@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 15/2 วันที่ 21 ต.ค. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 15/2 วันที่ 21 ต.ค. 55

“ฉันไม่อยากให้คุณเสียใจหรอกนะคะคุณสรวง....แต่ถึงเวลาแล้วที่ฉันจะต้องพูดซักทีเพราะฉันมั่นใจ ที่แม่คุณพาฉันพาคุณภาพิศมาที่นี่ ไม่ใช่เรื่องดีแน่”
“กรรณนรี” สรวงกระชากกรรณนรีเข้ามา จังหวะนั้นร่างกรรณนรีเหมือนอยู่ในอ้อมกอดของสรวง
สุขหฤทัยซึ่งแอบตามมาเห็นพอดิบพอดี ดวงตาสุขหฤทัยเจิดจ้า สงสัยว่าสองคนมีอะไรกัน แต่ไม่ได้หึงหวงแล้ว แค่อยากรู้อยากเห็น
ขณะที่กรรณนรีบอกสรวงต่อ
“ต่อให้คุณฆ่าฉันให้ตาย ฉันก็ต้องพูด...เพราะนาทีนี้ฉันรู้ว่าปิดคุณไม่ได้ แต่เป็นหน้าที่..ที่คุณจะต้องสืบหาความจริงเองคุณสรวง”

พูดจบกรรณนรีก็ผลักสรวงออก แล้วผละออกไป สรวงตะโกนตามหลังอย่างขุ่นเคือง
“กรรณนรีๆ” กรรณนรีไม่ยอมหลียวหลัง สรวงได้แต่มองตาม ด้วยแววตาอยากรู้ความจริง

“ถ้าเธอใส่ร้ายแม่ฉัน น่าดู!”
ขณะที่กรรณนรีเดินหนีสรวงมาได้สักระยะ ก็ถูกสุขหฤทัยเข้ามาขวางไว้ จ้องหน้า ด่าทออย่างหยาบคาย



“หน้าด้าน หน้าทน หน้าหนา มันก็คงน้อยเกินไปสำหรับคนอย่างเธอ”
กรรณนรียั๊ว “มันเรื่องอะไรจู่ๆ มาด่าฉัน”
สุขหฤทัยลอยหน้าด่าต่อ “ไม่ใช่จู่ๆ นะยะ อยากด่ามาตั้งนานแล้ว ฮึ!เห็นหน้าจืดๆ คิดว่าไม่มีพิษสงอะไร เอาเข้าจริงร้อนยังกับไฟ เที่ยวให้ท่าผู้ชายไปทั่ว แต่...เธอน่าจะคิดหน่อยนะ ควบทั้งพ่อทั้งลูก มันน่าทุเรศ มันอุบาทว์”
กรรณนรีพูดตอกหน้า “ยังไง....มันก็น้อยกว่าปากคุณ” แล้วเดินหนีไป
“นังกรรณนรี” สุขหฤทัยโมโห กระชากผมกรรณนรีไว้ “ปากดีนักใช่มั้ย..ขอตบคนปากดีหน่อยเถอะ”
ขาดคำสุขหฤทัยตบกรรณนรีอย่างแรง จนร่างซวนเซ กรรณนรีตั้งหลักอย่างรวดเร็ว
“คิดว่าฉันจะยอมคุณเหรอ”
สุขหฤทัยเย้ย “เอาซี้อยากรู้เหมือนกัน หน้าจืดๆ อย่างเธอจะทำอะไรฉันได้...แบร่ๆ นังหน้าจืด”
กรรณนรีกระชากผมสุขหฤทัย แล้วตบไม่ยั้ง สองคนตบกันนัวเนีย ไม่มีใครยอมใคร
สุดากับภาพิศเดินมาเห็น สีหน้าสองคน ตกใจ ร้องขึ้นพร้อมๆ กัน
“ตายแล้ว”
สองคนลุ้นดูสุขหฤทัยกับกรรณนรีตบกัน พร้อมกับคอยดูจังหวะ พอเห็นกรรณนรีเป็นต่ออยู่และเหมือนจะชนะ ภาพิศก็ยิ้ม พอสุขหฤทัยเหมือนจะชนะ สุดายิ้ม แต่พอคนของตัวจะแพ้ ก็จะเข้าไปช่วย อีกฝ่ายก็จะห้ามรั้งไว้
จังหวะนั้นกรรณนรีได้เปรียบ
“ฉันอดทนมาตั้งนาน วันนี้ขอทบต้นทบดอกเถอะคุณขี้ไคล”
กรรณนรีตบสุขหฤทัยที่นอนหงายอย่างไม่ยั้ง สุดาร้องกรี๊ด
“แอร๊ยยย..ฤทัย” สุดาวิ่งเข้าไป
ภาพิศแกล้งร้อง “คุณฤทัย”
สุดาวิ่งไปกระชากกรรณนรีออกมา จนกรรณนรีล้มลง ภาพิศวิ่งตามมาด้วยความโกรธผลัก ร่างสุดาล้มไปทับร่างสุขหฤทัยอย่างแรง สองคนร้องลั่น
ระหว่างนั้นสรวงกับอารักษ์วิ่งมา
“คุณแม่...”
อารักษ์ตกใจ “หนู” จะเข้าไปประคองกรรณนรี
สรวงฉุนพ่อ จึงเข้าขวาง “นี่คุณพ่อไม่ห่วงคุณแม่เลยเหรอครับ”
“ก็แม่แก..มีแกอยู่แล้วนี่...ฉันจะห่วงทำไม? แต่หนูศุไม่มีใคร” อารักษ์บอก
“มีสิครับ” สรวงปรายตามองภาพิศเป็นนัย
กรรณนรีมองอย่างตกใจ รีบพูดอ้อน “หนูไม่มีใคร”
“ได้ยินมั้ยนายสรวง...หนูศุไม่มีใคร”
“แต่แม่คือภรรยาของพ่อนะครับ...ส่วนศุภาวีร์เป็นใคร ผมพูดแค่นี้คุณพ่อน่าจะรู้ว่าควรต้องทำยังไง”
สรวงพาสุดาเดินออกมา อารักษ์ตะโกนไล่หลัง
“นายสรวงๆๆ” แล้วรีบตามออกไป
สุขหฤทัยหันมาแหว เย้ยกรรณนรี “ได้ยินมั้ย แกไม่เกี่ยว ไสหัวไปเลย ไป”
“ไปแน่...แต่ไปเพื่อปกป้องคุณสรวง” ตามไปทันที
สุขหฤทัยโกรธจนเนื้อตัวสั่น “นังหน้าด้านๆๆๆ”
ภาพิศเดินมาขวาง “ฉันว่าตอนนี้คุณต่างหากล่ะค่ะที่หน้าด้าน...เพราะเท่าที่เห็นคุณสรวงไม่สนคุณเลย”
สุขหฤทัยโกรธจัด แต่ทำอะไรไม่ได้ เลยได้แต่กรี๊ดๆๆๆ อยู่อย่างนั้น

