ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 วันที่ 12 เม.ย. 57
หลังจากไทเกอร์เป่าหูใส่ไฟเมเปิ้ลแล้วคิดว่าบอสจะเชื่อและไม่พอใจเมเปิ้ล บอสเรียกเมเปิ้ลมานั่งคุยโดยมีไทเกอร์ร่วมอยู่ด้วย ส่วนกฤษยืนสำรวมอยู่ห่างๆ เขายกมือไหว้บอสอย่างนอบน้อมกลายเป็นว่าบอสเข้าใจเมเปิ้ลซ้ำยังบอกว่าดูคลิปแล้วเลยอยากให้เมเปิ้ลพาแฟนมาให้รู้จักหน่อย
“อยากเห็นหน้าคนที่ชนะใจเมเปิ้ลควีนออฟคาน นายแน่มาก เด็กฝึกงาน” บอสลุกไปตบไหล่กฤษแล้วเดินออกไป “แค่เนี้ยะ!” ไทเกอร์พูดอย่างผิดหวัง เมเปิ้ลถามว่าแล้วจะให้แค่ไหน พอไทเกอร์จะลุกหนีเมเปิ้ลพรวดไปขวางพูดลอยๆ
กฤษมองหน้าเมเปิ้ล เห็นแววตาที่เด็ดเดี่ยวและรอยยิ้มเข้มของเธอแล้วก็เริ่มรู้สึกหวาดหวั่นขึ้นมา
ooooooo
คุณหญิงกานดาแม่ของพีศทรรตยังพยายาม
ที่จะให้ลูกชายกลับไปใช้ชีวิตฉันสามีภรรยากับธัญรดา โดยอ้างว่าญาดาต้องการแม่ และธัญรดาก็ยังรักเขาอยู่
“แต่ผมไม่ได้รักรดา ไม่ได้รักมาตั้งแต่แรก รดา ไม่ใช่ตัวอย่างของแม่ที่ดี ตอนท้องก็เที่ยวกลางคืน ทำตัวเหมือนไม่ใช่คนที่กำลังจะเป็นแม่ แต่ต้องการประชดผม คลอดออกมาก็ไม่ยอมให้ลูกกินนมตัวเองเพราะกลัวทรงจะเสีย เคยสอนอะไรที่พอจะยึดเป็นแนวทางที่ดีได้บ้าง ไม่เคย!”
เขายังระบายความอัดอั้นว่า “คนที่เห็นแก่ตัว
และคิดถึงแต่ความต้องการของตัวเองคือรดา ผมรู้นะครับว่าคุณแม่กำลังจะทำอะไร ผมให้โอกาสรดาไปแล้ว แต่มันจะไม่มีโอกาสที่สองอีก ญาดาต้องการแม่ แต่ไม่ใช่แม่อย่างรดา!”
“ถ้าไม่ใช่รดา ฉันก็ไม่ยอมรับผู้หญิงหน้าไหนมาเป็นแม่ของหลานฉันอีก อย่าหวัง!” คุณหญิงพูดคำขาด
พอดีแม่บ้านมาบอกว่ามีคนมาพบพีศทรรต เขาแปลกใจว่าเป็นใคร?
คุณหญิงกานดาออกไปกับพีศทรรตอย่างอยากรู้ว่าใครมาหาลูกชาย น้ำผึ้งนั่นเอง เธอสวัสดีคุณหญิงถามว่าสบายดีหรือ ถูกประชดว่าไม่ค่อยดี มีเรื่องเครียด
เยอะ น้ำผึ้งแทบจะเอ๋อ พีศทรรตถามว่ามาหาตนตอนนี้มีอะไรหรือ ทำไมไม่รอพบกันที่ออฟฟิศพรุ่งนี้
น้ำผึ้งบอกว่าเป็นเรื่องที่รอถึงพรุ่งนี้ไม่ได้แล้วขออนุญาตคุณหญิงคุยกับพีศทรรตเป็นการส่วนตัว คุณหญิงจึงเดินหน้าบึ้งออกไป พีศทรรตถามว่ามีอะไรว่ามาเลย น้ำผึ้งลุกพรวดไปควงแขนเขาทันทีเอ่ยชวน...
“เป็นแฟนกันเถอะ!”
“เฮ้ย!!” พีศทรรตร้องออกมาอย่างหมดฟอร์ม
พีศทรรตถูกน้ำผึ้งรุกจนต้องถามว่าคิดอย่างไรถึงได้มาขอเป็นแฟนตน
“หาตัวไม่ได้แล้ว รอบตัวมีแต่เก้งกวาง” เขาถามว่าจะเอาไปโชว์ตัวกับเพื่อนพรุ่งนี้หรือ เธอตอบเหมือนเล่นขายของว่า “อือ...ตลอดไปเลยได้ก็ดี”
อ้อนก็แล้วขอร้องก็แล้ว พีศทรรตก็ยังไม่แสดงท่าที น้ำผึ้งคว้ากระเป๋าลุกขึ้น พูดอย่างขัดใจว่า
“เคร! ยอมแพ้ ลืมมันไปซะ ถือว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น มองมันแค่เรื่องขำๆ ว่าเป็นความพยายามเฮือกสุดท้ายของชะนีที่อยากลงจากคานก็แล้วกัน” พูดแล้วเดินออกไปเลย พีศทรรตมีแก่ใจบอกว่าตนไปส่ง แล้วลุกตามไป
เมื่อมาถึงรถ พีศทรรตถามว่าตกลงเธอยอมให้เพื่อนหัวเราะเยาะยอมเสียหน้ากับนักข่าวและประชาชนทั่วประเทศหรือ น้ำผึ้งบอกว่าคงต้องยอมเพราะไม่มีใครยอมเป็นเหยื่อก็ต้องยอมรับความจริงดีกว่าโกหก แต่ก่อนขึ้นรถขับออกไปเธอบอกเขาว่า“มีลูกสาวใช่ไหม สอนด้วยนะว่า ถ้ามีใครมาจีบก็อย่าเล่นตัว รอจนอายุเท่าฉันค่อยคิดเรื่องแฟนอาจจะสายเกินไป” เขาถามงงๆ ว่าคิดได้ไงเนี่ย? เธอตอบอย่างหมดอาลัยว่า “ตอนนี้คิดได้แค่นี้แหละ ความเหงาบนคานมันทรมานนะจะบอกให้”
น้ำผึ้งขึ้นรถขับออกไป พีศทรรตมองตามยิ้มๆ อย่างเริ่มสนใจเธอขึ้นมาแล้ว
ooooooo
เมเปิ้ลยังนั่งอยู่ที่ร้านกาแฟจนร้านจะปิดจึงออกไปกับกฤษ ไปแบบไร้เป้าหมายเคว้งคว้างเพราะตัวเองมีชนักปักหลังเรื่องคลิปเลยไม่อยากกลับไปตอบคำถามใคร
แต่พอเดินออกไปเห็นผู้คนเดินไปมากันมากมาย เธอถามกฤษว่าเขาไปไหนกัน
“บางคนก็กลับบ้าน บางคนก็ยังไม่กลับเพราะนัดแฟนไว้ แต่แฟนยังไม่มา บางคนก็แวะช้อปปิ้งก่อนจะได้มีเสื้อผ้าใหม่ๆใส่บ้าง”
“ดูทุกคนมีเป้าหมายชีวิตดีเนอะ ไม่เหมือน...” เธอจะพูดถึงตัวเองแต่ยั้งปากไว้ กฤษเสนอว่าเมื่อไม่รู้จะไปไหนก็ให้กลับบ้านดีไหม โน้มน้าวว่า
“ยังไงบ้านก็คือที่ที่จะรอเราให้กลับไปเสมอ ถึงจะไม่มีใคร แต่ก็เป็นพื้นที่ที่เราจะหลับได้อย่างอุ่นใจและปลอดภัย”
เมเปิ้ลทำท่าสนใจแต่พอกฤษจะพาไปส่งเธอกลับไม่ไป กฤษหว่านล้อมว่า “ดึกแล้ว คุณย่า...คนที่
รักคุณอีกคนกำลังรอให้คุณกลับบ้านนะครับ” เมเปิ้ลฟังแล้วอึ้ง
เมื่อส่งเมเปิ้ลถึงบ้านแล้วกฤษบอกอย่างห่วงใยว่า รีบเข้านอนเสียเพราะหยาดทิพย์โทร.มาบอกว่าพรุ่งนี้มีประชุมที่ออฟฟิศ แล้วยกมือไหว้ลา เมเปิ้ลรับไหว้แทบไม่ทัน บอกว่าไม่ต้องไหว้ก็ได้ กฤษบอกว่าไม่ได้เพราะเธอเป็นเจ้านาย
“ขอบใจนะที่ช่วยฉันหลายๆอย่าง เธอไม่ต้องแอ๊บเป็นแฟนฉันแล้วล่ะ ฉันเหนื่อย...ไม่ชอบโกหกใคร แล้วกลับไง”
พอกฤษบอกว่าแท็กซี่เธอจะโทร.เรียกให้แต่กฤษขอเดินออกกำลังกายไปดีกว่าแล้วโบกมือลา
เมเปิ้ลมองตามยิ้มๆ รู้สึกประทับใจกฤษขึ้นมา อยู่ลึกๆ
ooooooo
คืนนี้ ลินีกับกุ๊งกิ๊งไปรอวายุที่ผับของเขาเพื่อเคลียร์เรื่องคดี แต่รอจนหลับก็ยังไม่เห็นเขามา
ที่แท้วายุขึ้นเวทีไปเล่นดนตรี เขาคุยกับแขกในผับอย่างกันเองว่า
“สวัสดีครับ คืนนี้เป็นคืนพิเศษ เพราะมีคนพิเศษมาหาผม สวัสดีครับณัฏฐาลินี” ทุกคนปรบมือชอบใจ ลินีกับกุ๊งกิ๊งมองหน้ากันเหวอ ส่วนสิริมามองมาทางลินีอย่างไม่พอใจอยู่ลึกๆ วายุยังคงคุยกับแขกต่อว่า “ผมเลยครึ้มอกครึ้มใจมาขอแจมเปิดเวทีสักเพลง เชิญครับ”
วายุร่วมเล่นกีตาร์อย่างเท่ เขาส่งสายตามาทางลินีตลอดเวลา ทีแรกเธอก็ไม่อยากดูไม่อยากฟัง แต่ความเท่และสายตาที่มองมาตลอดเวลาของเขาก็ทำเอาสาวห้าวอย่างเธอหัวใจเริ่มละลาย ดูและฟังเขาเล่นกีตาร์จนจบเพลง
พอเพลงจบพนักงานก็เอาช่อดอกกุหลาบป่าที่เธอทิ้งในถังขยะมาให้ ลินีอายมากไม่ยอมรับ วายุเลยลงมามอบให้เอง แขกพากันเชียร์ “รับเลย...รับเลย...รับเลย...” วายุสบตาเธอบอกว่า “ผมจริงใจนะ”
“ขอบคุณ แต่ไม่รับค่ะ”
เสียงแขกครางฮือ...อย่างเสียดาย ลินีลุกเดินออกไป กุ๊งกิ๊งรีบตาม วายุผิดหวังคืนดอกไม้ให้พนักงานแล้วตามเธอออกไป สิริมามองอย่างไม่พอใจอยู่ตลอดเวลา...
วายุขอให้เธอหยุดก่อน ลินีไม่ยอมหยุดบอกกุ๊งกิ๊งว่าเขาจงใจทำให้ตนอายคนอื่น หมายไล่ตนไปให้พ้นๆเขาจะได้ไม่ถูกตนเอาเรื่องที่ไปข่มขู่พยานจนทำให้ต้องถอนแจ้งความ วายุฟังแล้วถามฉุนๆว่า
“คิดได้แค่นี้เองเหรอ! อุตส่าห์เรียนกฎหมายเพื่อต่อสู้ให้เพื่อนมนุษย์ได้รับความยุติธรรม ทั้งๆ ที่ใจตัวเองไม่ได้มีความยุติธรรมเลยสักนิด” ลินีโต้ว่าตนไม่เคย ก็ถูกขัดขึ้นว่า “ก็นี่ไง! ที่คุณคิดกับผมอยู่นี่ไง ที่ไม่ยุติธรรม ผมไม่ได้ทำอย่างที่คุณกล่าวหามาตั้งแต่แรก และผมก็ไม่ใช่คนที่ทำให้ผู้หญิงคนนั้นถอนแจ้งความ คุณปรักปรำผมโดยที่ไม่คิดให้โอกาสผมได้พิสูจน์ตัวเอง!”
ลินีถูกโต้อย่างรุนแรงก็ถึงกับอึ้ง พอดีลูกน้องของวายุวิ่งเข้ามารายงานว่าเกิดเรื่องแล้วเพราะไอ้เจตต์ถูกจับได้ว่าขายยา วายุวิ่งตามลูกน้องไปทันที ลินีวิ่งตามไปโดยสัญชาตญาณจนกุ๊งกิ๊งต้องวิ่งตามไปด้วย
งานนี้ ทำให้ลินีเห็นถึงความเข้มงวดของวายุที่ไม่ยอมให้มีการทำสิ่งผิดกฎหมายในสถานที่ของตน เขาไล่เจตต์ออกแต่พอเผลอก็ถูกเจตต์จะเอามีดแทง ลินีตะโกนบอก ทำให้วายุหันไปป้องกันตัวทัน เขาต่อสู้กับเจตต์ตัวต่อตัวท่ามกลางความตื่นเต้นของทุกคน แต่เขาก็ซัดเจตต์จนหมอบ โดยที่ตัวเองก็บอบช้ำเลือดออกที่มุมปาก ลินีเข้าไปดูอย่างเป็นห่วงโดยไม่รู้ตัว
วายุปัดมือลินีออกมองด้วยสายตาเย็นชาว่างเปล่าจนลินีอึ้ง แต่พอสิริมาเข้ามาประคอง เขากลับโอบไหล่เธออย่างสนิทสนม จนลินีมองด้วยความรู้สึกสับสน
ค่ำคืนนี้ ทั้งสามสาวในก๊วนคานทอง จึงต่างอยู่กับตัวเองอย่างโดดเดี่ยว อ้างว้าง สับสน...
แต่พอรุ่งเช้า ทุกคนก็ฮึดสู้ เมเปิ้ลบอกกับตัวเองว่า “ทุกอย่างจะต้องเรียบร้อย! ฉันเอาอยู่!!”
น้ำผึ้งสู้ตาย “อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด! ฉันคือตัวแม่!!”
ลินียิ้มให้กับตัวเองอย่างมั่นใจ “ทุกอย่างกำลังกลับสู่ภาวะปกติ ไม่มีอะไรที่เหนือการควบคุม!”
แล้วทั้งสามสาวต่างก็สวมแว่นกันแดด คว้ากระเป๋าใบเก่ง ทุกคนเดินออกไปด้วยท่าทางมุ่งมั่น
ooooooo
แต่พอเมเปิ้ลสวัสดีคุณย่า บอกว่าจะไปทำงานแล้ว ก็ถูกคุณย่าถามว่าผู้ชายที่มาหาเมื่อวานเป็นใคร เธอบอกว่าเด็กฝึกงาน คุณย่าโล่งใจที่เธอไม่ได้เป็นอย่างจิลลา
จิลลาเป็นพี่สาวของเมเปิ้ล เธอมีสามีเด็ก คุณย่าผิดหวังมากตำหนิว่า วันๆเอาแต่คิดจะหาวิธีมัดใจเด็กกลัวแฟนจะเบื่อไปหาผู้หญิงที่เด็กกว่าสวยกว่า บ่นว่าเอาใจแต่แฟนเด็กแต่กับพี่น้องมีแต่มาเบียดบัง เรียนมาก็สูงแต่ไม่รู้จักคิด คุณย่ายังบ่นถึงความอับอายจนไม่กล้าแนะนำใครว่าจิลลาเป็นหลานสาว แล้วคุณย่าก็วกมาที่ตัวเธอว่า...
“ย่าดีใจและภูมิใจนะที่เราได้อย่างใจย่าทุกอย่าง เหลืออย่างเดียวแต่งงานเสียทีเถอะนะลูก” เมเปิ้ลบอก
ว่าตนยังไม่เจอคนที่ใช่เลย “ย่าอยากให้เราแต่งงานกับ
ตาตรัยคุณ”
“คุณย่า!!!” เมเปิ้ลอุทานเหมือนเจอคำสั่งประหาร
เช้าวันเดียวกัน ลินีเข้าไปหาจรินทร์พรผู้เป็นแม่ที่ความจำเสื่อมและเป็นอัมพาตครึ่งตัวเพราะถูกสามีทำร้าย มีดวงอดีตเหยื่อที่ลินีช่วยไว้มาดูแลให้ เธอเข้าไปขอโทษแม่ที่ไม่ได้ทานข้าวด้วย
เมื่อออกจากห้องแม่ก็เจอกุ๊งกิ๊งมาที่บ้าน กุ๊งกิ๊งเอากระดาษที่จดเบอร์มือถือของวายุให้บอกว่าเผื่ออยากจะโทร.ไปถามไถ่เรื่องที่เขาบาดเจ็บ อ่อยว่า
“น่าเห็นใจเขาอยู่นะคะ ดูท่าทางเขาเป็นคนดี” ลินีติงว่าเขาอาจสร้างภาพให้ตนเลิกจิกก็ได้ อย่ามองคนในแง่ดีเกินไป “ก็อาจจะใช่ แต่ก็น่าเสียดายนะคะ ถ้าความระแวงของพี่ทำให้เสียโอกาสที่จะทำความรู้จักคนดีๆ คนหนึ่ง”
กุ๊งกิ๊งวางกระดาษแผ่นนั้นบนโต๊ะแล้วขอไปคุยกับดวง ลินีบอกว่าตนกำลังจะไปเอารถที่อู่เรียกแท็กซี่ไว้เดี๋ยวคงมา แล้วเดินออกไป แต่อึดใจเดียวก็เดินย้อนกลับมาแอบหยิบกระดาษจดเบอร์มือถือของวายุไปด้วย
พอออกไปรอแท็กซี่ที่หน้าบ้านก็ดูเบอร์มือถือที่หยิบมาด้วยอย่างลังเลว่าจะโทร.ดีหรือไม่ เป็นเวลาเดียวกับที่วายุก็กดมือถือตัวเองดูที่ชื่อ “ณัฏฐาลินี” กำลังจะกดโทร.ออกก็มีสัญญาณโทร.เข้าจาก “ณัฏฐาลินี” เขาถึงกับยิ้มออกมา แต่พอกดรับก็เก๊กเสียงขรึมทักทาย
ลินีพูดอย่างไว้เชิงว่าตนแค่โทร.มาถามที่โดนต่อยเมื่อคืนเป็นอย่างไรบ้าง แต่วายุไม่ทันตอบ เสียงสิริมาก็แว่วเข้าไปในสายชวนวายุไปกันเถอะหมอรออยู่
“คุณ...จะไปไหน” ลินีเป็นห่วง พอวายุบอกว่าตอนนี้ตนอยู่โรงพยาบาล เธอก็ร้อนใจจนหมดฟอร์มถามว่า “คุณเป็นมากเหรอ อยู่โรงพยาบาลอะไรรีบบอกมาสิ!”
ฟังเสียงลินีที่ตกใจเป็นห่วงแล้ว วายุก็ยิ้มออก
มาเลย
ooooooo
เช้าวันเดียวกัน น้ำผึ้งอีกหนึ่งบนคานทองไปที่ห้องทำงานพีศทรรตแต่เช้าเพื่อรอเขาเปิดแถลงข่าวตามที่นัดกันไว้เมื่อวาน แต่ปรากฏว่า มีการเลื่อนแถลง ข่าวออกไป
เมื่อเจอพีศทรรตเธอถามอย่างหัวเสียว่าทำไมต้องเลื่อนการแถลงข่าวในเมื่อตนยอมทุกอย่างแม้แต่การยอมสารภาพเรื่องที่ตนโกหกว่ามีแฟน
“ที่เลื่อนแถลงข่าวเพราะเราต้องคุยกันใหม่อีกรอบ ผมเพิ่งได้รับข่าวร้ายว่า ทางกองละครเห็นเธอประกาศลาออกจากกองละครอย่างกะทันหันเลยไม่มั่นใจและตัดปัญหาด้วยการเปลี่ยนบทให้เธอตาย” พีศทรรตพยายามพูดให้น้ำผึ้งเข้าใจว่า “ผมคุยกับผู้จัดแล้วนะแต่ไม่สำเร็จ ยังไงเขาก็ยืนยันที่จะตัดบทคุณ ทางช่องก็รับรู้และไฟเขียว จึงจำเป็นที่เราต้องคุยกันใหม่เพื่อหาคำตอบที่สวยที่สุดให้นักข่าวและแฟน”
น้ำผึ้งถึงกับน้ำตารื้น โกรธจนตัวสั่น ทุกคนที่อยู่รอบข้างต่างระวังตัวขยับให้พ้นจากพายุอารมณ์ของเธอ แต่วันนี้น้ำผึ้งไม่...เธอกำมือแน่นน้ำตารื้นถามเสียงเครือ “มันจบแล้วใช่ไหม...” ทุกคนได้แต่มองอึ้ง...
ooooooo
เมเปิ้ลฟังประกาศิตของคุณย่าแล้วเซ็ง เธอไปถึงออฟฟิศเหมือนคนไร้วิญญาณ พวกลูกน้องพากันซุบซิบต่างๆนานา
“อะไรอ่ะ...หายไปวันหนึ่งหลังจากยอมเปิดตัวแฟนเด็ก กลับมาก็ไม่มีสัญญาณชีพ แปลว่าไรอ่ะ?” เจ๊ฟูพูดงงๆ
เมเปิ้ลเดินคิดถึงคำสั่งของคุณย่าเมื่อเช้าที่จะให้เธอหมั้นกับตรัยคุณ ให้สนิทสนมกันสักพักค่อยแต่ง เธอทนไม่ได้บอกคุณย่าไปตรงๆว่าเขาเป็นเกย์ ชอบผู้ชายด้วยกัน คุณย่ากลับหาว่าเธออยู่กับกะเทยมากไปเลยมองใครๆ เป็นอย่างนั้นไปหมด เมเปิ้ลยืนยันอย่างไรก็ไม่ฟัง กลับหาว่าเป็นข้ออ้างที่จะไม่แต่งกับผู้ชายที่ดีที่สุดที่ย่าเลือกให้ ตอกย้ำว่า
“อย่าทำให้ย่าต้องผิดหวังและเสียผู้ใหญ่ เพราะย่าตอบตกลงกับทางเจ้าสัวพ่อของตาตรัยคุณไปเรียบร้อยแล้ว ยังไงก็ต้องแต่ง!”
สมองเมเปิ้ลสับสนเครียดกับคำสั่งของคุณย่า จนเดินผ่านหยาดทิพย์เห็นนั่งแทะเม็ดก๋วยจี๊ หยาดทิพย์ตกใจเอากระป๋องเม็ดก๋วยจี๊ซ่อนไม่ทันยอมรับว่าเครียดเลยแทะแก้เครียด เมเปิ้ลเลยขอเอาไปแทะแก้เครียดบ้าง แต่เธอไม่ได้แทะเอง เรียกกฤษเข้าไปแทะให้
ระหว่างนั้น เมเปิ้ลเดินวนไปเวียนมาใช้ความคิดหนัก จนกฤษบอกว่าตนเวียนหัว เมเปิ้ลจึงหยุดเอ่ยขึ้นว่า
“ฉันมีเรื่องจะขอร้องเธอ...มาเป็นแฟนฉันอีกได้ ไหม” กฤษตกใจร้องฮ้า! เมเปิ้ลกลัวใครได้ยินเข้าไปปิดปากกฤษแต่ถลำไปนั่งบนตัก กฤษทำหน้าเหยบอกว่ามือเค็มมาก เธอเขินเลยผลักเขาเสียตกเก้าอี้โครม!
พวกข้างนอกรวมทั้งไทเกอร์ที่มาสุมหัวแอบฟังที่ประตูพากันตาเหลือกคิดเลยเถิดกันไปไกล
“ทำอะไรน่าเกลียด ไม่ให้เกียรติสถานที่กันเลย” ไทเกอร์ไม่พอใจเคาะประตู “เปิดประตู พี่เมเปิ้ล!!”
กฤษถือกระป๋องเม็ดก๋วยจี๊มาเปิดประตู ไทเกอร์
เห็นเมเปิ้ลกำลังกินเม็ดก๋วยจี๊พลางดูคอมพิวเตอร์ไปด้วยทุกอย่างเป็นปกติไม่เหมือนเสียงโครมครามที่ได้ยินเมื่อครู่นี้เลย พอไทเกอร์ หยาดทิพย์และคนอื่นๆพากันถาม เมเปิ้ลบอกว่า
“ฉันให้กฤษฎาแกะเม็ดก๋วยจี๊ให้ฉันเพราะฉันขี้เกียจแกะ เขาแทะมันไปหน่อยจนตกเก้าอี้ แล้วเมื่อกี้ก็แกะช้าไม่ได้อย่างใจเลยถูกฉันบีบคอ หรือใครคิดว่าฉันกำลังทำอย่างอื่นกับกฤษฎา!?”
ทุกคนส่ายหน้า เมเปิ้ลถามอย่างจะเอาเรื่องให้ได้ว่า
“หรือใครคิดว่าฉันไม่มีวิจารณญาณแยกเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวไม่ออก?!” ทุกคนทำหน้าบ้องแบ๊วส่ายหัวอีก เธอเลยสั่ง “เตรียมประชุม!”
ooooooo
ลินีไปถึงโรงพยาบาลอย่างตื่นตกใจถามพนัก-งานว่าวายุบุตรอยู่ห้องไหน ปรากฏว่าไม่มีคนป่วยชื่อนี้ เธอโวยวาย แต่พอนึกได้ว่าเขาไม่ได้บอกว่ามาแอดมิต เลยรีบขอโทษแล้วปลีกตัวไป
ไปอีกมุมหนึ่งแล้วจึงโทร.หาวายุ คราวนี้ว้ากใส่หาว่าเขาโกหกทั้งที่ไม่ได้แอดมิต วายุชี้แจงว่า ตนแค่บอกว่าอยู่โรงพยาบาลเธอก็วางสายแล้ว เลยโต้เถียงยียวนกันเล็กน้อย
วายุแกล้งกวนประสาทว่านี่แสดงว่าเธอเป็นห่วงตน พอลินีหันไปปรากฏว่าวายุอยู่ใกล้แค่ศอก ลินีอายมากรีบผละออก พอเหลียวไม่เห็นใครอยู่แถวนั้นเลยเอากระเป๋าฟาดให้ป้าบหนึ่ง ถูกเขาจับมือหมับ! ขู่ว่าเดี๋ยวแจ้งตำรวจจับเสียเลย
“แจ้งเลย! ไม่เคยกลัว! ปล่อย! ฉันจะกลับ”
พอดีสิริมาเรียกวายุ เขาหันไปเห็นสิริมายืนหน้าบอกบุญไม่รับจึงรีบปล่อยมือลินี สิริมาทักทายลินีแล้วบอกวายุว่าป๊าตรวจเสร็จแล้วเหลือแต่รับยา ท่านหิวและอยากไปทานอาหารจีนที่ร้านประจำ วายุชวนลินีไปด้วยเธอบอกว่าจะกลับ แต่พอนึกถึงคำพูดของกุ๊งกิ๊งที่ว่า “น่าเสียดายถ้าความระแวงของพี่ทำให้เสียโอกาสที่จะทำความรู้จักกับคนดีๆคนหนึ่ง” ลินีก็เปลี่ยนใจบอกว่า
“ไปสิคะคุณวายุ ถือเป็นโอกาสดีที่ฉันจะได้กราบสวัสดีคุณพ่อคุณด้วย ได้ยินแต่ชื่อท่านมานาน” พูดแล้วเดินตามวายุไปเลย ทิ้งให้สิริพรรั้งท้ายหน้าบอกบุญไม่รับ
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล ตอนที่ 4 วันที่ 12 เม.ย. 57
ก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทประพันธ์โดย วัตตราก๊วนคานทองกับแก๊งพ่อปลาไหล บทโทรทัศน์โดย ต้นรัก
ผลิตโดยบริษัท มาสเตอร์ วัน วิดีโอ โปรดักชั่น จำกัด
กำกับการแสดงโดย อดุลย์ บุญเนตร
นำแสดงโดย จอย ริณลณี , อาเล็ก ธีรเดช, ปอ ทฤษฎี , วิกกี้ สุนิสา , เบนซ์ พรชิตา ,อั๋น วิทยา
ออกอากาศทาง ไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