อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 13 วันที่ 5 มี.ค. 56
อำนาจขับรถออกจากโรงงานสวนกับรถตำรวจ เพ่งมองด้านคนขับเห็นไพศิษฐ์ก็ใจเสีย ตัดสินใจเลี้ยวรถไปทางอื่นอย่างมีพิรุธ ไพศิษฐ์มองตามด้วยความสงสัยแล้วกลับรถตามไปทันทีอำนาจขับรถหนีสุดชีวิต เห็นไพศิษฐ์ตามติดจึงเร่งเครื่อง ผงะเมื่อเห็นเจ้าอุรคายืนขวางหน้ารถ หักหลบชนต้นไม้ริมถนนอย่างจัง เจ้าอุรคาปรากฏตัวโอบนาถสุดาไว้อย่างปกป้อง นาถสุดาปรือตาคล้ายเพิ่งฟื้นสติได้ยินเสียงอำนาจสบถลั่นและรู้สึกถึงแรง กระชากที่ต้นแขนให้ออกจากรถไปทางป่ารกชัฏข้างทาง
ไพศิษฐ์ตามมาทันเห็น หลังนาถสุดาไวๆ สั่งจ่าชิดให้แยกไปอีกทางเพื่อล้อมจับและตะโกนเรียกชื่อหญิงสาวลั่นป่า อำนาจชักใจไม่ดี ฉุดกระชากลากถูนาถสุดาอย่างดุดันเพราะกลัวถูกจับได้ สุดท้ายก็หนีไม่พ้น...โดนไพศิษฐ์จับกุม ส่วนนาถสุดาโดนลูกหลงบาดเจ็บสาหัสเกือบเอาชีวิตไม่รอด
นาถสุดาถูกนำส่ง โรงพยาบาลไม่นานจากนั้นและต้องรักษาตัวอีกหลายวัน ส่วนอำนาจบาดเจ็บจากการต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทนความกดดันเรื่องคดีและความรู้สึกผิดต่อสุบรรณไม่ไหว ฆ่าตัวตายในห้องพักโรงพยาบาล ฟากสุบรรณกลายเป็นข่าวใหญ่ ฉาวกว่าเดิมด้วยข้อกล่าวหาเกี่ยวกับคดีเก่า ประกอบกับบทบาททางการเมืองที่น้อยลง และในที่สุดก็โดนปลดออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี ฝ่ายภุชคินทร์...หมกตัวอยู่กับเจ้าอุรคาจนหม่อมภาณีทนไม่ไหว บุกไปลากตัวมาจากเฮือนภูจำปา ท่ามกลางความอาลัยอาวรณ์ ของเจ้าอุรคา
หม่อม ภาณีกับนารีวรรณต้องการแยกเจ้าอุรคาจากภุชคินทร์ให้เด็ดขาด ตัดสินใจปรึกษาแม่ชีวรรษาผู้มีพลังจิตแก่กล้าให้ตรวจดวงชะตาและกันภุชคินทร์ ออกจากพญานาคสาว เฟื่องฟ้ากับเฟื่องวลีไปที่วังนาเคนทร์วันถัดมาเพื่อถามเรื่องภุชคินทร์แล้ว อึ้งเมื่อรู้เรื่องพะนอฤดีสติแตกเพ้อตลอดว่าเห็นงูผี นารีวรรณทำหน้าแหยงๆ นึกเสียใจที่เคยอยากได้เจ้าอุรคาเป็นพี่สะใภ้ เล่าเรื่องคืนก่อนที่ไปหาวรรษาพร้อมหม่อมภาณี เสียงนุ่มของแม่ชีสาวยังทุ้มในหัว
“คืนพรุ่งนี้ ฉันจะส่งเจ้าอุรคากลับภพภูมิ แต่คงสู้กันหนัก คุณชายอาจมีอันตรายเลยอยากให้หม่อมรั้งตัวไว้”
“แต่พี่ชายจะยอมหรือคะ แค่ห่างจากเจ้าอุรคาไม่กี่วันก็ทำท่าเหมือนจะตายตาม” นารีวรรณแย้งเสียงอ่อน
“จะยากยังไงตาชายก็ต้องยอม แม่ยอมตายดีกว่าเห็นชายเป็นอะไรไป”
เฟื่อง วลีฟังอย่างทึ่งๆ ยิ้มพอใจที่หม่อมภาณีออกตัวขัดขวางความรักระหว่างภุชคินทร์กับเจ้าอุรคาเต็ม ที่ พูดอย่างมาดมั่นว่าเมื่อเรื่องจบตนจะแต่งงานกับภุชคินทร์ นารีวรรณสะอึกแล้วเหน็บเสียงเรียบ
“ไม่ใช่แล้วมั้งคุณฟีบี้ คุณแม่ทำเพื่อปกป้องพี่ชาย ส่วนเรื่องลงเอยกับคุณมันคนละเรื่อง”
“ก็เรื่องเดียวกันล่ะค่ะ ฟีบี้เป็นแฟนพี่ชาย ถ้านังเจ้าไม่ยุ่ง ฟีบี้คงแต่งงานกับพี่ชายไปแล้ว”
เฟื่องวลีสวนอย่างไม่อายปาก นารีวรรณเบ้หน้ารำคาญ ชักไม่แน่ใจว่าภุชคินทร์หนีเสือปะจระเข้หรือเปล่า...
