@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14 วันที่ 11 ต.ค. 55

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14 วันที่ 11 ต.ค. 55

ขิงพูดเสร็จก็มองหน้าโซว์ แต่โซว์หน้านิ่งไม่สนใจใดๆ ท่าทางของโซว์ดูทั้งหยิ่งและเชิ่ดๆใส่เธอ
“เจ้าคิดว่าเจ้าจะมีโอกาสเหรอ” พระราชาถาม
“หม่อมชั้นรู้ว่าหม่อมชั้นไม่ควรได้รับ แต่ “ความผิดพลาดของเมื่อวาน คือบทเรียนของวันนี้” ทรงให้โอกาสหม่อมชั้นอีกครั้งนะเพคะ ตอนนี้หม่อมชั้นแน่ใจในสิ่งที่คิด และหม่อมชั้นไม่กลัวอะไรอีกแล้ว”
“พูดน่ะมันง่าย” พระราชาบอก
“หม่อมชั้นถึงอยากจะขอโอกาสพิสูจน์” ขิงบอก
“เจ้าอยากจะพิสูจน์อะไรเหรอ” พระราชินีถาม
ขิงลุกขึ้นประกาศกลางห้องอย่างมุ่งมั่นและเด็ดเดี่ยว

“พิสูจน์ว่า หม่อมชั้นพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เพื่อให้เป็นคนที่คู่ควรกับเจ้าชายเพคะ”
ขิงหันไปมองโซว์อีกครั้งเพราะอยากเห็นปฎิกิริยา แต่โซว์ยังนิ่งจนขิงเริ่มใจเสีย
“แสดงว่าเจ้าพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนของนิวแลนด์” พระราชาพูด
ขิงกล่าวหนักแน่น “หม่อมชั้นพร้อมเพคะ”
พระราชาหันไปถามโซว์ที่ยืนนิ่งไม่พูดไม่จาอะไร
“แล้วเจ้าล่ะว่ายังไง”
โซว์ทำไม่แยแส “ว่าอะไร? เรื่องอะไร ? เหรอพระเจ้าค่ะเสด็จพ่อ”
พระราชินีตอบแทน “ก็เรื่องที่หนูขิงเค้าพูดอยู่เมื่อกี้ไง”
“หม่อมชั้นไม่มีสิทธิพูดอะไรอีกแล้ว ทุกอย่างแล้วแต่เสด็จพ่อ ถ้าเสด็จพ่อว่ายังไงหม่อมชั้นก็ว่าอย่างนั้น” โซว์หันไปมองขิงแบบไม่มีเยื่อใย



“งั้นเราไม่ให้โอกาสเจ้า เจ้ากลับไปเถอะ” พระราชาบอก
โซว์ตกใจไปเล็กน้อยแต่ยังเก็บอาการ ขิงหน้าเสียแต่ปีเตอร์รีบพูดเพื่อช่วยขิง
“แต่คุณขิงเดินทางมาเหนื่อยๆ จะให้กลับไปแบบนี้ คนเค้าจะเอาไปนินทาได้ว่าพวกเราดูแลแขกไม่ดี หม่อมชั้นว่าให้คุณขิงพักเหนื่อยสักสองสามวันก่อนดีมั้ยพระเจ้าค่ะ”
“หม่อมชั้นเห็นด้วยกับปีเตอร์นะเพคะ” พระราชินีบอกขิง “พักให้หายเหนื่อยก่อนก็แล้วกันนะ เผื่ออะไรๆจะดีขึ้น”
พระราชาพูดกับโซว์ “นี่เป็นแขกของเจ้า เจ้าจัดการเอาเองก็แล้วกัน”
พูดเสร็จพระราชาก็ลุกเดินออกไปทันที พระราชินีรีบลุกตาม แล้วทั้งสองก็เดินออกไปจากห้อง
ขิงหันไปจะพูดกับโซว์ แต่โซว์ทำท่าเหมือนจะเดินหนีออกจากห้อง ขิงผิดหวังและเสียใจมาก ปีเตอร์รีบเข้าไปปลอบ โซว์ที่กำลังจะเดินออกไปจากห้องหันมามองขิงพร้อมพูดเสียงเข้ม
“เอ้า !! แล้วจะยืนเศร้ากันอยู่ทำไมล่ะ รีบตามมาซิ เรามีอะไรต้องทำอีกเยอะนะ”
พูดเสร็จโซว์ก็เดินออกไป ปีเตอร์รีบบอกให้ขิงตามโซว์ไปทันที