ทางด้านสรวงประคองสุดาพาเดินมาจะเข้าห้องพัก อารักษ์เดินตามมาเอาเรื่องถามอย่างกราดเกรี้ยว ในกิริยาโกรธขึ้งอย่างแรง
“ตาสรวง...ตาสรวง..นี่แกด่าพ่อเหรอตาสรวง”
สรวงย้อน “ผมไม่ได้ด่า...แค่เตือนสติ...ในฐานะสามีคุณพ่อน่าจะรู้ว่าควรทำอย่างไรแต่นี่คุณพ่อเล่นพาผู้หญิงของคุณพ่อมาอยู่รวมกัน ยังกับจะตั้งเป็นฮาเร็ม คุณพ่อทำได้ยังไงครับ ไม่เกรงใจคุณแม่ซะบ้าง”
สุดาได้ทีแอ๊บเป็นนางเอกแสนดี “แม่นี่แหละ พาพวกเค้ามา...” เสริมออฟชั่นด้วยน้ำเสียงเครือสั่น “เพราะแม่รักคุณพ่อ”
สรวงมีสีหน้าหนักใจ พูดออกมาด้วยความเสียใจ “แต่แม่ก็ต้องทุกข์ใจ เพราะความเห็นแก่ตัวของคุณพ่อ” สรวงสะเทือนใจหนัก น้ำเสียงเครือสั่น “ถ้าผมเป็นคุณพ่อ...ผมไม่กล้าเรียกตัวเองว่าสามี ว่าพ่อใครหรอกครับ”
พูดจบสรวงก็เดินหนีไป สวนกันกับกรรณนรีที่เดินเข้ามาพอดี สรวงเสียใจ ไม่ยอมมองหน้ากรรณนรีแต่อย่างใด กรรณนรีวิ่งตามสรวงไป ขณะที่อารักษ์โกรธจัดที่ถูกลูกชายด่า
“ไอ้สรวง..มัน..มันด่าฉัน”
“ลูกไม่ได้ด่า...ลูกแค่เตือนสติ...เพราะคนอย่างคุณ...ไม่ควรเป็นสามี แล้วก็พ่อใครจริงๆ ค่ะ”
“คุณหญิง” อารักษ์ขึ้นเสียง
สุดามองมาอย่างโกรธแค้น ดวงตาวาววับ เจอสายตาแบบนี้อารักษ์ก็ไม่กล้าหือเหมือนกัน

สรวงเดินเข้ามายังสนามขี่ม้า เห็นม้าตัวหนึ่งเดินเหยาะย่างสวยงาม สรวงเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่ดูแลม้าจูงม้าเดินตรงมาหา สรวงกระโดดขึ้นหลังม้าอย่างคล่องแคล่ว ชายหนุ่มระบายอารมณ์กราดเกรี้ยวในใจด้วยการควบขี่ ตะบึงม้าออกไปอย่างรวดเร็ว
กรรณนรีวิ่งตามมาทัน แต่แล้วจู่ๆ เกิดเหตุไม่คาดฝัน เมื่อม้าเกิดสะบัดตัวสุดแรง ส่งผลให้ร่างของสรวงร่วงลงมาที่พื้นอย่างแรงเช่นกัน
“คุณสรวง...” กรรณนรีร้องสุดเสียง

สุขหฤทัยที่ตามมา เหวอไปทันที
สุดากับอารักษ์ทะเลาะกันอยู่ในห้องพัก อารักษ์ทวงคำพูด

“ไหน...บอกว่าจะมาพักผ่อน...พาผมมาฮันนีมูนกับหนูศุ สุดท้ายคุณก็หาเรื่องด่าผม จนได้”
“ที่ฉันด่า เพราะฉันเกลียด ทำไมคุณต้องด่าลูกด้วย”
“คุณก็เห็นมันด่าผม”
“ทำตัวให้ลูกไม่เคารพมันก็อย่างนี้ล่ะ”
“ก็คุณหญิงชอบด่าผมไง ลูกมันเลยไม่เคารพ
“ก็คุณมันน่าด่า” สุดาย้อน
อารักษ์โกรธจัด ขึ้นเสียงอย่างไม่พอใจ “คุณหญิง”
สุขหฤทัยวิ่งเข้ามาหน้าตื่น “คุณลุง..คุณหญิงแม่...สรวงตกม้าค่ะ”

ตรงบริเวณโถงใหญ่ของรีสอร์ทยามนั้น กรรณนรีกับภาพิศช่วยกันปฐมพยาบาลดูแลสรวง
“โชคดีนะคะที่คุณไม่ได้เป็นอะไร? ไม่งั้น...ฉันคงเสียใจมาก” กรรณนรีว่า
สรวงกลับเยาะเย้ยถางถาง “ใช่...เธอเสียใจมาก...แต่เธอเสียใจที่ฉันไม่เป็นอะไรมากกว่า...จะไปไหนก็ไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ” จบด้วยการไล่ส่ง
กรรณนรีหน้าเสีย นึกน้อยใจ “คุณสรวง”
“ไม่ต้องทำหน้าเป็นปลาสำลักน้ำ ออกไป ไป๊”
“ก็ได้ค่ะ...ถ้าคุณไม่อยากเห็นหน้าฉัน ฉันจะไป” กรรณนรีฮึด เดินออกไปทันที
“ทำไมคุณสรวงถึงรุนแรงกับหนูก้างอย่างนี้ละคะ ในเมื่อคุณสรวงก็รู้..หนูก้างรักคุณ...”
สรวงชะงัก ภาพิศพูดต่อ
“หนูก้างรักคุณจริงๆ นะคะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทนให้คุณสรวงโขกสับถึงขนาดนี้”
สรวงมองจ้องภาพิศ อย่างจับสังเกต “แล้วเค้ามาเป็นผู้หญิงของพ่อผมทำไม”
ภาพิศพูดด้วยน้ำเสียงเข้ม ท่าทีจริงจัง “หนูก้างคงมีเหตุผล”
สรวงพาล “เหตุผลบ้าอะไร ถึงยอมทำให้ตัวเองเสียหาย”
“คนแต่ละคน มีวิธีการคิด วิธีการแก้ปัญหาที่แตกต่างกัน...หนูก้างก็คงจะมีเหตุผลของตัวเองที่ไม่อยากบอกใคร แต่ที่สำคัญคุณสรวงรู้อยู่แก่ใจไม่ใช่เหรอคะ?...หนูก้างยังเป็นคนเดิม เป็นผู้หญิงที่บริสุทธิ์และงดงามสำหรับคุณสรวงเสมอค่ะ”
สรวงอึ้ง นิ่งเงียบ

ตรงบริเวณสวนสวยของรีสอร์ท กรรณนรีวิ่งร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจ สรวงวิ่งตาม
“กรรณนรีๆ”
กรรณนรีเหลียวมามองแล้วหันกลับวิ่งหนีต่ออีก สรวงวิ่งตามมากระชาก
“ปล่อยฉัน”
“ฉันไม่ปล่อย...เลิกทำตัวบ้าๆ วันนี้เราต้องคุยกันให้รู้เรื่องกรรณนรี”
กรรณนรีมองสรวง สองคนมองสบตากัน ภาพิศแอบอมยิ้ม รู้ว่าสรวงก็รักกรรณนรีเหมือนกัน

ไม่นานนักภาพิศเดินกลับเข้ามา ขณะที่สุดา อารักษ์ และสุขหฤทัยวิ่งเข้ามา
“ตาสรวงล่ะ”
ภาพิศตอบหน้าตาเฉย “กลับกรุงเทพฯ แล้วค่ะ”
อารักษ์ร้อง “อ้าว! ไหนบอกว่าตกม้า แล้วตาสรวงไม่ได้เป็นอะไรเหรอ”
“แค่เคล็ดขัดยอกนิดหน่อย แล้วก็บ่นว่าเบื่อ”
สุดาแหวใส่สามี “เบื่อคุณนั่นแหละ”
อารักษ์ทำหน้าไม่สบายใจ สุดาแหย่
“จะกลับตามลูกไปมั้ยละคะ?”
“ไม่.....สรวงอยากกลับก็กลับไป” อารักษ์บอก
สุดาแกล้งแหย่อีก “แต่ฉันว่าไปตามลูกกลับมาดีกว่า”
ภาพิศผสมโรง “เอามั้ยคะ ภาไปตามมาให้”
“ไม่ต้อง” อารักษ์เดินหน้าบึ้งหนีไป
ภาพิศแกล้งถาม “ทำไม..ท่านไม่อยากให้คุณสรวงอยู่ล่ะคะคุณหญิงพี่”
สุดาเยาะ “กลัวจะขัดคอมั้ง”
ภาพิศแกล้งโง่หลอกถาม “ขัดคอเรื่องอะไรคะ”
“ทำไมจู่ๆ คุณภาพิศ ทำเหมือนลืมเอาสมองมาด้วยล่ะค่ะ..ก็น่าจะรู้..คุณหญิงแม่..จัดงานนี้ขึ้นมาทำไม” สุขหฤทัยกัด
สุดาแกล้งดุ..กระตุ้นต่อมอยากรู้ของภาพิศ “ฤทัย”
“มีอะไรที่น้องยังไม่รู้อีกคะ คุณหญิงพี่” ภาพิศสงสัย
“ก็...จัดห้องเชือดนังศุภาวีร์ให้กับสามีของเราไงคะคุณน้อง”
สุดาเย้ยในสีหน้า...ภาพิศตาวาววับ โกรธมาก

ภาพิศหลบมุมออกมาคุยกับแฉล้ม ท่าทางโกรธเกรี้ยว กาวินทร์อยู่ในชุดคนสวน มองจ้องอยู่เดินเข้ามาแอบฟัง ภาพิศด่าสุดาในอาการฉุนเฉียว
“คนวิปริต จิตวิปลาส”
“ใช่...เมียที่ไหน หาผู้หญิงให้สามี” ภาพิศผสมโรง
“ฉันว่า..คุณหญิงสุดาเหมือนมีแผน” ภาพิศตั้งข้อสังเกต
แฉล้มมองหน้าภาพิศ “ฉันก็คิดว่ามี...และแผนชั่วๆพวกนั้นก็ตั้งใจแกล้งคุณแน่ๆ”
ภาพิศบอกเสียงเข้ม “ฉันไม่ยอม ฉันจะปกป้องลูกด้วยชีวิต”
กาวินทร์หันขวับ ได้ยินเต็มสองหู แต่ก็ไม่อยากเชื่อ คิดว่าตัวเองหูฝาด ขณะที่ภาพิศพูดต่อ
“ขอให้คุณสรวงพากาวไม่ต้องกลับมาเลย”
คราวนี้กาวินทร์ ได้ยินชัดเจน!

