ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 1 วันที่ 8 เม.ย. 57
ก๊วนคานทอง อันมีสามสาวทั้งแสบทั้งแซ่บ เกาะกลุ่มกันตั้งแต่เรียนมัธยมจนเข้ามหาวิทยาลัยเดียวกันแต่แยกกันเรียนตามความถนัดและชอบ ทั้งสามสาวอยู่ในวัย 30-35นางสาวเมธาวลัย ว่องยานยนต์ หรือเมเปิ้ล หนึ่งในก๊วน เป็น บก.บห.แมกกาซีนแฟชั่นหัวนอก สุดเปรี้ยวมั่นใจตัวเองเกินร้อย ชีวิตนี้ไม่มีผู้ชายก็อยู่ได้!
และนางสาวณัฏฐาลินี มงคลควร ทนายความสาวพราวเสน่ห์ร่าเริงดุจดอกไม้บาน แต่ฝีปากคมดุจมีดโกน มีปมเขื่องเรื่องผู้ชาย
ส่วนอีกหนึ่งสาวคือ ภัทรวลัย หรือวลัย เพื่อนสนิทอีกคนในก๊วน ปากร้ายใจดี รักเพื่อน และคอยเตือนสติเพื่อนเสมอ
วันนี้ เป็นวันแต่งงานของวลัยกับเปรม หรือเป้ เทรนเนอร์หนุ่มหล่อของฟิตเนสชื่อดัง
วลัยอยู่ในห้องแต่งตัวโรงแรมที่จัดงาน เธอหงุดหงิดจนแผดเสียงลั่น “ฉันจะฆ่ามัน!!” เมื่อบรรดาเพื่อนๆที่เธอนัดให้มาเป็นเพื่อนเจ้าสาว ยังไม่มีใครมา จนเป้ต้องปลอบประโลมและอาสาเช็กให้ กล่อมให้เธอแต่งตัวเสียเดี๋ยวจะไม่ทัน
เป้ยังไม่ทันหยิบมือถือ วลัยก็ถามแล้วว่าโทร.ติดหรือยัง เป้บอกว่ายังไม่ได้กด ก็ถูกบ่น
“หนูไม่ชอบคนชักช้านะคะ”
“ไม่ช้า เร็วมาก ไม่เชื่อดู” ว่าแล้วเป้ก็กดมือถือ อย่างเร็ว ชูอวด “นี่ไง กดรัวๆ เร็วไหม”
ooooooo
ที่ห้องทำงานของเมเปิ้ลบนอาคารหรู สูง กลางกรุง มือขาวสะอาดผิวเนียนนิ้วเรียวของผู้ชายเคาะประตูเบาๆสามครั้ง
เมเปิ้ลกำลังคุยโทรศัพท์กับเป้บอกว่ากำลังจะออกไปเพราะเพิ่งประชุมเสร็จ จะไปแต่งตัวที่โน่นเลย หยอกว่าถ้าไม่ทันก็จะไปรองานแต่งคราวหน้าแล้วกัน แล้วรีบขอตัดสายเพราะบอสโทร.เข้ามา พอดีได้ยินเสียงเคาะประตูจึงหยุดสั่งให้เข้ามาได้แล้วจึงคุยต่อกับบอส
กฤษฎาหนุ่มหล่อหน้าใสสะอาดในวัยเกือบ 30 แต่งตัวเป็นหนุ่มออฟฟิศมีสไตล์ ถือถ้วยกาแฟเข้ามา
“กาแฟครับ” กฤษเอ่ยเสียงนุ่ม สุภาพเมเปิ้ลมัวแต่คุยโทรศัพท์ไม่ได้หันมองแต่ชี้นิ้วให้วางไว้บนโต๊ะ กฤษวางถ้วยกาแฟแล้วยืนรอรับคำสั่งอยู่ตรงนั้น เขามองเมเปิ้ลอย่างชื่นชมที่เธอเก่ง คล่อง สวยเท่ไปหมดในทุกลีลาการเคลื่อนไหว