โซว์เดินหน้าบึ้งๆ ไปตามทาง โดยมีขิงเดินตามหลังอย่างจ๋อยๆ ปีเตอร์ที่เดินตามหลังโซว์มองขิงด้วยความสงสารแต่ก็ทำอะไรไม่ได้
“ใจคอนายจะไม่ทักชั้นซักคำรึไง” ขิงถาม โซว์ไม่ตอบ “ชั้นดีใจนะที่ได้เจอนาย”
โซว์หน้านิ่งเหมือนไม่สนใจ ปีเตอร์กลัวขิงเสียใจจึงรีบตอบแทน
“ปีเตอร์มั่นใจว่าเจ้าชายดีใจ” ปีเตอร์พูดเน้น “มากกกที่เจอคุณขิงครับ”
โซว์ว่าปีเตอร์ “สู่รู้”
ขิงหน้าจ๋อย ปีเตอร์เห็นท่าทางหยิ่งของโซว์ว่าชักจะมากไปแล้วจึงรีบเข้าไปพูดใกล้ๆ “เจ้าชาย หม่อมชั้นขอแนะนำ อย่าเยอะ เอาแต่พอดีๆ เดี๋ยวคุณขิงกลับไประเทศไทยไป จะจ๋อย”
ขิงตอบด้วยความมั่นใจ “ชั้นไม่ไปหรอกปีเตอร์ ถึงใครจะไล่ ถึงใครจะไม่อยากต้อนรับ ชั้นก็จะอยู่...อยู่เพื่อพิสูจน์ความตั้งใจของชั้นให้ได้”
โซว์ทำเป็นรำพึง “จะทำได้จริงเร้อ ดีแต่ปากมากกว่ามั้ง”
“ถ้านายเคยทำเพื่อชั้นขนาดนั้นได้ ชั้นก็ทำเพื่อนายได้เหมือนกัน” ขิงบอก
โซว์ฟังแล้วก็ทำหน้าเฉยๆ ปีเตอร์เซ็งโซว์แต่ก็รีบพูด
“โหย..ซึ้งเนอะ”
“ซึ้งหรือไม่ซึ้งมันต้องอยู่ที่การกระทำไม่ใช่คำพูด” โซว์บอก “เธออยากจะทำอะไร พิสูจน์อะไรก็ทำไปเถอะ เราไม่ห้ามหรอก เราไม่เหมือนใครบางคน ที่ชอบไล่คนอื่นหรอก เราใจกว้างพอ”
โซว์พูดแล้วเดินเชิ่ดออกไป ขิงรู้ว่าโดนแขวะก็ถึงกับจ๋อย
ปีเตอร์มองตามโซว์แล้วก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้ว
“เอ่อ ..คุณขิงไปพักผ่อนให้สบายใจก่อนนะครับ เดี๋ยวขอผมไปจัดการอะไรบางอย่างก่อน” ปีเตอร์รีบให้กำลังใจ “แต่ยังไงปีเตอร์ก็เอาใจช่วยคุณขิงนะครับ สู้สู้”
ปีเตอร์รีบเดินตามไปเอาเรื่องโซว์ ขิงยืนถอนหายใจยาวเพราะทุกอย่างไม่ได้ง่ายอย่างที่คิดซะแล้ว

ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาในห้องของโซว์ด้วยหน้าตาเอาเรื่อง เขากำลังจะไปโวยวายโซว์ แต่โซว์ที่ยืนเหมือนอยู่หันมายิ้มด้วยหน้าตามีความสุขสุดๆ
“สำเร็จแล้วปีเตอร์ เห็นมั้ยว่าขิงเค้ารักชั้น เค้าตามมาง้อชั้นด้วย ฮ่าๆ”
โซว์ยิ้มปลื้มดีใจไม่หยุด ปีเตอร์อยากจะด่าแต่ก็ด่าไม่ออก
“แล้วทำไมต้องไปทำปั้นปึ่งใส่คุณขิงเค้าด้วย เดี๋ยวคุณขิงก็เสียใจเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋ากลับบ้านหรอก” ปีเตอร์บอก
“เอ้า ... เราก็ต้องมีฟอร์มบ้างอะไรบ้าง เราก็อยากจะรู้ว่าเค้ารักเรามากแค่ไหนนี่”
“แล้วคราวนี้รู้รึยังล่ะ ว่าคุณขิงรักมากแค่ไหน”
โซว์ยังทำท่าเก็กๆ “ก็แค่ระดับเดียว เราอยากรู้ทั้งหมดของหัวใจเค้า อยากรู้ว่าเค้าจะทำเพื่อเราและประเทศนิวแลนด์ได้ขนาดไหน”
โซว์ยิ้มเหมือนมีแผน ปีเตอร์ส่ายหน้าพร้อมพึมพำ
“พอเค้ามาง้อ ชักเยอะเชียวนะเจ้าชาย !”

ขิงเดินไปเดินมาอยู่ในห้องเพราะกำลังครุ่นคิด เธอรู้สึกไม่สบายใจเท่าไหร่ ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้น ขิงรีบไปเปิดประตู พระราชินียืนยิ้มอยู่หน้าห้อง
ขิงแปลกใจแต่ก็รีบทำความเคารพก่อนจะเชิญพระราชินีเข้ามาในห้อง ทันทีที่ขิงปิดประตู พระราชินีก็โผเข้ามากอดตัวขิงไว้แน่นด้วยความดีใจมาก ขิงตกใจจนพูดอะไรไม่ออก แต่เธอก็รู้สึกดีและอบอุ่นขึ้นจนสามารถยิ้มออกมาได้
“ขอบใจนะที่เธอมานะ..”
ขิงไม่กล้าสบตา “หม่อมชั้น เอออ...”
พระราชินีพูดหน้าเครียด
“ตั้งแต่โซว์กลับมา เราไม่เคยเห็นรอยยิ้มเค้าซักนิด แต่วันนี้เจ้าจะนำรอยยิ้มนั้นกลับมาอีกครั้ง เราขอถามคำถามเจ้าข้อนึง เราต้องการได้ยินคำตอบจากปากของเจ้าเองกับหู เจ้ารักลูกชายของเรารึเปล่า”
ขิงตอบอย่างจริงใจ “หม่อมชั้นรักเจ้าชาย และไม่ว่าที่ผ่านมาจะมีเหตุการณ์อะไรต่างๆมากมายเกิดขึ้นระหว่างหม่อมชั้นกับโซว์ ก็ไม่เคยทำให้ความรักของหม่อมชั้นที่มีต่อโซว์ลดลงเลยเพคะ”
พระราชินีจ้องลึกลงไปในดวงตาของขิง เมื่อเห็นว่าขิงตอบอย่างจริงใจ พระราชินีก็ยิ้มพอใจ
“สิ่งที่เจ้าจะต้องเจอต่อจากนี้ จะเป็นเรื่องจริงที่หนักมาก เกินกว่าที่คนธรรมดาจะรับไหว แต่ถ้าเจ้ารักลูกชายเราจริงอย่างที่เจ้าบอก ความรักจะทำให้เจ้าข้ามผ่านอุปสรรค ความยากลำบาก และ ความแตกต่างทั้งปวงไปได้” พระราชินียิ้มอย่างอ่อนโยน “และเราจะช่วยเจ้าเอง”
ขิงยิ้มดีใจและไม่อยากจะเชื่อ เธอรีบคุกเข่าเพื่อแสดงความขอบคุณ แต่ราชินีดึงขิงขึ้นมา
“ผู้ที่จะเป็นราชินีแห่งนิวแลนด์ ต้องไม่คุกเข่าให้ใครง่ายๆ นี่คือเรื่องแรกที่เจ้าต้องจำไว้”
ขิงรีบยืนขึ้น ก่อนจะก้มหัวแทนคำขอบคุณด้วยมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวและงามสง่า แต่ก็ยังมีความอ่อนน้อม
“ขอบพระทัยเพคะ”
พระราชินีมองขิงด้วยความพอใจ