ขณะ เดียวกันที่หน้าเฮือนภูจำปา...วรรษายืนนิ่ง บริกรรมคาถาเพื่อเปิดประตู ก้าวขึ้นเฮือนด้วยความมั่นใจปราศจากความกลัว เจ้าอุรคาลืมตาจากสมาธิในห้องลับ เปรยเสียงเบาว่ามีผู้บุกรุกที่ตบะสมาธิแรงกล้า ชรายุมีสีหน้าเคร่งเครียด แสยะยิ้มไม่กลัวแล้วพูดเยาะ
“แต่คงมาไม่ดีหรอกค่ะ แต่ไม่ว่าแกร่งแค่ไหน คืนพระจันทร์เต็มดวงแบบนี้ไม่มีใครชนะพวกเราได้หรอกค่ะ”
ชรายุออกไปรับหน้า เจ้าอุรคามองตามด้วยความเป็นห่วง กลัวสาวใช้คนสนิทจะประมาทจนถึงแก่ชีวิต!
ฟาก วรรษาเดินมาตามทางจนถึงห้องโถง เห็นฝูงงูเลื้อยมาล้อมหน้าล้อมหลัง แม่ชีสาวไม่หวั่น ควักหุ่นพยนต์เสือโคร่งมาร่ายคาถา เสือโคร่งขนาดใหญ่ปรากฏตัวในบัดดลพร้อมเสียงคำรามลั่น เสือและกองทัพอสรพิษต่อสู้กันดุเดือด ในขณะที่วรรษามุ่งหน้าเข้าด้านในด้วยท่าทีสงบ ทันใดนั้น...ชรายุมายืนขวาง ออกปากไล่น้ำเสียงเย็นชาเพราะไม่อยากทำร้ายผู้ถือศีล วรรษายิ้มบางๆแล้วพูดเสียงอ่อน
“ฉันกลับไม่ได้จนกว่าเจ้าอุรคาจะเลิกยุ่ง กับคุณชายภุชคินทร์ ท่านก็รู้ว่ามนุษย์กับพญานาคอยู่ร่วมกันไม่ได้ คุณแม่คุณชายเป็นทุกข์เพราะเรื่องนี้มาก ท่านไปเตือนเจ้าอุรคาให้ปล่อยคุณชายเถอะ”
“เจ้ากับคุณชายเป็นคู่กัน ใครก็ไม่มีสิทธิ์พราก เจ้าอุรคาทุกข์กว่าใคร คนอย่างพวกท่านไม่เข้าใจหรอก”
“ถ้าอย่างนั้น...ฉันก็จำเป็นต้องทำ”
วรรษา ใช้วิชาหุ่นพยนต์เสือโคร่งอีกแต่ทำอะไรชรายุไม่ได้ เสือโคร่งถูกหักคออย่างง่ายดาย แม่ชีสาวหยิบหุ่นพยนต์อสูรพลีซึ่งตามตำนานเป็นยักษ์ฤทธิ์มาก อาศัยอยู่ใต้บาดาลเหมือนพญานาค สองฝ่ายเคยรบกันเพื่อแยกดินแดน โดยพญานาคเป็นฝ่ายแพ้ไม่เป็นท่า ชรายุหน้าซีดแต่ใจสู้ กลายร่างเป็นงูยักษ์แล้วพุ่งเข้าหาอย่างไม่กลัวตาย!
