถึงต้องเคี่ยวเข็ญเจ้ามากมายแบบนั้น”
“เพราะสิ่งที่หม่อมชั้นจะต้องเผชิญ จะยากลำบากยิ่งกว่าหนังสือพันเล่มที่หม่อมชั้นต้องอ่าน และมีประชาชนที่หม่อมชั้นต้องรู้จักและช่วยพวกเค้ามากมายกว่าพระญาติที่อยู่ในแผนภูมิต้นไม้นั่น”
“ใช่ !! รวมทั้งจะมีปัญหาอีกหลายร้อยหลายพันปัญหาให้เจ้าต้องแก้ไข และถ้าเจ้าผ่านพ้นปัญหาเหล่านั้นไปได้ เรามั่นใจว่าประชาชนชาวนิวแลนด์จะรักเจ้าเหมือนที่ครั้งหนึ่งพวกเค้าเคยรัก...” พระราชารีบปิดปาก
ขิงมองหน้าพระราชาด้วยความสงสัย “รักใครหรือเพคะ”
“เอ่อ..” พระราชารีบเปลี่ยนเรื่อง “แหม ..ช่างซักเหมือนลูกชายเราไม่มีผิด”
ขิงยิ้มขำๆ พระราชามองขิงอย่างเอ็นดู
“รีบไปบอกข่าวดีกับลูกชายเราเถอะ ป่านนี้คงนั่งไม่ติดแล้ว”
ขิงยิ้ม ก่อนจะถวายความเคารพแล้วเดินออกไปอย่างงามสง่า พระราชามองตามขิงแล้วยิ้มมีความสุข

ประตูห้องเปิดออก ขิงเดินเข้ามาด้วยหน้าตาที่มีความสุขมากๆ โซว์ พัชรี และปีเตอร์แปลกใจ ขิงมองโซว์แล้วยิ้มให้ก่อนจะโผเข้าไปกอดโซว์แน่น
“ชั้นทำสำเร็จแล้ว .....ชั้นทำสำเร็จแล้ว”
โซว์ยังงงๆ “สำเร็จเรื่องอะไรเหรอ” แล้วโซว์ก็นึกได้ “อย่าบอกว่าเรื่องที่ ....”
“ใช่ พระราชาทรงเห็นด้วยกับแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียงอย่างมากและจะลองใช้วิธีนี้ดู” ขิงบอก
โซว์ดีใจ “เป็นเพราะเธอนะขิง ที่ทำให้เราเห็นทางในการแก้ปัญหาเรื่องนั้น ขอบใจจริงๆ”
“ขอบใจชั้นไม่ได้หรอก ต้องขอบคุณที่ขิงเกิดเป็นคนไทย ได้เรียนรู้สิ่งที่ในหลวงของเราทรงสอนมาตั้งแต่เล็กๆ และคนเล็กๆอย่างชั้นก็ได้เรียนรู้สิ่งที่ยิ่งใหญ่จากพระองค์”
“งั้นชั้นก็โชคดีจริงๆ ที่ได้พบเธอ ...” โซว์จ้องหน้าขิง “ต่อไปเราจะได้อยู่ด้วยกันแล้วใช่มั้ย”
“ใช่”
โซวพูดต่อ “ไม่มีบททดสอบ แล้วก็จะมีมีอะไรมากพรากเราจากกันด้วย”
ขิงพยักหน้าตอบรับแล้วก็มองหน้าโซว์ก่อนจะยิ้มดีใจจนน้ำตาไหล ขิงกอดโซว์แน่น ปีเตอร์ และพัชรีที่ยืนมองอยู่รู้สึกปลื้มมาก
“ในที่สุด ก็ลงเอยกันได้ซักที” ปีเตอร์บอก
พัชรีพูดต่อ “เอวัง....”
ปีเตอร์และพัชรีโผเข้ากอดกัน ก่อนจะมองขิงและโซว์ที่กำลังกอดกันอย่างมีความสุข

ลัดลดาเดินลงมาที่ลานจอดรถของโรงแรมจิ้งหรีดในเมืองไทย เธอทั้งโพกหัว ใส่แว่นตา พยายามพรางตัวสุดฤทธิ์
ลัดลดาค่อยๆย่องไปทางที่รถตัวเองจอดอยู่ เธอมองเห็นกลุ่มเจ้าหนี้เดินป้วนเปี้ยนแถวๆรถตัวเอง ลัดลดาจะหันกลับไปแต่ก็เจอเจ้าหนี้ยืนยิ้มเอาเรื่องอยู่
“ไหนว่าจะไปเป็นเจ้าหญิงนิวแลนด์ แล้วไหงถึงต้องมานอนโรงแรมกระจอกแบบนี้ละครับ คุณเจ้าหญิง”
ลัดลดา พยายามหนี “แกหลีกไป ชั้นไม่มีอะไรจะพูดกับแก”
“คุณเจ้าหญิงตกอับไม่มีจะพูด แต่ผมมีนี่ครับ หนี้ที่พ่อคุณยืมกี่สิบล้าน เมื่อไหร่จะใช้ซักที ห๊า !”
“ชั้นไม่มีให้ทั้งนั้นแหละ”
เจ้าหนี้เข้าไปกระชากตัวลัดลดา “น่าเสียดายนะลงทุนทำมาทั้งตัว แต่จะต้องมาตายแบบศพไม่สวย”
“นี่แกจะฆ่าชั้นเหรอ”
“ชั้นให้เวลาเธออีก อาทิตย์ ถ้ายังหาเงินมาจ่ายไม่ได้ อย่าหาว่าพวกชั้นไม่เตือน อ๊อ !! แล้วก็ไม่ต้องพยายามคิดหนี ยังไงชั้นก็หาตัวเธอพบ”
เจ้าหนี้ผลักลัดลดาจนกระเด็นออกไปก่อนจะเดินหัวเราะกันอย่างสะใจ
“เจ้าหญิงรูหนู ฮ่าๆๆๆๆ”
ลัดลดามองตาม เธอทั้งโกรธ ทั้งเจ็บใจ และเจ็บแค้นสุดๆ

ลัดลดาเดินแบบสะบักสะบอมมาที่มุมหนึ่งของโรงแรม เธอมีท่าทางโมโหมาก ทีวีในโรงแรมเปิดอยู่ เป็นรายการผู้หญิงช่างเม้าส์ทางช่อง 3
“นอกจากจะส่งคนเข้ามาศึกษาเรื่องเศรษฐกิจพอเพียงจากประเทศไทยแล้ว ประเทศนิวแลนด์ก็ยังได้ประกาศข่าวดี เปิดตัวพระคู่หมั้น ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นสาวไทยผู้โชคดีนี่เอง”
ภาพขิงในชุดสวยงามออกงานคู่กับโซว์ขึ้นเต็มจอโทรทัศน์
“ไม่รู้ว่าสาวน้อยนามว่าขิงนี้ ทำบุญด้วยอะไร ทำไมถึงช่างโชคดีแบบนี้ นาทีนี้ไม่มีใครน่าอิจฉาไปกว่า เธออีกแล้ว”
ลัดลดาทนไม่ไหวเดินเข้าไปปิดทีวีทันที ลัดลดาทั้งโมโหและอิจฉาสุดๆ
“คิดเหรอว่าชั้นจะยอมให้แกมีความสุขคนเดียว นังขิง !!”

โซว์กับขิงถ่ายรูปชุดแต่งงานในแบบต่างๆ ส่วนใหญ่เป็นชุดสบายๆ คล้ายชุดเที่ยวเล่น โซว์กับขิงโพสต์ท่ากันไปก็เขินกันไป ไม่เหมือนคู่ของปีเตอร์กับพัชรีที่โพสท่าตามไปด้วยแต่ดูหวานมากกว่าคู่ของโซว์กับขิง
“ใกล้ว่าที่เจ้าสาวอีกนิดกระหม่อม” ช่างภาพบอก
โซว์กับขิงเขินๆ
“อย่าทรงอายเลยเพคะ อีกไม่นานก็จะเป็นสามีภรรยากันแล้ว ฮิ้วววว” พัชรีแซว
โซว์กับขิงยิ่งอาย แล้วโซว์ก็ค่อยๆขยับเข้าไปใกล้ขิงก่อนจะเอามือโอบเอวขิงแล้วดึงเข้ามาชิดตัว
ช่างภาพรัวชัตเตอร์
“หอมแก้มเลยกระหม่อม” ปีเตอร์เชียร์
“จริงด้วย หอมแก้ม” พัชรีสนับสนุน
ปีเตอร์กับพัชรีช่วยกันปรบมือ “หอมแก้ม หอมแก้ม หอมแก้ม”
“ตามใจพวกเค้าหน่อยนะ” โซว์บอกขิง
ขิงพยักหน้าอย่างอายๆ โซว์เอาจมูกแตะแก้มขิง แล้วช่างภาพก็ถ่ายรูป รูปหลายใบปรากฎขึ้นที่หน้าจอกล้อง มีทั้งแบบสี่แอ๊ค แปดแอ๊ค โซว์และขิงมีสีหน้ามีความสุขมาก

โซว์กับขิงเดินจับมือด้วยกันมาตามทาง ต่างคนต่างยิ้มแล้วก็หันมาเห็นหน้ากัน
“ยิ้มอะไร” ทั้งคู่ถามขึ้นมาพร้อมกัน
ทั้งคู่ชะงักที่พูดพร้อมกันแล้วก็หัวเราะ
“เธอตอบก่อน” โซว์บอก
“นายนั่นแหละตอบมาก่อน” ขิงบอก
โซว์หยุดเดินแล้วหันมาจับมือขิงทั้งสองข้าง “ชั้นมีความสุข มีความสุขมากกกกกกกกกกก มากมากมากมากที่สุด” ขิงยิ้มปลื้ม “ชั้นไม่นึกว่าเราจะมีวันนี้ วันที่เราจะได้แต่งงานกัน ได้สร้างครอบครัวด้วยกัน ได้อยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
ขิงพยักหน้า แล้วโซว์ก็ดึงขิงเข้ามากอด
“ต่อจากนี้...จะไม่มีอะไรมาพรากเราจากกันได้อีก” โซว์บอก
ขิงกอดโซว์ตอบ
ลัดลดายืนอยู่กับทหารที่ด้านนอกพระราชวัง
“จำชั้นได้มั้ย” ลัดลดาถาม ทหารมองหน้า “ชั้นลัดลดา..เพื่อนสนิทของเจ้าชาย”
“อ๋อ คุณนั่นเอง” ทหารจำได้
“ไปกราบทูลเจ้าชายว่าชั้นมีเรื่องสำคัญอยากขอพบ”
ลัดลดามีสีหน้ามุ่งมั่นตั้งใจ

โซว์กับขิงเดินเข้ามาในวัง พระราชินีเดินมาเจอ โซว์กับขิงหยุดเดินและถวายความเคารพ
“แม่จะมาขอยืมตัวขิงซักครู่” พระราชินีบอก
ขิงกับโซว์แปลกใจ
“เสด็จแม่จะพาขิงไปไหนกระหม่อม” โซว์ถาม
“นี่เป็นเรื่องของผู้หญิง ลูกไม่สมควรต้องรู้จ๊ะ”
โซว์เหวอ ขิงขำ แล้วพระราชาชินีก็จับแขนขิงพาเดินไปด้วยกัน
โซว์ยิ้มแล้วก็ส่ายหัว พอหันไปก็เจอทหารเดินเข้ามาพอดี
ทหารทำความเคารพ “คุณลัดลดามาขอพบเจ้าชายกระหม่อม”
โซว์แปลกใจมาก “ลัดลดา?”