ด้านกาวินทร์อยู่ในอาการงวยงง เดินพล่าน...ยืนไม่ติดที่ สีหน้าว้าวุ่นสับสนหนัก

“แปลว่าแม่รู้...กาวเป็นลูก..แม่จะทำอะไร?
ขณะเดียวกันสรวงดึงมือกรรณนรีมา สองคนหยุดยืนอยู่กลางทุ่งดอกกุหลาบสวย สรวงถามน้ำเสียงอ่อนโยน แต่สายตาเจ็บปวด

“เธอมีอะไร...บอกฉันมาได้แล้วกรรณนรี ฉันพร้อมยอมรับทุกอย่าง”
กรรณนรีร้องไห้ออกมา “สิ่งที่ฉันพูดได้อย่างเดียว...คือฉันรักคุณ....และฉันก็เจ็บปวดทุกครั้งที่คุณว่าฉัน ด่าฉัน”
“ก็เพราะฉันรักเธอเหมือนกันไง...รักจนไม่เข้าใจ เธอจะปิดบังฉันทำไม”
“เพราะมันเกี่ยวกับแม่คุณไงคะ...”
สรวงทำหน้าเหนื่อยใจ กรรณนรีบอกต่อ
“ขอร้องเถอะค่ะ อย่าบีบคั้นฉัน...ถึงเวลาคุณจะรู้เอง แล้วคุณจะรู้ว่าฉันรักคุณแค่ไหน” พูดเท่านั้นกรรณนรีก็โผเข้ากอดสรวงอย่างเต็มรัก “ฉันเจ็บปวดแค่ไหนที่เรื่องมันเป็นอย่างนี้”
สรวงกอดกรรณนรีท่าทีเหนื่อยใจไม่หาย “ได้...ฉันจะรอ จนกว่า..เรื่องทุกอย่างจะเปิดเผยด้วยตัวมันเอง”
“และเราสองคนก็อาจจะไม่ได้รักกัน”
“ไม่..ฉันรักเธอ..ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นฉันก็จะรักเธอกรรณนรี”
สรวงกอดกรรณนรีแน่น กรรณนรีเงยหน้ามองในอาการหวั่นใจ
“เชื่อฉันนะ....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น..ฉันก็จะรักเธอ”
สรวงก้มลงจูบหน้าผากกรรณนรีอย่างแผ่วเบาละมุนละไม ก่อนบอกตัดบท
“เลิกคิดถึงเรื่องอื่นๆ ได้แล้วนะ...ขอให้ที่ตรงนี้..มีเราแค่สองคน
สรวงจับมือกรรณนรี เดินฝ่าดงกุหลาบสวยสะพรั่งออกมา

สรวงจับมือกรรณนรี เดินมาสักครู่ก่อนบอก
“เธอรอฉันอยู่ที่นี่นะ..อย่าหนีไปไหน”
“ค่ะ”
สรวงเดินไปก่อนจะเดินกลับมาทางด้านหลัง ยื่นดอกกุหลาบให้กรรณนรี
“เพื่อเธอ”
กรรณนรียิ้มกว้างมองกุหลาบอย่างดีใจ กุหลาบดอกเดียวแต่มีความหมายยิ่งใหญ่เหลือเกิน

ไม่นานนัก สองคนจูงมือเดินเที่ยวไร่องุ่นอย่างมีความสุข สองคนถือองุ่นคนละพวง ป้อนให้กัน
ครู่ต่อมา สรวงกับกรรณนรีอยู่ที่ฟาร์มแกะ กำลังให้นม ให้อาหารแกะ สองคนยิ้มสบตากันอย่างมีความสุข
แต่พอเวลาที่หันหน้าออกจากกัน ต่างคนต่างลอบมองกันและกันสีหน้าเศร้า และดูกังวลอยู่ในที

อารักษ์มาเคาะประตูห้องกรรณนรีเรียกเสียงหวาน
“หนู..หนู”
เงียบไม่มีเสียงตอบ อารักษ์หงุดหงิด เคาะประตูอีก
“หนูๆๆ”
อารักษ์โทร.เข้าไป ยินเสียงโทรศัพท์ของกรรณนรีวางในห้องดัง อารักษ์ยิ่งหงุดหงิด

อารักษ์เดินฮึดฮัดๆ มาตามทางในรีสอร์ท เจอกับภาพิศพอดี
“หนูศุหายไปไหน?”
ภาพิศพูดด้วยสายตาขมขื่น “พักผ่อนมังคะ”
“ฉันไปดูแล้วหนูศุไม่อยู่...มือถือก็ไม่เอาไป”
“งั้น...คงเดินเล่นอยู่มังคะ ที่นี่วิวสวย อากาศดี”
“ไม่พูดบ้างได้มั้ย...ฉันรำคาญ”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 15/2 วันที่ 21 ต.ค. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager