อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/4 วันที่ 9 มี.ค. 56
ในป่า รำพึงลากขุนพิทักษ์มาได้สักระยะ ขุนพิทักษ์ก็ผลักรำพึงออก“ทำไมต้องทำแบบนี้”
“เพราะชีวิตคุณพี่เป็นของน้อง คุณพี่จะตายได้ก็ต่อเมื่อน้องสั่งให้ตายเท่านั้น นับจากนี้ความรักของน้องจะกลายเป็นความเกลียดชัง และไม่มีวันที่น้องจะให้อภัยทุกคนที่มันทำกับน้อง”
ขุนพิทักษ์มองรำพึงอย่างสายเกินแก้ ก่อนที่จะหันหลังเดินจากไป
“หนี้ชีวิตของคุณพี่ครั้งนี้ นังชุ่มต้องเป็นคนชดใช้”
เสียงจวงดังมาแต่ไกล
“ทูนหัวของบ่าวเจ้าขา เป็นอะไรรึเปล่าเจ้าคะ โธ่ๆๆ”
จวงดิ่งมาประคองรำพึง ขุนไววิ่งมาสมทบ
“ทำไมถึงมาที่กระท่อมคนเดียว ทำไมถึงไม่รอพี่ให้มาพร้อมกัน”
รำพึงร้องไห้ และรีบแก้ตัว
“ความแค้นมันสุมอยู่ในอก น้องรอเวลาอีกต่อไปไม่ไหว”
ขุนไวสวมกอด ทั้งสงสารรำพึง ทั้งแค้นขุนพิทักษ์
“พี่ก็รอเวลาที่จะแก้แค้นไอ้พิทักษ์อีกต่อไป ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน”
รำพึงโล่งใจที่ขุนไวเชื่อ แต่แววตายังคลั่งแค้นคิดถึงชุ่ม
ขุนพิทักษ์วิ่งมาถึงเกือบปากถ้ำ เสียงเด็กร้องดังออกมา
“ลูกพ่อ...”
ขุนพิทักษ์จะวิ่งเข้าไปแต่ถูกลูกน้องขุนไวดักไว้
ลูกน้องได้ยินเสียงเด็กร้อง
“ท่านขุนไวสั่งให้มาฆ่าขุนพิทักษ์และนังชุ่ม แต่ดูท่าแล้วจะได้ฆ่ามากกว่านั้น”
“ถ้าจะทำร้ายลูกเมียข้า ก็ข้ามศพข้าไปก่อน”
ลูกน้องสองคนเข้ารุมขุนพิทักษ์ แต่ขุนพิทักษ์ฝีมือเหนือกว่า ปลดดาบในมือลูกน้องได้
ด้านในถ้ำ ชุ่มได้ยินเสียงต่อสู้
“ท่านขุน”
ชุ่มหยิบกริชมากำไว้แน่น ก่อนที่จะลุกออกไป
ที่ด้านนอก ขุนพิทักษ์ฟันหลังลูกน้องคนหนึ่งและกลับไปแทงลูกน้องคนที่สอง แต่จังหวะนั้น ขุนไวฟันดาบผ่านหน้า ขุนพิทักษ์โยกหลบ ขุนไวเข้ามาพร้อมกับลูกน้องคนที่สามและสี่
“ไอ้ไว!”
“คราวนี้ต่อให้มีปีก เอ็งก็หนีไม่รอด”
ทันใดนั้น ชุ่มอุ้มลูกออกมาจากในถ้ำ ขุนพิทักษ์เห็นชุ่ม
“ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ตะโกน
“ชุ่มพาลูกหนีไป! เร็ว”
ขุนพิทักษ์เข้าโจมตีขุนไว ชุ่มรีบพาลูกวิ่งหนี ไปอีกทางหนึ่ง
“ตามไปจับตัวมาให้ได้”
ลูกน้องสองคนแรกตามชุ่มไป ขุนพิทักษ์พยายามยื้อสุดชีวิต แต่ขุนไวกับลูกน้องอีกสองคนกันไว้
ขุนพิทักษ์ต่อสู้กับขุนไวและลูกน้องอย่างบ้าคลั่ง ถวายชีวิต
ชุ่มอุ้มลูกหนีมาถึงริมน้ำ แต่ถูกพวกสมุนขุนไวดักไว้
“จะไปไหน”
ชุ่มตาวาวดั่งแม่เสือ ชุ่มกระชับกริช ยกขึ้นมา ชุ่มกวัดแกว่งกริชป้องกันตัว
“ถอยไปนะ ถอยไป”
รำพึงก้าวเข้ามา
“เป็นหมาจนตรอกแล้วยังจะอวดดี อ้อ...แถมยังเป็นหมาแม่ลูกอ่อนซะด้วย ...จับมัน แล้วเอาเด็กมาให้ข้า”
ลูกน้องเข้าจับตัว ชุ่มใช้กริชป้องกันตัว แต่ชุ่มต้องพะวงกับลูกทำให้ไม่ถนัด ลูกน้องเข้าประชิดอย่างรวดเร็ว จังหวะที่ยื้อแย่งกัน กริชพลาดโดนแขนของเด็ก เสียงเด็กร้องลั่น ชุ่มตกใจทิ้งกริช
“ลูกแม่”
ชุ่มจะพุ่งเข้าไปหาลูก แต่ถูกลูกน้องจับแขนดึงไว้แล้วกดลง ลูกน้องส่งเด็กให้รำพึง รำพึงรับไปอุ้ม
“รู้สึกยังไงล่ะ เวลาที่โดนคนอื่นแย่งหัวใจของเอ็งไป มันทรมานมั้ย รู้รึยังว่าข้าเจ็บปวดขนาดไหน”
“คุณรำพึง ข้าขอร้อง อย่าทำอะไรลูกข้าเลย ได้โปรดเถอะเจ้าค่ะ”
“เอ็งขอร้องข้างั้นเหรอ แล้วเวลาที่ข้าขอเอ็งให้เลิกยุ่งกับคุณพี่พิทักษ์ ทำไมเอ็งไม่ให้ข้า!”
เสียงเด็กร้องระงม ปนกับเสียงชุ่ม
“ข้ากราบล่ะเจ้าค่ะ ปล่อยลูกข้าเถอะ เอาชีวิตข้าไป เอาไปเลย”
รำพึงยิ้มเหี้ยม
“ถ้าเอ็งอยากแลกข้าก็จะให้แลก ฆ่าตัวตายต่อหน้าข้า แล้วข้าจะไว้ชีวิตลูกเอ็ง!”
ชุ่มอึ้งไป
“ทำได้มั้ยล่ะ หยิบกริชขึ้นมา ปลิดชีวิตตัวเองแลกกับลมหายใจของลูกเอ็ง”
เสียงเด็กน้อยยังร้องไม่หยุด ลูกน้องขุนไวปล่อยชุ่ม ชุ่มค่อยๆหยิบกริชขึ้นมา รำพึงยิ้มเหี้ยมตวัดสายตามองชุ่ม เสียงฟ้าคำรามดังก้อง
ท้องฟ้ามืดดำ มีสายฟ้าแลบและเสียงฟ้าคำราม ขุนพิทักษ์ฟันลูกน้องขุนไว ขุนไวเข้าถีบที่กลางอก ขุนพิทักษ์กระเด็นไป ดาบขุนพิทักษ์หลุดจากมือ ขุนไวเข้าเตะซ้ำที่ยอดหน้าขุนพิทักษ์ และแทงขุนพิทักษ์เข้าที่ท้อง ก่อนที่จะชักดาบออกมา ฟั่บ! ขุนพิทักษ์ทรุดลงไปที่พื้น
“จับมันขึ้นมา”
ลูกน้องเข้าไปจับขุนพิทักษ์ให้ลุกขึ้น ขุนพิทักษ์ลมหายใจรวยริน
“จบสิ้นกันสักที!”
“ข้าไม่เคยกลัวตาย อยากฆ่าก็ฆ่า!”
ขุนไวหันขวับ
บริเวณป่าริมน้ำ ชุ่มยกกริชขึ้นมา ชุ่มมองหน้าลูก รำพึงอุ้มเด็กจ้องอยู่ ชุ่มตัดสินใจใช้กริชแทงเข้าไปที่ท้องตัวเอง ชุ่มสำลักเฮือก ตัวกระตุกขึ้น เสียงรำพึงหัวเราะสะใจ
ขุนไวใช้ดาบฟันลงที่กลางอกของขุนพิทักษ์จนล้มคว่ำลง ชุ่มดึงดาบออกจากท้อง ชุ่มล้มไปกองกับพื้น ภาพตรงหน้าเริ่มพร่ามัว
“ปล่อยลูกข้า!”
รำพึงยิ้มเยาะ
“นังหน้าโง่...คิดเหรอว่าข้าจะปล่อยให้ไอ้เด็กนี่อยู่เป็นเสี้ยนหนามตำใจ ข้า ข้าจะส่งมันไปอยู่กับเอ็งในนรก ทุกชีวิตต้องชดใช้สิ่งที่ทำไว้กับข้า”
รำพึงเดินไปที่ริมน้ำ
ชุ่มช็อก
“ไม่...อย่า...อย่า”
ชุ่มพยายามตะเกียกตะกายไปหาลูก... รำพึงค่อยยกเด็กขึ้นมาจะโยนลงน้ำ เสียงลูกร้องดัง ชุ่มร้องสุดเสียง
“ลูก...ลูกแม่!”
เสียงฟ้าคำรามลั่น ชุ่มสติขาดไปกับภาพตรงหน้า
สายฟ้าฟาดเปรี้ยงลงมา รำพึงชะงัก เด็กหยุดร้องไห้ รำพึงค่อยๆมองหน้าเด็ก เห็นเด็กมองหน้ารำพึงตาแป๋ว ภาพขุนพิทักษ์ซ้อนหน้ากับเด็กน้อย
รำพึงคิดถึงภาพที่ขุนพิทักษ์หอมรำพึงซึ่งป้อนขนมกับภาพที่ขุนพิทักษ์ให้กอดตนหลบขุนไว รำพึงใจอ่อนยวบลงทันที
“คุณพี่”
รำพึงตัดสินใจอุ้มเด็กมากอดซบที่อกตนเอง
ในป่า ขุนพิทักษ์หายใจรวยริน ค่อยๆยกมือขึ้นพนม
“ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองลูกกับเมียของข้าด้วย ข้าขอเอาชีวิตของข้าแลกชีวิตพวกเขา…”
จบคำสายฟ้าวิ่งผ่านบนฟ้า แสงแวบขาวสาดเข้าตาขุนพิทักษ์แล้วดับวูบลง
ขุนไวยิ้มอย่างผู้ชนะ ก่อนเดินจากไปทิ้งขุนพิทักษ์ให้นอนจมกองเลือดอยู่ตรงนั้น
ที่กลางป่า รำพึงอุ้มเด็กน้อยเดินกลับมา ขุนไวพาลูกน้องเดินเข้ามาสมทบ
“พี่ส่งไอ้พิทักษ์มันลงนรกไปแล้ว!”
รำพึงนิ่งอึ้ง ใจหายวูบ
“เอาไอ้เด็กนี้มาทำไม ทำไมไม่ปล่อยให้มันตายไปพร้อมกัน”
“น้องจะเลี้ยงเด็กคนนี้”
“ว่าไงนะ พี่หวังว่าที่น้องทำแบบนี้คงไม่ใช่เพราะน้องยังรักไอ้พิทักษ์อยู่หรอกนะ”
รำพึงปิดบังความจริง
“เด็กคนนี้ต้องอยู่เพื่อชดใช้สิ่งที่พ่อแม่มันทำ”
“แต่ว่า...”
“เด็กนี้เป็นสิทธิ์ของน้อง ห้ามใครแตะต้อง”
รำพึงพูดจบก็เดินออกไปเลย ขุนไวไม่พอใจ
“ไอ้พิทักษ์ เอ็งตายไปแล้วยังทิ้งมารหัวใจไว้เป็นหนามยอกอกข้าอีก”
ในเวลากลางคืน แสงไฟจากหัวเรือลำหนึ่งลอยผ่านตามลำแม่น้ำ ขุนเกิดหนุ่มรูปงาม นั่งอยู่ที่หัวเรือ
“ข้าได้ตัวยาที่สำคัญแล้ว กลับไปครั้งนี้คงได้ปรุงยาดีๆเก็บไว้”
มุมหนึ่งที่ริมฝั่ง มีแสงวิบวับๆ สะท้อนมาถึงเรือ ขุนเกิดเห็นเลยสั่งคนเรือให้เข้าไปดู
“ตรงนั้นมีแสงอะไร ลองบ่ายหัวเรือเข้าไปดูสิ”
“แต่พายุจะมาแล้วนะขอรับ ท่านขุน”
“ข้าสั่งให้เข้าไปดู เผื่อว่ามีใครต้องการความช่วยเหลือ”
“ขอรับ”
คนเรือบ่ายหัวเรือไปที่ฝั่ง
บริเวณป่าริมน้ำ ร่างของชุ่ม นอนจมกองเลือดอยู่ ขุนเกิดเข้ามากับคนเรือ
“ท่านขุนขอรับ นั่น...”
ขุนเกิดตรงไปยังร่างชุ่มแล้วจับประคองพลิกหน้าชุ่มขึ้นมา ใบหน้าของชุ่มเต็มไปด้วยน้ำตา ขุนเกิดสงสารจับใจตั้งแต่แรกเห็น
“ตายหรือยังขอรับ”
ขุนเกิดใช้นิ้วอังที่จมูกชุ่ม
“ยังมีลมหายใจ”
ขุนเกิดจับชีพจรต่อ คนเรือหยิบกริชขึ้นมาดู
“แสงที่เห็นคงเป็นแสงที่กริชนี่ สะท้อนกับฟ้า โชคดีจริงๆเลยแม่คุณ ไม่งั้นตาย เป็นผีเฝ้าป่าแน่”
ชุ่มตัวสั่นหายใจแรง ขุนเกิดอุ้มตรงไปที่เรือ
“อ้าว! ท่านขุน”
คนเรือหยิบเอากริชขึ้นมาแล้ววิ่งตามขุนเกิดไป
แสงวาบส่งร่างขุนพิทักษ์มาที่ยมโลก ในนรก... เต็มไปด้วยการชดใช้กรรมของมนุษย์ นายนิรยบาลตัวใหญ่ดำทะมึนคุมการลงทัณฑ์ เสียงโหยหวนของคนที่ถูกทรมานจากการชดใช้กรรม ดังไม่เป็นสรรพ พิทักษ์เห็นแล้วช็อก พึมพำกับตัวเอง
“ที่นี่ที่ไหน”
ท้องฟ้าเปิดแหวกออก เป็นแสงส่องมาที่ขุนพิทักษ์ เสียงพญายมดังขึ้น
“ทุกสรรพสัตว์ที่เคยสร้างบาปจะต้องชดใช้กรรมที่ตนเองก่อขึ้นในนรกภูมินี้ทั้งสิ้น”
“นรก”
ทันใดนั้น ไฟนรกปะทุขึ้น นายนิรยบาล 2 ตน เข้ามากระชากตัวขุนพิทักษ์ไป
“ปล่อยข้าๆ”
ขุนพิทักษ์ถูกลากผ่านเห็นคนปีนต้นงิ้ว และนายนิรยบาลใช้หอกทิ่ม แทง บนพื้นมีแต่ไฟลุกไหม้ทั่วไปหมด
ขุนพิทักษ์ถูกลากมาถึงบ่อกระทะทองแดง คนที่อยู่ในบ่อพยายามตะเกียกตะกายหนี แต่ภาพที่ขุนพิทักษ์เห็นแล้วช็อกหนัก คือภาพของพระยาสุรเดชไมตรีที่ทนทุกข์ทรมานอยู่ในบ่อกระทะทองแดง
“เจ้าคุณพ่อ”
ขุนพิทักษ์ พยายามสะบัดออกจากการคุมตัวของนายนิรยบาลแต่ไม่หลุด ขุนพิทักษ์ดิ้นสุดแรง
“ปล่อยพ่อข้า ปล่อยพ่อข้า”
พระยาสุรเดชไมตรีมีความเจ็บปวด
“มันเป็นบาปที่พ่อต้องชดใช้”
บาปของพระยาสุรเดชไมตรีคือ การสั่งขังคนบริสุทธิ์เพื่อปกป้องขุนพิทักษ์ที่โกงส่วยแผ่นดิน
“ไม่...มันเป็นบาปของข้า เจ้าคุณพ่อไม่ผิด!”
“บาปของลูกที่พ่อร่วมทำ พ่อก็ต้องชดใช้บาปนั้น”
นายนิรยบาลแทงพรวดไปที่ร่างขุนพระยาสุรเดชไมตรี
“อ๊าก!”
ขุนพิทักษ์ดิ้นรนจะไปหาพ่อ
“ลูกขอโทษ เพราะลูก เพราะลูกคนเดียว ลูกขอโทษ!”
“ต่อให้พ่อต้องตกนรกขุมที่ลึกที่สุด พ่อก็พร้อมที่จะรับกรรมแทนลูก”
พระยาสุรเดชพูดจบก็ถูกลากลงไปในน้ำทองแดง ขุนพิทักษ์เรียกพระยาสุรเดชสุดเสียง
“เจ้าคุณพ่อ...เจ้าคุณพ่อ...”
ขุนพิทักษ์สะบัดหลุดและวิ่งเข้าไปหาพ่อ
แต่ทันใดนั้นมีแสงวาบใหญ่สาดลงมา ขุนพิทักษ์ถูกกระแทกกลับไปที่เดิม ทุกอย่างตรงหน้าหายไปเหลือเพียงความว่างเปล่า และไฟที่ล้อมรอบตัวเขาอยู่ พิทักษ์พยายามหรี่ตามองแสงขาว แต่ถูกผลักให้ลงนั่ง แสงสีขาวจ้าปรากฏขึ้นตรงหน้า
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/4 วันที่ 9 มี.ค. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager