อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนอวสาน(จบ) วันที่ 5 มิ.ย. 57
“คุณแม่รู้ไงว่าหนูอยู่ที่นี่”ระรินมองเลยเพ็ญแขไป เห็นสุดใจยืนอยู่ห่างออกไป ก็รู้ว่าสุดใจเป็นคนบอก
“เมื่อกี้ลูกถามว่าดวงของลูกคืออะไร ทำไมลูกถึงไม่สมหวังในความรักใช่ไหม”
“ป๊าเคยบอกว่าดวงของหนูเป็นดวงเจ้าหญิง จะสมหวังทุกสิ่ง หนูเชื่อป๊ามาตลอด ทำตามทุกอย่างที่ป๊าบอก ศัลยกรรมปรับโหงวเฮ้งก็แล้ว แก้เคล็ดปรับดวงชะตาก็แล้ว แล้วทำไมหนูยังไม่สมหวังในความรักซะทีล่ะแม่”
“เรื่องของความรักมันซับซ้อน มันคงมีอะไรมากกว่าเรื่องของดวงดาว”
ระรินน้ำตารื้น “ป๊าโกหกหนู”
ระรินโผเข้ากอดเพ็ญแข แล้วร้องไห้สะอึกสะอื้น
หม่อมจันจิราลงจากรถ ที่หน้าวังวาสุวงศ์ พลางรีบเดินเข้าตัวอาคารอย่างร้อนใจ ม.ร.ว. จันทร์ธิดา ที่นั่งรออยู่ เห็นหน้ามารดาก็ร้องไห้ พลางโผเข้ามากอดแทบเท้า หม่อมจันจิรารีบประคองบุตรสาวขึ้นมานั่งด้วยกัน
“เป็นไงบ้างหญิงจุ๋ม”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่อยากเจอหม่อมแม่”
“แม่รู้เรื่องก็รีบกลับมาเร็วที่สุดแล้ว ลูกของแม่ ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว”
“แม่คะ หนูอยากบวชค่ะ อุทิศส่วนกุศลให้ชายแจ้แล้วก็คุณพจน์ด้วย ถึงแม้เขาจะเป็นคนที่ฆ่าชายแจ้ก็ตาม”
พูดได้แค่นั้น คุณหญิงจุ๋มก็ปล่อยโฮ จนพูดอะไรต่อไม่ได้
“ดีแล้ว ดีแล้วชีวิตเธอที่ผ่านมาก็ดูฟุ้งซ่าน ไม่เคยสงบเลยสักวัน บวชซักระยะเวลาหนึ่งก็คงดี”
“แม่คะ ที่ผ่านมาหนูกราบขอโทษนะคะ”
มรว. จันทร์ธิดา ก้มกราบลงแทบเท้าผู้เป็นมารดา หม่อมจันจิราลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความรักและสงสาร
ขณะที่วลัยกับวนิษานั่งอยู่ในคอนโดวนิษา ท่าทางเหมือนกำลังรอคอยอะไรบางอย่าง ครู่หนึ่งมือถือ
ของวนิษาก็มีสัญญาณเตือนว่ามีข้อความเข้า วนิษากับวลัยรีบหันมาดูราวกับนัดกัน ที่หน้าจอปรากฏข้อความเป็นภาษาอังกฤษ
“หมอเขาว่าไงบ้าง บอกมาสิ พ่อแกออกจากห้องผ่าตัดรึยัง”
วนิษาร้องไห้ วลัยหน้าเสีย
“วนิ”
พลันวนิษาก็ยิ้มทั้งน้ำตา
“หมอบอกว่าพ่อปลอดภัยแล้วค่ะ การผ่าตัดเรียบร้อยค่ะ แต่หมอบอกต้องอยู่ดูผลอีกซักระยะนะคะ
“ ดีแล้วล่ะ ให้มันอยู่นั่นแหละ กลับมาเจอหน้ากันก็ทะเลาะกันเปล่าๆ”
“แม่อยากไปเยี่ยมพ่อไหมล่ะคะ”
วลัยเงียบไปครู่หนึ่ง ยังวางฟอร์มอยู่
“ไปก็ได้ ไปดูหน้ามันซักหน่อย เผื่อเชื้อมะเร็งมันรักษาไม่หาย ไปได้เร็วสุดเมื่อไหร่ล่ะ”