ooooooo
ภุชคินทร์นอนกระสับกระส่ายบนเตียงที่วังนาเคนทร์ รู้้สึกร้อนรนทุรนทุรายเหมือนนอนบนกองไฟ เกลือกกลิ้งไปมาจนตกเตียง กระเสือกกระสนเข้าห้องน้ำแล้วเปิดน้ำราดตัวเพื่อดับความร้อน ชักสังหรณ์ไม่ดีถึงเจ้าอุรคา ตัดสินใจออกไปช่วยแต่โดนหม่อมภาณีกับนารีวรรณขวางไว้ อ้างว่าเป็นห่วงกลัวจะเป็นอันตราย
เวลาเดียวกันที่เฮือนภูจำปา...ชรายุ สู้กับอสูรพลีอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งฉกทั้งกัดแต่กลับถูกชกและเหวี่ยงจนบาดเจ็บแทบกระอัก งูยักษ์ไม่ยอมแพ้ พุ่งเข้ารัดแต่หุ่นอสูรมีพลังมากกว่า ดึงอสรพิษออกจากตัวและฟาดกับพื้นหลายทีจนงูยักษ์นอนแน่นิ่ง วรรษาถอนหายใจปลงๆแล้วเปรยเสียงเรียบ
“ท่านไม่น่าดื้อเลย พญานาคต้องพ่ายต่อยักษ์อสูรพลี แม้เป็นแค่หุ่นพยนต์แต่มีพลังเหนือพญานาคมากนัก”
วรรษาเดินเข้าข้างใน ทิ้งชรายุให้นอนหายใจรวยริน มองตามอย่างหวาดหวั่น...เจ้านายสาวเจอศึกหนักแน่
ฝ่ายเจ้าอุรคาลืมตาจากสมาธิช้าๆ เห็นวรรษาก้าวเข้ามาในห้องลับด้วยทีท่าสงบจึงพูดด้วยเสียงอ่อน
“เรากับท่านไม่เคยมีเวรกรรมต่อกัน ทำไมท่านต้องขัดขวางความรักของเราด้วย”
“เพราะรักของท่านทำร้ายคนมาก ความรักต่างภพภูมิจะทำให้ตนเองและผู้อื่นเดือดร้อน หยุดเถอะค่ะ”
“ท่านไม่เข้าใจ เราทนทุกข์เฝ้ารอภุชเคนทร์มานาน กว่าจะทำให้จดจำความรักระหว่างกันและถอนคำสาบานได้ก็ยิ่งลำบากแสนสาหัส แล้วท่านจะให้เราทิ้งไปอย่างนั้นหรือ”
“ถ้าอย่างนั้นเราก็คงไม่มีทางเลือกแล้วเหมือนกัน”
จบคำหุ่นอสูรพลีก็เข้ามาทำร้าย เจ้าอุรคากลายเป็นพญานาคีเจ็ดเศียรโรมรันกับอสูรยักษ์อย่างไม่กลัวตาย...
ขณะเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์ถูกแม่กับน้องจับขังในห้องจึงใช้ไหล่กระแทกประตูแต่ไม่ได้ผล นารีวรรณช่วยกันกับหม่อมภาณีคล้องโซ่ประตูห้อง สงสารจับใจแต่ต้องใจแข็งเพื่อความปลอดภัยของชายหนุ่ม
ด้านเจ้าอุรคา...ต่อสู้กับอสูรพลีอย่างดุเดือด ผลัดกันรุกและรับจนหุ่นพยนต์เป็นฝ่ายเพลี่ยงพล้ำ โดนไฟพญานาคเผาแตกเป็นเสี่ยงๆ วรรษายืนนิ่ง บริกรรมคาถา เกิดเป็น ห่วง แสงสว่างรัดตัวพญานาคสาว เจ้าอุรคาคำรามด้วยความ เจ็บปวด ตาเหลือกลานและล้มลงพื้น กลายร่างเป็นมนุษย์ถูกห่วงแสงรัดจนดิ้นไม่หลุด วรรษาเปรยเสียงเรียบ
“ท่านคงรู้ว่าเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสวยชาติเป็นพระภูริทัตพญานาคก็เคยพ่ายมนต์นี้จนถูกพราหมณ์จับได้ มนต์อาลัมพายน์มีอำนาจเหนืออสรพิษทั้งปวงรวมทั้งพญานาคราช ท่านยอมเสียเถอะ”
