@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 5-6 วันที่ 6 ต.ค. 55

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 5

ที่เมืองนอกเต็มที ได้ย้ายกลับมาเพราะบริษัทที่ทำงานอยู่มาเปิดสาขาที่เมืองไทยก็ดี ได้เลื่อนตำแหน่งอีกต่างหาก มุตตาหนักใจที่ต้องเผชิญหน้ากับพี่สาวฝาแฝดที่หน้าเหมือนเธอจนแยกไม่ออก แต่มีชีวิตที่ดีกว่าเธอราวฟ้ากับเหว

มุตตาช่วยแม่จัดทุกห้องในบ้าน จนมาถึงห้องนอนของเธอ เห็นว่ามีการตกแต่งใหม่ ทั้งผ้าม่าน ผ้าปูที่นอน ผ้าคลุมเตียง และโคมไฟเข้าชุดกัน นึกรู้ว่าแม่จะให้มุนินทร์นอนกับเธอ

“แกอึดอัดหรือ”

“ไม่หรอกค่ะ ตอนอยู่ที่ร้านเก่าก็นอนด้วยกันตลอด”

“ร้านนั้นน่ะแคบยังกับรังหนู ไม่ได้ยายนินก็ไม่มี บ้านไฮโซอย่างนี้ อยู่ด้วยกันก็ดี จะได้คุยกันให้หายคิดถึง”

พิณออกจากห้องไปแล้ว มุตตานั่งเศร้าอยู่บนเตียง กังวลใจลึกๆที่ต้องเจอกับพี่สาวอีกครั้ง...

มุตตาเดินไปหาแปลกที่โรงเรือนเพาะชำเล็กๆ หน้าบ้าน น้ำตารื้นขึ้นมาอีกที่ได้เห็นหน้าพ่อ เธอเดิน เข้าไปกราบที่อก แปลกงงเล็กน้อย แต่ดีใจมากกว่าที่ได้เจอลูกสาว



“หนูผอมไปนะ แต่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น ดีแล้วที่ไปอยู่คนเดียว พึ่งพาตัวเองได้ อีกหน่อยจะได้เก่งเหมือนยายนิน”

“ไม่หรอกค่ะ ถ้าหนูเหมือนพี่นิน ก็คงไม่เป็นอย่างนี้”

มุตตาบอกพ่อเสียงเศร้า แปลกเดาได้ว่าลูกคงมีเรื่องไม่สบายใจ คิดเอาเองว่าเป็นเรื่องที่ทำงาน ปลอบลูกให้ค่อยๆคิด ทุกปัญหามีทางออกเสมอ มุตตาฝืนยิ้มชวนพ่อคุยเรื่องอื่น แปลกบอกว่ากำลังเพาะลิลลี่ แต่เพราะอากาศเมืองไทยร้อนไป เลยยังปลูกไม่ขึ้น

“พ่อปลูกให้หนูหรือคะ”

“ลิลลี่มันบริสุทธิ์สะอาดเหมือนหนูไงลูก”

มุตตาสะเทือนใจ รู้สึกผิด นึกถึงเรื่องตัวเองด้วยใจปวดร้าว...

มุตตานั่งทานข้าวเช้ากับพ่อและแม่ สามคนพ่อแม่ลูกพูดคุยกันถึงเรื่องเก่าๆสมัยมุตตายังเด็ก เธอซาบซึ้ง ลุกขึ้นไปชงกาแฟให้พ่อกับแม่ แปลกยิ้มอ่อนโยน พิณอารมณ์ดีที่ลูกสาวเอาใจ

“หนูแค่อยากทำอะไรให้พ่อกับแม่บ้าง”

มุตตามองหน้าพ่อแม่เหมือนอยากจะจดจำไว้ตลอดกาล แปลกถามว่าลางานมาหรือเปล่า กลับมาบ้านแบบนี้ มุตตาหน้าเจื่อน ตอบพ่อเสียงแผ่วว่าคงไม่กลับไปทำงานอีกแล้ว พิณกระแทกช้อน แขวะมุตตาเสียงเขียว


“ฉันกะอยู่แล้วเชียวว่าจะไปได้สักกี่น้ำ กระเสือก กระสนจะไปให้ได้ ห้ามยังไงก็ไม่ฟัง อวดเก่งอวดดี อยากเป็นเหมือนพี่ พอเอาเข้าจริงก็ไม่ได้เรื่อง”

แปลกส่งสายตาดุเมีย ปลอบลูกเสียงอ่อนให้กลับมาอยู่บ้านถ้ามันไม่สบายใจ พิณหมั่นไส้ผัวที่โอ๋ลูก

“ใช่ น้ำหน้าอย่างแกคงต้องดักดานอยู่ในไร่ไป จนตาย พี่เขาน่ะเก่งแสนเก่ง แต่แกไม่ได้ความสักอย่าง ดีอยู่อย่างเดียว ไม่ก่อเรื่องงามหน้าให้พ่อกับแม่ต้องเอาปี๊บคลุมหัว”

แปลกปรามเมียให้หยุดซ้ำเติมลูก พิณหน้าเจื่อนลง มุตตาหน้าถอดสี กัดริมฝีปาก กลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล

“แม่พูดถูกแล้วค่ะพ่อ หนูไม่น่าเกิดมาเลย”

มุตตาพูดเสียงเรียบ ลุกขึ้นช้าๆ หมุนตัวออกไป แปลกมองเมียอย่างตำหนิ พิณทำเป็นไม่สนแต่ก็แอบมอง ตามลูกอย่างรู้สึกผิด

ooooooo

มุตตายังสะเทือนใจจากคำพูดของพิณ ทั้งอัดอั้น และละอายใจที่ทำให้พ่อแม่ผิดหวัง เธอออกมาเดินเล่นที่ไร่ แม้จะอยู่ท่ามกลางดอกไม้ที่บานสะพรั่ง แต่ก็ไม่ช่วยให้อารมณ์หม่นหมองของเธอดีขึ้น

คนงานหอบกุหลาบกองหนึ่งวางลงใกล้ๆตรงที่มุตตา ยืนอยู่ บอกว่าเป็นพวกไม่ได้ขนาดและโดนแมลงกัดกิน ไม่ค่อยได้ราคา เอาไปขายที่ตลาดถูกๆ ก็ไม่ค่อยจะมีคนซื้อ มุตตาสะอึก หยิบดอกไม้ขึ้นมาดู เปรยเสียงเบาเหมือนอยากพูดปลอบใจตัวเองมากกว่าพูดกับคนงาน
“ทุกอย่างก็เป็นอย่างนี้ไม่ใช่หรือจ๊ะ ของมีตำหนิก็ไม่มีค่าอะไรอีกต่อไปแล้ว”

บ่ายวันนั้น มุตตาออกจากไร่ไปขี่รถเล่นละแวกบ้าน เธอขี่มาถึงบ้านรินลดา เพื่อนสมัยเด็ก แปลกใจที่บ้านเพื่อนดูโทรมผิดหูผิดตาจากครั้งสุดท้ายที่เธอมาเมื่อปีก่อน

รินลดายืนมองดูเพื่อนจากหน้าต่างชั้นบน แววตาหม่นหมอง มุตตาตะโกนเรียก แต่รินลดาทำเหมือนไม่ได้ยิน ปิดหน้าต่างลง มุตตาเดินไปกดกริ่ง ลัดดาแม่ของรินลดาเดินออกมา แววตาหมองคล้ำ ดูเครียดๆ

“รินมันไม่สบายน่ะ มันไม่อยากเจอใคร”

ลัดดาพูดเสียงเศร้า หลบตา และขอตัวเข้าบ้านไป มุตตามองตามเป็นห่วงเพื่อนขึ้นมาตงิดๆ

มุตตาเก็บความสงสัยเรื่องรินลดากลับไปที่บ้าน พิณคุยอยู่กับเพื่อนบ้านช่างเม้าท์ในห้องนั่งเล่น บอกว่าอยากทำบุญเลี้ยงพระต้อนรับมุนินทร์กลับบ้าน แปลกนั่งดูทีวีอยู่ข้างๆ มองเมียอย่างอ่อนใจ

“ความจริงฉันอยากให้ยายนินทำปริญญาเอกต่อ จะได้เป็นด็อกเตอร์คนแรกของละแวกนี้”

“ตอนนี้ปริญญาตรีน่ะไม่พอแล้ว ฉันน่ะอุตส่าห์ส่งอีนังลูกสาวให้ต่อโท ดันไปมีผัว ก็เลยโทต้องท้องโย้กลับมา”

มุตตายอกแสยงในอก กำก้านกุหลาบที่จัดอยู่ในมือแน่น พิณปลอบเพื่อนขำๆ

“แหม ถึงจะท้องก่อนแต่ง แต่ก็ยังได้แต่งเป็นเรื่องเป็นราว ถึงลูกเขยไม่รวยแต่ก็ยังมีความรับผิดชอบ”

“ทีนี้ก็เลยรอมันทำเอกต่อ”

“เอกอะไรอีก” แปลกงง ตามมุกเพื่อนบ้านช่างเม้าท์ไม่ทัน

“ก็เอกดอก ออกเด็กยังไงล่ะพี่แปลก”

แปลกส่ายหน้า พิณหัวเราะร่วน ส่วนมุตตาหน้าเศร้า คลายมือออก เลือดซึมจากนิ้วเป็นดวง

มุตตาทุกข์ใจเหลือเกิน เข้าไปนั่งสงบจิตสงบใจ

กลางห้องพระ แปลกเดินเข้ามามองลูกสาวอย่างอ่อนโยน แล้วไปจุดธูปเทียน ชวนมุตตาคุยเรื่องสมัยเด็ก ถามถึงคำอธิษฐานที่เธอขอพระเสมอๆ แต่ไม่เคยบอกใคร มุตตายิ้มขื่น

“หนูขออะไรพ่อรู้ไหมจ๊ะ หนูขอให้หนูสวยมากๆ สวยกว่าพี่นิน ให้ใครเห็นใครก็รักมากกว่าพี่นิน”

“ก็จริงนี่ลูก ยายนินน่ะดื้อ หน้าหงิกหน้างอ ถูกแม่ตีไม่เว้นแต่ละวัน”

“ถ้าหนูรู้ หนูจะไม่อธิษฐานแบบนั้น มันบาปใช่ไหมคะพ่อ”

“คนเราสร้างกรรมอยู่ตลอดเวลา พระท่านถึงสอนให้อโหสิกรรมเป็นนิจ อธิษฐานจิตเป็นประจำไงลูก”

แปลกปลอบลูกเสียงอ่อน มุตตานั่งฟัง กลิ่นและควันธูปตลบอบอวลมากขึ้น เธอรู้สึกขยักขย้อน แปลกมองอย่างเป็นห่วง มุตตารีบบอกว่าเหม็นกลิ่นธูป แล้ววิ่งพรวดออกจากห้องไป

มุตตากลับมาห้อง นอนหลับกระสับกระส่ายฝันร้าย ถึงเหตุการณ์ที่บึงบัว ภาพมุนินทร์เข้ามายื้อแย่งมงกุฎดอกไม้ เธอพลัดตกลงไปในน้ำ ตะเกียกตะกาย มุตตาในชุดนอนบางเบา ค่อยๆ จมดิ่งลงช้าๆ เธอสะดุ้งตื่น เอามือกุมหน้าอก ลุกขึ้นมานั่งบนเตียง

มุตตามองหน้าตัวเองในกระจก อัดอั้นที่ไม่รู้จะจัดการยังไงเรื่องตัวเองความรู้สึกผิดถาโถมมาอีกครั้ง เธอเอื้อมไปเปิดโคมไฟ นั่งมองดูเงาสะท้อนของตัวเอง หน้านิ่ง...บางทีอาจเป็นการดีกว่า ถ้าเธอจมน้ำตายไปตั้งแต่วันนั้นที่บึงบัว จะได้ไม่ได้ก่อเรื่องน่าอับอายให้พ่อกับแม่อย่างตอนนี้

มุตตานอนเหม่อมองที่เพดาน โมบายนกกระดาษอันเก่ายังหมุนช้าๆ คงถึงเวลาแล้วที่เธอต้องตัดสินใจ...

ooooooo

มุตตาตื่นแต่เช้ามาทำอาหารให้พ่อกับแม่อย่างตั้งอกตั้งใจ ใบหน้าหมองมีแววสงบอย่างประหลาด อาหารทุกอย่างถูกจัดอยู่ในจานเข้าชุดกัน จัดวางอย่างงดงาม แปลกเดินถือถุงปาท่องโก๋เข้ามาพร้อมกับพิณมองที่โต๊ะอาหารอย่างแปลกใจ

“แล้วทำไมต้องมาจัดให้มันหรูหราฟู่ฟ่าขนาดนี้” พิณถามอย่างอดไม่ได้

“หนูอยากทำให้่พ่อกับแม่เป็นพิเศษหน่อยน่ะจ้ะ”

แปลกกับพิณมองหน้ากันงงๆ แต่ก็ปลื้มใจที่ลูกเอาอกเอาใจเป็นพิเศษ ชวนลูกให้กินด้วย อย่ามัวแต่นั่งมอง มุตตาทานนิดเดียว พิณทักว่ากินน้อยแบบนี้ถึงได้คลื่นไส้บ่อย เหมือนคนเป็นโรคกระเพาะ มุตตาสะดุ้ง ไม่คิดว่าแม่จะช่างสังเกต แปลกถามว่าวันนี้จะไปไหน มุตตาบอกจะไปขี่รถเล่นและแวะไปเยี่ยมรินลดา แปลกชะงักพิณตาเหลือก ร้องห้ามเสียงหลง มุตตามองแม่อย่างไม่เข้าใจ

“ก็ความลับไม่มีในโลกน่ะสิ นังรินมันบอกว่าทำงาน ดิบดี สร้างบ้านอวดรวย บอกว่าเป็นพริตตี้ พรีเซ็นเตอร์

แต่ที่แท้ก็รับจ๊อบขายตัวให้เสี่ยด้วย”

มุตตาอึ้ง สงสารเพื่อนและนึกถึงเรื่องตัวเองอย่างอดไม่ได้ พิณเล่าต่ออย่างมันปาก

“มาคราวก่อนทำหน้ามายังกับดาราเกาหลี กลับมาคราวนี้โทรมอย่างกับศพ จะเป็นอะไร ถ้าไม่ใช่เอดส์”

“เขาพูดกันด้วยว่ามีลูกติดท้องมาด้วย น่าเวทนา” แปลกเสริมที่ได้ยินมาจากร้านกาแฟเมื่อเช้า

“พวกมักง่ายใจง่ายก็ยังงี้แหละ เป็นอีตัวก็เท่ากับแย่งผัวชาวบ้านเขาเหมือนกัน ท้องก็หาพ่อไม่ได้”

พิณพูดแดกดัน มุตตาตัวชา มือสั่น สะเทือนใจเรื่องเพื่อนและนึกสมเพชตัวเอง แปลกเล่าต่อว่าลัดดาไม่กล้าออกจากบ้านเหมือนกัน เพราะอายไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้าน ปรายตามองเมีย พิณแกล้งทำไม่รู้ไม่ชี้ มุตตาเข้าใจเพื่อนอย่างคนหัวอกเดียวกัน พูดถึงรินลดาเศร้าๆว่ายังโชคดีกว่าตนที่ได้ตอบแทนพ่อแม่ก่อนตาย พิณไม่สะกิดใจคำพูดแปลกๆของลูกสาว แขวะรินลดาต่ออย่างอดไม่ได้

“แต่ก็จริงนะ ไม่รู้ว่านังรินมันจะกลับมาประจานพ่อประจานแม่มันทำไม แบบนี้ตายซะดีกว่า!”

พิณพูดอย่างเหยียดหยาม แปลกมองเมียอย่างตำหนิ มุตตาตัวชา สะเทือนใจอย่างที่สุด...

มุตตาออกไปขี่จักรยานนอกบ้านอีกครั้ง เพื่อชมภาพบรรยากาศละแวกบ้าน โรงเรียนเก่า บึงบัว บ้านรินลดา และมาหยุดพักที่วัดเล็กๆแถวบ้าน ราวกับจะจดจำเอาไว้เป็นครั้งสุดท้าย เธอมองอุโบสถด้วยแววตาสงบนิ่ง เหมือนคนเพิ่งตัดสินใจอะไรบางอย่าง

มุตตากลับถึงบ้านตอนพลบค่ำ เจอกับหมอบี เพื่อนสมัยเด็กที่ขับรถมาหาเธอ มุตตาหันไปยิ้มให้แต่แววตาเศร้า เธอคิดว่าเขายังอยู่ที่อังกฤษ เขาบอกว่ากลับมาแล้ว ไปแค่หนึ่งปี มุตตามองหน้าเขานิ่ง ถอนใจเบาๆ

“ใช่สิ ปีหนึ่งแล้ว อะไรทุกอย่างก็เปลี่ยนแปลงไปหมดแล้ว”

“นี่ตาพูดถึงรินหรือเปล่า”

“ตาพูดถึงทุกคนต่างหากหมอ”

“เราเพิ่งไปเยี่ยมรินมา ความจริงรินยังไม่เป็นอะไรมาก ยาสมัยนี้ดี แต่รินไม่มีแรงใจจะสู้แล้วต่างหาก”

มุตตายิ้มเศร้า เข้าใจรินลดาดี เธอเองก็ไม่มีแรงใจที่จะสู้แล้วเหมือนกัน!

หมอบีจะลากลับ มุตตาฝากให้เขาช่วยดูแลพ่อกับแม่ ด้วยตอนที่เธอไม่อยู่ เขาเข้าใจว่ามุตตาหมายถึงตอนที่ไปอยู่กรุงเทพฯ รับปากเธอเป็นมั่นเหมาะ มุตตายิ้มบางๆ บอกลาเขาเสียงอ่อน...

แปลกกับพิณมองมุตตาคุยกับหมอบีอยู่บนบ้าน พิณไม่พอใจที่ลูกสนิทสนมกับหมอหนุ่ม เพราะฝังใจเชื่อว่าเขาคือสาเหตุให้ร้านเก่าที่ตลาดไฟไหม้ แปลกปรามเสียงดุว่าอย่ากล่าวหาคนอื่น เพราะไม่มีใครรู้ความจริง พิณค้อนสามี

ooooooo

เรื่องของรินลดาเป็นตัวกระตุ้นให้มุตตาตัดสินใจ แต่ก่อนหน้านั้น...เธออยากทำบางสิ่งบางอย่างก่อน

มุตตานั่งร้อยพวงมาลัยอย่างตั้งใจ แววตาสงบอย่างประหลาด จัดใส่พานแล้วเดินไปหาแปลกกับพิณที่ห้องนั่งเล่น คุกเข่าลงตรงหน้า วางพวงมาลัยบนมือบุพการีทั้งสอง ก้มลงกราบแทบเท้า น้ำตารื้นขึ้นมาเล็กน้อย แปลก กับพิณยิ้มปลื้ม ขัดเขิน บอกขอบใจลูกเบาๆ แม้รู้สึกแปลกๆ กับท่าทางของลูกแต่ก็ตื้นตันใจอย่างบอกไม่ถูก

“สวยดีนะ แกน่ะทำอะไรแบบนี้ได้ดี ไม่เหมือนยายนิน ทำไม่เป็นสักอย่าง” พิณชมลูกสาว อารมณ์ดี

มุตตาบอกว่ามากราบลา พิณถามว่าไม่รอเจอมุนินทร์ก่อนหรือ จะรีบกลับทำไม มุตตาก้มหน้าหลบตา บอกว่าคงจะไม่เจอกันแล้ว แปลกกับพิณมองหน้ากันงงๆ

“พ่อจ๋า แม่จ๋า หนูขอโทษด้วยนะจ๊ะ”

“มาขออโหสิกรรมอะไรกัน ลูกคนนี้” พิณถามอย่างแปลกใจ

“หนูไม่เคยทำอะไรได้อย่างใจพ่อกับแม่เลย”

พิณอึ้ง รู้สึกผิดขึ้นมาที่ชอบแดกดันมุตตา บอกลูกอย่าคิดมาก เธอแค่บ่นไปตามประสาเพราะอยากให้ได้ดี แปลกไม่ติดใจคำพูดและท่าทีของมุตตา มองหน้าลูกอย่างปรานี บอกว่าพ่อกับแม่อโหสิให้กับทุกเรื่อง ไม่มีอะไรต้องกังวล มุตตายิ้มบางๆ ก้มลงกราบพ่อกับแม่อีกครั้ง
หลังจากนั้น มุตตานำแจกันใส่ดอกบัวที่เก็บจากบึงเมื่อกลางวัน พร้อมพวงมาลัยบนพานแก้ว วางบนโต๊ะหมู่บูชาในห้องพระ จุดธูปและเทียน ก้มลงกราบพระช้าๆ ใบหน้านวลสงบนิ่งเหมือนคนที่พร้อมแล้ว...

มุตตากลับเข้าห้อง เขียนจดหมาย พับใส่ซองจ่าหน้าถึงมุนินทร์ ใส่ไว้ในลิ้นชัก แววตาสงบ เดินไปที่กลางห้องที่มีเชือกเส้นใหญ่ผูกปมห้อยลงมาจากขื่อบนเพดาน เธอขึ้นไปยืนบนเก้าอี้ มองบ่วงเชือกในมือนิ่ง นึกถึงเรื่องราวมากมายตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา เรื่องเธอกับเจนภพ ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก สร้อยมุกและสัมผัสของเขา ความขัดแย้งของเธอกับนพนภา และสุดท้ายเรื่องที่เธอ ได้เจอเพื่อนที่แสนดีอย่างวีกิจ มุตตาขออโหสิกรรมให้กับทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต แล้วค่อยๆหลับตา ถีบเก้าอี้ให้ล้มลง...

ขณะเดียวกัน รถตู้คันหนึ่งแล่นมาจอดที่หน้าบ้าน ท่ามกลางสายฝนพรั่งพรูและเสียงฟ้าร้อง มุนินทร์ในชุดสูท ก้าวลงมาช้าๆ เดินเข้าบ้านไปจนถึงหน้าห้องมุตตา เธอผลักประตูเข้าไป เห็นร่างแฝดน้องแขวนอยู่เบื้องหน้า รีบบอกพ่อแม่แล้วพาน้องสาวส่งโรงพยาบาล...แต่ก็สายเกินไป มุตตาจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ในวันที่เธอกลับมา!

ขณะเดียวกันที่กรุงเทพฯ เจนภพนอนกระสับ กระส่าย ฝันร้ายละเมอชื่อมุตตา ผวาลุกขึ้นมากลางดึก นพนภาลุกตาม แหวผัวเสียงเขียว

“ฝันร้ายหรือฝันเปียกกันแน่ยะ”

เจนภพไม่พูดด้วย ขยับตัวนอนหันหลังให้แต่นอนไม่หลับ เขานึกถึงมุตตาแล้วสังหรณ์ใจ...

เช่นเดียวกับวีกิจที่สะดุ้งตื่นตั้งแต่ตีสามแล้วนอนไม่หลับอีกเลยจนเช้า บอกสร้อยคำว่ารู้สึกโหวงๆ ไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูก รู้แต่ว่าอยากทำบุญ สร้อยคำไม่ว่าอะไร ชวนลูกทำอาหารเพื่อใส่บาตร

ooooooo

มุตตาขาดงานสามสัปดาห์แล้ว อรพิม ทิพอาภาและแจงจิตโทร.หา แต่ติดต่อไม่ได้ ไม่มีใครรู้ว่ามุตตาหายไปไหน ทำอะไรอยู่ อรพิมถือแจกันใส่ดอกลิลลี่วางบนโต๊ะมุตตา เจนภพเห็นแล้วเข้าใจว่ามุตตากลับมา อรพิมบอกว่าดอกไม้ของเธอ เห็นแล้วนึกถึงมุตตา เจนภพหน้าสลด เดินเข้าห้องไป ทิพอาภาค้อน แขวะเจ้านายตามหลัง

“ก็ยังดี รู้สึกรู้สมบ้าง ผู้หญิงทั้งคนเสียผู้เสียคนขนาดนี้”

ด้านวีกิจไปหามุตตาที่หอด้วยความเป็นห่วง แต่ไม่เจอ พรบอกว่ามุตตากลับไปบ้านที่เพชรบูรณ์ได้อาทิตย์กว่าแล้ว สาวใหญ่เล่าให้วีกิจฟังเรื่องที่มุตตาโดนนพนภาราวี ทั้งจ้างคนมาทำร้าย กระชากกระเป๋า และเกือบจะโดนข่มขืนในห้องตัวเอง วีกิจตกใจ ไม่คิดว่านพนภาจะใจร้ายขนาดนี้

เวลานั้นเอง คนใจร้ายกำลังหมั่นไส้ผัวที่ละเมอชื่อมุตตา นพนภาช่วยต่อเลือกภาพต้นแบบในสมุดจิตรกรรมไทยเพื่อส่งเข้าประกวด เห็นภาพๆหนึ่งแล้วยิ้มเยาะ ปรายตามองเจนภพที่นั่งอ่านหนังสืออยู่

“วาดภาพนี้สิลูก โลหสิมพลีนรก นรกต้นงิ้ว สำหรับพวกผิดศีลข้อกาเม เขาว่าต้นงิ้วมีหนามเป็นเหล็กยาวเป็นฟุตแถมลุกเป็นไฟ ผู้หญิงอยู่ทางยอด ผู้ชายอยู่โคนต้น ปีนสวนกันไปมา ไม่ได้เจอกันตลอดชาติ”

เจนภพรู้ว่าเมียยั่ว หน้าบึ้ง ปิดหนังสือ ต่อมองพ่อเย้ยๆ

“ต่อว่ามันอยู่ที่ใจมากกว่าฮะ ใครที่ทำให้คนอื่นเจ็บช้ำน้ำใจ ตัวเองก็ทุกข์ด้วย”

“ใช่ ตกนรกในใจชาตินี้ ตกนรกจริงๆชาติหน้า” นพนภายังแขวะไม่หยุด

“แล้วคุณล่ะนภา กะไว้ว่าจะขึ้นสวรรค์ขุมไหน ขุมปั่นหุ้น ขุมโกงเงิน หรือว่าขุมเผาไล่ที่”

เจนภพออกไปอย่างหัวเสีย นพนภายิ้มกับต่ออย่างสะใจ ถามหาต้อง แต้วบอกว่าหมกตัวอยู่แต่ในห้อง นพนภาทำหน้าเหนื่อยหน่าย ลูกสาวคนโตไม่เคยทำอะไรถูกใจเธอเลยสักครั้ง

ขณะเดียวกัน ต้องนอนสะลืมสะลือบนเตียง ดวงตาเคลิ้มฝัน ข้างตัวมียาสารพัดสีกระจายจากขวดล้มกลิ้งอยู่...

ooooooo

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 6

มุนินทร์เสียใจเรื่องมุตตามาก ตัดสินใจสวมรอยเป็นน้องสาวเพื่อสืบหาความจริง เริ่มด้วยการกลับไปที่หอพักของมุตตาที่กรุงเทพฯ เจอฤดีเม้าท์เรื่องมุตตากับศรีอยู่พอดี

“เฮ้อ แม่มุตตานี่ไม่คิดเลยจริงๆ ทีแรกน่ะเหมือนนางฟ้านางสวรรค์ แต่ลงท้าย...”

มุนินทร์ก้าวออกมายืนเด่น ฤดีกับศรีสะดุ้งมองดูมุตตาที่หน้าตาเหมือนเดิมทุกอย่าง แต่ดูผิดแผกด้วยเครื่องแต่งกายที่เปลี่ยนไป เนี้ยบทั้งตัวตั้งแต่หัวจดเท้า แววตาดูแข็งกร้าวเป็นประกายเจิดจ้า เลิกคิ้วถามยิ้มๆ

“ลงท้ายเป็นยังไงหรือคะ”

ฤดีอึกอัก ทำทีเข้ามาจับไม้จับมือ ดีใจที่หญิงสาว กลับมา ศรีชมว่าสวยขึ้น มุนินทร์มองดูฤดีกับศรีอย่างประเมิน

“หนูตากลับบ้านเก่าแล้วสบายใจขึ้นใช่ไหมคะ” ฤดีถาม

“ค่ะ ตากลับบ้านเก่าไปแล้ว ขอกุญแจด้วยนะคะ ฉันจะขึ้นห้องแล้ว”

ฤดีงง มุนินทร์โกหกหน้าตายว่าหาไม่เจอ ฤดีหน้างอด้วยความงก บอกว่าขอใหม่ต้องจ่ายเงินเพิ่ม มุนินทร์ไม่ยี่หระ เปิดกระเป๋าถือใบหรู คว้ากระเป๋าสตางค์แบรนด์เนม หยิบธนบัตรใบละพันเป็นปึกออกมา ยื่นใบหนึ่งให้ ฤดีกระชากเงินไป กุลีกุจอบอกให้ศรียกกระเป๋าและพามุตตาขึ้นห้อง มุนินทร์เดินตาม ชะงักหันมาพูดยิ้มๆ

“อ้อ เรื่องนางฟ้านางสวรรค์น่ะ มันเป็นยากค่ะ สู้เป็นนางมารร้ายไม่ได้ งานถนัดฉันเลย”

ฤดีกับศรีอ้าปากค้าง ประหลาดใจกับวาจาที่เปลี่ยนไปของมุตตา...

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 5-6 วันที่ 6 ต.ค. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา ไทยรัฐ