วนิษายิ้มขำมารดา
“เมื่อเช้าฉันขอพี่โจลาออกแล้วนะ”
ป๋องบอกกับปลายฝน ขณะที่ทั้งคู่เดินคุยกันอยู่ในย่านการค้าของวัยรุ่น
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ฉันว่าฉันไม่เหมาะเป็นนักสืบแบบพี่โจหรอก ฉันไม่พลิ้วเท่าเขา”
“ดีแล้วล่ะป๋อง เธอเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว ถ้าฉันจะมีแฟนก็อยากได้ผู้ชายแบบเธอนี่แหละ”
ปลายฝนพูดเขินๆ แต่ป๋องยังไม่รู้ตัว
“นั่นสินะ เอ๊ะเมื่อกี้เธอว่าไงนะ”
“ไม่รู้ จำไม่ได้แล้ว”
“เธอบอกว่าเราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหม”
“เปล่า บอกว่าให้เป็นเฟรนด์”
ป๋องหน้าจ๋อย “อือ เฟรนด์ก็เฟรนด์”
“แปนเฟ็น” ปลายฝนเน้นคำ
“แปนเฟ็น แปนเฟ็นก็เป็นแฟนน่ะสิ วู้”
ป๋องกระโดดดีใจรอบๆปลายฝน จนคนรอบข้างเริ่มหันมามอง
โจกลับมามาเยี่ยมพ่อที่เรือนจำอีกครั้ง
“ซูซี่เขาบอกเขาดีใจที่แกมาเยี่ยม แต่เขายังละอายใจ ไม่กล้ามาพบแกอยู่ดี”
“เขาสบายดีใช่ไหมครับ” โจอดที่จะถามถึงไม่ได้
“นี่มันคุก ก็สบายเท่าที่จะสบายได้ในนี้น่ะนะ”
“ถ้าเขาต้องการความช่วยเหลืออะไร พ่อบอกผมเลยนะครับ”
“อือ พ่อได้ยินเรื่องของแกหมดแล้ว ดีใจด้วยนะ ในที่สุดแกก็ชนะ สิ่งที่แกเอาชนะได้เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ แกเก่งมากโจ”
“ผมมีคำถามหนึ่ง ที่คาใจผมมาตลอดชีวิตแต่ผมไม่กล้าถาม พ่อเคยคิดเหมือนคนอื่นไหมครับว่าผมเป็นตัวซวยทำให้พ่อติดคุก”
พ่อส่ายหน้า
“พ่อไม่เคยคิดแบบนั้นเลยแม้แต่วินาทีเดียว แม่แกก็ไม่เคยคิดแบบนั้น”
“ขอบคุณมากครับพ่อ”
โจไหว้พ่อ แล้วก็ยิ้มทั้งน้ำตา
กลางดึกสงัดลมก็พัดแรงจนผ้าม่านปลิว วนิษาที่นอนหลับอยู่คนเดียวในห้องพลันรู้สึกเหมือนมีคนอยู่ในห้องด้วย พลางค่อยๆ ลืมตาขึ้น พบเงาดำตะคุ่มๆของผู้ชายสามคน วนิษารีบลุกขึ้นมากำลังจะร้องแต่ก็เอะใจ เพ่งมองชายทั้งสาม
“คุณชายแจ้ ตั่วเฮีย คุณกริช”
“คนดี พวกเรามาลาเธอ ฉันขอให้เธอโชคดีและมีความสุขมากๆ”
“หว่าหวา ขอบคุณมากนะที่ดูแลปลายฝนเป็นอย่างดี ฉันดูเธอไม่ผิดจริงๆ”
“คุณวนิษา ไม่ต้องคิดมากเรื่องพวกเราอีก ที่พวกเราจากมาเพราะถึงเวลาของพวกเรา ไม่เกี่ยวกับคุณ เราสร้างบุญกันมาแค่นี้ จึงได้รู้จักกันแค่นี้ ลาก่อนครับ”
วนิษาสะดุ้งตื่น ในห้องไม่มีใคร หน้าต่างทุกบานยังปิดเรียบร้อยดี
“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ”