เมเปิ้ลรับคำสั่งจากบอสว่าเดือนหน้าให้เพิ่มยอดขายให้ได้อีกห้าสิบเปอร์เซ็นต์ก็ทำหน้าสยองแต่ก็รับคำประสาสาวมั่น จะหยิบถ้วยกาแฟแต่เอื้อมไม่ถึงจึงชี้นิ้วให้กฤษเลื่อนเข้าใกล้โดยไม่มอง
พอคุยเสร็จ เมเปิ้ลเอื้อมมือมาหยิบถ้วยกาแฟแต่พลาด ปัดแก้วล้ม กาแฟหกไหลนองเลอะไปทั้งโต๊ะ เมเปิ้ลร้องตกใจแต่ไม่ทำอะไร กฤษรีบดึงทิชชูซับกาแฟบนโต๊ะ พลันก็ถูกด่า
“วางแก้วยังไงหา!! เห็นไหมว่ามันหกเลอะโต๊ะ เลอะหนังสือ เลอะ...” พลางหยิบของหนีกาแฟที่ไหลนอง บังเอิญใจตรงกันหยิบของชิ้นเดียวกับกฤษ มือเลยจับกันเอง เมเปิ้ลกับกฤษมองหน้าสบตากันปิ๊ง! ต่างนิ่งงันเหมือนไฟสปาร์ก
เมเปิ้ลใจเต้นแรง ยิ่งเห็นรอยยิ้มของกฤษก็ยิ่งหัวใจพองโตเต้นตึ้กตั้ก แต่พริบตาเดียวเธอก็ปรับสีหน้าเป็นปกติ กระชากมือกลับเหวี่ยงใส่ทันที
“เธอเป็นใคร ฉันไม่เคยเห็นหน้า เข้ามาได้ยังไง!!” ถามรัวเป็นชุด กฤษไม่ทันตอบเธอก็ตะโกน “หยาดทิพย์ อยู่ไหน ตาม รปภ.เดี๋ยวนี้”
“เฮ้ย!!!” กฤษตกใจ
พอหยาดทิพย์กับพนักงานทยอยกันเข้ามา เมเปิ้ลสั่งให้อธิบายเรื่องกฤษ หยาดทิพย์อึกอักก็ถูกแว้ด “อนุญาตให้พูดต่อหน้าก็พูด ไม่ใช่ไปพูดเป็นต่อยหอยลับหลัง” พนักงานแต่ละคนหลบตากันวูบ กฤษจึงแนะนำตัวเอง แต่บอกได้แค่ชื่อก็ถูกเบรกว่า ไม่ได้อนุญาตให้พูด หยาด-ทิพย์เหงื่อแตกพลั่ก บอกว่ากฤษเป็นเพื่อนตนมาฝึกงาน
“ใครอนุมัติ!!” เมเปิ้ลจ้องจับผิดเต็มที่ แต่พออิ๋วบอกว่าเธอเป็นคนพูดเองว่าให้หาคนมาช่วยงานเลขา พลันอิ๋วก็หุบปากแทบไม่ทันเมื่อเมเปิ้ลชี้ให้ชาโนพูดต่อ
“เพราะคุณเลขางานท่วมหัว แค่นี้ครับ”
เมเปิ้ลสั่งหยาดทิพย์ที่เป็นเลขาให้กฤษไปทำงานอย่างอื่น ตนไม่ชอบคนแปลกหน้าเข้านอกออกในห้องทำงาน กฤษบอกว่าเข้าๆ ออกๆ เดี๋ยวก็ชิน ถูกเมเปิ้ลตาเขียวใส่ แล้วหันไปถามหยาดทิพย์
“หยาดทิพย์ ไม่ได้บอกกฎเหล็กให้เด็กมันฟังก่อนเริ่มงานหรือไง” กฤษแย้งว่าตนไม่เด็กแล้ว หยาดทิพย์ ปรามว่า
“กฤษ! เตือนแล้วทำไมไม่จำ IT’S A Must! ควรจำ ห้ามพลาด! ถ้าใครไม่ได้รับอนุญาต ห้ามพูด”
“เผด็จการนะ” กฤษพูด ทำเอาทุกคนมองสยอง เมเปิ้ลสั่งไล่เขาออกทันที แล้วเดินเข้าห้องปิดประตูปัง จนทุกคนสะดุ้ง เขาถาม “ผมผิดเหรอ” ทุกคนตอบพร้อมกันว่า ผิดมาก!! ส่วนหยาดทิพย์ถึงกับเป็นลมไปเลย
แต่พอเมเปิ้ลออกมาอีกทีก็ถามอย่างหงุดหงิดว่าแล้วใครจะขับรถให้ตน เพราะตนต้องแต่งหน้าในรถ หยาดทิพย์เกิดอาการคลื่นไส้วิ่งไปห้องน้ำ จึงเหลือกฤษยืนยิ้มอยู่คนเดียว เมเปิ้ลหางตาใส่เหมือนมองตัวน่ารังเกียจ
ooooooo
น้ำผึ้งอยู่ที่กองถ่ายละคร เธอกำลังวีนใส่เล็กธุรกิจที่นัดสิบโมงแต่มาแล้วต้องรอเมอร์ดี้นักแสดงวัยรุ่นที่กำลังพุ่งแรงแข่งกับเธอ น้ำผึ้งถามประชดว่าบ้านนางอยู่ไหน เชียงใหม่หรือดาวอังคาร
เล็กพยายามแก้สถานการณ์ว่า น้องมีงานอีเวนต์ งานเลิกช้าเลยมาช้า
“อีกแล้ว! นี่ครั้งที่สามสี่ห้าหกแล้วนะ ที่รับงานอีเวนต์แล้วให้กองละครรอ”
“ใจเย็นๆ นะคะป้า เหวี่ยงปุ๊บแก่ปั๊บ อุ๊ยๆ หางตา เพิ่มขึ้นมาสองริ้ว” โตโต้เกย์ผู้จัดการส่วนตัวของน้ำผึ้งเตือน แต่น้ำผึ้งไม่หวั่นเอานิ้วยกหางตาแล้วเหวี่ยงต่อ “อีกครึ่งชั่วโมงฉันก็ต้องไป ถามหน่อย ถ้านางมาถึงจะถ่ายกันทันไหม พูดเลยว่าไม่มีทาง ต่อให้เทพๆ ก็ไม่ทัน!”
เล็กบอกว่ายังไงก็ต้องทันเพราะวันนี้ต้องปิดโลที่นี่ ขอเวลาอีกนิดเดียว ถูกน้ำผึ้งถามว่าแคร์ยัยเด็กนั่น แล้วมาเบียดเบียนคิวตนแทน มันยุติธรรมหรือ! พอดีโตโต้บอกว่าเป้โทร.มา น้ำผึ้งยื่นคำขาดว่า ตนให้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น เพราะถือว่าแจ้งคิวล่วงหน้าเป็นเดือน และคราวนี้จะไม่ทน!!
ประกาศแล้วน้ำผึ้งเดินหน้าบอกบุญไม่รับออกไป
ooooooo
ที่หน้าสถานีตำรวจ ณัฏฐาลินี ทนายความอาสาของมูลนิธิ ฟ้าหลังฝน มูลนิธิที่ทำงานช่วยเหลือสตรีที่เป็นเหยื่อความรุนแรงในรูปแบบต่างๆ กำลังเดินเข้าสถานีตำรวจกับกุ๊งกิ๊งเพื่อนร่วมงานและเด็กสาวที่เป็นเหยื่อ
ลินีคุยกับวลัยที่โทร.มาแช่งว่าถ้ามางานตนไม่ทันขอให้อยู่บนคานยันแก่ตายว่า
“แคร์ที่ไหนล่ะ” ลินีฉุนจนเสียงดัง “ตายบนคานเพราะโสด ดีกว่าแต่งแล้วเพิ่งรู้ว่าผัวทั้งชั่วทั้งโฉด! ฉันพาเด็กมาตามคดีทำร้ายร่างกาย เสร็จแล้วจะรีบไป แล้วเจอกัน!”
พอวางสายจากวลัย ลินีเห็นทุกคนที่มองตนเป็นตาเดียว ถามเสียงเขียวว่าตนพูดผิดตรงไหน ใครมีหน้าที่อะไรก็ไปทำ ด่าว่าชอบยุ่งเรื่องคนอื่น ทีเรื่องที่ควรยุ่งแล้วไม่ยุ่ง กุ๊งกิ๊งบอกว่าไม่ได้อยากยุ่ง แต่เพราะเธอพูดเสียงดังให้พวกเขาได้ยินเอง
“เหรอ...ช่างสิ พี่พูดความจริงที่ไม่เคยตาย”
“แน่ใจเหรอ ว่าบรรทัดฐานของคุณที่มีต่อความจริง มันถูกต้องแล้ว” เสียงวายุบุตร หรือวายุ หนุ่มใหญ่มาดเซอร์เท่เจ้าของธุรกิจสถานบันเทิงหรูกลางกรุงคู่กรณีถามขึ้น ลินีตอบอย่างมั่นใจมากว่า
“ฉันไม่เคยมั่นใจอะไรเท่านี้มาก่อนเลยด้วยซ้ำ ว่าความจริงที่คุณซ่อนไว้เบื้องหลังคือเอเย่นต์หลอกเด็กสาวไปค้ากาม!”
วายุย้อนว่าแค่คำพูดของคนไม่กี่คนก็เชื่อแล้วว่าตนทำงานสกปรก ลินีโต้ว่าถ้าไม่อยากให้ตนหรือใครๆ เชื่อก็ไปแก้ตัวเอาเองที่ศาล ดักคอว่า
“ขอให้การมารับทราบข้อกล่าวหาวันนี้ เป็นไปอย่างราบรื่นนะคะ คุณวายุบุตร ขอตัว!” ลินี กุ๊งกิ๊งและเด็กสาวเดินแยกไป สิริมาที่เป็นหุ้นส่วนและผู้ช่วยผู้บริหารสถานบันเทิงของเขาถามว่า
“ทำไมเขาถึงได้เกลียดคุณนัก รู้จักกันหรือโกรธแค้นเป็นการส่วนตัวก็ไม่ใช่ แต่พยายามเหลือเกินที่จะฟ้องร้องเอาผิดคุณข้อหานี้ให้ได้”
“ไปเถอะ ทนายรออยู่” วายุตัดบท เดินนำไปอย่างไม่พอใจลินีที่สร้างความวุ่นวายให้กับชีวิตตน
ลินี กุ๊งกิ๊งและเด็กสาวคุยกับตำรวจอยู่มุมหนึ่งของสถานี ตำรวจขอบคุณและชื่นชมการทำงานของมูลนิธิ ที่ช่วยแบ่งเบาภาระของตำรวจได้มาก ชมว่าเธอเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ แท้ๆ แต่ทำงานหนักมาก
“เป็นหน้าที่ที่เราต้องช่วยเหลือผู้หญิงด้วยกันอย่างเต็มที่ค่ะ เมื่อเทียบกับการที่ผู้หญิงที่ตกเป็นเหยื่อความรุนแรงในสังคมที่เน้นวัตถุและการบริโภคอย่างไม่รู้จักพออีกไม่รู้กี่คนต่อกี่คน ถือว่าดิฉันทำน้อยไปด้วยซ้ำค่ะ”
ลินีเห็นวายุเดินออกจากห้องสืบสวนพร้อมกับสิริมาและทนายความ เธอนึกขึ้นได้ว่าต้องไปงานแต่งงานของวลัย จึงฝากกุ๊งกิ๊งดูแลงานต่อตนต้องรีบไปแล้ว ลินีไหว้ตำรวจแล้วลุกเดินไป
วายุเองก็รีบบอกสิริมาว่า
“คุยกับทนายต่อที ผมมีธุระ” แล้วบอกทนาย “สิริมาเป็นหุ้นส่วนและผู้ช่วยผม เธอรู้เหมือนที่ผมรู้ทุกเรื่อง” แล้วตามลินีไปห่างๆ สิริมามองตามอย่างแปลกใจ แต่ไม่ติดใจ หันคุยงานกับทนายความต่อ
ooooooo
น้ำผึ้งยืนจ้องนาฬิกาข้างฝาที่กองถ่าย พอเข็มนาฬิกามาถึงเลขสิบสองปุ๊บ เธอหันมองประตูปั๊บ เห็นเล็กวิ่งเข้ามาบอกว่าอีกห้านาทีเมอร์ดี้ก็มาถึงแล้ว
“เสียใจ ฉันให้เธอแค่ครึ่งชั่วโมง ไม่มีการต่อเวลา โตโต้ไปเตรียมรถฉันจะเปลี่ยนชุดกลับ” น้ำผึ้งกลับไปเปลี่ยนชุด โตโต้บอกธุรกิจว่า
“เข้าใจว่าเมอร์ดี้กำลังมาแรงแซงโค้ง แต่ป้าก็ตัวแม่ชั่วโมงบินสูง เป๊ะทั้งเรื่องวินัยและฝีมือ เพราะฉะนั้น อย่าเลือกที่จะดูดาวรุ่ง แต่ข้ามหัวอุกาบาตผีพุ่งใต้ที่เคยสร้างปรากฏการณ์มาแล้วอย่างป้าน้ำผึ้ง ปินัทธา จบการแถลงบันทึกช่วยจำ สวัสดีค่ะ” โตโต้พูดจบไหว้ชดช้อยแล้วรีบเดินออกไป
ทีมงานต่างพากันยืนอึ้ง แต่พอลับหลังโตโต้ก็เม้าท์กันมันว่าน้ำผึ้งนั้นไม่มีกองไหนเอาแล้ว เลยต้องทำตัวเรียกร้องความสนใจ ช่างผมสะกิดเตือนว่าเบาๆ
เม้าท์ดังเดี๋ยวนางได้ยินจะถูกเหวี่ยงอีก ธุรกิจบอกว่า
นางหูตึงไม่ได้ยินหรอก ช่างหน้าพูดชัดลงไปอีกว่า “ว่าป้าแก่เหรอ??”
น้ำผึ้งที่เปลี่ยนเสื้อผ้าอยู่ในห้องได้ยิน พอออกมาก็เขวี้ยงตุ้มหูใส่พวกขาเม้าท์ตวาดลั่น
“ฉันได้ยินนะ!!”
เป็นจังหวะที่พีศทรรษ หรือพี บอสใหญ่เนี้ยบ เท่ ดูดี เดินเข้ามากับเมอร์ดี้นักแสดงดาวรุ่งวัยใสพอดี พีถูกเหลี่ยมตุ้มหูเกี่ยวหน้าจนเลือดออกซิบๆ ทุกคนตกใจ โดยเฉพาะโตโต้ พีถามอย่างมีอำนาจว่า
“นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
เมื่อเข้าไปทำแผลในห้องแต่งตัว เมอร์ดี้บอกว่าโชคดีที่แค่เฉี่ยวๆ ไม่ได้ลึกมาก โตโต้เอากล่องปฐมพยาบาลมาให้น้ำผึ้ง แต่พอน้ำผึ้งเปิดกล่อง พีพูดขัดขึ้นทันทีว่า
“ไม่ต้อง เรื่องแผลเรื่องเล็ก ผมไม่ใส่ใจ แต่ผมอยากรู้ว่าทำไมคุณถึงได้กลายเป็นผีบ้าอาละวาดปาข้าวของใส่ผม”
“ฉันจะปาใส่อีพวกแมงเม้าท์ ปากอยู่ไม่สุข แต่คุณดันโผล่เข้ามาอยู่ในวิถีกระสุน ช่วยไม่ได้” น้ำผึ้งเชิดใส่ไม่แคร์ ถูกพีทวงคำขอโทษ ถามว่าถ้าจะขอโทษตนที่เป็นต้นสังกัดเธอมันจะผิดบาปมากนักรึไง โตโต้ออกหน้ารับแทนว่าไม่ได้ เสียเหลี่ยมนางเอกเก่า น้ำผึ้งแย้งทันทีว่า ตนยังเป็นนางเอกอยู่ อย่าใช้คำว่าเก่า
“ถ้ายังเหวี่ยงวีนไม่สนหน้าอินทร์หน้าพรหมแบบนี้ ใช้คำว่านางเอกเก่าได้เลย ไม่กี่วันหรอก” พีปราม
“จะไม่ให้วีนได้ไง นัดยัยเมอร์ดี้กี่โมง แล้วมากี่โมง เหตุผลของการมาสายคือ ไปงานอีเวนต์ คิดจะรับงานซ้อนก็ต้องรู้จักบริหารเวลา อย่าให้ใครต้องเสียหาย เธอได้เงิน แต่ฉันต้องเสียเพื่อน มันไม่แฟร์!”
“ผมถึงไปรับเมอร์ดี้ เพื่อคุยข้อตกงในการเซ็นสัญญาเป็นนักแสดงในสังกัดระหว่างเดินทางมานี่เพื่อจะได้มีคนบริหารเวลาให้อย่างเป็นมืออาชีพ”
เมอร์ดี้อ้อนฝากเนื้อฝากตัวกับป้าน้ำผึ้ง น้ำผึ้งปรี๊ดแตกทันทีแว้ดใส่ว่าไม่ต้องมานับญาติ ตนไม่ใช่ป้าเธอ แล้วหันไปด่าพีต่อ “คุณพีศทรรษ คุณนี่มันเห็นแก่ได้ หากินกับกระแสของแม่นี่ ทั้งๆ ที่มีแค่ความสวย แต่ด้อยความสามารถ!”
โตโต้ติงน้ำผึ้งให้ลดความแรงลงนิดหนึ่งเพราะพีศทรรษเป็นเจ้าของบริษัทที่เธอสังกัดอยู่ น้ำผึ้งขึ้นแว้ดใส่
“ตอนนี้เลือดขึ้นหน้า ฉันไม่สน ใครจะถ่ายก็ถ่ายไปฉันไม่ถ่าย แล้วก็บอกเลย ฉันลาออกจากละครเรื่องนี้” พูดแล้ววิ่งออกไปเลย ทำเอาทุกคนตะลึงพรึงเพริด พีเอง ก็ร้อนใจ คิดหนักว่าจะเอาไงดี???
พีตามน้ำผึ้งไปที่ลานจอดรถ บอกน้ำผึ้งว่าเรามีเรื่องต้องเคลียร์กัน ถ้าไม่ฟัง ก็ปิดฉากชีวิตในวงการบันเทิงได้เลย! น้ำผึ้งอึ้งมองพีตกใจในความจริงจังของเขา
ส่วนเมเปิ้ลหอบหิ้วของพะรุงพะรังมาที่ลานจอดรถ แล้วค้นหากุญแจไม่เจอ กฤษโผล่หน้าจากในรถบอกว่า
“กุญแจรถคุณอยู่ที่หยาดทิพย์ครับ เชิญครับ”
เมเปิ้ลเหล่ใส่กฤษอย่างไม่พอใจ แต่ก็ต้องยอมให้เขาขับรถให้ฝ่ายลินี พอมาถึงรถกลับสตาร์ตไม่ติด เธอเปิดฝากระโปรงค้างไว้ดูไปบ่นไป ว่าทำไมต้องมาเสียตอนนี้ ซวยจริงๆ
วายุขับรถหรูมาจอดเทียบเปิดกระจกบอกว่าจะไปส่ง ลินีปฏิเสธบอกว่าตนจะไปแท็กซี่ แต่เจ้ากรรม! เป็นเวลาเร่งด่วนที่หาแท็กซี่ยากมาก วายุบอกว่ามีคนรอแท็กซี่เพียบเลย ลินียืนรอเรียกแท็กซี่กี่คันก็ไม่รับจนเหงื่อเริ่มตกในที่สุด เมเปิ้ลก็ไปกับกฤษฎา น้ำผึ้งไปกับพีศทรรษ และลินีก็ต้องไปกับวายุบุตร
ooooooo
เมื่อไปถึงโรงแรมที่จัดงาน เมเปิ้ลวิ่งกระหืด กระหอบมีกฤษหอบชุดและกระเป๋าเครื่องสำอางตามมา เมเปิ้ลหันไปเอ็ดอย่างไม่ได้ดั่งใจว่า อยากให้ไล่ออกอีกรอบรึไง
“ไล่รอบที่สามสี่ห้าผมก็ไม่ออกครับ” กฤษบอก โดนถามว่าประสาทดีหรือเปล่า เขาตอบหน้านิ่งๆว่า “ดีครับ ค่อนข้างไปทางอัจฉริยะด้วย”
“โอยยยยย...” เมเปิ้ลทำเสียงอย่างเหนื่อยใจไม่รู้จะว่าอย่างไรดี กฤษยังคงพูดต่อเรียบๆ นิ่งๆว่า
“คุณไล่ผมออกเพียงเพราะผมแสดงความคิดเห็นตรงๆ ทั้งๆที่ความจริงคุณก็เป็นแบบนั้น ผมว่าไม่แฟร์ ถ้าผมทำงานให้คุณไม่ได้ก็ว่าไปอย่าง”
