อ่านละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9/4 วันที่ 6 เม.ย. 57
เกนหลงส่งยิ้มให้กำลังใจ เอื้อคิด แล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความสบายใจ“ถ้าอย่างนั้นก็มีอีกเหตุผลที่ทำให้พี่ไม่ควรหึง เขมชาติมีผู้หญิงเพอร์เฟคอย่างเกนอยู่ทั้งคน เขาก็คง
จะไม่สนใจผู้หญิงอื่นเหมือนกัน”
เกนหลงขำ “สรุป เราสองคนดีเลิศ ประเสริฐมาก อวยกันเอง เพื่อความสบายใจ”
เอื้อหัวเราะตาม เกนหลงมองเอื้อ ด้วยแววตาชื่นชม และรู้สึกดีที่เอื้อแคร์สุริยงขนาดนี้พลางพูดต่อว่า
“บางทีเกนก็แอบคิดนะคะ ถ้าพี่เอื้อได้เจอกับคุณสุก่อนเจ้าสัวก็คงดี บางทีคนที่ได้แต่งงานกับคุณ
สุ อาจจะเป็นพี่เอื้อก็ได้”
ภาพความหลังย้อนเข้ามาในความทรงจำ เป็นความจริงที่คนนอกไม่มีใครรู้
“พ่อจะให้ผมแต่งงานกับลูกสาวเพื่อนพ่อ”
เอื้อเห็นภาพตัวเองนั่งอยู่ต่อหน้าคุณชวลิต และเมื่อได้ยินประกาศิตจากผู้เป็นบิดา เอื้อก็หน้าตึง
ขึ้นมาทันที
“ผมไม่ยอม ผมไม่มีวันแต่งงานกับผู้หญิงที่ผมไม่ได้รัก โดยเฉพาะผู้หญิงเห็นแก่เงิน”
“อัม กับ อร คงจะเป่าหูแกมาหล่ะสิ”
“ถึงสองคนนั้นไม่บอก ผมก็มีปัญญารู้เอง ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะยอมแต่งงานกับผู้ชายที่ไม่เคยเห็น
หน้า ถ้าไม่ใช่เพราะอยากได้เงิน เขาก็คงไม่ยอมเหมือนกัน มันหมดยุคคลุมถุงชนแล้วนะครับพ่อ”
เอื้อพุดอย่างเหยียดๆ
“ฉันรู้ แต่เพราะเราเอาแต่ควงดารา นางแบบ ไม่ซ้ำหน้า ฉันก็เลยต้องหาผู้หญิงดีๆมาให้ ถึงขาจะมี
ปัญหาเรื่องการเงิน และเขาก็เป็นคนกตัญญู เสียสละตัวเอง เพื่อใช้หนี้แทนบุพการี ผู้หญิงดีๆแบบนี้หาไม่ได้อีกแล้ว”
คุณชวลิตพยายามโน้มน้าว หากเอื้อส่าหน้า อย่างไม่ยอมรับ
“พ่อครับ หนี้ของพ่อแม่เขาสองร้อยล้านนะครับ ไม่ใช่น้อยๆ และแต่งเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ
ครอบครัวเรา เขาก็อยู่อย่างสุขสบาย สิ่งที่เขาต้องเสีย เมื่อเทียบกับสิ่งที่จะได้ มันห่างไกลคำว่าเสียสละมาก พ่อ
รู้ตัวหรือเปล่าว่าพ่อกำลังโดนเพื่อนหลอกขายลูกสาว”
“ไม่ใช่ ครอบครัวนั้นเขาไม่ได้เป็นฝ่ายเสนอ แต่พ่อเป็นคนไปขอลูกสาวเขามาเอง”
คุณชวลิตอธิบายตามความจริง
“ถ้าอย่างนั้น พ่อก็แต่งเองแล้วกัน เพราะไม่ว่ายังไง ผมก็ไม่แต่ง”
เอื้อประกาศก้องต่อหน้าบิดา
หลังจากนั้นไม่นาน เอื้อก็ได้รับทราบข่าวการแต่งงานของบิดา กับผู้หญิงที่ชื่อสุริยง จากคำบอกเล่า
ของพี่สาว
“พ่อแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆเหรอ” เอื้อยืน คุยโทรศัพท์ด้วยความหงุดหงิด “ไม่อยากจะเชื่อ
เลย”
อัมพิกา ตอบมาทางปลายสาย
“พี่กับอรก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน พอเอื้อยืนกรานว่าไม่แต่ง แล้วเก็บของไปสวิส พ่อก็หายเงียบ
ไปสองสามวัน พอกลับเข้ามาที่บ้านก็บอกว่าจดทะเบียนกับนังเด็กนั่นแล้ว”
เอื้อส่ายหน้า อย่างสุดจะทน “บ้าที่สุด”
“มันจะบ้ามากกว่านั้น เพราะตอนนี้พ่อกำลังจะพานังเด็กนั่นไปหาเราที่สวิส”
เอื้ออึ้งไป เสียงอัมพิกาทางปลายสายรีบพูดต่อ
“พอเอื้อเห็นหน้ามัน ก็จะรู้เองว่าทำไมพ่อถึงได้หลงมันนัก”
เอื้อฟัง ในขณะที่ในใจเต็มไปด้วยอคติ
เอื้อย้อนนึกถึงภาพความประทับใจ และเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างเขา และสุริยง ที ยิ่งอยู่
ใกล้กันมากขึ้นเท่าใด แววตาที่เอื้อมองสุริยงก็ค่อยๆ อ่อนลงๆ และเริ่มเห็นประกายความพึงพอใจอย่างเต็มเปี่ยม
ในขณะที่สุริยงเอง ก็ดูแลชวลิตอย่างดี และไม่คิดรังเกียจ ยิ่งทำให้เอื้อมองเห็นความเป็นธรรมชาติ
อ่อนโยน และแสนดีของสุริยงมากขึ้นเรื่อยๆ
เอื้อมองสุริยงด้วยความเสียดายอย่างแรง พลางรำพึงกับตัวเองเบาๆ
“ถ้าเราได้เจอกันก่อน เรื่องคงไม่เป็นแบบนี้”
อาทิตย์เปิดกล่องกำมะหยี่สีน้ำเงินหรูในมือ พลันแหวนคู่รูปทรงสวย ก็ปรากฏแก่สายตา อาทิตย์
และนภา มองแหวนในกล่องหรูด้วยความประหลาดใจ
“สุขสันต์วันครบรอบแต่งงานค่ะคุณพ่อคุณแม่”
สุริยงยิ้มให้ผู้ให้กำเนิด อาทิตย์กับนภา ถึงกับอึ้ง
“โธ่ หนูเล็ก” นภาน้ำตาซึม “ยังอุตส่าห์จำได้ ขอบใจมากนะลูก” พลางโผเข้ากอดลูกสาว
อาทิตย์เอง ก็น้ำตาซึมไม่ต่างกัน
สุริยงคลายกอดนภา หันมาทางอาทิตย์
“หนูเล็กสั่งทำแหวนคู่ให้ค่ะ”
“น่ารักมากๆเลยลูก” ผู้เป็นบิดาเสียงสั่น ด้วยความตื้นตันใจ “ขอบใจมากๆ ขอบใจมากนะลูก
นะ”
สุริยงเห็นพ่อแม่มีความสุขก็ยิ้ม น้ำตาคลอดีใจไปด้วย
“หนูเล็กจำได้ว่าตอนที่ครอบครัวลำบาก คุณพ่อคุณแม่เอาแหวนแต่งงานไปขาย เอาเงินมาใช้หนี้
หนูเล็กก็เลยอยากซื้อแหวนแต่งงานวงใหม่ให้ค่ะ”
อาทิตย์กับนภามองหน้าสุริยงด้วยความซาบซึ้ง ระคนสะท้อนใจ
“พ่อขอโทษนะลูก ขอโทษที่ทำให้ลูกลำบาก พ่อขอโทษจริงๆ ถ้าพ่อไม่มีหนี้สิน ไม่ทำธุรกิจ
ผิดพลาด ชีวิตลูกก็ไม่ต้องเป็นแบบนี้ ลูกเสียสละให้พ่อกับแม่มากเหลือเกิน มากจริงๆ”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ผู้เป็นบิดาก็ถึงแก่น้ำตาร่วง
สุริยงรีบเข้ามาจับมือพ่อ
“พ่ออย่าพูดแบบนั้นสิคะ ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ไม่ใช่ความผิดของใครทั้งนั้น หนูเล็กเลือกเองด้วย
ความเต็มใจ”
“ถึงจะเต็มใจ แต่พ่อรู้ว่าลูก ไม่มีความสุข ลูกแบกครอบครัวไว้บนบ่ามาเป็นเวลานานแล้วพ่อ
อยากให้หนูเล็กวางมันลง และทำเพื่อตัวเองบ้าง”
นภารีบเสริม
“พ่อพูดถูก แม่อยากเห็นหนูเล็กได้สวมแหวนแต่งงานอีกครั้งและครั้งนี้มันจะเป็นแหวนแต่งงาน
ที่มาจากผู้ชายที่หนูเล็กรักอย่างแท้จริง”
สุริยงสะอึก ฉุกคิด ลึกๆในใจเธอก็รู้ดีว่า ผู้ชายคนนั้นคือ ใคร ...
เขมชาตินั่งทานอาหารเช้าอยู่ภายในบ้าน ในขณะเดียวกัน จิตใจกลับล่องลอย ครุ่นคิดถึงแต่ภาพของสุริยง ที่ทำหน้าตาเย็นชาใส่ อย่างไม่รู้สึกเจ็บปวดใดๆ
เขมชาตินิ่ง คิด พยายามหาวิธีที่ทำให้สุริยงเจ็บปวดที่สุด สมคิดเดินเข้ามา พร้อมกับกระดาษแปลนสวนใหม่
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณเขม” สมคิดเอ่ยทักทาย พลางมองดูจานไข่ดาวที่ถูกเขมชาติใส้ส้อมจิ้มจนเละ
“จิ้มซะเละหมดเลย คุณเขมครับ วันนี้ผมให้คนเข้ามาจัดสวนให้ใหม่ จะมีย้ายกระถางต้นไม้ โต๊ะ
เก้าอี้ ที่วางอยู่บนสนามหญ้า”
เขมชาติฟังผ่านๆ ภวังค์ความคิดยังวนเวียนอยู่แต่เรื่องของสุริยง สมคิดพูดต่อ
“โดยเฉพาะก้อนหินสลักที่คุณเขมซื้อมาเมื่อเดือนที่แล้ว วางทับหญ้ามาตั้งนาน หญ้าที่อยู่ข้างใต้
จะตายหรือยังก็ไม่รู้ ต้องรีบยกก้อนหินออก ถ้ายังไม่ตายมันจะได้โตเหมือนเดิม”
เขมชาติชะงักกึก แล้วก็โพล่งออกมา
“ก้อนหิน”
สมคิด ถึงกับสะดุ้ง “ครับๆ ก้อนหิน ทำไมเหรอครับ ?”
“ถ้าเราอยากให้หญ้าโตขึ้นอีกครั้งก็ต้องยกก้อนหินออก”
สมคิด งงหนักกว่าเดิม “ คะ...ครับ ใช่ครับ”
เขมชาติหันขวับมาทันที
“ขอบคุณมากนะคุณสมคิด ขอบคุณมาก”
สมคิดรับคำอย่างงงๆ “ครับๆ”
จากนั้นเขมชาติลุกพรวดแล้วก็หยิบสูท พลางรีบเดินออกไปอย่างเร็ว สมคิดมองตามงงๆ
“อ้าว อยู่ๆก็ไปซะงั้น แล้วกะอีแค่ยกหิน ทำไมต้องตื่นเต้นขนาดนั้น เป็นอะไรของเขา ?”
สมคิดมองตามด้วยความสงสัย
เกนหลง ยืนคุยกับคุณพจน์อยู่ที่หน้าบ้าน ในขณะที่กำลังเตรียมตัวจะออกไปที่บริษัทของเขมชาติ
“บ่ายวันนี้มีนัดกับหุ้นส่วนใหม่เหรอคะ”
“ใช่ พอดีพ่อเพิ่งได้รับการติดต่อมา เขาสนใจจะร่วมลงทุนในบูธีคโฮเต็ลที่เกนดูแลอยู่ พ่อก็เลย
อยากให้ลูกไปคุยด้วย ขอลางานสักครึ่งวันบ่ายได้มั้ย?”
“แต่เกนเพิ่งเริ่มงานกับเขมเอง ถ้าขอลามันจะน่าเกลียดนะคะ”
เกนหลงพูดด้วยความเกรงใจ
ในขณะที่เขมชาติรีบบอกด้วยความยินดี
“ไม่น่าเกลียดเลยครับ แหม คุณอาขอมาผมก็ต้องจัดให้ คุณเกนไม่ต้องห่วงงานที่นี่นะครับ”
เขมชาติ จับมือถือแขนเกนหลงอย่างสนิทสนม ในขณะที่สุริยงยืนอยู่ตรงกลางห่างออกไป
และพยายาม ที่จะไม่มองมือที่จับกันอยู่
“แต่ เขมมีประชุมงานกับลูกค้าตอนบ่าย และเกนก็ต้องไปด้วย”
“เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ผมจะให้สุริยงไปแทน”
เขมชาติปรายตามาทางสุริยง พร้อมกับยิ้มร้ายอย่างมีเลศนัยนิดๆที่มุมปาก
เขมชาติเดินออกมาหน้าบริษัทพร้อมกับวิบูลย์ โดยมีสุริยงเดินตามมา
“หลังจากประชุมกับลูกค้า ผมไม่กลับมาบริษัทนะ ฝากดูแลทางนี้ด้วย”
วิบูลย์ รับคำ “ครับ”
เขมชาติเดินไปขึ้นรถ ที่อดอยู่ด้านหน้าบริษัท วิบูลย์ยืนอยู่ข้างคนนั่งพอดี รีบเปิดประตูให้สุริยง
พร้อมรอยยิ้ม
“เชิญครับ คุณสุ”
เขมชาติปรายตามาฃมองด้วยอาการเขม่น ๆ ที่เห็นวิบูลย์เทคแคร์สุริยงอย่างออกนอกหน้า วิบูลย์
เหมือนจะสัมผัสรังสีอำมหิตบางอย่างได้ จึงหันไปทางเขมชาติ และทันเห็นสายตานั้นพอดี วิบูลย์ชะงัก เขมชาติรีบ
ใส่แว่นดำอำพรางแล้วเข้ารถไป พร้อมๆ กับที่สุริยงเดินมาถึงรถพอดี
“ขอบคุณค่ะ”
ในขณะที่อีกมุมหนึ่งของบริษัท วนิตากำลังเดินเข้ามา พลางจ้องมองไปข้างหน้า ทันเห็น สุริยงเข้า
รถไป และวิบูลย์ปิดประตู
วนิตาชักสีหน้าอย่างไม่พอ และรีบเดินพุ่งไปหาวิบูลย์ทันที
รถเขมชาติแล่นออกไป ในขณะที่วิบูลย์กำลังจะหันหลังเข้าบริษัท พลันเสียงวนิตาก็ดังขึ้น
“เดี๋ยว” ทว่าวิบูลย์ยังเดินต่อ “หยุดก่อน ฉันบอกให้หยุด ไม่ได้ยินหรือไง หน้าเยิน แล้วยังหูหนวก
อีก”
วิบูลย์ชะงักกึก หันขวับมา
“ไม่ได้หูหนวกครับ แต่ไม่อยากหัน เพราะคนเรียกไม่รู้จักคำว่ามารยาท เรียกเสียงจิกกบาลแบบนั้น
อ่านละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ตอนที่ 9/4 วันที่ 6 เม.ย. 57
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันบทประพันธ์ : ทมยันตีละครเรื่อง อย่าลืมฉันบทโทรทัศน์ : ณัฐิยา ศิรกรวิไล
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันกำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธุ์ไพบูลย์
ละครเรื่อง อย่าลืมฉันผลิต : บ. ละครไท จำกัด โดย : หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครเรื่อง อย่าลืมฉัน ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 น.
ติดตามชมได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3