เช้าวันรุ่งขึ้น โจ วนิษา รวมถึง อ. เม้ง ก็ร่วมกันถวายสังฆทาน หลังเสร็จพิธีแล้ว ทั้งสามคน ก็มานั่งคุย กับหลวงพ่อสีสุก มีคอปบร้าอยู่ข้างๆ
“คอปบร้า อยู่กับหลวงพ่อแล้วเป็นไงมั่ง”
คอปบร้ายิ้มให้โจ “สงบขึ้นเยอะ มีศีล มีสมาธิ ก็เริ่มมีปัญญาขึ้นมาบ้าง”
“แล้วเธอล่ะ โจ คำถามที่เธอชอบถามฉัน ตอนนี้ได้คำตอบหรือยัง”
หลวงพ่อสีสุกหันมาถามโจ
“ได้แล้วครับ อย่างที่หลวงพ่อว่า บางอย่างต้องเข้าใจด้วยตัวเองครับ แต่มีคนนึงเขายังไม่เข้าใจ เขาถามผม ผมก็ตอบไม่ได้ ก็เลยอาสาพามาหาหลวงพ่อ”
“ใครล่ะ คนที่ว่าน่ะ”
อ. เม้งยิ้ม พลางแนะนำตัวเอง “ผมเองครับหลวงพ่อ ผมชื่อเม้งครับ”
อ. เม้ง เข้ามานั่งคุยกับหลวงพ่อสีสุกในอุโบสถ
“ผมสงสัยจริงๆครับหลวงพ่อว่าทำไมภาคย์ถึงตาย คนที่ตายน่าจะเป็นโจมากกว่า เพราะภาคย์เขามีดวงปรมะเป็นดวงประจำตัวเขา”
หลวงพ่อไม่ตอบ แต่กลับย้อนถาม “ไอ้เรื่องดวงเนี่ย ดวงมันคืออะไรเหรอ”
“ดวงคือวิถีชีวิตของคนที่ถูกกำหนดไว้แล้วตั้งแต่เกิด ด้วยดวงดาวบนท้องฟ้า ณ เวลาที่เราตกฟาก ดาวจะส่งผลต่อชีวิตของคน แตกต่างกันไปตามองศาของดาวแต่ละดวงครับ อย่างโจ เกิดในฤกษ์ตัวซวย เขาก็นำความโชคร้ายไปให้คนที่อุปการะเขาตั้งแต่เล็กจนโต อย่างคุณวนิษา เกิดในฤกษ์กินผัว เขาก็ทำให้สามีของเขาตายตกตามกัน”
หลวงพ่อยิ้มอย่างเยือกเย็น
“แต่สุดท้ายคุณหญิงจุ๋มนายจ้างของโจก็ไม่ตายนี่นา ส่วนเรื่องวนิษา ฉันยิ่งงง ตำราของเธอนับเป็นผัวเมียกันตอนไหน จดทะเบียนสมรสหรือจัดพิธีหรือไง ในเมื่อเขายังไม่ร่วมหอลงโรงกัน”
อ. เม้งนิ่งคิด พลางก็เริ่มเห็นจริงตามหลวงพ่อ
“ครูของฉันสอนว่าทุกอย่างเกิดแต่เหตุ ที่พ่อของโจโดนจับก็เพราะเขาทำผิดกฎหมาย ต่อให้โจไม่เกิดมา แต่ถ้าตำรวจหาหลักฐานได้ พ่อเขาก็ต้องถูกจับอยู่ดี พ่อของคอปบร้า วิ่งเข้าไปในบ้านทั้งที่รู้ว่าไฟไหม้ อันนี้เรียกว่าขาดสติ ประมาท เสี่ยเพ้งชูมีดเหล็กกล้าขึ้นฟ้าทั้งๆ ที่ฝนฟ้าคะนอง จึงโดนฟ้าผ่า อันนี้เรียกว่าการเหนี่ยวนำไฟฟ้า เรื่องภาคย์ ปากกายาพิษนั้นเขาเอามาเอง ตั้งใจจะฆ่าโจ สุดท้ายปากกายาพิษก็ถูกกระแสลมพัดมาฆ่าเขา อันนี้ถึงจะแปลกแต่ก็เป็นไปได้ และทั้งหมดทั้งมวลนี้ครูของฉันสอนว่า กัมมุนา วัตตติ โลโก สัตว์โลกทั้งหลายต้องเป็นไปตามกรรม”
อ. เม้งอดสงสัยไม่ได้
“ว่าแต่ใครเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงพ่อเหรอครับ”
“นั่งอยู่ข้างหลังฉันไง”
อ. เม้งมองไปไม่เห็นใคร แต่มองเลยไปอีก จึงเห็นพระประธานองค์ใหญ่ ที่ดูสงบ และน่าศรัทธา
โจกับวนิษาในชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวยืนดูวิวกันอยู่บนดาดฟ้าของตึกสูง ดวงดาวบนท้องฟ้า พร่างพราย ระยิบระยับ งดงามจับตา
“หรือว่าจริงๆแล้วอาจารย์เม้งไม่แม่น ดวงเราสองคนอาจเป็นดวงที่เป็นเนื้อคู่กันแต่แรกก็ได้นะคะ”
โจยิ้มให้วนิษา
“ผมไม่รู้ครับ แต่ที่คุณพูดเรื่องแม่นไม่แม่น ทำให้ผมนึกถึงคนๆหนึ่ง”
“ใครคะ”
“คุณยายคุณ ท่านเป็นคนแรกที่พูดเป็นนัยว่าผมจะได้แต่งงานกับคุณ”
วนิษาตาโต “จริงเหรอ ท่านว่ายังไงคะ”
“ตอนที่คุณจะบวช ท่านขอให้ผมหาวิธีล้มพิธีบวชของคุณ แล้วท่านก็ให้ค่าจ้างเป็นของอย่างนึง”
พูดพลาง โจก็หยิบกล่องกำมะหยี่ออกมาเปิดออก วนิษายิ้มมีความสุข โจบรรจงสวมแหวนให้วนิษา แล้วจูบเบาๆ ที่หน้าผาก
“ดวงดาวทั้งหลายจงเป็นพยาน ผมจะรักและดูแลผู้หญิงคนนี้ตลอดไป”
“ดวงดาวทั้งหลายเป็นพยาน ฉันก็จะรักและดูแลผู้ชายคนนี้ตลอดไปเช่นกัน”
จากนั้นทั้งคู่ก็สบตากัน และตระกองกอดกันอย่างแนบแน่น
เช้าวันรุ่งขึ้น วนิษาตื่นขึ้นมาบนเตียงนอน พลางปรายตามองโจ ที่นอนหลับอยู่ข้างๆ ด้วยสายตาแห่งความรัก แต่แล้วก็อดใจไม่ได้ เลยแกล้งบีบจมูกเล่น แต่โจไม่ขยับเขยื้อนเลย วนิษาเอะใจ ตบแก้มโจเบาๆ
“โจ โจ”
แต่โจยังนิ่ง จนวนิษาเริ่มใจเสีย ตกใจเขย่าตัวโจ พลางเรียกเสียงดังขึ้น
“โจ โจตื่นสิ หรือว่าดวงกินผัว มันจะออกฤทธิ์เมื่อเราเป็นผัวเมียกันจริงๆ โจ ไม่นะ โจ”
ทันใดนั้น โจก็ลืมตาขึ้น
“โจ คุณเป็นอะไรรึเปล่า ฉันตกใจหมดเลย นึกว่าคุณตายเพราะดวงกินผัวของฉันซะอีก”
โจหัวเราะ “สงสัยคงจะเหนื่อยไปหน่อย คุณคงไม่รู้หรอก เมื่อคืนผมเกือบตายในหน้าที่แล้วจะบอกให้”
“บ้า”
วนิษาทุบเปรี้ยงเข้าให้ โจตลบผ้าห่มคลุมร่างทั้งสอง เห็นผ้าห่มเคลื่อนไหวไปมา พร้อมกับเสียงหัวเราะ ที่ดังเล็ดลอดออกมา
******อวสาน******
อ่านละคร รักออกฤทธิ์ ตอนอวสาน(จบ) วันที่ 5 มิ.ย. 57
ละครรักออกฤทธิ์ บทประพันธ์ : นิตินันท์, วรรณพร, นิพลละครรักออกฤทธิ์ บทโทรทัศน์ : สมภพผูกพันน้อย
ละครรักออกฤทธิ์ กำกับการแสดง : คิง-สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ดำเนินงานโดย : สมจริง ศรีสุภาพ
ละครรักออกฤทธิ์ ผลิต : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด
ละครรักออกฤทธิ์ ออกอากาศทุกวันศุกร์ เวลา 20.25 น. และวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 20.15 น.
ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