@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนอวสาน[1] วันที่ 11 มิ.ย. 57

อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนอวสาน[1] วันที่ 11 มิ.ย. 57

“สวัสดีครับ ทราบว่าคุณประกายเดือนเป็นอีกคนหนึ่งที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับคุณปาริฉัตร” ตำรวจพูด
ประกายเดือนรับคำ “อ๋อ..ค่ะ”
กนกรัตน์สะดุ้ง

“ทางเราอยากขอทราบข้อมูลเพิ่มเติม เผื่อจะเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีที่ยังหาข้อสรุปไม่ได้น่ะครับ”
ประกายเดือนมองอึ้งๆ
แต่กนกรัตน์อึ้งยิ่งกว่า


นารถนรินทร์โผมากอดปานตะวันแน่น
“ไม่นะคะ นารถไม่ยอม นารถไม่ยอมให้พี่ตะวันของนารถไปไหนทั้งนั้น..นารถรักพี่ตะวัน”
“พี่ก็รักน้องนารถค่ะ” ปานตะวันบอก

“รักแล้วจะไปทำไมล่ะคะ พี่ตะวันต้องอยู่กับนารถสิคะ”
ปานตะวันฝืนยิ้ม “น้องนารถมีคุณวิทย์อยู่ทั้งคน”
“แล้วพี่คินละคะ..พี่คินไม่มีใครซักคน”
ปานตะวันเงียบไป
นารถนรินทร์พูดต่อ “ไม่อยู่เพื่อนารถ ก็อยู่เพื่อพี่คินสิคะ พี่คินรักพี่ตะวัน และพี่ตะวันก็รักพี่คิน”
“น้องนารถคะ..”
“พี่ตะวันอาจจะงอนพี่คินเรื่องยัยเคทค๊อกแค๊กนั่น โอเค.นารถจะคุยเรื่องนี้กับพี่คินเอง”
“พี่ขอร้องล่ะค่ะน้องนารถ พี่ตัดสินใจแล้ว” ปานตะวันฝืนยิ้ม “เป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดแล้วล่ะค่ะ”
“พี่ตะวัน...”
ปานตะวันตัดสินใจแล้วจริงๆ

กนกรัตน์ยืนจ้องตาเขียวอยู่อยู่หน้าโกฏิของกนกวลี
กนกรัตน์พูดด้วยความแค้น “เธอตายไปแล้วกนกวลี!”
ภาพ ‘กนกวลี’ ติดอยู่บริเวณโกฏิ
กนกรัตน์ปรี๊ดแตก “ตายไปแล้ว แล้วทำไมไม่ไปให้พ้นๆ” กนกรัตน์ตวาดลั่น “ยังจะมาวนเวียนอยู่ได้ในความทรงจำของพี่คินทำไม” กนกรัตน์หยิบดอกไม้แห้งหน้าโกฏิมาฉีก ตี ฟาด แล้วขว้างใส่รูป “ทำไมๆๆ ทำไม๊?”
กนกรัตน์เหนื่อยหอบด้วยความโกรธ

มอลลี่เกาะประตูห้องประชุมแบบตะกาย
จามจุรีเข้ามาตีเพียะ “ยัยจิ้งจก!!”
“ว้าย!! มอลลี่ค่ะ ไม่จิ้งจก!!”
“ไม่ใช่จิ้งจกก็ตุ๊กแก!! แหม..จะตะกายเกาะฝาหาอะไรมิทราบ?” จามจุรีถาม
“หืมม์..ก็หาคุณผู้กองรูปหล่ออ่ะสิคะ ตำรวจอะไรล้อหล่อ อยากเป็นผู้ร้ายอ่ะ อยากโดนตำรวจจับ เผื่อชาตินี้จะมีวาสนาได้เป็น “คุณนายผู้กอง” คริๆ” มอลลี่ว่า
“ต๊าย!! เป็นผู้หญิงยิงเรือ ไม่รู้จักสำรวม” จามจุรีว่า
“ใครจะสำรวมซะโหนคานจนแก่อย่างคุณเจเจล่ะคะ” มอลลี่บอก
“ว่าอะไรนะ?”
“อ๋อ..ตะกี้เจ๊มอลเค้าว่า..” ลูกกอล์ฟพูด
มอลลี่แว๊ดสวนทันที “ไม่ต้องเลยไอ้ลูกกอล์ฟ” มอลลี่ชะเง้อ “แหม.. หายกันไปตั้งนาน เค้าขอข้อมูลอะไรกันอ่ะ มอลลี่อยากให้ข้อมูลมั่งจัง มอลลี่ก็ทำงานใกล้ชิดคุณเลขาฯ ฉัตรเหมือนกันนะ”
“อ๋อ..หรา?!! ระวังเถอะ คืนนี้คุณเลขาฯฉัตรจะไปหา” ลูกกอล์ฟว่า
มอลลี่ตีลูกกอล์ฟรัวๆ “อร้าย!! ไอ้บ้า!! ปากๆๆ”
ทั้งสองนัวเนียกัน
จามจุรีสนใจแต่ในห้อง “เฮ้อ! คุยอะไรกันนานจัง?”

ผู้กองที่อยู่ในห้องประชุมพูด
“ขอบคุณมากนะครับ ข้อมูลที่คุณประกายเดือนให้กับเรามีประโยชน์ต่อรูปคดีมาก”
ประกายเดือนรับคำ “ค่ะ”
“สุดท้ายนะครับ” ผู้กองหยิบซองพลาสติกใส่เสื้อสีขาวของปาริฉัตรขึ้นมา “นี่เป็นเสื้อที่ผู้ตายใส่ในวันเกิดเหตุ”
ประกายเดือนมองอย่างสลดๆ
“เราพบว่านอกจากคราบเลือดแล้วยังมีร่องรอยเปื้อนเครื่องสำอาง ทั้งรอยแป้งและลิปสติก”
ประกายเดือนอึ้ง ผู้กองหยิบเสื้อออกมา
“คุณประกายเดือนพอจะนึกออกมั้ยครับว่าเคยเห็นใครใช้ลิปสติกสีนี้บ้าง?”
ผู้กองค่อยๆ ยื่นเสื้อที่เลอะรอยลิปสติกให้ประกายเดือนดู ประกายเดือนจ้องสักพักแล้วก็อึ้ง
ภาพปาริฉัตรทาปากสีแดงที่ในห้องน้ำแวบเข้ามา
ประกายเดือนโพล่ง “นึกออกค่ะ !! คุณฉัตรค่ะ..ฉันเคยเห็นคุณฉัตรใช้ลิปสติกสีนี้”
ผู้กองคิด “เหรอครับ แต่ที่น่าสนใจก็คือสีของลิปสติกที่เปื้อนเสื้อผู้ตายนั้น เป็นคนละสีกันกับที่ผู้ตายใช้ในวันเกิดเหตุน่ะสิครับ”
ประกายเดือนอึ้ง
“เป็นไปได้มั้ยครับว่านอกจากคุณปาริฉัตรแล้ว คุณประกายเดือนจะเคยเห็นใครที่ใช้ลิปสติกสีแดงแบบนี้อีกบ้าง”
ประกายเดือนอึ้ง เธอนึกแล้วก็ตาโต
ภาพกนกรัตน์ที่ทาลิปสติกสีแดงในห้องน้ำแวบขึ้นมา
ประกายเดือนตกใจมาก
ประกายเดือนพึมพำ “ใช่..ใช่แล้ว!!ใช่จริงๆ ด้วย!”

กนกรัตน์ที่ทาปากแดง ใส่แว่นดำ เดินลากกระเป๋าเดินทางออกมามองซ้ายขวาอย่างระแวดระวังเป็นระยะๆ

ปานตะวันกราบทวยเทพกับสาวิตรีที่นั่งหน้าเศร้า
“ไม่ไปไม่ได้หรอจ๊ะ?? แม่อยากให้หนูอยู่ด้วยกันที่นี่ อยู่เป็นลูกสาวแม่อีกคน” สาวิตรีบอก
“ตะวันซาบซึ้งในความรักและความเมตตาที่คุณแม่ คุณพ่อและทุกๆ ท่านที่มีให้ตะวันค่ะ แต่...”
นารถนรินทร์สะอื้น “พี่ตะวันใจร้าย”
วิทย์โอบกอดนารถนรินทร์เพื่อปลอบใจ
“ถึงจะไม่ต้องดูแลยัยนารถแล้ว แต่ที่ KTK ของเราก็มีอะไรให้ทำเยอะนะ หนูตัดสินใจอยากทำงานด้านไหนล่ะ?” ทวยเทพถาม
ปานตะวันยิ้มน้อยๆ “ตะวันตั้งใจจะกลับไปอยู่เชียงใหม่น่ะค่ะ ต่อไป..ก็อาจจะไปช่วยงานพิ้งค์ที่คลีนิคก็ได้ ยังไงคงต้องรอดูอีกที ตะวันขอบคุณคุณพ่อมากนะคะ”
ทุกคนรู้ว่ารั้งปานตะวันไม่อยู่แล้ว
“เปิดคลีนิคเลยค่ะคุณหมออัคจะได้ชวนให้คุณตะวันช่วยงานที่คลีนิค” ใบตองเสนอ
สาวิตรีทำตาโต “จริงด้วยสิ!! แหม..ฉันรักเธอจริงๆ ใบตอง” สาวิตรีพูดกับอัครินทร์ “เอานะลูกหมอ เปิดคลีนิค เลยจ้ะ..แม่เห็นด้วย”
“โห..” อัครินทร์มองปานตะวันอย่างเข้าใจ “ให้คุณตะวันเค้าได้ทำตามที่ตั้งใจดีกว่าครับ”
ปานตะวันยิ้มขอบคุณอัครินทร์
อัครินทร์พูดต่อ “ว่าแต่..แน่ใจเหรอครับว่าจะไม่รอพี่คินกลับมาก่อน?? เค้าไม่รู้นะครับว่าคุณจะไปคืนนี้เลย”
ปานตะวันอึ้ง
ทุกคนรอฟังคำตอบจากปานตะวัน
ปานตะวันถอนใจ กระเป๋าเดินทางของตะวันที่ตั้งอยู่อีกมุม มีทั้งกระเป๋าสะพาย และมือถือวางอยู่ด้วยกัน ทันใดนั้นก็มีสายเข้ามือถือของประกายเดือนแต่เธอเปิดเป็นระบบสั่นแถมยัง Low battery อีกด้วย
นาคินทร์นั่งเศร้าอยู่ ทันใดนั้นมือถือก็ดังโดยหน้าจอขึ้นชื่อ ‘กนกรัตน์’ นาคินทร์ตัดสินใจรับ
“ครับ?”
กนกรัตน์พูด
“เคทอยู่สนามบินแล้วนะคะ”
นาคินทร์อึ้ง
“ตกลงพี่คินตัดสินใจยังไงคะ?”
“พี่..”
กนกรัตน์รอฟัง
ประกายเดือนพยายามโทร.หานาคินทร์
“โอ้ย!! คุยกับใครอยู่ท่านประธาน?” ประกายเดือนวางสาย “เฮ้ย!! ตะวันก็ไม่รับโทรศัพท์ แย่แล้ว”
นาคินทร์ยังนิ่ง
กนกรัตน์พูด “แล้วพี่คินจะต้องเสียใจ”
นาคินทร์หนักใจจึงถอนหายใจเฮือก กนกรัตน์ทำหน้าน่ากลัว

อัครินทร์ขับรถแล่นไปบนถนน
อัครินทร์พูดกับปานตะวัน “ถึงผมจะไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของคุณ แต่ก็ต้องขอยอมรับว่าคุณเป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยวมาก มากว่าพี่ชายผมที่ยังจมอยู่กับความแค้น” อัครินทร์ส่ายหน้า “พี่คินนะพี่คิน”
“ฉันอโหสิทุกอย่างให้กับเค้าค่ะ เราจบสิ้นกันแล้ว จากนี้..ฉันจะได้เริ่มชีวิตใหม่ซะที” ปานตะวันบอก
“ที่เลื่อนเดินทางจากพรุ่งนี้เป็นคืนนี้ เพราะไม่อยากเจอพี่คินใช่มั้ยครับ”
ปานตะวันนิ่ง
อัครินทร์พูดต่อ “กลัวเจอแล้วจะใจอ่อน?”
ปานตะวันหลบตาไป
“สรุป..ผมว่าคุณ 2 คนพอกัน...ปากแข็งทั้งคู่ ทำไมครับ..ในเมื่อต่างคนต่างรักกันแล้ว ทำไมต้องทำร้ายหัวใจตัวเองกันแบบนี้” อัครินทร์นึกถึงตัวเอง “ถ้ารักเค้าแล้วเค้าไม่รักเราก็ว่าไปอย่าง สมควรเจ็บ”
ปานตะวันหันไปมองอัครินทร์

อ่านละคร เสน่หาสัญญาแค้น ตอนอวสาน[1] วันที่ 11 มิ.ย. 57

ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น บทประพันธ์โดย Shayna
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น กำกับการแสดงโดย กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น ผลิตโดย บริษัท โพลีพลัส เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด
ละครเรื่อง เสน่หาสัญญาแค้น โดยผู้จัด อรพรรณ (พานทอง)วัชรพล
ละครเรื่อง เสน่หา สัญญาแค้น ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 ทางไทยทีวีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