เวลาผ่านไป พระราชามองขิงด้วยสายตาจริงจัง
“พระราชินีบอกสิ่งที่เจ้าพูดเมื่อคืนแล้ว เรารู้สึกถึงความมุ่งมั่นที่เจ้ามี จึงอยากให้โอกาสเจ้าได้เรียนรู้การเป็นคนนิวแลนด์”
ขิงยิ้มดีใจอย่างสง่างาม “ขอบพระทัยเพคะ”
“ใจเย็นๆ อย่างเพิ่งดีใจ เพราะเราไม่ใจดีกับเจ้าขนาดนั้นหรอก มันมีเงื่อนไข” พระราชาบอก
“หม่อมชั้นยินดีน้อมรับเงื่อนไขทุกอย่าง”
“ถ้าภายในหนึ่งอาทิตย์เจ้ายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเจ้าเหมาะสมคู่ควรกับการเป็นคนนิวแลนด์แล้ว เจ้าต้องกลับบ้านไป และไม่ต้องกลับมาอีก”
โซว์ได้ฟังถึงกับกลืนน้ำลายดังเอื้อก แต่ก็ยังพยายามนิ่งเพื่อรักษาฟอร์ม
“เพคะ หม่อมชั้นจะใช้เวลาและโอกาสที่มีทั้งหมด พิสูจน์สิ่งที่หม่อมชั้นพูด” ขิงกล่าวหนักแน่น
“บอกไว้ก่อนว่ามันไม่ง่าย”
“หม่อมชั้นรู้เพคะ แต่หม่อมชั้นเชื่อว่า ถ้าหากคนเรามุ่งมั่นจริงๆ ต่อให้สิ่งที่ทำยากเย็นขนาดไหน ต้องบุกน้ำ ลุยไฟยังไง เราก็จะทำสำเร็จเพคะ”
“งั้นเจ้าไปได้แล้ว ไปเตรียมตัวเตรียมใจรอรับบททดสอบของเจ้า”
ขิงก้มหัวให้ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอย่างงามสง่าจนโซว์ยังทึ่งๆ พระราชามองตามแล้วก็รู้สึกแปลกใจ
“ท่าทางเปลี่ยนไปเยอะจริงๆ”
พระราชินีกระซิบกับพระราชา “ก็ความรักทำให้คนทำได้ทุกสิ่งไงเพคะ”
โซว์รีบเดินเข้ามาหาพระราชากับพระราชินีด้วยหน้าตาอยากรู้สุดๆ
“เมื่อคืนขิงบอกอะไรกับเสด็จแม่เหรอพระเจ้าค่ะ บอกลูกหน่อยซิ” โซว์ถาม
“บอกไม่ได้ความลับ” พระราชินีบอก
“เสด็จพ่อ บอกหม่อมชั้นหน่อยซิ หม่อมชั้นอยากรู้จริงๆ”
“พ่อเชื่อว่าสักวัน หนูขิงเค้าก็จะบอกเจ้าเองน่ะแหละ”
พระราชาและพระราชินีหันมายิ้มขำกันเอง โซว์ได้แต่เซ็งเพราะอยากรู้สุดๆ

พัชรีเดินเข็นกระเป๋าเดินทางใบโตไปพร้อมกับบ่นไป ท่าทางของเธอทั้งเหนื่อยทั้งเซ็ง
“ห่างกันแค่ไม่ถึงอาทิตย์ก็ทนไม่ได้ ต้องให้ลางานบินมาหาอีก นี่นิวแลนด์นะไม่ใช่ขอนแก่น ถึงจะได้บินไปบินมาเป็นว่าเล่นแบบนี้ งานการก็ไม่ได้ทำ” พัชรีโมโหมาก “อีตาปีเตอร์จะเคยรู้มั้ยเนี่ย ว่าชั้นหยุดจนเค้าจะไล่ออกแล้ว”
ปีเตอร์ย่องเข้ามาด้านหลังก่อนจะเข้าไปกอดพัชรีแล้วยกตัวขึ้นหมุน พัชรีตกใจ
“เค้าจะไล่ก็ให้เค้าไล่ไปเถอะจ๊ะที่รักจ๋า ยังไงที่รักก็ต้องมาอยู่กับเค้าที่นี่อยู่แล้วนี่” ปีเตอร์บอก
ปีเตอร์หมุนจนพอใจก่อนจะปล่อยพัชรี พัชรีถึงจะมึนแต่ก็ปลื้มมาก เธอหันมองปีเตอร์ด้วยความอาย
“เค้าจะมาอยู่กับตะเองได้ไงล่ะ ก็เค้าไม่ใช่คนประเทศนี้นิ” พัชรีบอก
ปีเตอร์ทำท่ายั่ว “แล้วอยากมั้ยล่ะ ถ้าอยากปีเตอร์จะจัดการให้ตัวเองเป็นคนประเทศนี้โดยสมบูรณ์แบบซักที”
“จะทำยังไง คนนะไม่ใช่ขนมหวานจะมาเปลี่ยนอะไรง่ายๆ”
“ตะเองก็แต่งงานกับเค้าดิ” ปีเตอร์บอก
พัชรีเขินจึงทุบอกปีเตอร์ “บ้าๆๆๆๆๆๆ”
โซว์ที่ยืนมองพัชรีและปีเตอร์อยู่นานเริ่มเซ็ง
“เราไม่อนุญาตให้เจ้าสองคนแต่งงานกันหรอก” โซว์บอก
ปีเตอร์และพัชรีหันไปมองหน้าโซว์อย่างเซ็งๆ
โซว์ยิ้มก่อนจะพูดต่อ “จนกว่าเราจะได้แต่งงานกับขิงก่อน”
พัชรีทำหน้าจ๋อยแล้วจะลากกระเป๋ากลับบ้าน “งั้นพัชรีกลับดีกว่า ถ้าให้รอแบบนั้นสงสัยจะชาติหน้า ชาติโน้น หรือ ชาติไหนๆ ยังไม่ได้แต่ง”
“ไม่ต้องรอนานขนาดนั้นหรอกจ้าที่รักจ๋า” ปีเตอร์กระซิบ “คุณขิงเธอมาง้อเจ้าชายแล้ว”
พัชรีมองเจ้าชายและปีเตอร์แบบไม่อยากจะเชื่อ “จริงอะ”
โซว์พูดขำๆ “จริงดิ !!!”
“คุณขิงจะต้องพิสูจน์ด้วยตัวเองอย่างหนักหน่วงว่าเธอเหมาะสมที่จะเป็นราชินีของชาวนิวแลนด์หรือไม่ ซึ่งพัชรี ที่รักของพี่ จะต้องช่วยคุณขิงทำให้สำเร็จ เพื่อเจ้าชาย” ปีเตอร์บอก
พัชรีทวนคำ “เพื่อนิวแลนด์”
ปีเตอร์กับพัชรีโผเข้ากอดกัน และมองหน้ากันอย่างซาบซึ้ง “และเพื่อเราสองคน”
ปีเตอร์และพัชรีทำปากจะจุ๊บกัน โซว์ที่มองอยู่ถึงกับส่ายหน้าเพราะทนดูความสวีทของสองคนนี้ไม่ไหวจริงๆ