ทันใดนั้น...ชรายุพาร่างสะบักสะบอมเข้ามาในห้องลับ เห็นเจ้านายสาวพลาดท่าจึงกลายร่างเป็นงูยักษ์แล้วเลื้อยเข้าหาแม่ชีสาวจากด้านหลัง วรรษาเบี่ยงตัวหลบตามสัญชาตญาณ เปิดโอกาสให้งูยักษ์กลายร่างเป็นมนุษย์แล้วออกแรงกระชากห่วงแสงจนขาด พร้อมกับร่างงูที่โดนไฟไหม้ขาดใจตายอย่างสยดสยอง เจ้าอุรคาในร่างพญานาคีชะงักงัน ตั้งสติแล้วเลื้อยหนีไป ส่วนวรรษาได้แต่มองซากงูยักษ์ด้วยความหดหู่...อโหสิกรรมให้เราด้วยเถิด
ooooooo
หม่อมภาณีกับนารีวรรณรับฟังข่าวร้ายจากวรรษาด้วยความตกใจระคนเคร่งเครียด กลุ้มใจเพราะแม่ชีสาวปฏิเสธจะดำเนินการต่อเพราะไม่อยากสร้างบาปกรรมติดตัว วรรษาพยายามพูดให้สองแม่ลูกทำใจ
“ถ้าเขามีจิตยึดมั่นกันก็คงต้องปล่อย ครั้งนี้ฉันทำบาปหนักถึงขั้นผิดศีลข้อปาณาแม้จะไม่ตั้งใจ แต่จากนี้ฉันคงช่วยอะไรพวกคุณไม่ได้ คงต้องสุดแล้วแต่กรรมของคนทั้งคู่”
หม่อมภาณีหน้าเสีย ตั้งท่าเกลี้ยกล่อมวรรษาแต่นารีวรรณห้ามไว้เพราะไม่อยากให้แม่ชีสาวลำบากใจ หม่อมภาณีถึงกับซึม เป็นห่วงภุชคินทร์สุดหัวใจแต่จนปัญญาจะรั้ง
เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์เก็บตัวในห้อง หมดอาลัยตายอยากเพราะพิษรักต่อเจ้าอุรคา เฟื่องวลีฉวยโอกาสที่ไม่มีใครอยู่ แอบยกข้าวต้มไปให้ โดนชายหนุ่ม ตะเพิดไล่อย่างไม่ไยดี เฟื่องวลีหน้าเจื่อนแต่ไม่ยอมแพ้ แกล้งเหน็บเจ้าอุรคาด้วยความหมั่นไส้ ภุชคินทร์เหลืออดสวนกลับ
“ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดถึงเจ้าเสียๆหายๆแบบนี้ พี่รักเจ้าอุรคา เรารักกัน เธอไม่มีวันเข้าใจเรื่องพวกนี้หรอก”
“ทำไมจะไม่เข้าใจ ฟีบี้รักพี่ชายเหมือนกัน รักมานานแล้วด้วย”
ภุชคินทร์พูดไม่ออก ไม่คิดว่าหญิงสาวจะกล้าพูด ผ่อนทีท่าและบอกให้ทำใจเพราะชีวิตนี้คงรักได้เพียงเจ้าอุรคา เฟื่องวลีกระทืบเท้าเร่าๆอย่างขัดใจ ภุชคินทร์ส่ายหน้าแล้วปลอบเสียงอ่อน
“พี่ถึงบอกว่าเธอไม่เข้าใจ ความรักของพี่กับเจ้าผ่านอะไรมากมาย ทั้งทุกข์สุข ความทรมานจากการพลัด พรากและการเฝ้ารอโดยไร้จุดหมาย ไม่มีใครรักพี่เท่าเจ้า แล้วพี่ก็ไม่สามารถรักใครได้อีกนอกจากเจ้าอุรคา”
“แล้วถ้านังเจ้าตายล่ะ พี่ชายจะยังรักไหม รู้เปล่าว่าหม่อมส่งคนไปจัดการเมื่อคืน ป่านนี้กลายเป็นงูดินไปแล้ว”
“ท่านทำเพราะรักและเป็นห่วง พี่ไม่โกรธหรอก ถ้าเจ้าตายจริง พี่จะตายตาม จะได้ไม่มีใครขวางเราสองคนอีก”
เฟื่องวลีสะบัดตัวออกจากห้องอย่างโกรธจัด น้อยใจและริษยาเจ้าอุรคาที่ได้ทุกอย่าง ส่วนภุชคินทร์มองตามน้ำตาคลอ คิดถึงพญานาคสาวสุดหัวใจแต่ทำอะไรไม่ได้เพราะศัตรูของหญิงสาวคือแม่บังเกิดเกล้าของเขาเอง
ด้านเฟื่องวลี...ตัดสินใจรอและฟ้องหม่อมภาณีกับนารีวรรณเรื่องความคลั่งรักของภุชคินทร์ สองแม่ลูกมองหน้ากันเครียดๆ แม้จะใจเสียเพราะกลัวกดดันจนชายหนุ่มอาจทำร้ายตัวเองแต่ต้องตัดใจเพราะไม่อยากสูญเสียเขาตลอดกาล...ให้มันรู้กันไปว่าภุชคินทร์จะเลือกผู้หญิงมากกว่าแม่กับน้อง!
ขณะเดียวกันที่ริมน้ำโขง...เจ้าอุรคาในร่างพญานาคีนอนบาดเจ็บจากการต่อสู้กับวรรษาเมื่อคืนก่อน ยมนารับรู้ด้วยญาณวิเศษ เดินตามหาจนพบและใช้พลังสมานแผลให้ ถอนใจเบาๆด้วยความเวทนา สงสารสหายรักแต่ไม่รู้จะช่วยอย่างไรเพราะกรรมเก่าที่พญานาคสาวสั่งสมมา เจ้าอุรคากลับสู่ร่างมนุษย์สำเร็จ ร่ำไห้และเปรยกับยมนาเสียงสั่น
“ขอบใจมากยมนา แต่เราทำให้ชรายุต้องตาย เราไม่ควรมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“ถึงเจ้าตายชรายุก็ไม่ฟื้น ตอนนี้ชรายุอยู่ในภพที่ควรแล้ว เจ้าอย่าเสียใจจนทำให้ความตายของชรายุเสียเปล่า”
เจ้าอุรคาพยักหน้ารับทั้งน้ำตา ยมนาได้โอกาสเกลี้ยกล่อมให้สร้างบุญกุศลเพิ่มเติมบารมีที่หายไป
“เจ้าใช้ตบะบารมีของเจ้าแลกกับการต่ออายุให้นาถสุดา แถมยังต้องมนต์อาลัมพายน์อีก ตอนนี้เจ้าไม่เหลือพลังอะไรอีกแล้ว เจ้าจงรีบสร้างตบะบารมีก่อนเถอะ ไม่อย่างนั้น...เจ้าอาจต้องตายตามชรายุ”
เจ้าอุรคาสะอึกสะอื้น ไม่แน่ใจว่าสภาพจิตใจและร่างกายของตนจะพร้อมเจริญภาวนา ยมนาปลอบให้ตั้งสติและมุ่งหน้าบำเพ็ญเพียรเหมือนครั้งพระพุทธองค์เสวยชาติเป็นพระภูริทัตพญานาค แม้ต้องมนต์อาลัมพายน์จากพราหมณ์จนแทบเอาชีวิตไม่รอดก็ไม่คิดแค้น ตั้งหน้ารักษาศีลเพื่อปลดทุกข์ เจ้าอุรคารับคำ ปรากฏกายอีกครั้งที่ลานหน้าวัดธาตุพนม นั่งสมาธิด้วยจิตตั้งมั่น ได้ยินเสียงยมนาแว่วในโสตประสาท
“อำนาจแห่งศีลบารมีจะช่วยปกปักษ์รักษาและคุ้มครอง แต่เจ้าต้องควบคุมอารมณ์ อย่าปล่อยให้ศีลมัวหมองเด็ดขาดโดยเฉพาะโทสะจริต อันเป็นวิสัยดั้งเดิมของพญานาค อย่าให้มันครอบงำจนทำร้ายผู้อื่น”
เจ้าอุรคานั่งนิ่งอย่างสงบ ตั้งใจแน่วแน่จะปล่อยวางเรื่องภุชคินทร์และความแค้นทั้งหมด
ooooooo
สุบรรณรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้นาถสุดาได้รับอันตรายและบาดเจ็บเกือบเสียชีวิต ไปเยี่ยมและดูแลตลอดเวลาที่รักษาตัวในโรงพยาบาล สัญญาจะทำตัวเป็นพี่ชายแสนดี นาถสุดาปลื้มที่เขาสำนึกผิดและคิดได้ ขอร้องให้หยิบมือถือเธอที่ลืมไว้ในห้องน้ำ ไพศิษฐ์เปิดประตูเข้ามาและแจ้งข่าวเรื่องสุบรรณ
“ท่านสุบรรณถูกปลดจากตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการแล้วนะ ตอนรุ่งก็มีแต่คนเอาใจ พอตกก็ถีบหัวส่ง”
สุบรรณออกจากห้องน้ำและได้ยินพอดี หน้าชาแต่ปรับให้ร่าเริงแล้วขอตัวกลับ นาถสุดามองตามเครียดๆ หันไปหยิกไพศิษฐ์จนสะดุ้ง ผู้กองหนุ่มหน้าจ๋อย มองนาถสุดาตาปรอยไม่กล้าหือเพราะรู้ตัวว่าผิดจริง...
สุบรรณขับรถมาจนถึงหน้าเฮือนภูจำปา เห็นภุชคินทร์ยืนเหม่อด้วยท่าทีเศร้าสร้อย เดินไปถามแล้วหน้าเสีย ได้ยินว่าเจ้าอุรคาหายตัวไปเพราะโดนหม่อมภาณีขัดขวางเรื่องความรัก แถมยังถูกอาคมจนบาดเจ็บสาหัส สุบรรณโกรธจัด กระชากคอเสื้อราชนิกุลหนุ่มแล้วตะคอกเสียงกร้าว
“แล้วทำไมแกถึงไม่ปกป้องเจ้าอุรคา ปล่อยให้คนอื่นมาทำร้ายได้ยังไง”
“ทุกอย่างมันเป็นเพราะแกต่างหาก ถ้าชาติก่อนแกไม่ฆ่าฉัน ฉันคงไม่พลัดพรากจากเจ้าแบบนี้”
ภุชคินทร์ชักของขึ้น ผลักอกและปล่อยหมัดใส่สุบรรณอย่างแรง นักการเมืองหนุ่มอาศัยความไวหลบหลีกและสวนกลับจนภุชคินทร์เลือดกบปาก ตะเบ็งเสียงใส่ด้วยความโมโห
“ไอ้คนอ่อนแอ ทั้งชาติที่แล้วและชาตินี้ แกมันก็แค่ไอ้ขี้ขลาดคนหนึ่ง ปกป้องคนรักไม่ได้ก็เที่ยวโทษคนอื่น หนีความจริงจนถึงกับลั่นคำสาบาน ถ้าเป็นฉัน...ฉันจะปกป้องคนรักและไม่มีวันหนีศัตรูเด็ดขาด”
“ตอนนี้แกปกป้องตัวเองยังไม่ได้ ทั้งอำนาจวาสนาก็ไม่เหลือ เผลอๆพญาครุฑผู้ยิ่งใหญ่อาจต้องตายในคุก”
สุบรรณเลือดขึ้นหน้าที่โดนพูดแทงใจดำ กระชากตัวราชนิกุลหนุ่มมาต่อยไม่ยั้ง ภุชคินทร์ไร้แรงขัดขืน พร่ำตะโกนบอกรักเจ้าอุรคาก่อนล้มลงพื้นอย่างหมดท่า สุบรรณชี้หน้าและประกาศกร้าว
“ถึงฉันจะสูญเสียทุกอย่าง แต่ฉันไม่มีวันยอมเสียเจ้าอุรคา ฉันเสียสละเจ้าให้แกเพราะรู้สึกผิดที่เคยฆ่าแก แต่เมื่อทำดีแล้วไม่ได้ดี แถมแกก็ไอ้คนน่าสมเพชที่ไม่มีปัญญาดูแลเจ้า เพราะฉะนั้น...ฉันจะดูแลเจ้าเอง”
สุบรรณหมุนตัวกลับขึ้นรถและขับออกไปอย่างหัวเสีย ภุชคินทร์นอนหมดสภาพที่เดิม น้ำตาไหลด้วยความคับแค้นใจ...ไม่รู้เมื่อไหร่จะได้พบเจ้าอุรคาอีกครั้ง
สุบรรณกลับถึงคฤหาสน์ไม่นานจากนั้น...ถามเด็กรับใช้ด้วยความสงสัยที่บ้านเงียบผิดปกติ เด็กรับใช้บอกว่าเข้านอนหมดแล้ว ก้มหัวอย่างนอบน้อมแล้วแสยะยิ้มเหี้ยมเมื่อชายหนุ่มหันหลัง เงื้อมีดสูงและแทงบนแผ่นหลัง สุบรรณสะบัดตัวและตอบโต้อย่างรวดเร็วและรุนแรง ตะลึงตาค้างเมื่อเห็นเด็กรับใช้กระชากหน้ากากและชุดซอมซ่อออกเป็นชุดนินจา ถามเสียงเข้มว่าใครเป็นคนจ้างวาน มือสังหารขว้างดาวกระจายใส่แล้วพูดเสียงหยัน
“คนที่อยากขึ้นแทนหรือกลัวว่าท่านจะเผยความลับ ใครมีเงินจ้างเราก็ทำงานให้ เหมือนที่เคยรับใช้ท่านไง”
สุบรรณรู้ว่าใคร นึกสมเพชตัวเองที่กรรมตามสนอง สู้ไม่ถอยแต่พลาดท่าโดนดาบฟันถากที่หัวไหล่ ถูกถีบจนศีรษะกระแทกผนังเลือดไหลทะลัก ชักกระตุกตาเหลือกแล้วค่อยๆหมดสติ มือสังหารจะแทงซ้ำชะงักเมื่อเห็นควันสีดำลอยไปรวมกันเป็นร่างชายหนุ่ม มองมาด้วยแววตาอาฆาตและปลิดชีวิตนักฆ่าในพริบตาเดียว ร่างมือสังหารร่วงลงพื้นด้วยสภาพตาค้างลิ้นจุกปาก ส่วนร่างดำทะมึนของสุบรรณหายไป ทิ้งไว้เพียงเสียงคำรามของพญาครุฑก้องทั่วบริเวณ...ใครกล้าลองดีกับพญาครุฑจะได้เห็นดีกัน!
ooooooo
ไพศิษฐ์กับจ่าชิดตรวจสอบคฤหาสน์สุบรรณอย่างละเอียด ได้ความว่าเป็นฝีมือของสำนักนินจัตสุ วางยาสลบเด็กในบ้าน สวมรอยเพื่อสังหารนักการเมืองหนุ่มแต่เป็นฝ่ายถูกจัดการกลายเป็นศพกลางบ้าน พร้อมกับร่างหมดสติของสุบรรณ ไพศิษฐ์นิ่วหน้าสงสัย... เกิดอะไรกับสุบรรณกันแน่!
สุบรรณถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากนั้น สมองที่โดนกระทบกระเทือนอย่างหนักทำให้กลายสภาพเป็นเจ้าชายนิทรา รอบเตียงเต็มไปด้วยอุปกรณ์ช่วยชีวิต มีผ้าพันรอบศีรษะเพราะเพิ่งผ่านการผ่าตัดสมอง นาถสุดานั่งรถเข็นมาเยี่ยมด้วยสีหน้าสลด ถามพ่อถึงอาการญาติหนุ่ม พันเอกนรินทร์ถอนใจเบาๆแล้วเปรยเสียงเครียด
“สมองได้รับการกระทบกระเทือนอย่างแรงจนมีเลือดคั่ง ถึงจะผ่าตัดแล้วก็ต้องเป็นเจ้าชายนิทราตลอดกาล”
นาถสุดาน้ำตาคลอ สงสารญาติหนุ่มจับใจ ฉับพลันนั้น...พันเอกนรินทร์นิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด ในหัวเห็นภาพนิมิตเกี่ยวกับสุบรรณ นาถสุดาเห็นท่าทางผิดปกติ ขยับเข้าหาแล้วมองด้วยความกังวล
ในนิมิตพันเอกนรินทร์เห็นภาพนักการเมืองชื่อดังคนหนึ่งวิ่งหนีตายหัวซุกหัวซุน ตามด้วยสุบรรณที่ไล่ล่าอย่างไม่ลดละ สีหน้าเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมไม่เหมือนสุบรรณคนเก่า นักการเมืองผู้โชคร้ายหันมองรอบตัวหวาดๆ เห็นลูกน้องคนสนิทล้มตายจนไม่เหลือใคร คุกเข่าอ้อนวอนให้ไว้ชีวิต สุบรรณยิ้มเยาะแล้วลงมือสังหารอย่างเลือดเย็น
พันเอกนรินทร์ตื่นจากสมาธิไม่นานจากนั้น...เล่าเรื่องล้างแค้นของสุบรรณให้ลูกสาวฟังด้วยสีหน้าวิตก นาถสุดาไม่อยากเชื่อเพราะเห็นญาติหนุ่มนอนสงบนิ่งในห้องไอซียู อดีตนายทหารอธิบายเสียงอ่อน
“ที่ฆ่าคนคือร่างจิตของสุบรรณ ก็เหมือนวิญญาณที่ออกจากร่างตอนเราตายนั่นแหละ แต่สิ่งที่ออกมามีแต่จิตพญาครุฑและอำนาจในอดีตชาติ ส่วนจิตสำนึกด้านอื่นยังติดกับกายหยาบของสุบรรณ”
“นาถจำได้ตอนเจ้าอุรคาแสดงในงาน พี่สุบรรณเคยมีท่าทางเหมือนไม่ใช่ตัวเอง คืออย่างเดียวกันหรือเปล่าคะ”
“ใช่ลูก...แต่ครั้งนั้นไม่นาน ไม่เหมือนคราวนี้ พ่อกลัวว่าจะมีคนเป็นอันตรายเพราะร่างจิตของสุบรรณ”
นาถสุดาหน้าเสีย เป็นห่วงญาติหนุ่มที่กำลังสร้างบาปหนัก พันเอกนรินทร์โอบปลอบลูกอย่างปลงๆ
“ทุกคนมีด้านมืดและสว่าง อยู่ที่ควบคุมด้านไหนดีกว่ากัน ร่างจิตของสุบรรณแยกจากกายหยาบโดยไม่สมบูรณ์ เลยมีแต่ความอยากเป็นพื้นฐาน ถ้าเราไม่หยุด เขาจะทำลาย ชีวิตอีกเพื่อสนองความต้องการเหมือนอดีตชาติ”
นาถสุดาใจไม่ดี กลัวญาติหนุ่มหาเรื่องใส่ตัวจนถอนตัวไม่ขึ้น...แล้วเราจะช่วยพี่สุบรรณอย่างไรดี
เวลาเดียวกันที่วัดธาตุพนม...เจ้าอุรคาสะดุ้งจากสมาธิเพราะเห็นนิมิตเกี่ยวกับพญาสุบรรณ ตั้งท่าจะออกไปสังเกตการณ์ ทันใดนั้น...เสียงยมนาดังในโสตประสาท เตือนให้รักษาศีล อย่าตอบโต้หรือร้อนรนให้ศีลมัวหมอง เจ้าอุรคายังพะวักพะวน เสียงยมนาขัดขึ้นอีก
“ผู้ใดเป็นผู้ผูกกรรมผู้นั้นต้องเป็นผู้แก้ ทั้งเจ้า ภุชเคนทร์และพญาสุบรรณ ถึงเวลาที่ต้องกลับไปสู่จุดเริ่มต้นของวิบากกรรม ครั้งนี้ไม่ว่าใครก็ขวางไม่ได้ ขึ้นกับว่าเจ้าจะผูกกรรมใหม่ให้เป็นบาปติดตัวอีกหรือเปล่าเท่านั้น”
เจ้าอุรคาผ่อนท่าทีแล้วค่อยๆสงบ...คงถึงเวลาแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาดเสียที
ooooooo
ในขณะที่ทุกคนเป็นกังวล...ไพศิษฐ์กับจ่าชิดถึงกับกุมขมับเมื่อเห็นภาพสุบรรณจากกล้องวงจรปิด ลงมือสังหารนักการเมืองชื่อดังอย่างโหดเหี้ยม สองตำรวจจับต้นชนปลายไม่ถูก ไม่เข้าใจแม้แต่น้อยว่าสุบรรณที่นอนเป็นเจ้าชายนิทราในห้องไอซียูกลายเป็นผู้ต้องหาคดีฆ่าคนตายได้อย่างไร