พระราชินีเอาชุดสร้อยโคตรเพชรให้ขิง ขิงอึ้ง
“พระราชินีทรงให้หม่อมชั้นเหรอเพคะ?”
พระราชินีพยักหน้า ขิงมีสีหน้าลำบากใจ
“หม่อมชั้นรับไม่ได้เพคะ มันมีมูลค่ามากมายมหาศาลเกินไป” ขิงบอก
“เจ้าไม่รับไม่ได้ นี่เป็นเครื่องเพชรประจำตระกูลที่ตกทอดกันมาจากราชินีองค์ก่อน..ซึ่งก็คือเสด็จย่าของโซว์ นี่คือชุดควีนไดมอนด์ ควีนแปลว่าพระราชินี เพราะฉะนั้นเครื่องเพชรชุดนี้ก็ต้องอยู่กับพระราชินีเท่านั้น”
ขิงยังอึ้งไม่หาย “แต่..”
“เจ้าคือว่าที่พระราชินีองค์ใหม่แห่งนิวแลนด์ ฉะนั้นเครื่องเพชรนี้ต้องเป็นของเจ้า”
ขิงพูดอะไรไม่ออก พระราชินีเอาสร้อยมาใส่ให้ขิง ขิงตื้นตันและตื่นเต้นมาก

ลัดลดากำลังเอาน้ำตาเทียมหยอดตา โซว์เดินมาจากทางด้านหลัง ลัดลดาได้ยินเสียงก็รีบเก็บน้ำตาเทียมแล้วหันไป โซว์ผงะเพราะเห็นน้ำตานองหน้าลัดลดา
ลัดลดาถอนสายบัว “ถวายบังคมเพคะเจ้าชาย”
โซว์มองอย่างระแวง “มาหาเราถึงนี่ มีธุระสำคัญอะไร?”
ลัดลดาขยับเข้าหา โซว์ถอยแล้วยกมือห้าม
“หยุดอยู่ตรงนั้น ไม่ต้องมาเข้าใกล้เรา”
ลัดลดาทำเป็นร้องไห้ต่อมน้ำตาแตก “หม่อมชั้นมีเรื่องอยากขอร้องอ้อนวอนให้เจ้าชายทรงช่วยเพคะ มันเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย ที่มีชีวิตหม่อมชั้นเป็นเดิมพัน”
โซว์มองลัดลดาอย่างแปลกใจ

ปีเตอร์กับพัชรียืนอยู่กับทหารคนเดิม ทั้งสองตกใจ
“ว่าไงนะ!!! ยัยดาด้ามาหาเจ้าชาย!! แล้วเจ้าปล่อยให้เข้าไปได้ยังไง!!” ปีเตอร์ถามทหาร
“ก็เค้าบอกว่าเป็นเพื่อนกับเจ้าชาย”
“เค้าไม่เคยเป็นเพื่อนกับเจ้าชาย จำไว้ด้วย!” ปีเตอร์ว่า ทหารหน้าเสีย “เราอยากจะบ้าตาย ไปให้พ้นหน้าเราเลยไป!!”
ทหารรีบออกไป ปีเตอร์หันไปมองพัชรีหน้าเสียด้วยกันทั้งคู่
“อะไรๆกำลังจะดีอยู่แล้วเชียว ดันจะมีมารมาผจญอีก รีบตามไปดูกันเถอะ” พัชรีบอก
ปีเตอร์พยักหน้า แล้วรีบเดินออกไปกับพัชรี

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14/2 วันที่ 12 ต.ค. 55

ท่านชายในสายหมอกนำแสดงโดย: หลุยส์, พั้นช์ วรกาญจน์, ลิฟท์ สุพจน์, ซานิ, ปาล์ม ณัฐดนัย
ท่านชายในสายหมอกอำนวยการผลิตโดย: บริษัท ทีวีธันเดอร์ จำกัด
ท่านชายในสายหมอก บทประพันธ์ โดย วรรณึก
ท่านชายในสายหมอก บทโทรทัศน์ โดย ปณธี-ภควดี
ท่านชายในสายหมอก กำกับการแสดง โดย ศุภฌา ครุฑนาค
ท่านชายในสายหมอกออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง 3
ท่านชายในสายหมอก เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ติตามชมละครเรื่องท่านชายในสายหมอก ได้ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา manager