@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 13-14 วันที่ 6 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 13

“ก็มาตั้งแต่รสพูดคนเดียวนั่นแหละ”

“จริงเหรอ” รสาถามหน้าจ๋อย ห้าวยิ่งจับผิด ดึงรสาลงนั่งแล้วซักถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรพูดมา อย่าหลอกกัน

“เปล่าจ้ะเปล่า ไม่มีอะไร รสไม่ได้หลอกพี่ห้าว”

“หลอกสิ หลอกเต็มๆ เราวิ่งเล่นกันมาตั้งแต่เด็กๆ นึกเหรอว่าจะหลอกกันได้...ใคร? ใครทำให้รสไม่สบายใจบอกมา ไอ้หน้าแหย หรือไอ้ไฮโซหน้าขาว”

รสาพยายามปกปิดเรื่องส่วนตัว แต่ดูเหมือนห้าวจะรู้ทันจึงยังถามซอกแซก เพราะไม่ต้องการให้คนที่ตนรักเจ็บปวดเพราะผู้ชายเลวๆเหมือนอย่างพิมพรรณอีกคน

“พี่ห้าว...รสกับพิมไม่เหมือนกันนะจ๊ะ พี่ห้าวก็รู้ว่ารสน่ะ เข้มแข็งจะตาย”

“หัวใจนะ ไม่ใช่กล้ามแขน มันจะแข็งซักแค่ไหนเชียว...ถ้าพี่เจ็บแทนรสได้ พี่จะไม่ยุ่งเลย เพราะฉะนั้นพี่ถึงไม่อยากให้ใครมาทำให้รสต้องเจ็บ ไม่อยากทนเห็นรสเจ็บต่อหน้าต่อตาโดยที่พี่เจ็บแทนไม่ได้ มันโคตรทรมาน...ไม่ว่าจะไอ้โฮโซหน้าขาว ไอ้หน้าแหย หรือไอ้หน้าไหนก็อย่าไว้ใจ ที่สำคัญ อย่าให้พี่รู้ว่ามันทำให้รสเจ็บ พี่เอามันตายแน่”



คำพูดจริงจังของห้าวกระแทกใจรสาอย่างแรง แต่เธอไม่อยากเศร้าให้เขาเห็น หลีกเลี่ยงด้วยการขอตัวไปหาพิมพรรณ...

พิมพรรณกำลังทุกข์หนักเพราะตัวเองท้อง เธอไม่รู้จะปรึกษาใคร แม้แต่วาริชก็ยังไม่ได้บอกให้รู้ เมื่อรสามาพบและสอบถามความเป็นอยู่ว่าสุขสบายดีไหม เธอน้ำตาร่วงเผาะ แค่นี้รสาก็รู้แล้วว่าคำตอบคืออะไร

“พิมอยู่ที่นี่ไม่มีความสุขใช่ไหม ไม่มีความสุขก็กลับบ้านเรานะ รสคุยกับอาพร้อมแล้ว อายกโทษให้พิม ถ้าพิมเลิกกับวาริชเมื่อไหร่ก็กลับบ้านได้”

“พิมกลับไปไม่ได้แล้วรส...พิมกลับไปไม่ได้”

“ทำไมจะกลับไม่ได้ หรือว่ามันขู่จะทำร้ายพิม พิมถึงไม่กล้า”

“ไม่ใช่...”

“แล้วเป็นเพราะอะไร ทำไมพิมถึงเลิกกับมันไม่ได้”

พิมพรรณลังเลครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจบอกว่าตัวเองท้อง รสาหน้าเสีย กอดพิมพรรณที่สะอื้นไห้ด้วยความสงสาร

“รส...ถ้าพิมเลิกกับวาริช ลูกก็จะไม่มีพ่อ ที่สำคัญพ่อคงไม่ยอมให้พิมเก็บลูกไว้ รสก็รู้ว่าพ่อเป็นยังไง พ่อไม่มีวันยอมรับลูกในท้องพิมแน่ๆ ถ้าพิมเลิกกับวาริช แล้วกลับไปบ้าน พิมอาจจะไม่เหลือใครเลย ทั้งสามี ทั้งลูก พิมจะไม่เหลือใครเลยจริงๆ ไม่เหลือใครเลย...”

ฟังเหตุผลของพิมพรรณแล้ว รสาถึงกับกลั้นน้ำตาไม่ไหว...เมื่อรสากลับมาเล่าให้วิมลกับห้าวฟัง พวกเขาสงสารและเห็นใจพิมพรรณ

“พิมพูดถูก ถ้าพ่อรู้ ไม่มีทางให้เก็บลูกเอาไว้แน่ๆ โธ่พิม...ทำกรรมอะไรไว้นะลูก อยู่ๆชีวิตมันถึงได้พลิกผันไปแบบนี้ เพราะผู้ชายคนเดียวแท้ๆ เพราะผู้ชายคนเดียว” วิมลพูดทั้งน้ำตา รสาเข้ามากอดปลอบ ห้าวเห็นแล้วยิ่งฮึดฮัดโกรธแค้นวาริช

“อาวิมลคิดว่า...เราควรจะบอกอาพร้อมเรื่องพิมท้องหรือเปล่า” รสาหารือ

“อย่าบอกเลย ตอนนี้อาการก็แย่มากแล้ว ถ้ารู้อีกเรื่อง อากลัวว่าจะช็อกอีกรอบ เอาไว้ให้เรื่องมันซาๆอีกสักหน่อย เผื่อให้พิมคลอดลูกให้เรียบร้อย วันนั้นพาหลานมากราบ พ่ออาจจะใจอ่อนลงมาบ้าง ระหว่างนี้อาจะแอบไปเยี่ยมพิมบ่อยๆ คนกำลังท้องกำลังไส้ต้องการกำลังใจ ไม่รู้ว่าผัวมันจะดูแลเป็นยังไงบ้าง”

“รสก็จะหาเวลากลับมาบ่อยๆนะจ๊ะ กลับมาให้มากกว่าที่ผ่านมา รสจะพยายามชดเชยให้กับพิมมากที่สุด เท่าที่รสจะทำได้”

รสาพูดเศร้าๆ ห้าวมองหน้า จับความรู้สึกได้ว่า รสาน่าจะมีอะไรในใจ กระทั่งค่ำลงห้าวทำทีมาเลียบๆ เคียงๆถามรสาว่าเหนื่อยไหม เจอแต่เรื่องหนักๆ

“รสน่ะไหว สงสารก็แต่พิม”

“แน่ใจนะว่าไหว”

“แน่ใจสิ ทำไมพี่ห้าวถามแปลกๆ”

“ก็...เรื่องไอ้ไฮโซหน้าหล่อ ตกลงตอนนี้รสกับมันเป็นอะไร...ยังไงกัน”

“ก็อย่างที่บอก เราสองคนก็เป็นแค่เจ้านายลูกน้อง รสก็เป็นแค่มัณฑนากรที่เข้าไปตกแต่งบ้านให้เขา มันก็แค่นั้น”

“ถ้าแค่นั้นก็ดี เวลาที่รสเห็นข่าวนี้จะได้ไม่เสียใจ”

“ข่าวอะไร”

ห้าวไม่ตอบแต่ยื่นหนังสือพิมพ์บันเทิงมาตรงหน้า รสาเห็นพาดหัวข่าวตัวเป้ง “นางแบบใหม่ใจถึง ย่องเข้าบ้านไฮโซหน้าหยก” มีภาพประกอบภคพงษ์ขับรถออกจากบ้านพร้อมปรางทิพย์

รสานิ่งๆ ไม่ได้ตกใจ เพราะรู้อยู่แล้ว แต่แค่เอือมหนักๆกับความรู้สึกที่เห็นภาพเห็นข่าวมาตอกย้ำ

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 14

คนที่แตกตื่นกลายเป็นชีวินกับพิทยา ทั้งคู่ห่วงความรู้สึกของรสา แต่พอให้คัพเค้กโทร.ไปสอบถามก็ค่อยเบาใจ เพราะรสาบอกว่าเห็นแล้ว รู้แล้ว เพราะเธออยู่ในเหตุการณ์ วันนั้นพักตร์วิมลกับปรางทิพย์มีเรื่องกันที่บ้านภคพงษ์ พิทยาเลยฟันธงทันทีว่า คนส่งรูปนี้ไปให้นักข่าวต้องเป็นพักตร์วิมลอย่างแน่นอน...

แม่นแล้ว! พักตร์วิมลเป็นคนแอบถ่ายรูปนั้นเอง และเวลานี้เธอกำลังกระหยิ่มยิ้มย่อง มาดหมายว่าภคพงษ์เห็นข่าวนี้ต้องเขี่ยปรางทิพย์ทิ้งเหมือนตอนยูโฮะแน่ๆ ดังนั้นเธอจึงไม่รอช้า เดินหน้าเข้าไปพบเขาที่บ้าน แสดงความเป็นห่วงกลัวเขาจะเสียหาย

“ขอบคุณมากที่เป็นห่วงชื่อเสียงของผม” ภคพงษ์เอ่ยนิ่งๆ

“แพตเป็นห่วงภัคเสมอนะคะ แพตรู้ว่าภัคอยู่ในจุดที่ใครๆก็อยากเข้ามาหาผลประโยชน์ เด็กเนี่ยคงจะใช้มุกเดียวกับยัยเด็กยูโฮะ ที่จ้างนักข่าวมาแอบถ่ายรูปแล้วก็ส่งข่าวเพื่อจะทำให้ทุกคนเข้าใจผิด คิดว่าภัคคบกับเขาอยู่”

“ผมว่า...คนที่เข้าใจผิดคือคุณมากกว่า คุณเข้าใจผิด คิดว่าผมโง่แล้วจะเชื่อทุกอย่างที่คุณพูด ผมรู้ว่าคุณเป็นคนถ่ายรูปพวกนี้”

“ไม่จริงนะคะ”

“ผมมีกล้องวงจรปิดติดอยู่ที่ประตูหน้าบ้าน อยากจะดูหรือเปล่า แล้วก็ยังมีภาพที่คุณอาละวาดกับป้าใจ ผมเห็นภาพทั้งหมดแล้วชัดมากเลย ถ้านักข่าวได้ภาพพวกนี้ไปคงไม่ดีกับชื่อเสียงของคุณแน่”

“ภัคพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง”

“ผมคิดว่า เราสองคนอย่าเจอกันอีกเลย”

“ภัค!! นี่ภัคจะเลิกกับแพตเหรอคะ”

“ที่ผ่านมาผมให้เกียรติคุณตลอด เพราะคิดว่าเราคงจะเป็นเพื่อนกันได้ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าผมคิดผิด เพื่อความสบายใจของทั้งสองฝ่าย อย่ามาที่นี่อีก”

พักตร์วิมลกัดฟันกรอด ตัวสั่นด้วยความโกรธ ระเบิดอารมณ์อย่างสุดทน

“ได้! แพตก็ไม่อยากจะมานักหรอก ผู้ชายใจร้ายอย่างคุณ ถ้าไม่มีเงินก็ไม่มีผู้หญิงคนไหนอยากจะได้ จำไว้เลยนะ สิ่งที่คุณทำกับผู้หญิงทุกคนที่อยู่ในชีวิตคุณ มันจะทำให้คุณไม่มีวันได้เจอความรักที่แท้จริง บนโลกนี้ยังมีผู้ชายรวยๆให้แพตเลือกอีกมากมาย แต่ในชีวิตคุณไม่มีวันจะได้เจอกับผู้หญิงดีๆ ถึงมีเข้ามา เขาก็จะต้องทนกับความใจร้ายเย็นชาของคุณไม่ได้ ภัคจะต้องตาย อย่างโดดเดี่ยว ไม่มีคนที่รักอยู่ข้างๆแม้แต่คนเดียว ไม่เชื่อก็คอยดู”

