@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14 วันที่ 16 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14 วันที่ 16 ต.ค. 55

“ตบเลยค่ะฤทัยช่วย...จะตบมันให้น่วมเหมือนตบวอลเล่ย์บอลเลย เกลียดนักหน้าจืดๆ มาทำเป็นเชิดหน้า คงคิดว่าตัวเองสวยตายล่ะ ทั้งๆ ที่ความจริงอาซิ้มลืมแต่งหน้าชัดๆ”
“แม่ก็เกลียดมัน เกลียดทั้งแม่ทั้งลูก....แต่ยิ่งเกลียดมันเท่าไหร่ แม่ก็ยิ่งปลื้มใจฤทัยมากขึ้นเท่านั้น”
สุขหฤทัยยิ้ม สุดามองมาอย่างซาบซึ้งใจจริงๆ
“ขอบใจมากนะฤทัยที่อยู่เคียงข้างแม่ตลอด ถึงเวลาที่แม่จะตบรางวัลให้ฤทัยแล้ว”
“คุณแม่จะให้เพชรหรือกระเป๋าฤทัยเหรอคะ”

“มากกว่านั้นอีก....เพราะแม่จะให้หนูเป็นสะใภ้อริยะวรรต”
สุขหฤทัยหน้าเจื่อนลงไปนิด เพราะตอนนี้ลังเลสับสน เพราะเริ่มมีใจให้กาวินทร์ แต่สุดาเข้าใจผิด
“ไม่ต้องห่วงนะลูก...แม่จะคุยกับตาสรวงเอง...”

ที่สรวงนั่งทำงานอยู่ในห้อง ถามสุดาหน้าเครียดเสียงดังตกใจ
“อะไรนะครับ..แม่จะให้ผมแต่งงานกับฤทัย”
สุดายิ้มไม่รู้สึกรู้สา “ก็มันถึงเวลาแล้วนี่ลูก”
สรวงฉุนกึก แต่พยายามข่มความรู้สึก “ผมไม่ใช่เด็กนะครับคุณแม่ ที่ 6 โมงจะต้องตื่น 7 โมงจะต้องกินข้าว 8 โมงจะต้องไปโรงเรียน ผมโตแล้ว..แล้วเรื่องแต่งงานก็เป็นเรื่องใหญ่ในชีวิต ผมตัดสินใจเองได้ ว่าผมจะแต่งงานเมื่อไหร่”
“งั้นสรวงก็ตัดสินใจซักทีสิ ในเมื่อลูกก็รู้จักกับฤทัยมาแล้วตั้งนาน”
สรวงพูดด้วยคำพูดหนักแน่น และผ่อนเสียงลงไม่ดังเหมือนเดิม “ครับ...ผมตัดสินใจแล้ว ผมจะไม่แต่งงานกับฤทัย” จากนั้นสรวงก็เดินหนีไป
“ตาสรวง” สุดาได้แต่ร้องเรียกอย่างขัดใจ “ไหนบอกว่าจะตามใจแม่ ไม่ขัดใจแม่ แล้วทำไมทำอย่างนี้ ฮึ้ย”



ไม่นานต่อมา ขณะที่กรรณนรีกำลังก้าวเท้าอย่างเร่งรีบออกมาจากบ้าน เจอสรวง ที่หน้าเครียดจริงจังเข้ามาขวาง
“ฉันมีเรื่องอยากคุยด้วย”
กรรณนรีพูดด้วยท่าทีเรียบเฉย ไม่ดุ ไม่งอนแล้ว “ขอโทษนะคะคุณสรวง ฉันไม่ว่างจริงๆ” เดินหนีไป
ทว่าสรวงกลับเข้าใจผิด “นี่เธอยังโกรธ ยังงอนฉันอีกเหรอ บอกมา ฉันพร้อมรับฟังทุกอย่างแล้วจริงๆ”
“แต่ฉันก็ไม่ว่างจริงๆ ขอโทษค่ะ”

กรรณนรีเดินหนีไปด้วยท่าทางร้อนรน ในขณะที่สรวงฮึดฮัดขัดใจ
กรรณนรีเดินปรี่ท่าทีร้อนรนใจมาหยุดยืนอยู่ที่หน้ารั้วคฤหาสน์ของภาพิศ เจอน้อยกำลังเก็บกวาดขยะอยู่แถวนั้นพอดี

“เอ๊ะ เธอนี่..เห็นหน้าตาจืดๆ แต่ทำไมมันถึงได้หนาเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กนักฮะ จะมาที่นี่อีกทำไมห๊า” น้อยแหวใส่
กรรณนรีอึกอัก “ฉันมา...”
น้อยไม่ปล่อยให้พูดจบด่าขึ้นก่อน “จะมาอะไรฉันก็ไม่สนใจ กลับไปเดี๋ยวนี้นะนังหน้าจืด ไป๊ แหม...ยิ่งมอง หน้าแกมันก็ยิ่งน่าตบจริงๆ นัง...” เงื้อมือจะตบอยู่แล้ว
แต่ภาพิศเดินออกมาร้องห้าม “น้อยหยุด”
วูบแรกแวบเดียวเท่านั้น แววตาที่ภาพิศมองมายังกรรณนรี มีแต่ความรัก ความรู้สึกผิด สะท้อนสะเทือนใจ ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นโกรธและเกลียด ถามออกไปด้วยน้ำเสียงอันเยือกเย็น
“เธอมาที่นี่ทำไม”
“ฉัน...” กรรณนรีอึกอัก ไม่กล้าบอกว่ามาเรื่องสร้อยศักดิ์สิทธิ์ของผู้เป็นพ่อ “ฉัน...”
ภาพิศพูดด้วยท่าทีเมินเฉยและเย็นชา “ทำของหล่นไว้ใช่มั้ย”
กรรณนรีมองหน้าภาพิศอย่างตกใจ ตกใจที่ภาพิศรู้ว่าตนทำของหล่น
“อยากได้...ก็เข้ามา” พูดเท่านั้นภาพิศก็หมุนตัวเดินเข้าไปในบ้าน
น้อยทักท้วงขึ้นอย่างเป็นห่วง “คุณคะ...แต่นังนี่มันอันตรายนะคะ”
“ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าหล่อนจะมาไม้ไหน....” ภาพิศหยุด พูดหยอดด้วยน้ำเสียงเหยียดเย้ยกวนประสาท “เข้ามาสิจ๊ะ ศุภาวีร์” แล้วเดินนำเข้าไป
กรรณนรีเดินตามภาพิศ แต่ขณะผ่านน้อย น้อยเงื้อมือจะตบ กรรณนรีหลีกหลบ น้อยมองหมั่นไส้สุดๆ

ภาพิศเดินเข้าไปในบ้าน กรรณนรีเดินตาม มีน้อยตามหลัง ด้านในแฉล้มเดินถือสร้อยออกมา
ภาพิศถามกรรณนรี “สร้อยสับปะรังเคเส้นนี้ใช่มั้ยที่เธออยากได้”
กรรณนรีมองอย่างสะเทือนใจ จุก เจ็บและเสียใจ ตอบห้วนสั้น
“ค่ะ”
“คืนหล่อนไปค่ะคุณแฉล้ม”
“ค่ะคุณ” แฉล้มโยนสร้อยลงพื้น
กรรณนรีตะลึง อึ้ง ภาพิศพูดว่าหน้าตาเฉยเมย
“รีบเก็บเอาไป แล้วก็ไสหัวไปจากที่นี่”
กรรณนรีกลั้นน้ำตา มองจ้องหน้าภาพิศ ทั้งเสียใจ และสะเทือนใจ ในห้วงเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาภาพิศไหวระริก มีแต่ความเจ็บปวด รวดร้าว จิตใจอ่อนล้า แทบทรุดลงไปกอง แต่ต้องทำเป็นกร้าวแกร่งเหมือนเดิม แฉล้มยืนกอดอกถากถางด่าว่า เสียงเป็นนางมารร้ายละครหลังข่าว
“ดู๊ดู..ยังมายืนมองหน้าอีก....หน้าเธอนี่มันเหมือนบันไดจริงๆ ศุภาวีร์”
“ทำไมคะคุณแฉล้ม” น้อยงง
“น่าเหยียบ” แฉล้มว่า
น้อยชอบใจหัวเราะคิก มองจ้องกรรณนรีอย่างหมั่นไส้
“จริงด้วยค่ะ น่าเหยียบจริงๆเลย”
“ถ้าไม่อยากโดนเหยียบก็เก็บสร้อยสะเร่อๆ ของเธอ แล้วไสหัวไปได้แล้วแม่ศุภา
วีร์ ไปสิ..ไป๊” แฉล้มเงื้อมือเหมือนจะตบ
กรรณนรีรีบก้มลงเก็บสร้อย แล้ววิ่งออกไปทั้งน้ำตา
ภาพิศสะท้านไปทั้งตัว ใจจะขาดรอนๆ ร่างซวนเซเหมือนจะเป็นลม แฉล้มรีบเข้ามาประคอง

กรรณนรีกำสร้อยแน่น วิ่งร้องไห้มาตามทาง ตะโกนก้องร่ำร้องอยู่ในใจ
“แม่ลืม...แม่ลืมทุกอย่างของพ่อแล้วจริงๆ”

ภาพิศเองที่อยู่ในคฤหาสน์ร้องไห้ฟูมฟายจะเป็นจะตาย ยิ่งมั่นใจ แน่ใจในสิ่งที่ตนคิด
“เหมือนที่ฉันว่ามั้ยคุณแฉล้ม ขนาดฉันทำถึงขนาดนี้...ลูกยังปากแข็ง”
แฉล้มมีสีหน้าเป็นกังวลและสงสาร “ปากแข็งจริงๆ...ขนาดฉันเอง มองคุณกับเค้ายังใจแทบ
ขาด แต่กรรณนรีไม่แอะอะไรออกมาซักคำ”
“มันต้องเป็นเรื่องใหญ่...มันต้องเป็นเรื่องใหญ่ กาวถึงต้องทำอย่างนี้ คุณหญิงสุดา..ฉันต้องรู้ให้ได้”

ภาพิศขบกรามแน่นคำรามเสียงเข้ม “คุณหญิงสุดา”
คืนนั้นที่คฤหาสน์บ้านอริยะวรรต เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น สุดามองเบอร์เห็นชื่อภาพิศก็เบ้ปาก แต่ปั้นหน้าพูดออกไปพร้อมรอยยิ้ม

“ว่าไงคะคุณน้อง”
ภาพิศยืนอยู่ข้างแฉล้มดวงตาวาวโรจน์ แนวโน้มที่คิดว่าสุดาเสี้ยมและอยู่เบื้องหลังทุกข์เรื่องเลวร้าย มีเกือบ 100% แล้ว เปิดเสียงสนทนา
ภาพิศกดข่มอารมณ์ลงลึกสุดหัวใจขณะพูดออกไป “คุณหญิงพี่..น้องไม่สบายใจเรื่องนังศุภาวีร์เลยค่ะ”
“คุณน้องทำมันเกือบตายแล้ว...ยังจะไม่สบายใจเรื่องอะไรอีกคะ หรือกังวลว่ามันไม่ตายจริงๆ”
ภาพิศจับสังเกตน้ำคำของคุณหญิงสุดาได้ แฉล้มเองก็เช่นกัน ภาพิศคุยต่อ โดยแกล้งทำเป็นโกรธเกลียดเคียดแค้นชิงชังกรรณนรีเหลือจะเอ่ย
“ก็ขนาดเราสองคนกะให้มันตาย แต่มันยังรอด แสดงว่าพิษสงมันร้ายกาจ”
“อาจจะได้เลือดพ่อ” สุดาเน้นเสียงทุกคำอย่างสะใจ “เลือดแม่มันมาก็ได้ค่ะ เลือดพวกคนชั้นต่ำมันหัวแข็ง”
ภาพิศกับแฉล้มมองหน้ากัน คิดตรงกันเด๊ะ
ภาพิศพูดไม่มีเสียง เห็นแต่ปากว่า “มันหลอกด่าฉัน” ก่อนจะข่มอารมณ์พูดต่อ “เพราะอย่างงี้ไงคะ น้องถึงต้องปรึกษา เพราะมั่นใจว่าคนชั้นสูงอย่างคุณพี่ต้องคิดอะไรเลวๆ ได้แน่ๆ...คืนนี้เจอกันที่ร้านประจำของเรานะคะ”
สุดาวางสาย คิดเอะใจว่าถูกหลอกด่านี่หว่า
ขณะที่แฉล้มพูดกับภาพิศขึ้นทันที
“ฉันค่อนข้างมั่นใจว่า ยัยคุณหญิงสุดาอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้แน่นอน”
“ฉันก็มั่นใจ”
“ไม่ต้องห่วงค่ะ ฉันจะช่วยคุณสืบเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด”
แฉล้มพูดอย่างหนักแน่น

สุดายังกำโทรศัพท์ท่าทางสงสัย
“ท่าทางนังภาพิศแปลกๆ เหมือนมันจะสงสัยอะไร” หยิบมือถือกดโทร.หาคู่หูทันที
“ฤทัย แม่นัดกับนังภาพิศทานข้าว มาเป็นเพื่อนแม่หน่อยนะลูก”

คืนนั้นสุดาเดินเข้ามาหน้าร้านพร้อมกับสุขหฤทัย สาวแสบเอ่ยขึ้น
“โอ๊ยย..คุณหญิงแม่จะไปกลัวอะไรมันคะ”
“ก็มันพูดแปลกๆ มีแอบเหน็บ” สุดาคาใจ
“ฤทัยก็เห็นมันกับคุณหญิงแม่หลอกด่ากันประจำ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ไปช่วยมันวางแผนจัดการลูกมันดีกว่าสนุกจะตาย”
สุขหฤทัยหัวเราะคิกคัก สุดามีท่าทางผ่อนคลายลง สองคนเดินเข้าไปในร้านพร้อมกัน

เวลานั้นแฉล้มนั่งหลบมุมอยู่มุมหนึ่ง แอบลอบมองสังเกตการณ์อยู่ เห็นภาพิศนั่งคุยอยู่กับสุดา และสุขหฤทัย หน้าตาภาพิศยามนั้น ดูกังวลเป็นอย่างมาก สุดาหัวเราะ
“พี่บอกแล้วไงคะ ว่าคุณน้องไม่ต้องกังวล”
ภาพิศตีเนียน “ก็น้องบอกแล้วไงคะ ว่านังศุภาวีร์มันร้าย”
“ร้ายนักคุณน้องก็จัดการให้มันตายไปเลยสิคะ”
ภาพิศแกล้งตกใจ กวาดสายตามองไปรอบๆ ท่าทีหวาดกลัว ลดเสียงพูดเบาลง “น้องก็อยากทำอย่างนั้น แต่...พูดตรงๆ ค่ะว่า...กลัว”
สุดาเยาะ “คนอย่างคุณน้องกลัวเป็นด้วยเหรอคะ”
ภาพิศรีบปะเหลาะพูดทีเล่นทีจริง “เป็นสิคะ..พูดอย่างไม่อายเลย คนแรกและคนเดียวที่น้องกลัวคือคุณหญิงพี่ค่ะ”
สุขหฤทัยร้อง “ว้าย งั้นคุณหญิงแม่ก็ร้ายกว่าสิคะ...ขนาดคนร้ายๆ อย่างคุณภาพิศยังกลัวเลย”
สุดาขึ้นเสียงส่งสายตากำราบ “ฤทัย”
“อุ๊บส์” สุขหฤทัยรีบเอามืออุบปาก
“ไม่ต้องกลัวพี่หรอกค่ะ....เพราะพี่อยู่ข้างน้องอยู่แล้ว”
“แต่คุก แต่ตะรางน่ะสิคะที่จะไม่อยู่ข้างเรา..เรื่องนี้ล่ะค่ะที่น้องกลัว” ภาพิศแสร้งทำเป็นวิตกกังวล
“ไม่ต้องกลัว พี่เลี้ยงแพะไว้เยอะ” สุดาปลอบ
“ฉุกละหุกยังไง ฤทัยช่วยได้ค่ะ ลูกน้องของคุณพ่อเยอะแยะ” สุขหฤทัยผสมโรง
“งั้นฉันจะได้จัดการอย่างสบายใจซักที” ภาพิศบอก
“เอาให้นังศุภาวีร์มันตายไปเลยค่ะ” สุดาอวยส่ง
ภาพิศยิ้มเยื้อน แกล้งทำท่าเออออไปด้วย

สุดากับสุขหฤทัยเดินตรงไปทางห้องน้ำในร้าน โดยไม่เอะใจว่า ที่ด้านหลังแฉล้มแอบย่องตามมาในมือกำมือถือแน่น แอบถ่ายคลิปไว้ตลอดเวลา สองคนหัวเราะร่า สีหน้าสะใจมาก
“วันหลังฤทัยต้องแอบถามแล้วค่ะ นังภาพิศมันกินอะไร จะได้ไม่กินตาม โง้โง่” สุขหฤทัยเยาะ
“ตรงกันข้ามถ้าแม่รู้ว่ามันกินอะไร แม่จะส่งไปให้มันกินเยอะๆ มันจะได้โง่ๆๆ” สุดากระแทกเสียงอย่างสะใจ
“โอ๊ย แค่นี้นังภาพิศมันก็โง่จนจะไปฆ่าลูกตัวเองแล้วค่ะ” สุขหฤทัยว่า
“ต้องให้มันลงมือฆ่าจริงๆ ก่อน วันไหนที่มันอุ้มท้องติดคุก นั่นแหละ แม่ถึงจะสะใจ”
สองคนหัวเราะร่วน เดินเข้าห้องน้ำ แฉล้มรีบผละออกมา

แฉล้มออกมาใกล้โต๊ะที่ภาพิศนั่งอยู่แล้วกวักมือเรียก ภาพิศมองซ้ายมองขวา รีบตามไป

ครู่หนึ่งภาพิศเดินมากับแฉล้ม อยู่ตรงมุมลับตาคนในร้านอาหาร แฉล้มเอ่ยขึ้นทันที
“เป็นอย่างที่เราสองคนคิดจริงๆ...ยัยคุณหญิงสุดามันเป็นคนวางแผนทุกอย่าง” แฉล้มกดเปิดคลิปเมื่อครู่ให้ดู
ภาพิศจ้องจอมือถือโกรธจนตัวสั่น คำรามออกมาอย่างเคียดแค้น
“นังสุดา มันเสี้ยมให้ฉันฆ่าลูกฉัน”
“ไม่ใช่แค่คุณเป็นเหยื่อ ลูกคุณก็ตกเป็นเหยื่อมันเหมือนกัน”
นัยน์ตาภาพิศวาวโรจน์ กำมือแน่น

กลางดึกคืนนั้น ขณะที่สุดากำลังจะเดินเข้าบ้าน ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวฉับๆมาจากด้านหลัง สุดาตกใจ หันหลังขวับ เห็นภาพิศ เดินเข้ามา สุดาถอนหายใจโล่งอกเอ่ยทักทาย
“อ้าวว่าไงคะคุณน้อง....เพิ่งจากกัน...คิดถึงพี่อีกแล้วเหรอคะ”
“ใช่! คิดถึงมาก”
พูดจบภาพิศก็กระโจนเข้าไปจิกผมสุดา ตบๆๆๆ ตบอย่างแรง แบบคนที่มีความแค้น
สุดขีด สุดาล้มลง ภาพิศขึ้นคร่อม บีบคอ สุดาดิ้นรนสุดแรงเกิด
สุดาร้องลั่น “ปล่อยฉัน..ปล่อย”
“ฉันจะปล่อยก็ต่อเมื่อแกตายเท่านั้น นังสุดา”
สุดาตาเหลือกใกล้จะหมดลมหายใจเต็มที รวบรวมกำลังถามออกไปเหมือนไม่เคยรู้เรื่องราวใดๆ
“ฉันทำอะไรเธอ”
ภาพิศตะคอกใส่หน้า “แกทำร้ายลูกฉัน แกทำลายฉัน แกทำให้ฉันเกือบฆ่าลูกตัวเอง คนเลวอย่างแกไม่สมควรจะอยู่ในโลกใบนี้ ตายซะเถอะแก นังสุดา”
ภาพิศบันดาลโทสะกดมือบีบคอแรงขึ้น

สุดาหมดสติคามือ ดวงตาภาพิศยามนี้เหลือกลาน เหมือนคนโรคจิตในหนังสยองขวัญยังไงยังงั้น
ไม่นานต่อมา ภาพิศลากร่างไร้สติของสุดามาตามทาง ดวงตาของภาพิศวาววับน่ากลัวเหลือแสน ร่างของสุดาถูกลากมาบนผืนหญ้าจนเห็นเป็นรอยทาง เมื่อมาถึงจุดหนึ่ง ภาพิศก็เหวี่ยงร่างสุดาทิ้งลงข้างทาง

ดึกสงัด ดวงจันทร์บนท้องฟ้าเคลื่อนคล้อยลอยเลื่อน เวลาผ่านไปอีกสักครู่ใหญ่ สุดาฟื้นตื่นขึ้นมาด้วยท่าทีอ่อนแรง อยู่ในอาการงัวเงียและมึนงง
จังหวะนั้นหูแว่วยินเสียงดัง ฉึก..ฉึก...ฉึก..เป็นจังหวะ เหมือนคนขุดอะไรอยู่
สุดาหันขวับไปทางเสียงนั้นเห็นเป็นภาพิศที่กำลังออกแรงขุดหลุมอยู่อย่างคร่ำเคร่ง ในสภาพผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ตาขวาง น่ากลัว สุดากระถดตัวจะลุกหนี แต่ไปไม่ได้ เพราะถูกมัดอยู่ สุดาส่งเสียงกรี๊ดออกมาด้วยความตื่นตระหนกตกใจสุดขีด และหวาดกลัวจับจิต
ภาพิศยินเสียงเหลียวขวับมามอง ยิ้มหวานให้
“ฟื้นแล้วหรือคะคุณหญิงพี่”
สุดามองภาพิศเนื้อตัวสั่นเทา สภาพภาพิศยามนี้ เหมือนฆาตกรโรคจิต
ภาพิศลากจอบในมือเดินมานั่งข้างๆ สุดา พูดเรื่อยๆ เหมือนชวนคุยเรื่องลมฟ้าอากาศ
“ทีแรก น้องก็ว่าจะฝังคุณหญิงพี่ทั้งเป็น...แต่ถ้าเทียบกับความเลวคุณหญิงพี่มันคงทรมานน้อยไป เรามาทำอะไรเลวๆ เหมือนที่คุณหญิงพี่..ชอบชวนน้องทำดีกว่านะคะ” ขาดคำภาพิศเหวี่ยงจอบทิ้ง เฉียดหัวสุดาแค่เส้นยาแดงผ่าแปด
สุดาผวาตัวร้องกรี๊ด “แอร๊ยยยย...แกจะทำอะไร”
ภาพิศหยิบมีดแล่เนื้อขึ้นมาถือ ดวงตาเลื่อนลอยไร้แววเหมือนคนบ้า “คุณหญิงพี่คิดว่า....น้องจะเอามีดมาผ่าผลไม้เล่นเหรอคะ” หัวเราะร่า “แถวนี้..ไม่มีผลไม้...มีแต่สุดา” เปลี่ยนเสียงเป็นดุดันน่ากลัว “ผ่าสุดาแล้วกัน” ภาพิศหัวเราะกึกก้อง
สุดามองจ้อง เห็นคมมีดวาววับสะท้อนแสงจันทร์ สุดาร้องกรี๊ด
“แอร๊ยยย อย่าทำฉัน อย่าทำฉัน ฉันกลัวแล้ว”
ภาพิศหัวเราะลั่น ขณะนั่งลับมีดกับที่ลับ เสียงคมมีดครูดกรีดหินยิ่งทำให้บรรยากาศแสนวังเวงดูน่ากลัวอีกหลายขุม
“คุณหญิงพี่ทำร้ายน้องกับลูกเยอะแยะ แค่ถูกมีดเฉือนทีละชิ้น..ทีละชิ้น เจ็บนิดเดียว กลัวทำไม”
สีหน้าสุดาหวาดหวั่น พลางกระถดตัวหนี ภาพิศเดินมานั่งยองๆ ข้างๆ
“ลองซักชิ้นนะคะคุณหญิงพี่”
สุดาหวีดร้องขึ้นสุดเสียง น้ำเสียงโหยหวนดังกึกก้องไปทั่วบริเวณ

เสียงนั้นผสานกับเสียงภาพิศตื่นจากฝันร้าย กรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเหมือนคนควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว
ภาพิศวิ่งเตลิดร้องไห้มาตามทาง โดยมีแฉล้มวิ่งตามมาฉุดกระชาก ก่อนจะคว้าร่างภาพิศไว้สุดแรง จนภาพิศล้มลงอย่างเจ็บปวด ภาพิศกรีดร้อง จะไปให้ได้ แฉล้มฉุดตัวเอาไว้
“คุณจะไปไหน”
ภาพิศโกรธ เคียดแค้นสุดาจนตัวสั่นเทา “ฉันจะไปฆ่านังสุดา” ลุกขึ้น แล้วจะวิ่งไปอีก
แฉล้มกระชากตัวภาพิศไว้สุดแรงเกิด ด่าเตือนสติ “แล้วตัวคุณติดคุกน่ะเหรอ...คิดซะบ้างสิ ลูกที่อยู่ในท้องคุณ กาวกับแก้วอีกจะเป็นยังไง” เสียงแฉล้มดังขึ้นอีก “แม่..กลายเป็นฆาตกร”
ภาพิศคับแค้นใจ ร้องไห้โฮออกมา “แล้วจะให้ฉันทำยังไง” แหวเสียงดัง “ในเมื่อคุณหญิงสุดามันทำกับฉัน” เสียงดังขึ้นอีก “...มันทำกับลูกฉัน วิธีที่จะแก้แค้นมันอย่างสาสมคือ ฉันต้องฆ่ามัน”
ภาพิศจะวิ่งไปอีก แฉล้มคว้าร่างภาพิศเอาไว้ แล้วตบผลัวะสุดแรงเพื่อเรียกสติ ภาพิศล้มลงกับพื้น ร้องไห้ฟูมฟาย พร้อมกับเหลียวมองมาอย่างไม่เข้าใจ แฉล้มทรุดตัวลงนั่ง บอกภาพิศด้วยน้ำเสียงเห็นใจ
“ฉันรู้ว่าคุณเจ็บ คุณปวด คุณแค้น แต่คุณจะปล่อยให้ความแค้นอยู่เหนือสติไม่ได้ เพราะถ้าคุณทำอย่างนั้น...ก็เท่ากับว่า คุณสร้างรอยแผลให้ลูกคุณไม่มีที่สิ้นสุด”

ตอนสายวันนั้น ที่ด้านในบ้านของเกริก สองพี่น้องกรรณนรี กับกาวินทร์ กำลังช่วยกันทำงานบ้าน และกระซิบกระซาบกันอยู่
“ว่าไงนะ..แม่จำสร้อยไม่ได้”
กรรณนรีพยักหน้า รู้สึกจุก เจ็บ และเสียใจขึ้นมาอีก กาวินทร์ตัดพ้อ พร้อมพูดกำชับ
“แม่คงลืมเราไปแล้วจริงๆ...อย่าเล่าให้พ่อฟังเด็ดขาดเข้าใจมั้ย”
“ค่ะ” กรรณนรีรับคำหน้าเศร้า
เสียงเกริกดังแทรกขึ้น “ขนมเสร็จแล้วลูก”
เกริกเดินถือถาดขนมออกมา สองพี่น้องแกล้งหันมาหยอกล้อ เล่นหัวกัน แวบแรกที่มองพ่อ กรรณนรีสงสารจับใจ พอเกริกหันมามอง กรรณนรีก็ทำหน้ายิ้มแย้มปกติ

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 14 วันที่ 16 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager