@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 55

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 55

ตอนแรกภคพงษ์ตั้งใจไปส่งรสากลับบ้าน แต่ระหว่างทางสองคนเกิดมีปากเสียงกันโดยชีวินเป็นชนวนเหตุ ทำให้ภคพงษ์เปลี่ยนใจเลี้ยวรถไปบ้านพักตากอากาศใกล้ๆ แล้วใช้กำลังข่มเหงรังแกรสาด้วยความรักและหึงหวง

ชีวินเป็นห่วงรสามากเพราะติดต่อเธอไม่ได้ตลอดทั้งคืน ขณะเดียวกันปรางทิพย์ก็ติดต่อภคพงษ์ไม่ได้เหมือนกัน รัชนีแอบเห็นอาการร้อนรนกระวนกระวายของลูกสาวแล้วยิ่งกังวล ตัดสินใจอย่างฉับพลันว่าเธอต้องพาลูกไปจากเมืองไทยให้เร็วที่สุด ซึ่งจุดหมายก็คือบ้านเดิมที่อังกฤษ

“คุณจะพาลูกไปอังกฤษ?” สุวิทย์ถามย้ำด้วยความประหลาดใจ

“ใช่ค่ะ ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้าปล่อยไว้แบบนี้ทุกอย่างจะต้องแย่ลงมากกว่านี้แน่ๆ”

“แล้วลูกจะยอมไปเหรอ”

“ปรางทิพย์ไม่จำเป็นต้องยอม แต่เขาจะต้องไป ไม่ว่ายังไงรัชก็ต้องพาลูกไปจากที่นี่ให้ได้ ก่อนที่ภคพงษ์จะทำลายชีวิตปรางทิพย์มากไปกว่านี้”



“เฮ้อ...ผมเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหนุ่มสาวสมัยนี้เขาคิดอะไรกัน เอาเป็นว่าผมยกหน้าที่ให้คุณดูแลก็แล้วกัน คุณรู้จักลูกดีที่สุด ผมเชื่อใจคุณ”

สุวิทย์ทิ้งท้ายด้วยความไว้วางใจ รัชนีแอบวูบไหวกับคำว่าเชื่อใจ ก่อนจะปรับสีหน้ากล่าวขอบคุณเขาที่ไว้ใจเธอตลอดมา...

ที่บ้านพักตากอากาศ รสานอนร้องไห้บนเตียง

ภคพงษ์รู้สึกผิดต่อการกระทำของตนจนพูดไม่ออก พยายามจะกอดปลอบเธอ กลับถูกเธอแดกดันอย่างรู้ทันว่า คนอย่างเขารู้สึกผิดเป็นด้วยหรือ?

“รสา...” ภคพงษ์ครางเสียงแผ่ว

“คนอย่างคุณ...คิดว่าตัวเองคิดถูกทำถูกมาตลอด ในหัวใจคุณมันมีแต่ความคิดแค้นอาฆาต คุณมันใจร้ายใจดำ ชีวิตคุณถึงมืดมนไม่มีวันได้พบแสงสว่างซักที”

“มีสิ ชีวิตผมกำลังจะพบแสงสว่าง...รสา คุณคือแสงสว่างในชีวิตผม”

รสาปฏิเสธพร้อมกับพยายามจะสะบัดตัวหนี แต่เขาไม่ปล่อย เว้าวอนอย่างน่าสงสาร

“เป็นแสงสว่างให้ผมได้ไหมรสา”

หญิงสาวเริ่มสะอื้น ความน้อยใจเสียใจพรั่งพรู “คุณทำอย่างนี้กับฉันมากี่ครั้งกี่หนแล้ว ทำดีต่อฉันอ่อนหวานต่อฉัน แต่อีกวันก็จับฉันโยนออกไป ไม่สนไม่แคร์ รู้มั้ย

ฉันงง ฉันเจ็บ ฉันไม่รู้...ไม่รู้จริงๆว่ามันคืออะไรกันแน่”


“ความรักไงรสา ผมรักคุณ เชื่อผมว่าผมรักคุณ เพราะตอนแรกผมเองก็ไม่รู้ ไม่รู้จริงๆว่าทำไมผมต้องนึกถึง คิดถึง เป็นห่วง และหึงเวลาคุณอยู่กับผู้ชายอื่น แม้แต่เวลาที่ผมอยู่กับผู้หญิงอื่น ผมก็ยังคิดถึงคุณตลอดเวลา...ผมรักคุณ คุณพูดถูก ชีวิตผมมันมืดมน มืดมนมาตลอด คุณคง ไม่รู้หรอกว่าคนที่ต้องจมอยู่กับชีวิตที่มืดมนมันทุกข์แค่ไหน ผมเองก็อยากมีความสุขเหมือนกับคนอื่นๆ ขอได้ไหมรสา ...เป็นแสงสว่างให้ผม รักผมคนเดียว”

เธอจ้องหน้าเขาครู่หนึ่ง เห็นแววตาจริงจังจึงเอ่ยปาก

“แล้วถ้าฉันจะขอคุณบ้าง”

“ได้สิ คุณต้องการอะไร ผมยินดีทำให้คุณทุกอย่าง”

“คุณไม่ต้องทำทุกอย่าง ฉันขอให้คุณทำแค่อย่างเดียว ขอแค่คุณรับปากฉันว่าสิ่งที่คุณทำกับฉันเมื่อคืนนี้มันจะเป็นการกระทำที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตของคุณแล้ว นับจากนี้ไปคุณจะไม่ทำเรื่องร้ายๆ เพื่อทำให้คนอื่นต้องเสียใจอีก โดยเฉพาะแม่และน้องสาวของคุณ ขอให้ฉันเป็นคนสุดท้ายที่ต้องเจ็บปวดเสียใจจากการกระทำของคุณ ฉันขอแค่นี้ ให้ฉันได้ไหม”

“สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นสิ่งเลวร้ายที่สุดในชีวิตคุณจริงๆเหรอรสา คุณเจ็บปวด เสียใจมากจริงๆเหรอ”

เธอไม่ตอบ เลี่ยงด้วยการถามเขาเสียงแข็งว่าสิ่งที่เธอขอ เขาทำให้เธอได้ไหม?

“ได้...ผมจะทำเพื่อคุณ ผมจะยอมหยุดทุกอย่างเพื่อคุณ”

ooooooo

สายวันเดียวกันนี้ วาริชไล่พิมพรรณออกจากบ้านอย่างกับหมูกับหมา ขนเสื้อผ้าข้าวของของเธอโยนทิ้งไปนอกบ้านเกลื่อนกลาด โดยไม่สนใจว่าเธอจะตกใจและเสียใจสักแค่ไหน

“ทำไม...ทำไมต้องไล่กันแบบนี้ด้วย พิมทำผิดอะไร”

“ก็ผิดทุกอย่าง ตั้งแต่ทำให้พ่อเธอยอมรับฉันไม่ได้ ขนาดฉันพยายามจะกดดันทำให้เธอหาทางพาฉันเข้าไปอยู่ในบ้านเธอให้ได้ แต่เธอก็ทำไม่สำเร็จ อยู่กันไปก็ไร้ประโยชน์”

“แล้ววาริชจะให้พิมไปอยู่ไหน”

“ก็กลับไปหาพ่อแม่เธอไง ไปอ้อนวอนขอให้เขายอมรับฉันให้ได้ แล้วเราก็จะได้กลับมาอยู่ด้วยกัน”

“พี่วาจะไปหรือยัง ฉันอยากดูหนังแล้วนะ” สาวโบว์ส่งเสียงออกมาจากในห้อง แต่งตัวสวยเด้ง สีหน้าไม่ใส่ใจเรื่องอื่นใดทั้งนั้น วาริชหันมองแล้วส่งยิ้มหวาน ก่อนจะหันกลับมาเล่นงานพิมพรรณต่อ

“อย่าลืมที่ฉันบอก ทำยังไงก็ได้ให้พ่อเธอยอมรับฉันให้ได้”

“เดี๋ยว...ถ้าฉันทำแบบนั้นได้จริงๆ คุณจะทำยังไงกับผู้หญิงคนนี้”

“จะทำยังไงเหรอ ก็ไม่ทำยังไง ก็อยู่กันไปแบบสามคนนี่แหละ น้องโบว์เขารับได้ เธอก็ต้องรับได้เหมือนกัน”

“ไม่! พิมรับไม่ได้ อยู่กันแบบสามคนผัวเมียแบบนี้ ไม่ได้ ยังไงพิมก็ไม่ยอม ถ้าคุณจะเลือกมันก็ไปหย่ากับพิม”

“ฝันไปเถอะ กว่าฉันจะหลอกให้เธอมาจดทะเบียนได้ก็แทบแย่ อยู่ๆจะให้หย่ากันไปง่ายๆได้ยังไง ถ้าอยากให้ฉันเลิกก็ต้องแบ่งสมบัติของเธอมาให้ฉัน ถ้าฉันได้จนพอใจแล้วฉันก็จะปล่อยเธอไปเอง รีบไปจัดการเรื่องพ่อเธอให้เรียบร้อย ถ้าทำไม่สำเร็จอย่ากลับมาให้ฉันเห็นหน้า”

วาริชสำทับสีหน้าดุดัน แล้วโอบเอวโบว์เดินออกไป ทิ้งพิมพรรณร่ำไห้แทบขาดใจอยู่กับกองสัมภาระ...หลังจากคิดทบทวนเรื่องราวอยู่พักหนึ่ง พิมพรรณตัดสินใจโทร.หาพ่อที่บ้าน พร้อมรับสายแต่ไม่ยอมพูดอะไรสักคำ แล้วตัดสายทิ้งทันทีที่ลูกขอโทษ และจะขอกลับมาอยู่บ้าน

ทิฐิของพร้อมทำให้พิมพรรณยิ่งเสียใจ ตั้งใจจะปรึกษารสาแต่ติดต่อไม่ได้ เธอจนปัญญามองไม่เห็นทางออก พูดพึมพำกับลูกในท้องทั้งน้ำตานองหน้า

“แม่ไม่รู้จะไปทางไหนแล้วลูกจ๋า...แม่จนปัญญา หมดหนทางจริงๆ ไม่มีใครรักแม่อีกแล้ว ไม่มีแล้ว ไม่มีแล้วจริงๆ ถ้าแม่ตายไปสักคน...คงไม่มีใครเสียใจ”

พิมพรรณจิตตกถึงขีดสุด ความรู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่าจู่โจมเข้ามาจนเกินจะต้านทาน ในวูบนั้นเองเธอหันไปที่ตู้ยา กวาดทุกขวดออกมาเทรวมกันแล้วกรอกใส่ปากตัวเองอย่างไม่ลังเล!

ooooooo

บ่ายนั้น ภคพงษ์ขับรถมาจอดหน้าบ้านป้าอาภรณ์ รสารีบร้อนลงจากรถจะเข้าบ้าน เธอไม่ต้องการให้ใครรู้เห็นอะไรทั้งนั้น ภคพงษ์ตามมารั้ง ตั้งท่าจะเว้าวอนด้วยความรัก

“ปล่อยค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า”

“เห็นสิดี ให้เห็นกันเยอะๆเลย เขาจะได้รู้ว่า...”

“คุณภคพงษ์! เรายังไม่ได้เป็นอะไรกันนะคะ”

“ไม่เอาน่า...รสา”

“การผูกมัดแค่ทางร่างกาย มันไม่ได้แปลว่าคุณจะได้ใจคนคนนั้นไปด้วยนะคะ อย่าลืมทำตามสัญญาที่คุณให้ไว้กับฉัน”

“ผมไม่มีทางลืม ผมจะจบ จะยุติทุกสิ่งทุกอย่างตามที่คุณต้องการ”

“ไม่ใช่ตามที่ฉันต้องการ แต่ตามที่คุณสมควรจะต้องทำต่างหาก”

“ได้...เพื่อพิสูจน์ว่าผมจริงใจกับคุณมากแค่ไหน คุณจะได้ภูมิใจว่าเลือกคนไม่ผิด”

“ใครเลือกใคร แล้วทำไมฉันต้องเลือก”

“คุณเลือกผม แล้วที่คุณต้องเลือกผมก็เพราะคุณรักผม เคลียร์มั้ย” เขาพูดยิ้มๆ แต่เธอไม่ยิ้มด้วย จ้องหน้าเขาจริงจัง

“ไม่ว่าจะเลือกหรือจะรักใครก็ตาม ตราบใดที่คำพูดยังไม่ได้ออกจากปากฉัน ก็แสดงว่ามันยังไม่ใช่”

ภคพงษ์อึ้ง พูดพึมพำกับตัวเองขณะมองตามรสาเดินจากไป

“ตกลง...รสา ผมจะยอมทำทุกอย่างเพื่อให้คุณเลือกและรักผมด้วยความเต็มใจ ผมอยากให้คุณมาเป็นแสงสว่างในชีวิตผม”

ภายในบ้าน อาภรณ์ซักถามหลานสาวว่าเมื่อคืนไปไหนมา ป้าติดต่อไม่ได้เลย รสาโกหกว่าไปกับเพื่อนแล้วเลี่ยงขึ้นห้องไปอาบน้ำ เสียงป้ายังตะโกนไล่หลังให้โทร.หาชีวินด้วย เขาเป็นห่วงเธอมาก

รสาหน้าเศร้า หยิบมือถือออกมาชาร์จแบตและเปิดเครื่อง เห็นว่าไม่ได้รับสายของชีวินจำนวนมาก อีกทั้งพิมพรรณก็โทร.มา รสารีบติดต่อกลับพิมพรรณแต่เครื่องปิด จึงโยกไปโทร.หาห้าว ให้ไปดูพิมพรรณทีว่ามีธุระอะไรหรือเปล่า เพราะเธอไม่เคยโทร.หานานแล้ว น่าจะมีเรื่องใหญ่แน่ๆ

เมื่อห้าวไปถึงบ้านเช่า ปรากฏว่าพิมพรรณกลายเป็นศพเสียแล้ว ห้าวตกใจแทบช็อก จังหวะนั้นวาริชกับโบว์กลับมาพอดี สองคนตกใจลนลานวิ่งหนีออกจากบ้านไปทันที

การจากไปอย่างไม่มีวันกลับของพิมพรรณ ทำให้ทุกคนในครอบครัวโศกเศร้าเสียใจมาก โดยเฉพาะพร้อมที่โทษตัวเองเป็นคนผิด ผิดที่ไม่ยกโทษให้ลูก...รสาเองก็ทำใจไม่ได้ ร้องไห้ตลอดทางที่ชีวินขับรถมาส่งถึงระยอง

เพียงวันรุ่งขึ้น วาริชย้อนกลับมาที่บ้านเช่าเพื่อเก็บสิ่งของมีค่า แต่กลายเป็นว่าต้องเอาชีวิตมาทิ้งไว้ที่นี่ เขาถูกผัวตัวจริงของโบว์แทงตายคาที่!

ในระหว่างที่รสามางานศพพิมพรรณที่ระยอง เธอปิดเสียงโทรศัพท์มือถือไว้ตลอด ภคพงษ์โทร.หาหลายครั้งจึงไม่ได้พูดคุยกัน...

ภคพงษ์ตั้งใจยุติการแก้แค้นรัชนีเพื่อรสา แต่ในวันที่เขาจะไปบอกรัชนี ความโกรธแค้นกลับพุ่งพล่านขึ้นมาอีก เพราะรัชนีกำลังบังคับปรางทิพย์ให้ขึ้นรถ

“อย่าเข้ามานะ” รัชนีตวาดภคพงษ์ที่จะเข้ามาช่วยปรางทิพย์ “เธอทำให้เราสองคนแม่ลูกแตกแยกกันมากพอแล้ว หยุดซักที หยุดและออกไปจากชีวิตเราสองคนได้แล้ว”

“คุณแม่ ทำไมคุณแม่พูดแบบนี้ ปรางไม่เคยรังเกียจที่พี่ภัคเข้ามาในชีวิตปรางแม้แต่นิดเดียว”

“ปรางไม่รังเกียจ แต่คุณแม่ของปรางเขารังเกียจ เขารังเกียจพี่ รังเกียจมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“พี่ภัคพูดแบบนี้หมายความว่ายังไงคะ พูดอย่างกับพี่ภัคกับคุณแม่รู้จักกันมานานแล้ว”

“ไม่มีอะไร ไม่มีอะไรทั้งนั้น...หยุดพูดเถอะ ที่ผ่านมามันคงจะสะใจเธอมากพอแล้ว ฉันไม่ยอมปล่อยให้ปรางทิพย์อยู่เป็นเหยื่อให้เธอทำร้ายมากไปกว่านี้ ไปได้แล้วลูก” รัชนีพยายามตัดบท กระชากลูกสาวออกไป

“นี่พวกคุณจะไปไหน”

“คุณแม่บังคับให้ปรางไปอังกฤษ แล้วบอกว่าจะไม่กลับมาประเทศไทยอีก แต่ปรางไม่อยากไป”

“ปรางต้องไป!” รัชนีตวาดลูกสาวเสียงเขียว...พูดกับภคพงษ์เหมือนบอกลา “เธอมีชีวิตของเธอ ฉันมีชีวิตของฉัน หวังว่าเราคงไม่ต้องเจอกันอีก”

“คุณจะหนีผมไปอีกแล้วใช่มั้ย”

รัชนีชะงักกึก ภาพในอดีตตอนเธอทิ้งเขาไปผุดพรายขึ้นมา...แต่ชั่วพริบตาเดียวเธอก็ตัดสินใจเดินหน้า ลากปรางทิพย์ขึ้นรถ แล้วรีบร้อนขับออกไปด้วยตัวเอง ทิ้งคนรถยืนเหวอทำอะไรไม่ถูก

“ผมจะไม่ยอมให้คุณทิ้งผมไปอีกเป็นครั้งที่สอง คุณรัชนี!” ภคพงษ์คำรามด้วยความแค้น ลืมคำสัญญาที่ให้ไว้กับรสาจนหมดสิ้น!

รัชนีขับรถมุ่งหน้าไปสนามบิน เหลือบเห็นภคพงษ์

ไล่กวดตามหลังมา เธอยิ่งเร่งความเร็วหนี ท่ามกลางเสียงร่ำร้องของลูกสาวที่ดังไม่หยุดหย่อน

“ปรางไม่ไป ปรางไม่ยอมไป คุณแม่ปล่อยปรางนะคะ ปรางบอกให้ปล่อย เมื่อกี้พี่ภัคพูดอะไรคะ คุณแม่เคยทิ้งพี่ภัคตอนไหน คุณแม่เคยรู้จักกับพี่ภัคเมื่อไหร่ คุณแม่ปิดบังอะไรปรางกับคุณพ่อ ตอบมาสิคะ ตกลงคุณแม่กับพี่ภัคเป็นอะไรกันแน่”

“แม่จะบอกทุกอย่างให้ปรางฟังต่อเมื่อเราไปจากที่นี่แล้วเท่านั้น”

“ทำไมคะ ทำไมเราจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ คุณแม่จะหนีพี่ภัคใช่ไหมคะ ทำไมคุณแม่ถึงต้องหนีพี่ภัคด้วยคะ”

รัชนีโดนจี้ใจดำไม่รู้จะตอบยังไง ตวาดลั่น “หยุดถามซะที รู้ไว้อย่างเดียว เราต้องไปจากที่นี่ นั่งดีๆ รัดเข็มขัด”

“ไม่!! ถ้าคุณแม่ไม่บอกความจริง ปรางจะกระโดดลงจากรถเดี๋ยวนี้”

“อย่านะปราง”

ปรางทิพย์ทำท่าจะเปิดประตูจริงๆ รัชนีพยายามดึงยื้อไว้ด้วยมือเดียว ทันใดนั้นรถภคพงษ์เร่งเครื่องจะแซง รัชนีตกใจเร่งหนีขณะที่ยื้อปรางทิพย์ไปด้วย ความชุลมุนทำให้รัชนีไม่ทันเห็นว่าข้างหน้าเป็นไฟแดง ขับฝ่าออกมาจนประสานงากับรถอีกฝั่งเสียงดังโครม...ภคพงษ์ตกใจมาก ตะโกนเรียกแม่ดังลั่น!

สองแม่ลูกถูกลำเลียงเข้าไปในโรงพยาบาลอย่างเร่งด่วน ปรางทิพย์อาการไม่หนักยังพอรู้สึกตัว ขณะที่รัชนีสาหัสเลือดท่วมไม่ได้สติ...ภคพงษ์จะตามเข้าไปในห้องไอซียู แต่พยาบาลกันไว้ แจ้งว่าญาติคนไข้ต้องรออยู่ข้างนอก

ooooooo

อ่านละคร ตะวันทอแสง ตอนที่ 15 วันที่ 12 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทประพันธ์โดย : ปิยะพร ศักดิ์เกษม
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง บทโทรทัศน์โดย : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง กำกับการแสดงโดย : พีรพล เธียรเจริญ
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ดำเนินการผลิตโดย : อรพรรณ วัชรพล(โพลีพลัส จัดให้)
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทุกวันศุกร์ เสาร์ และวันอาทิตย์ เวลา 20.25 น.
ละครเรื่อง ตะวันทอแสง ออกอากาศทาง ช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา ไทยรัฐ