“ผีเจาะปากมาให้พูดหรือไง หา!!” เมเปิ้ลถามอย่างหมดแง่มุมที่จะด่าแล้วสะบัดเดินอ้าวๆไป
ที่อีกมุมหนึ่งของโรงแรม น้ำผึ้งพยายามเดินหนีพี จนเขาต้องเร่งฝีเท้าตามถามว่าเงียบมาตลอดทางจู่ ๆ เป็นใบ้ไปรึไง น้ำผึ้งที่หิ้วของมามากมายเลยโยนของให้ช่วยถือ เขาเกี่ยงว่าตนไม่ใช่เด็กถือของของเธอ
น้ำผึ้งบอกว่าถ้าไม่ช่วยถือของตนก็จะไม่คุยด้วย พีแย้งว่าเธอเองเป็นคนผิดไม่ใช่ตน เธอสวนทันทีว่า
“ฉันไม่เคยทำอะไรผิด!” แล้วสะบัดเดินหนีไป พีจ้ำตามแทบไม่ทัน
อีกคู่ คือลินีกับวายุบุตร ลินีหอบของเดินหนีวายุ ที่พยายามจะช่วยถือ ถูกเธอเสียงเขียวใส่ว่าตื๊อแบบนี้จะจีบกันรึไง ทำเอาวายุถามทึ่งว่า “ตรงๆ แบบนี้เลยเหรอ??”
“เออ! รุ่นนี้ไม่ต้องอ้อมเสียเวลา จะยังไงก็ว่ามาเลย” เขาบอกว่าสนใจและอยากรู้จักเธอให้มากกว่านี้ ลินีหน้าแดงแต่แกล้งกลบเกลื่อน “งั้นบอกไว้เลยว่าไม่มีทาง! อย่าหวังจะใช้ไม้นี้ ทำให้ฉันใจอ่อนหลงเสน่ห์คุณ แล้วล้มเลิกติดตามแฉพฤติกรรมลวงโลกของคุณใช่ไหม ผู้ชายนี่มันเลวได้ใจจริงๆ!” ด่าแล้วเดินหนี แต่วายุ ก็ตามไปอีกจนได้
ooooooo
ปรากฏว่า สามสาวไปเจอกันที่หน้าลิฟต์ ต่างตกใจไม่คิดว่าจะเจอกัน อีกทั้งยังแต่งชุดสีเดียวแบบเดียวกันเป๊ะ!
ที่แท้ วลัยเชิญเพื่อนทั้งสามมางานแต่ง บอกแต่ละคนว่าเชิญคนเดียว ไม่ได้เชิญอีกสองคนมาด้วย
เมื่อสามสาวคานทองไปถึงห้องแต่งตัว วลัยก็เจองานเข้าทันที เป้ขอร้องว่าวันนี้เป็นวันแต่งงานของตนกับวลัยค่อยพูดค่อยจากันดีกว่า แต่ทั้งสามไม่มีใครยอมใคร เมเปิ้ลบอกว่าดีวันแต่งวันฝังวันเดียวกันเลย วลัยขอร้องให้ฟังตนก่อนอย่าหุนหันพลันแล่น เมเปิ้ลสั่งให้อธิบายมาเลย ว่ามันอะไรกัน!
แต่วลัยยังไม่ทันได้ชี้แจง สามสาวก็ทะเลาะกันเองเพราะต่างเขม่นกันจนวลัยแผดเสียง “โว้ย!!!!” ทุกคนเลยหยุด วลัยถามว่าจะกัดกันจนแก่ไหม เป้ผสมโรงว่า “จริงๆ ก็ใกล้คำว่าแก่แล้วนะ” ทำให้สามสาวรวมหัวกันทันทีถามพร้อมกันว่า
“ใครแก่!!!”
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 1 วันที่ 8 เม.ย. 57
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตราก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