ทันใดนั้นเอง...เจ้าหน้าที่นายหนึ่งรายงานว่ามีผู้พบเห็นชายหนุ่มลักษณะคล้ายสุบรรณที่ตึกสกายวิง ไพศิษฐ์ลุกพรวด ออกคำสั่งให้จ่าชิดและลูกน้องจำนวนหนึ่งรุดไปที่เกิดเหตุทันที
ผู้กองหนุ่มเปิดประตูดาดฟ้าทันได้ยินเสียงตะโกนกึกก้อง เห็นสุบรรณยืนกางแขนรับแรงลมที่พัดกระโชกอย่างรุนแรงราวกับเป็นส่วนหนึ่งของสายลม เสียงชายหนุ่มสะท้อนสะท้านไปทั่ว
“อุรคาเทวี...ไม่ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน สายลมจะพัดพาข้าไปหาเจ้าทุกที่”
ไพศิษฐ์ชะงัก สุบรรณหันไปยิ้มให้และชมว่าเก่งที่หาเขาเจอ ไพศิษฐ์ไม่อยากเชื่อ ขยิบตาขึ้นลงหลายครั้งเพื่อความมั่นใจ ถามเสียงเครียดว่าชายหนุ่มเป็นใครกันแน่ สุบรรณหัวเราะแล้วพูดยียวน
“ผมก็สุบรรณ...พี่ชายแฟนผู้กองไง ลืมไปแล้วหรือ”
“ท่านสุบรรณอยู่โรงพยาบาล ไม่มีทางมายืนตรงนี้ ได้หรอก แกเป็นใครกันแน่”
สุบรรณหัวเราะเสียงก้องแต่ไม่ยอมตอบคำถาม ไพศิษฐ์ชักของขึ้น เล็งปืนไปที่ชายหนุ่มและถามเรื่องคดีฆาตกรรมนักการเมือง สุบรรณเหยียดยิ้มแล้วสารภาพหน้าตาเฉยว่าเป็นคนลงมือเพราะแค้นใจที่โดนลอบฆ่าก่อน ผู้กองหนุ่มบอกว่าบ้านเมืองมีขื่อมีแปและเชิญไปสอบปากคำ สุบรรณไม่ยี่หระ สวนกลับอย่างไม่กลัวเกรง
“ผมไม่มีเวลาไปหรอก ตอนนี้ผมต้องเอาสิ่งที่อยาก ได้มาเป็นของผมก่อน ลาก่อนผู้กอง...ดูแลนาถให้ดีด้วย”
สุบรรณหันหลังวิ่งไปที่ริมดาดฟ้าเหมือนจะกระโดดฆ่าตัวตาย ผู้กองหนุ่มพุ่งไปห้ามแล้วตกใจแทบสิ้นสติ เห็นสุบรรณกลายร่างเป็นพญาครุฑและบินหายไปด้วยความเร็วสูง!
เวลาเดียวกันที่วังนาเคนทร์...ภุชคินทร์นั่งหน้าซึมอยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น นารีวรรณเดินมาชวนคุยให้ไม่เครียด และเล่าว่าภิงคารโทร.ถามถึงเขาเพราะอยากให้กลับไปทำงาน ภุชคินทร์หน้าเจื่อน บอกน้องเสียงเรียบว่าตัดสินใจลาออก ไม่มีแก่ใจจะทำอะไรทั้งนั้นเพราะเป็นห่วงเจ้าอุรคา
“จะให้พี่ทำไปเพื่อใครล่ะหนูนา ในเมื่อตอนนี้คนที่พี่รักจะอยู่หรือตาย พี่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำ”
“แล้วหนูนากับคุณแม่ล่ะคะ พี่ชายไม่รักเราแล้วหรือ”
“รักสิ...ถ้าไม่รักพี่จะยอมทนอย่างนี้หรือ ถ้าหนูนากับคุณแม่จะให้พี่ทำงาน พี่จะทำนะแต่ไม่ใช่เพราะพี่อยากทำ แต่เพราะเป็นหน้าที่ เป็นความรับผิดชอบที่พี่มีให้คุณแม่กับหนูนาต่างหาก”
นารีวรรณพูดไม่ออก ไม่คิดว่าพี่ชายจะอาการหนักขนาดนี้ หม่อมภาณีที่แอบฟังจากอีกมุมเครียดหนัก...กลุ้มเหลือเกินที่ได้ลูกชายมาเพียงตัวแต่ไร้หัวใจ!
ooooooo
อ่านละคร มณีสวาท ตอนที่ 13 วันที่ 5 มี.ค. 56
ละครเรื่อง มณีสวาท บทประพันธ์โดย : จินตวีร์ วิวัธน์
ละครเรื่อง มณีสวาท บทโทรทัศน์โดย : ณัฐวัฒน์
ละครเรื่อง มณีสวาท กำกับการแสดงโดย : วรวิทย์ ศรีสุภาพ
ละครเรื่อง มณีสวาท แนวละคร : ตื่นเต้น ลึกลับ
ละครเรื่อง มณีสวาท ผลิตโดย : บริษัท กู๊ด ฟีลลิ่ง จำกัด โดย สมจริง ศรีสุภาพ
ติดตามชมละครเรื่อง มณีสวาท ได้ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