ปีเตอร์และพัชรีช่วยกันหอบหนังสือตั้งใหญ่มาวางไว้ให้ขิง ขิงถึงกับผงะเพราะจำนวนหนังสือที่มากมายเหลือเกิน
“นี่คือหนังสือพงศาวดารเกี่ยวกับประเทศนิวแลนด์ตั้งแต่ยุคก่อตั้ง จนมาถึงปัจจุบันรวมเวลาการบันทึกก็ราวๆ 400 ปี” ปีเตอร์อธิบาย
“400 ปี” ขิงกลืนน้ำลายดังเอื้อก “ขิงต้องอ่านทั้งหมดนี่เลยเหรอคะ”
“ใช่ครับ อยากเป็นคนนิวแลนด์ก็ต้องรู้จักรากเง้าและที่มาซะก่อน ถึงจะเข้าใจความรู้สึกนึกคิดของพวกเราได้”
“แต่อ่าน 400 ปีในเวลาสองอาทิตย์จะทันเหรอคะ” ขิงทำใจสู้ “แต่ไม่เป็นไร อ่านก็อ่าน”
ขิงรวบรวมลมหายใจก่อนจะเอาจริง ปีเตอร์และพัชรีที่สังเกตอยู่ถึงกับยิ้มปลื้มใจ
พัชรีประทับใจ “โอ้โห ดุดันเอาจริงสมเป็นน้องขิงจริงๆ 400 ปีพี่พัชรีว่ามันก็เยอะไป พัชรีมีตัวช่วย นี่คือซีดีประวัติประเทศนิวแลนด์คร่าวๆ จาก 400 ปี คัดๆเน้นๆ เหลือสองชั่วโมง จะได้เอาเวลาไปทำอย่างอื่นบ้าง”
“ยังมีอย่างอื่นที่ต้องทำอีกเหรอคะ” ขิงถาม
“มีซิครับ นอกจากต้องศึกษาประวัติ ต้องเรียนรู้เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ศาสนา มารยาท ศิลปวัฒนธรรม และ ที่สำคัญต้องรู้จักพวกนี้ด้วย”
ปีเตอร์หยิบม้วนกระดาษแผ่นใหญ่ออกมาคลี่ มีฝุ่นฟุ้งขึ้นมาเล็กน้อย พอฝุ่นจางขิงเข้าไปดูถึงกับอึ้ง เพราะมันคือแผนภูมิต้นไม้ของครอบครัวของโซว์
“อยู่บ้านเค้าเราต้องไม่นิ่งดูดาย ต้องรู้จักปู่ ย่า ตา ยาย ของพวกเค้าด้วย” ปีเตอร์บอก
ขิงและพัชรีมองแผนภูมิต้นไม้อย่างทึ่งๆ
“ไม่นึกว่าเจ้าชายโซว์ จะทรงพระญาติเยอะแบบนี้” พัชรีอึ้ง
“ต้องท่องจำชื่อหมดทุกคนเลยเหรอ” ขิงถาม
“หมดทุกคนเลยครับ เพราะทุกคนล้วนมีคุณงามความดีต่อประเทศนิวแลนด์ของเราทั้งสิ้น” ปีเตอร์ถามหยั่งเชิง “เยอะไปมั้ยครับ”
“ไม่หรอก ขิงชอบ ขิงเป็นคนญาติน้อย อยากมีญาติเยอะๆแบบนี้มานานแล้ว”
ขิงมองข้าวของทั้งหมดที่อยู่ในห้องแล้วยิ้มสู้
“เอาล่ะ งั้นลุยกันดีกว่า” ขิงอ่านแผนภูมิต้นไม้ “กษัตริย์ วิลเลียม โจเซฟที่ 1 ผู้นำชาวนิวแลนด์จากเทือกเขา ....”
ขิงมุ่งมั่นเอาจริงจนปีเตอร์และพัชรีปลื้มใจสุดๆ

โซว์เดินวนไปวนมาด้วยความกังวลอยู่ในห้อง ทันทีที่ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามา โซว์ก็รีบพุ่งเข้าไปแทบจะลากคอปีเตอร์มาถามด้วยความอยากรู้
“เป็นไงบ้าง”
ปีเตอร์ถูกรัดคอจนรู้สึกไม่ไหวแล้ว “จะ..จะ..ตายแล้ว...คระ..ครับ”
“นี่นายให้ขิงเค้าต้องเรียนหนักถึงขนาดนั้นเลยเหรอ”
ปีเตอร์โวยวาย “ไม่ใช่คุณขิงครับที่จะตาย ผะ..ผมต่างหากจะตาย ..หะ..หายใจไม่ออก”
โซว์รู้ตัวก็รีบปล่อยมือ “เอ้า แล้วก็ไม่บอก มัวแต่ตื่นเต้น แล้วตกลงขิงเป็นยังไง ไหวมั้ย”
“ท่าทางเอาจริงเอาจังมาก ดูจะไม่ยอมแพ้เลยครับ แต่กระหม่อมก็ยังกังวล เพราะการเปลี่ยนคนจากวัฒนธรรมหนึ่ง มาสู่อีกวัฒนธรรมหนึ่ง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมไม่ได้เปลี่ยนธรรมดาด้วย เปลี่ยนเพื่อเป็นราชินีด้วย งานนี้จะบอกว่าหินก็ยังน้อยไป”
โซว์แอบสะใจเล็กๆ “ก็ช่วยไม่ได้ อยากจะทำเอง” โซว์หัวเราะฝืนๆ “ฮ่าๆๆๆๆ”
“เจ้าชายจะไม่ไปดูและให้กำลังใจคุณขิงซักนิดเหรอครับ”
โซว์ตอบเสียงแข็ง “ไม่ !!”
พูดเสร็จโซว์ก็เดินเชิ่ดออกไป ปีเตอร์มองด้วยความหมั่นไส้มากๆ
“อย่างนี้ไม่ใช่เย๊อะธรรมดา”

โต๊ะอาหารถูกจัดแบบฟูลคอร์ส มีทั้งจาน ชาม แก้วน้ำ ช้อนส้อมวางอยู่มากมาย ขิงมองข้าวของตรงหน้าอย่างอึ้งๆ ก่อนจะเอามือเท้าลงไปบนโต๊ะด้วยความเคยชิน พระราชินีเดินเข้ามาแล้วใช้ไม้ตีไปที่ศอก ของขิงดังเพี๊ยะ ขิงสะดุ้งเก็บศอกแทบไม่ทัน
“เวลานั่งที่โต๊ะอาหาร ห้ามเท้าแขน และไม่ควรถอดรองเท้าใต้โต๊ะ” พระราชินีบอก
ขิงที่ถอดรองเท้าที่อยู่รีบใส่แทบไม่ทัน
“ไม่ควรใส่รองเท้าแตะหรือรองเท้าส้นเปิด” พระราชินีชี้ไปที่ผมขิงที่ปล่อยยาวสยาย “ผมก็ต้องเก็บให้เรียบร้อย เสื้อผ้าก็ไม่ควรใส่คอลึก ถ้าสวมกระโปรงก็ไม่ควรนุ่งสั้น”
“โหย !! แค่จะกินข้าวซักมื้อ ทำไมมันถึงยากขนาดนี้เพคะ ตอนนั้นที่นั่งทานกับโซว์ยังไม่เห็นเข้มงวดแบบนี้เลยเพคะ” ขิงบอก
“เพราะนี่แสดงถึงวัฒนธรรมและขนบธรรมเนียมที่ดีที่เราพึงกระทำน่ะซิ และการที่เราทำได้อย่างถูกต้อง เท่ากับเราให้เกียรติเพื่อนร่วมโต๊ะคนอื่นด้วย ไม่ว่าเราจะรับประทานกับคนที่สูงกว่า เสมอเรา หรือต่ำกว่า ถ้าเค้าอยู่ร่วมโต๊ะอาหาร เค้าคือคนที่สำคัญยิ่ง”
“ขิงไม่เคยคิดในจุดนี้เลย คิดแค่กินให้อิ่มก็พอแล้ว”
“คนที่จะปกครองคนอื่น จะคิดถึงแต่ตัวเองไม่ได้ เข้าใจใช่มั้ย”
“เข้าใจเพคะ”
“เอาล่ะ เราจะค่อยสอนเจ้าช้าๆนะ” พระราชินีค่อยๆ ชี้ไปที่บรรดาช้อนส้อม “นี่มีดตัดเนย ช้อนขนม ส้อมขนม แก้วน้ำ แก้วแชมเปญ แก้วไวน์ขาว ไวน์แดง”
ขิงมองพระราชินีที่พยายามจะสอนอย่างตั้งใจด้วยความซึ้งใจปนแปลกใจ
“ทำไมพระองค์ถึงยอมช่วยหม่อมชั้นเพคะ ทำไมถึงยอมทรงเอาเวลาอันมีค่าของพระองค์มาให้กับคนที่ไม่ได้เรื่องอย่างหม่อมชั้น”
พระราชินีค่อยๆลูบหัวขิงอย่างอ่อนโยน
“เพราะเรารู้น่ะซิ” พระราชินีพูดพลางคิดถึงเรื่องตัวเอง “ว่าการที่สามัญชนธรรมดาๆคนนึง จะต้องทำทุกอย่างเพื่อเปลี่ยนแปลงตัวเอง ให้เป็นคนที่คู่ควรกับตำแหน่งที่สำคัญที่สุดแบบนี้ มันทั้งยาก และ ต้องใช้กำลังใจมากเท่าไหน” พระราชินีจับมือขิง “เราถึงอยากเป็นกำลังใจให้เจ้าทำให้สำเร็จ”
ขิงยิ้มอย่างไม่ยอมแพ้ “หม่อมชั้นต้องทำสำเร็จแน่นอนเพคะ”

ปีเตอร์กับพัชรีแอบมองขิงที่กำลังเรียนเรื่องการรับประทานอาหารที่ถูกต้องกับพระราชินีด้วยความตื่นเต้น
“ไม่อยากเชื่อเลย ว่าองค์ราชินีจะลงมาสอนคุณขิงเองขนาดนี้” ปีเตอร์บอก
“แสดงว่าองค์ราชินีเมตตา” พัชรีสงสัย
เสียงโซว์ดังขึ้น “หรือเพราะยายนั่นซื่อซะจนเซ่อ จนเสด็จแม่ทนไม่ไหว ทั้งที่เราเองก็เคยสอนไปบ้างแล้ว”
ปีเตอร์และพัชรีหันหน้ามาเห็นโซว์มาแอบดูด้วยก็ตกใจ
พัชรีกับปีเตอร์ตกใจพร้อมกัน “เย้ย !!”
“มาด้วยเหรอพระเจ้าค่ะ” ปีเตอร์ถาม
“ก็จะให้เราลุ้นยายนั่นอยู่คนเดียวได้ไง มันก็ต้องมาลุ้นมาดูบ้าง” โซว์บอก
“แล้วพอมาเห็นแล้วเป็นไงบ้างเพคะเจ้าชาย คุณขิงทุ่มเทสุดๆใช่มั้ยเพคะ” พัชรีถาม
“ทุ่มเทอะไรล่ะ ทำเราปวดตับล่ะไม่ว่า ดูซิท่าทางจับมีด จับส้อมอย่างกับจะไปแทงคนที่ไหน ..เฮ่อ .” โซว์ส่ายหน้าอย่างเซ็งๆ
“ถ้าไม่อยากปวดตับเจ้าชายก็ไปช่วยคุณขิงซิ เรื่องโต๊ะเสวยเจ้าชายเก่งจะตาย”
โซว์ทำหยิ่งขึ้นมาซะงั้น “ไม่ได้หรอก อุตส่าห์กดดันยายนั่นมาซะขนาดนี้แล้ว ขืนใจดีด้วยเดี๋ยวยายนั่นได้ใจ”
“งั้นก็ตามใจ ให้คุณขิงท้อแล้วกลับบ้านไปเลยก็แล้วกัน เพราะเรื่องแบบนั้นหม่อมชั้นก็จนปัญญาเหมือนกัน ไปเถอะพัชรี เรื่องนี้เราช่วยไม่ได้หรอก”
พัชรีหันไปค้อนโซว์ “คนใจดำ !!”
ปีเตอร์และพัชรีเดินออกไป โซว์แอบมองขิงเพราะรู้สึกกังวลและเป็นห่วงจริงๆ

โซว์เดินไปเดินมาอยู่ในห้อง ใจหนึ่งเหมือนอยากจะเดินออกไปแต่อีกใจก็ต้องนิ่งไว้ เขาคิดสลับไปสลับมาอยู่แบบนั้นจนเริ่มเครียด !!
“โธ่เอ๊ย !! เอาไงดี ถ้าไปช่วยก็เหมือนเราจะใจอ่อนมากไป แต่ถ้าไม่ช่วยแล้วเกิดยายนั่นทำไม่สำเร็จ เราก็แย่น่ะซิ” โซว์โมโห “เสด็จพ่อไม่น่ากำหนดเวลาแบบนั้นเลย..เย้ย”
โซว์หันมาเจอพระราชายืนกอดอกสีหน้าเอาเรื่องอยู่ โซว์รีบทำเป็นยิ้มใจดีสู้เสือ
“เสด็จพ่อมาเงียบๆไม่ให้สุ้มให้เสียง ไม่ให้ลูกรู้ตัว”
“ถ้ามาให้รู้ตัวจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าแอบไม่พอใจกับคำสั่งของเรา”
โซว์รีบแก้ตัว “ไม่ใช่ไม่พอใจ แต่แค่คิดว่ามันไม่ยากไปหน่อยเหรอ คนนะไม่ใช่คอมพิวเตอร์ ถึงจะได้สูบๆๆ ข้อมูลทีละเยอะๆได้”
“ก็ไอ้อะไรที่คนอื่นเค้าทำไม่ได้น่ะแหละ ที่คนอย่างพวกเราต้องทำได้ อย่าลืมซิ การจะปกครองคนได้ ต้องมีความเสียสละ อดทน ตอนนี้ผู้หญิงคนนั้นกำลังพยายามทำอยู่” พระราชาชี้หน้า “มีแต่เจ้าน่ะแหละที่ยังไม่ทำ”
โซว์งง “หม่อมชั้นไม่ทำอะไร หม่อมชั้นก็ทำทุกอย่างแล้ว”
“ก็สละทิฐิโง่ๆที่เจ้ามีออกซะซิ ในเวลาที่ยากลำบากแบบนี้ ต่อให้มียาดีแค่ไหน ก็คงสู้กำลังใจดีดีจากคนที่รักไม่ได้หรอก”

โซว์มองหน้าพระราชาอย่างอึ้งๆ เพราะไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน
“โอ้โห !! นี่ถ้าไม่ได้ยินกับหูเอง หม่อมชั้นคงไม่เชื่อว่าจะได้ยินเสด็จพ่อพูดอะไรๆแบบนี้ ..ไม่คิดว่าเสด็จพ่อจะอินกับเรื่องนี้น่ะเนี่ย”
“ก็อินน่ะซิ ..อินมากด้วย ...” พระราชายิ้มเมื่อคิดถึงอดีต “เจ้าไม่รู้หรอกการที่เห็นคนที่รักเราต้องพยายามทำอะไร ในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ แต่เค้าก็ทำให้เราจนได้เนี่ย มันทั้งรู้สึกดีและรู้สึกแย่ไปพร้อมๆกัน”
โซว์มองอย่างสงสัย “เสด็จพ่อพูดเรื่องนี้เหมือนมีความหลังอะไรซักอย่างที่ลูกไม่รู้ใช่มั้ย”
“ไม่บอก !!” พระราชาหัวเราะสะใจ “ฮ่าๆๆๆ”
“โธ่เสด็จพ่อ ทำไมต้องมีลับลมคมในอะไรด้วย”
“ตอนนี้เจ้าไม่ได้มีหน้าที่มาถาม หน้าที่ของเจ้าก็คือ ไปช่วยหนูขิงก่อนที่แกจะไม่มีโอกาสได้ช่วย บอกไว้ก่อนนะ 1 อาทิตย์ คือ 7 วัน 168 ชั่วโมง ไม่มีน้อย ไม่มีมากกว่านั้น ถ้ายายหนูนั่นทำไม่ได้ ทุกอย่างจบ”
พระราชาพูดเสร็จก็จะเดินออกไป แต่โซว์เข้ามาจับแขนเขาเอาไว้แล้วทำหน้าเว้าวอน
“แล้วผมต้องทำยังไงล่ะเสด็จพ่อ ...” โซว์อาย “เก็กมาซะตั้งเยอะแล้ว”
พระราชายิ้ม ก่อนจะบอกเคล็ดลับ “ทำทุกอย่างให้เห็นภาพ แล้วอะไรๆมันก็จะง่าย ฮ่าๆๆๆ” พระราชาพูดเสร็จก็ยิ้มเท่ๆ ก่อนจะเดินออกไป โซว์มองตามพระราชาแล้วยิ้มดีใจ

เหล่าข้าราชบริพารต่างพากันยกของกินเข้ามาในห้อง โดยเริ่มจากเอาขนมปังนำมาเสิร์ฟไว้ ขิงสังเกตว่าเหล่าข้าราชบริพารไม่ได้จัดให้เธอแค่ชุดเดียว แต่กลับจัดไว้สองชุด ขิงแปลกใจ
“ขอโทษนะคะ ไม่ใช่ชั้นต้องทานคนเดียวเหรอ”
โซว์เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเก็กๆ “ชั้นจะเป็นคนทำการทดสอบเธอ เรื่องมารยาทการรับประทานอาหาร ว่าเธอจะผ่านหรือไม่ผ่าน”
โซว์ทำเป็นปั้นปึ่งก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ใกล้ๆ ขิงมองด้วยความหมั่นไส้ปนแปลกใจ โซว์สั่งเหล่าข้าราชบริพาร
“เสิร์ฟซุปได้แล้ว”
เหล่าข้าราชบริพารเอาซุบในถ้วยมาเสริฟ โซว์เห็นขิงยังนั่งเกร็งไม่ยอมกิน
“เอ้า..กินซิจะชักช้าอยู่ทำไม หรือว่าลืมที่เสด็จแม่สอน เราจะได้ประเมินให้เธอสอบตกตั้งแต่ตอนนี้เลย”
ขิงรีบห้าม “ดะ..เดี๋ยวก่อนซิ ชั้นกำลังพิจารณาว่าจะใช้ช้อนอันไหน”
ขิงมองช้อนส้อมที่มากมายก่อยกองก่อนจะตัดสินใจหยิบ Dinner spoon ขึ้นมา แต่เสียงโซว์ดังขึ้น
“ผิด !! .ใครเค้าใช้ dinner spoon มากินซุปกันล่ะ”
“ก็บ้านชั้น กินช้อนเดียวกันหมดนี่” ขิงบอก
“เฮ่อ เธอนี่มันซื่อบื้อกว่าที่ชั้นคิดไว้มาก เสด็จแม่อุตส่าห์มาสอนแล้ว คราวก่อนที่เรามาทานอาหารด้วยกันที่นี่ เราก็เคยสอนไปแล้ว เสียเวลาจริงๆ จำไว้ หลักง่ายๆในการหยิบช้อน ส้อมพวกนี้ คือ หยิบจากข้างนอกเข้าข้างใน”
“ข้างนอกยังไง ข้างในยังไง”
โซว์ส่ายหน้าก่อนจะลุกจากเก้าอี้แล้วขึ้นไปยืนชี้ให้ขิงดู ขิงแอบยิ้มดีใจในความใจดีของโซว์

ขิงเลือกส้อมขึ้นมาเพื่อจะกินสลัดที่อยู่ตรงหน้า โซว์ตีมือขิงดังเผี๊ยะ !! ขิงเจ็บ ขิงจะหยิบขนมปังกิน แต่หยิบผิดดันไปหยิบด้านขวา โซว์เอามือเคาะหัวขิงก่อนจะชี้ไปทางด้านซ้าย
โซว์บิขนมปังออกเป็นชิ้นเล็กๆให้ขิงดูแล้วทาเนยทำท่าเหมือนจะกินเองก่อนจะแกล้งยัดปากขิง โซว์ยิ้มหลุดหน้าเก็กแต่พอรู้สึกตัวก็ทำเก็กตามเดิม
ขิงพยายามหั่นเสต็กแต่ท่าทางไม่ได้ โซว์ส่ายหน้าก่อนจะไปยืนข้างหลังขิงและโอบตัวขิงไว้ ก่อนจะจับมือทั้งสองข้างของขิงช่วยสอนหั่นเสต็ก ขิงที่โดนโซว์จับมือไว้รู้สึกเขินมาก

พัชรีเข้าไปคุยกับขิงแล้วทำหน้าล้อๆ
“วันนี้คุณขิงคงทานดินเนอร์อร่อยไปเลยใช่มั้ย ได้ข่าวว่าเจ้าชายมาเสวยด้วย”
ขิงทำหน้าเซ็ง “อร่อยอะไรล่ะ เครียดล่ะซิไม่ว่า ทำอะไรก็ผิดไปหมด นายนั่นก็ดุชะมัด ตีมือจนขิงมือแดงหมดแล้ว” ขิงมองมือตัวเองแล้วก็ยังเจ็บไม่หาย
“แล้วจำที่เรียนไปวันนี้ได้ทั้งหมดรึยังคะ”
“จำได้ซิ ขืนจำไม่ได้มีหวังนายนั่นเอาเรื่องตาย”
“งั้นก็ถือว่าได้ผล”
ขิงคิดไปแล้วก็รู้สึกว่าจริง “ก็จริงน่ะนะ” ขิงหัวเราะมีความสุข “ฮ่าๆๆๆๆ”
“อย่าเพิ่งหัวเราะไปค่ะ ยังไม่หมด” พัชรีบอก
พัชรีหยิบกระดิ่งตรงหัวนอนมาสั่น ปีเตอร์เปิดประตูเข้ามาพร้อมกับหนังสือกองใหญ่มาก
“เรียนรู้ประวัติศาสตร์ มารยาทในวังแล้ว ก็ต้องเรียนรู้วัฒนธรรมและสังคม ของประเทศนิวแลนด์” ปีเตอร์บอก
ขิงมองหนังสือตรงหน้าแล้วก็ตาลาย “อ่านอีกแล้วเหรอเนี่ย ถ้าอยากจำได้เร็วๆ เห็นทีจะต้องเอาหนังสือพวกนี้ เข้าเครื่องปั่นแล้วกินแทนฟูลคอร์สแล้วละ”
ขิงทำท่าจะหยิบหนังสือขึ้นมากิน ปีเตอร์และพัชรีหัวเราะขำ ทั้งสองหยิบหนังสือจะแย่งป้อนใส่ปากขิงกันใหญ่ โซว์ที่แอบมองขิงอยู่ที่ประตูแอบยิ้มขำและปลื้มในความพยายามของขิงด้วย

ขิงนั่งอ่านหนังสือไปเปิดดิกชันนารีไป เธอพยายามจะอ่านหนังสือตรงหน้าด้วยความตั้งใจ
ขิงอ่าน “สมเด็จพระมหาจักรพรรดิปีเตอร์สัน” ขิงจดใส่สมุด “ปีเตอร์สัน ที่ 3 เป็นผู้เปลี่ยนโฉมหน้าของประเทศนิวแลนด์ จากเกษตรกรรม เข้าสู่ อุตสาหรรม” ขิงพยายามทบทวน “แล้วใครนะ ที่เป็นคนเปลี่ยนระบบการปกครอง จาก..จากอะไรนะ”
โซว์เดินหน้าหน่ายๆเข้ามา
“พระเจ้าเอล็กซิสที่ 7 เสด็จปู่ลำดับที่ 2 ของเราเป็นผู้เปลี่ยนการปกครองจากราชาธิปไตย สู้ ระบบประชาธิปไตยอย่างเต็มรูปแบบ” โซว์โวยใส่ “นี่เธออ่านยังไงของเธอ ทำไมมันถึงไม่เข้าสมองเลยซักนิด อาทิตย์นึงที่ผ่านไป จำอะไรได้มั่งเนี่ย”
“อย่างน้อยก็จำได้เรื่องกิน” ขิงบอก
“ตะกละ ..ถ้าอาหารที่เธอกินไปเลี้ยงสมองบ้าง ไหนลองบอกซิ กษัตริย์องค์ไหนที่เป็นผู้เปลี่ยนให้ประเทศนิวแลนด์เป็นอุตสาหกรรม”
ขิงตอบอย่างมั่นใจ “พระเจ้าฟรานซิส”
โซว์เขกหัว “เมื่อกี้ท่องอยู่แหมบๆ ว่าสมเด็จพระมหาจักรพรรดิปีเตอร์สัน” โซว์ถามเสียงเอาเรื่อง “ที่เท่าไหร่”
ขิงทำท่าเลิ่กลั่กแล้วทำเป็นเอานิ้วขึ้นมานับ “ที่..เอ่อ..ที่ 1-2-3-4 ที่ 4 มั้ง”
โซว์โมโห “พอเลยไม่ไหวแล้ว เธอนั่งท่องเป็นนกแก้วนกขุนทองแบบนี้ ก็ไม่มีประโยชน์”
โซว์ดึงขิงให้เดินออกไป ขิงตกใจเพราะคิดว่าโซว์จะไล่กลับไปจึงโวยวายลั่น
“ไม่เอานะ ชั้นไม่กลับบ้าน อย่ามาไล่ชั้นกลับ ชั้นรู้ว่าชั้นทำได้ ขอเวลาชั้นอีกนิดนะ” ขิงรีบพูด “ชั้นจำได้แล้ว พระเจ้าปีเตอร์สันที่ 2 ใช่มั้ยล่ะ”
โซว์ลากขิงออกไปอย่างเซ็งๆ “พูดอีกก็ผิดอีก คนเรา ...” โซว์โวยใส่ขิง “ไม่ต้องท่องแล้ว หน้าอย่างเธอท่องไปก็ไม่มีประโยชน์”

โซว์กึ่งจูงกึ่งลากขิงออกมาข้างนอก ขิงร้องโวยวาย
“จำไม่ได้แค่นี้ นายถึงกับจะพาชั้นกลับไปส่งบ้านเลยเหรอ ไม่ใจร้ายกันไปหน่อยเหรอ ชั้นยังมีเวลาอีกตั้งอาทิตย์นะ ชั้นสัญญาว่าจะไม่ขี้เกียจ ไม่อู้ จะท่องหนังสือทั้งวันเลย”
โซว์ชักรำคาญ “นี่เธอหยุดโวยวายซักที ใครเค้าจะพาเธอกลับ กระเป๋าซักใบก็ไม่ได้เอามาไม่ใช่เหรอ”
ขิงนึกขึ้นได้ “เออจริง !! แล้วนายจะพาชั้นไปไหนเนี่ย”
โซว์มองหน้าขิงแล้วยิ้มมั่นใจ “learning by doing”

โซว์พาขิงมาที่เชิงเขาที่เป็นทุ่งหญ้าเขียว ด้านล่างมีชาวบ้านกำลังทำการเกษตร โซว์ชี้ก่อนจะตั้งใจอธิบายให้ขิงฟัง ขิงฟังอย่างตั้งใจก่อนจะแอบมองโซว์ที่ตั้งใจอธิบายให้ฟังอย่างปลื้มสุดๆ

อ่านละคร ท่านชายในสายหมอก ตอนที่ 14 วันที่ 11 ต.ค. 55

ท่านชายในสายหมอกนำแสดงโดย: หลุยส์, พั้นช์ วรกาญจน์, ลิฟท์ สุพจน์, ซานิ, ปาล์ม ณัฐดนัย
ท่านชายในสายหมอกอำนวยการผลิตโดย: บริษัท ทีวีธันเดอร์ จำกัด
ท่านชายในสายหมอก บทประพันธ์ โดย วรรณึก
ท่านชายในสายหมอก บทโทรทัศน์ โดย ปณธี-ภควดี
ท่านชายในสายหมอก กำกับการแสดง โดย ศุภฌา ครุฑนาค
ท่านชายในสายหมอกออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.30 น. ทาง ช่อง 3
ท่านชายในสายหมอก เริ่มออกอากาศตอนแรกวันพุธที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2555
ติตามชมละครเรื่องท่านชายในสายหมอก ได้ทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา manager