พักตร์วิมลพูดทิ้งท้ายไว้อย่างโกรธแค้น แล้วปาหนังสือพิมพ์ทิ้งลงพื้น ก่อนจะสะบัดหน้าเดินออกไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา ภคพงษ์ยังยืนนิ่งอยู่ที่เดิม เหมือนจะเย็นชากับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ลึกๆในใจแอบคิดไม่ได้ว่าสิ่งที่เธอพูดมันคือความจริง

ooooooo

ในเวลาเดียวกันนั้น รัชนีกำลังขุ่นมัวกับข่าวนี้เช่นกัน เธอไม่มีวันยอมให้ปรางทิพย์ตกเป็นเครื่องมือแก้แค้นของภคพงษ์

“คุณต้องหยุดเรื่องนี้นะคะ” รัชนียื่นคำขาดกับสุวิทย์ที่นั่งเผชิญหน้ากันอยู่ “รัชบอกคุณแล้วว่าภคพงษ์จะทำให้ลูกเราเดือดร้อน และมันก็เป็นจริงๆ”

“ปรางไปบ้านคุณภัคตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วไปได้ยังไง”

“ไปตั้งแต่เมื่อไหร่รัชไม่ทราบ แต่ไปมาหลายครั้ง และก็แอบไปโดยที่ไม่บอกใคร”

“แต่ลูกเราไม่เคยทำอะไรลับหลังโดยไม่บอก”

“ตอนนี้ปรางเปลี่ยนไปเยอะมาก รัชไม่แน่ใจว่าภคพงษ์ทำอะไร พูดอะไรกับลูกเราบ้าง ปรางถึงได้เปลี่ยนไปมากขนาดนี้ รัชถึงอยากรีบส่งลูกไปเมืองนอก อยู่ให้ห่างๆกันไว้ดีที่สุด ยิ่งข่าวออกมาแบบนี้รัชยิ่งไม่สบายใจ ไม่อยากให้ลูกเราตกเป็นขี้ปากชาวบ้าน”

“ผมจะคุยกับคุณภัคเอง ผมอยากรู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงทำแบบนี้ เผื่อเขาจะมีเหตุผลที่ผมไม่รู้”

รัชนีหน้าเสีย แววตาหวาดหวั่น โพล่งขึ้นเสียงดังอย่างลืมตัว “อย่านะคะ” พอเห็นสามีนิ่วหน้าสงสัย เธอรีบปรับน้ำเสียงเป็นอ่อนลง “อย่าเลยค่ะ ช่วงนี้

คุณงานยุ่ง ปล่อยให้รัชจัดการเองดีกว่า รัชจะคุยกับภคพงษ์เอง”

ทันใดนั้น ปรางทิพย์ส่งเสียงเข้ามา “เราคุยพร้อมกันทั้งสี่คนดีกว่าค่ะ ทั้งคุณพ่อ คุณแม่ ปราง แล้วก็พี่ภัค ตอนนี้พี่ภัครออยู่ที่ห้องรับแขกแล้วค่ะ”

รัชนีชะงักกึก ใจเต้นผิดจังหวะขึ้นมาทันที ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นนับจากนี้...

ภายในห้องรับแขก ภคพงษ์ยกมือไหว้สุวิทย์อย่างสุภาพ ต่างจากที่รัชนีพยายามจะให้ข้อมูล

“ผมต้องขอโทษสำหรับข่าวที่ออกมา มันเป็นความผิดของผมเอง”

“รู้ก็ดีแล้ว” รัชนีสวนทันควัน “แล้วก็รีบอธิบายให้สังคมเข้าใจด้วยว่าความจริงมันคืออะไร”

“คุณรัชนีอยากให้ผมบอกความจริงกับสังคมจริงๆ เหรอครับ”

รัชนีมองหน้าภคพงษ์อย่างรู้กันว่าความจริงในที่นี้หมายถึงอะไร ภคพงษ์มองตาไม่กะพริบ จนรัชนีต้องหลบตา พูดไม่ออก ปรางทิพย์เห็นพอดี มองด้วยความแปลกใจ แต่ไม่พูดอะไร

“ก็ได้ครับ ถ้าคุณรัชนีต้องการ แต่ก่อนจะบอกสังคม ผมขอบอกคุณสุวิทย์กับน้องปรางก่อนแล้วกันนะครับ ว่าความจริงมันคืออะไร” ภคพงษ์เล่นเกมต่อ...รัชนีหน้าซีด แววตาเต็มไปด้วยความกังวล หลุดปากเรียกชื่อภคพงษ์ออกมา ทำให้สุวิทย์กับปรางทิพย์เริ่มสงสัย

“คุณ...นี่ตกลงว่าคุยเรื่องอะไรกัน” สุวิทย์เอ่ยปาก

“นั่นสิคะ ปรางเริ่มจะงงแล้วนะคะเนี่ย พี่ภัคกับคุณแม่พูดเหมือนมีอะไรที่รู้กันอยู่แค่สองคน”

“สรุปความจริงที่พูดถึง มันคืออะไร”

รัชนีพูดไม่ออก ใจเต้นโครมคราม สุวิทย์กับปรางทิพย์มองหน้ารอคำตอบ...ในเมื่อรัชนีไม่ตอบ ภคพงษ์ จึงพูดเสียงเอง

“ความจริงที่ผมอยากจะบอก ก็คือ...”

รัชนีเบือนหน้าไปทางอื่น คิดว่าภคพงษ์ต้องแฉแน่ๆ

“ผมขอคบกับน้องปรางอย่างจริงจังครับ”

ถึงเขาไม่แฉความจริง แต่คำพูดนั้นก็ทำให้รัชนีช็อกยิ่งกว่าช็อก...ตรงข้ามกับปรางทิพย์ที่ยิ้มกว้างด้วยความตื่นเต้นดีใจ

“ผมมาวันนี้เพื่อขออนุญาตอย่างเป็นทางการ ผมชอบปรางทิพย์ และคิดจะคบอย่างจริงจัง เพื่อเป็นการพิสูจน์ตัวเอง ผมจะไม่มีคนอื่น จะคบกับน้องปรางคนเดียวเท่านั้น”

ปรางทิพย์กับภคพงษ์สบตากันหวานซึ้ง รัชนีเห็นแล้วยิ่งปวดใจ แต่สุวิทย์ยิ้มพอใจ

“ขอบใจมากที่คุณพูดตรงๆ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ผมคงจะให้คำตอบตอนนี้ไม่ได้ ขอเวลาให้เราสามคนได้คุยกันเป็นการส่วนตัวก่อน หวังว่าคุณภัคคงเข้าใจ”

“ผมเข้าใจครับ แค่คุณสุวิทย์อนุญาตให้ผมได้บอกความจริง แค่นี้ผมก็ดีใจแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ สวัสดีครับ”

สุวิทย์รับไหว้ยิ้มๆ รัชนีรับไหว้แบบเสียไม่ได้ ภคพงษ์หันไปยิ้มหวานให้ปรางทิพย์อีกครั้ง

“ขอบคุณมากนะคะพี่ภัค”

ภคพงษ์ยิ้มรับก่อนเดินออกไป ปรางทิพย์มองตามแววตาเต็มเปี่ยมด้วยความสุข โดยไม่รู้เลยว่าหัวอกของคนเป็นแม่กำลังเจ็บปวดแสนสาหัส...

ooooooo

รัชนีเครียดและอึดอัดมาก ไม่รู้จะแก้ปัญหานี้อย่างไร ได้แต่นิ่งมองลูกและสามีที่ยิ้มแย้มมีความสุข

“คุณพ่อ คุณแม่คะ พี่ภัคมาขออนุญาตแบบนี้ คุณพ่อคุณแม่จะอนุญาตหรือเปล่าคะ”

“พ่อไม่มีปัญหา...แล้วคุณล่ะว่ายังไง”

“ปรางทิพย์ยังเด็ก”

“คุณแม่คะ ปรางจะ 19 แล้วนะคะ เพื่อนปรางคนอื่นๆเขาก็มีแฟนกันหมดแล้ว ปรางไม่ใช่เด็กๆแล้วนะคะ”

“ยายปราง!!” รัชนีขึ้นเสียง

“คุณ...” สุวิทย์แทรกขึ้น อธิบายอย่างใจเย็น “ที่ผ่านมาเราเลี้ยงลูกแบบให้อิสระกับเขา เลี้ยงให้เขาเป็นผู้ใหญ่และยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง ผมคิดว่าถ้าวันนี้เราจะจำกัดอิสรภาพของเขา เพราะเราคิดว่าเขายังเด็ก ลูกคงจะสับสนแย่นะ”

“จริงด้วยค่ะ เมื่อก่อนคุณแม่จะให้ปรางคิดและตัดสินใจด้วยตัวเองในทุกๆเรื่อง แต่ทำไมเรื่องของพี่ภัค คุณแม่ไม่เคยถามปรางสักนิดว่าปรางคิดยังไง”

รัชนีอึดอัดอกแทบระเบิด อยากจะบอกแต่ก็บอกไม่ได้

“เอาล่ะ พ่อว่าภคพงษ์มีความจริงใจและจริงจังที่มาพูดกับพ่อและแม่ในวันนี้ เอาเป็นว่าพ่ออนุญาตให้คบกันได้”

ปรางทิพย์ยิ้มกว้าง รัชนีไม่ยอม พยายามจะทักท้วง แต่ก็ไม่รู้จะอ้างเหตุผลอะไร ได้แต่อึกอักอ้ำอึ้ง สุวิทย์เลยสรุปว่า

“แต่ต้องอยู่ในสายตาของแม่เขา และห้ามปรางทำอะไรลับหลังหรือไม่บอกคุณแม่อีก รู้หรือเปล่า”

“ทราบค่ะ งั้นปรางรีบโทร.บอกพี่ภัคนะคะ”

สุวิทย์พยักหน้า ปรางทิพย์รีบลุกเดินออกไป...รัชนีกำมือแน่นทำอะไรไม่ถูก แถมยังทำอะไรไม่ได้ อึดอัดร่างกายแทบแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งโกรธ ทั้งกลัว

ooooooo

เมื่อรสากลับมาทำงานตามปกติ ชีวินยังเป็นห่วง อดพูดเรื่องข่าวภคพงษ์กับปรางทิพย์อีกไม่ได้ แต่รสายืนยันว่าเธอไม่เป็นอะไร เรื่องของเขาสองคนไม่เกี่ยวกับเธอ อย่ามาพูดกันให้เสียเวลางาน เราควรเร่งงานให้เสร็จภายในอาทิตย์นี้...

ข่าวภคพงษ์กับปรางทิพย์มีออกมาเป็นรายวันตามหน้าหนังสือพิมพ์บันเทิง ไม่ว่าจะไปไหนมาไหนก็เป็นข่าว ซึ่งมันเป็นความต้องการของภคพงษ์ที่จะเล่นเกมกับความรู้สึกของรัชนี เขาพาปรางทิพย์ออกงานสังคมบ่อยครั้ง รัชนีเห็นข่าวเมื่อใด เจ็บแปลบหัวใจเหลือจะกล่าว

รสาเองก็รู้สึกปวดใจ แต่เธอปกปิดไม่ให้ใครเห็น ทุ่มเทให้กับการทำงานเพื่อต้องการไปให้ไกลจากภคพงษ์โดยเร็วที่สุด

วันหนึ่งขณะเธอง่วนอยู่กับงานที่ใกล้เสร็จสิ้น คาดว่าพรุ่งนี้คงปิดได้ ภคพงษ์เดินเข้ามาเงียบเชียบจนเธอสะดุ้ง แล้วตั้งท่าจะเดินหนี เขารู้ทันรีบดักหน้า พร้อมกับจับมือเธอ

“ปล่อยค่ะ ฉันจะรีบไปทำงาน”

“จะรีบไปทำงาน หรือว่าอยากหลบหน้าผมกันแน่”

“ก็แล้วแต่คุณจะคิด ปล่อยค่ะ วันนี้ฉันต้องปิดงานทุกอย่างเพื่อส่งมอบให้คุณ ฉันไม่มีเวลามาต่อปากต่อคำ”

“พรุ่งนี้จะส่งงาน แต่ดูเหมือนคุณไม่ใส่ใจเจ้าของบ้านสักเท่าไหร่”

“มีอะไรเพิ่มเติมนอกเหนือจากแบบที่เคยตกลงกันไว้ ก็สั่งมาเลยสิคะ ถ้าไม่เป็นการยุ่งยากจนเกินไป ทางเรายินดีจัดการให้”

“เลิกพูดแบบนี้กับผมสักทีเถอะรสา แล้วก็เลิกทำเป็นใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้ชายคนนั้นสักที”

“คุณมีสิทธิ์สั่งฉันเรื่องงาน แต่คุณไม่มีสิทธิ์มาสั่งเรื่องส่วนตัวของฉัน ฉันรู้จักกับเขามาเป็นสิบปี ก่อนที่ฉันจะรู้ว่ามีคุณอยู่ในโลกนี้ด้วยซ้ำ คุณมีสิทธิ์อะไรมาห้ามฉัน”

ภคพงษ์พูดไม่ออก ใจหายวาบกับแววตาและน้ำเสียงที่ห่างเหินและเย็นชาของรสา

“ขอโทษนะคะ ฉันต้องรีบไปทำงาน”

รสาเดินผ่านเขาไปอย่างไม่สนใจไยดี ภคพงษ์มองตามด้วยความเสียใจ อยากจะอธิบายแต่คิดว่าคงไม่เข้าใจ ต้องยอมพักเรื่องรสาไว้และหันหลังเดินจากมาด้วยความหนักใจ

รสาเดินกลับเข้ามาที่เรือนเล็กด้วยอารมณ์ขุ่นมัว หยุดยืนตั้งหลักอยู่ครู่หนึ่งแล้วจะก้าวต่อ แต่เกิดหน้ามืดล้มลงกับพื้น ชีวินกับพิทยาที่อยู่ข้างในวิ่งออกมาเห็นรสาเป็นลมแน่นิ่ง รีบปฐมพยาบาลก่อนจะพากลับไปส่งบ้านอาภรณ์ แล้วลงความเห็นกันว่าที่รสาไม่สบายเพราะทำงานหามรุ่งหามค่ำ พิทยาอนุญาตให้รสาหยุดงานได้สองวัน แต่ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้นก็ให้หยุดต่อ ส่วนเรื่องส่งมอบงานให้ภคพงษ์วันพรุ่งนี้ไม่ต้องห่วง ตนกับชีวินจัดการเอง...

ภคพงษ์ทราบข่าวรสาไม่สบายจากเผด็จในตอนสายวันรุ่งขึ้น เขาร้อนใจรีบไปเยี่ยมเธอ โดยมอบหมายให้เผด็จรับมอบงานจากพิทยาแทนด้วย...

อาภรณ์ใจคอไม่ดีเพราะรสาตัวร้อนจัดไข้ขึ้นสูง กำลังจะโทร.หาชีวิน ก็พอดีภคพงษ์โทร.สวนเข้ามา หลังจากนั้นไม่นาน ภคพงษ์ก็มาถึงพร้อมกับหมอและเปลี่ยน หมอตรวจอาการรสาที่นอนซมพิษไข้แล้วบอกว่า

“ยังไม่ต้องพาไปโรงพยาบาลก็ได้ เดี๋ยวหมอจะฉีดยาให้ ช่วงบ่ายหมอจะเข้ามาดูอีกที ถ้าไข้ยังไม่ลดค่อยพาไป”

“คุณป้าไม่ต้องห่วงนะครับ คุณอาหมอเป็นหมอประจำครอบครัวผมเอง อยู่ไม่ไกลจากที่นี่ ถ้ามีอะไรด่วน คุณอาจะมาดูให้ทันที”

“ขอบคุณคุณภัคมากนะคะ”

“เดี๋ยวเปลี่ยนเอารถไปส่งอาหมอแล้วไม่ต้องกลับมารับฉันนะ วันนี้ฉันจะอยู่เฝ้าไข้รสา”

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 13-14 วันที่ 6 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