อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 12/7 วันที่ 7 มี.ค. 56
“เขาปลอดภัยแล้ว ของต่ำมนต์ดำออกจากตัวโยมขุนพิทักษ์หมดแล้ว”“ทำไมท่านขุนต้องเจอแต่เรื่องร้ายๆ ต้องกลายเป็นคนตาบอด แล้วยังมาเจอเรื่องแบบนี้อีก”
“ตาบอดแต่ใจสว่าง ดีกว่าคนตาดีแต่ใจมืดบอด และคนใจบอดก็จะแพ้ภัยตัวเอง”
หลวงตามั่นนึกถึงรำพึง
“หลวงตาหมายถึง...”
หลวงตามั่นยังไม่ทันได้ตอบใดๆ ขุนพิทักษ์ขยับรู้สึกตัวขึ้นมาก่อน
ชุ่มโน้มหน้าดูขุนพิทักษ์
“ท่านขุนฟื้นแล้ว... ท่านขุน”
ขุนพิทักษ์ค่อยๆ ลืมตา
“ท่านขุนเป็นยังไงบ้าง”
ขุนพิทักษ์ยิ้มดีใจ ยื่นมือไปที่หน้าชุ่มตามเสียงที่ได้ยิน
“เป็นเอ็งจริงๆ ด้วย”
ชุ่มดีใจยิ่งกว่า
“ท่านขุน ตาของท่าน ท่านมองเห็นข้าแล้วใช่มั้ย”
“ข้าจำเสียงนี้ได้ไม่เคยลืม”
ชุ่มชะงักหุบยิ้มทันที
“ท่านไม่เห็นข้า!”
ขุนพิทักษ์มองชุ่มที่ก้มหน้าปาดน้ำตาเป็นภาพเบลอๆ แล้วค่อยๆ ชัดขึ้น ขุนพิทักษ์ตื่นเต้นอย่างคาดไม่ถึง ผุดลุกขึ้นเดินเข้าไปกอดชุ่ม
“ชุ่ม...”
ชุ่มงง
“ข้าคิดถึงเอ็ง”
ชุ่มพลิกตัวหันมา
“ท่านมองเห็นข้าจริงๆใช่มั้ยเจ้าคะ”
“ใช่ ข้าเห็นเอ็งแล้ว”
ขุนพิทักษ์มองไม่เห็นเพราะโดนขุนไวใช้ไม้ฟาดที่หัว ครั้งนี้... หัวของพิทักษ์ฟาดกระแทกกับต้นไม้อีกครั้ง ทำให้เขากลับมามองเห็นอีกครั้ง
“ชุ่ม ข้าคิดถึงเอ็งเหลือเกิน”
ทั้งสองโผกอดกันอย่างดีใจ
“หวังว่าดวงตาที่ได้กลับคืนมาครั้งนี้จะพาให้โยมพิทักษ์เห็นแต่สิ่งดีงาม”
ขุนพิทักษ์หันไปตามเสียงเห็นหลวงตามั่น ขุนพิทักษ์จะลุกขึ้นแต่ระบมร่างกายไปหมด ชุ่มเข้าช่วย
“เกิดอะไรขึ้นขอรับ ทำไมหลวงตามาอยู่ที่นี่”
“หลวงตาช่วยข้ากับท่านขุนมาโดยตลอด ไม่เช่นนั้นป่านนี้...”
“มันเป็นชะตากรรมของโยมทั้งสอง อาตมาเพียงแต่เป็นหนึ่งในลิขิตนี้”
หลวงตาส่งกริชให้ขุนพิทักษ์
“อาตมานำกริชมาคืน ถึงเวลาที่กริชจะคืนสู่เจ้าของ คุณหญิงมณีใช้กริชนี้ปกป้องดูแลลูกหลานให้แคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง ถึงเวลาที่โยมพิทักษ์จะต้องรับช่วงต่อไป”
ขุนพิทักษ์สลดไป
“กริชนี้เป็นตัวแทนความดีของต้นตระกูลที่สั่งสมกันมา กระผมเลวเกินกว่าจะรับสืบทอดกริชนี้ได้”
“คนเลวย่อมมีสิทธิ์กลับตัวเป็นคนดีได้ สำคัญที่วันนี้โยมต้องมีสติ และปฏิบัติชอบ ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะทำดี”
ขุนพิทักษ์ซาบซึ้ง ชุ่มพยักหน้าให้อย่างเห็นด้วย ขุนพิทักษ์รับกริชไป
“ขอบพระคุณขอรับ”
ชุ่มกับขุนพิทักษ์ไหว้หลวงตามั่น หลวงตาเดินออกไปอย่างสงบ
ขุนพิทักษ์หันมองชุ่มด้วยสายตาแห่งรัก
“ข้าจะไม่มีวันให้ใครมาแยกเราไปจากกันได้อีก”
“ข้ากับลูกจะอยู่เคียงข้างท่านขุนเสมอ”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่มที่กอดตอบ ทั้งสองต่างโหยหาความรักจากกันและกัน
รำพึงผมเผ้าหลุดลุ่ยน้ำตานองหน้า เจ็บปวดทั้งทางร่างกายและจิตใจเดินโซซัดโซเซมากลางป่า เกาะต้นไม้ มือกำแน่นนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้น
บริเวณเรือน หมอไสย์ที่มีรอยสักเต็มหลังกำลังสวมเสื้อหลังเสร็จกิจแล้ว ที่มุมหนึ่งรำพึงนุ่งผ้าถุงผืนเดียว หน้านิ่งโกรธจนน้ำตาไหล หมอไสย์เดินมาลูบแขนรำพึง
“เสน่ห์ในตัวเจ้ายังมีอยู่เหลือเฟือจริงๆ”
หมอไสย์จะจูบแขน รำพึงผงะออก ตบหมอไสย์เต็มแรง
“ข้าจะคิดว่าทำบุญให้หมามันกิน”
“แต่บังเอิญข้ามันเป็นหมาหิวโซซะด้วยสิ กินเท่าไหร่ก็ไม่รู้จักอิ่ม”
หมอไสย์หัวเราะอย่างสะใจ
รำพึงส่งเสียงกรี๊ดดังลั่น
“อีชุ่มเพราะเอ็งคนเดียว เพราะเอ็งคนเดียว”
รำพึงใช้มือเช็ดหน้า ลำคอ แขนอย่างขยะแขยงจากรอยสัมผัสจากหมอไสย์แล้วล้มตัวลงกับพื้น หยุดกรีดเสียงร้อง ใบหน้าโกรธแค้นยกมือขึ้นพนม
“ข้าขอสาบาน ชาตินี้ข้าจะต้องฆ่านังชุ่มด้วยมือของข้าเอง”
มือที่พนมค่อยๆกำแน่น น้ำตาลูกผู้หญิงไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ดูน่าสงสาร
ที่กระท่อมท้ายป่า ชุ่มทายาที่หัวขุนพิทักษ์
“แผลไม่ลึกมาก ไม่กี่วันก็คงหาย”
ขุนพิทักษ์จับมือชุ่มวางที่หัวใจ
“แผลตรงนั้นช่างมันเถอะ แผลตรงนี้หายก็พอแล้ว”
“ไม่ยักรู้ว่าท่านมีแผลที่ใจด้วย”
“เจ้าไม่รู้ได้ยังไง ในเมื่อเจ้าเป็นคนทำให้มันเกิดขึ้น เจ้าไม่ยอมพูดกับข้า ปล่อยให้ข้ากระวนกระวายใจคิดถึงเจ้าอยู่ตั้งนาน”
ขุนพิทักษ์โน้มหน้าพูดกับลูก
“ลูกจ๋า แม่ใจร้ายกับพ่อมากเลย”
“ใครกันแน่ที่ใจร้าย”
ขุนพิทักษ์ชะงักไปแล้วพูดอย่างจริงใจ
“ชุ่ม ข้าขอโทษกับเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมด ข้าจะไม่โทษว่าเป็นเพราะมนต์เสน่ห์ของรำพึง ข้าจะไม่โทษใครทั้งนั้น ข้าขอรับผิดแต่เพียงผู้เดียว แต่ข้าสาบาน ต่อไปนี้ข้าจะเป็นคนดี ข้าจะทำให้เจ้ากับลูกภูมิใจในตัวข้า ให้โอกาสข้านะชุ่ม”
“ข้าให้โอกาสท่าน ตั้งแต่วันแรกที่เราพบกันแล้วเจ้าค่ะ”
ขุนพิทักษ์กับชุ่มกอดกันแน่น
ที่หน้าเรือนขุนไว จวงเดินงุ่นง่านไปมาอย่างร้อนใจ
“คุณรำพึงเจ้าขา...จะครึ่งคืนค่อนคืนเข้าไปแล้ว ทำไมยังไม่กลับอีก ไอ้หมอไสย์พาขึ้นไปทำพิธีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์หรือไง”
เสียงคนเดินบันไดดังขึ้น จวงรีบเสนอหน้าวิ่งไป
“กลับมาแล้วเหรอเจ้าคะคุณรำ...”
ขุนไวเดินขึ้นบันไดมา จวงตกใจ
“ท่านขุนไว”
“เจ้ามาทำอะไรตรงนี้”
จวงรีบแก้ตัว
“เอ่อ...ก็...ก็มารอรับใช้ท่านขุนไวไงเจ้าคะ”
จวงยิ้มเผล่
“น้องรำพึงอยู่ไหน”
จวงคิดหาข้อแก้ตัว
“เอ่อ...อยู่”
ขุนไวรำคาญพลางตะคอก
“ข้าถามว่าน้องรำพึงอยู่ไหน !”
จวงสะดุ้งโหยง
“ไม่อยู่เจ้าค่ะ”
“ไม่อยู่”
“ไม่อยู่...ตรงนี้ แต่อยู่ อยู่ในห้องเจ้าค่ะ”
ขุนไวเดินไปทางห้องทันที
“ให้นังจวงไปนอนรอในหลุมน่าจะง่ายกว่าเยอะเลย...ท่านขุนไวเจ้าขา”
จวงรีบตามไป
ขุนไวเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน
“น้องรำพึง...”
ขุนไวไม่เห็นรำพึงอยู่ในห้อง จวงวิ่งตามเข้ามา
“นังจวง ไหนน้องรำพึง”
“เอ่อ...คุณรำพึงไม่ได้อยู่ห้องนี้เจ้าค่ะ แต่อยู่ห้อง....ห้องพระเจ้าค่ะ”
ขุนไวเสียงเข้ม
“นังจวง!”
จวงสะดุ้งโหยง เหงื่อแตก
“เอ่อ...”
ขุนไวดึงดาบออกจากฝัก
“ถ้าเอ็งไม่พูด ข้าจะไม่ให้โอกาสเอ็งได้พูดอีกต่อไป”
จวงเบะหน้าจะร้องไห้
“หึ...หึ...ฮือ คุณรำพึงไป...”
“น้องอยู่นี่ค่ะคุณพี่”
ขุนไวกับจวงหันไปเห็นรำพึงยืนอยู่ที่ประตู จวงโล่งใจ เข่าอ่อนจะเป็นลม
จวงบ่นพึมพำ
“รอดตายแล้วอีจวง”
ขุนไวปราดเข้าไปหารำพึง
“น้องรำพึงไปไหนมา”
“น้องลงไปทำข้าวต้มให้คุณพี่ค่ะ เผื่อคุณพี่กลับมาจะหิว น้องให้นังจวงรอรับคุณพี่ แต่น้องได้ยินบ่าวคุยกันว่า คุณพี่กลับมาแล้วก็เลยรีบขึ้นมา ยังไม่ทันได้ต้มข้าวเลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรจ๊ะ พี่ไม่หิว...”
ขุนไวหันไปเล่นงานจวง
“น้องรำพึงไปเข้าครัว ทำไมเอ็งต้องทำเหมือนมีลับลมคมใน”
“เอ่อคือ...คือ”
รำพึงช่วยจวงทันควัน
“นังจวงมันกลัวโดนคุณพี่ทำโทษที่ยอมปล่อยให้น้องเข้าครัวตอนมืดค่ำ”
“ใช่เจ้าค่ะ ใช่เลยเจ้าค่ะ”
“แต่มันน่าโดนลงหวายซะให้เข็ด น้องรำพึงไม่สบายอยู่ มันยังจะปล่อยให้น้องไปตรากตรำ”
“เอ็งออกไปได้แล้วนังจวง”
“เจ้าค่ะ”
จวงออกไปแล้วปิดประตู ขุนไวกอดรำพึง
“พี่ขอโทษนะที่พี่กลับดึก ท่านเจ้าคุณพิชัยไม่ยอมให้พี่กลับ พี่คิดถึงน้องรำพึงใจแทบขาด”
ขุนไวจะจูบ รำพึงเบี่ยงตัวหลบ
“อย่าค่ะคุณพี่”
“หมู่นี้น้องเป็นอะไรไป ไม่ให้โอกาสพี่ได้ชื่นใจเลยสักคืน”
“คือ...น้องอยากพักผ่อนน่ะค่ะ น้องปวดหัว”
รำพึงเดินเข้าไปในห้อง ขุนไวมองตามพลางถอนหายใจ
พระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ภายในกระท่อม ชุ่มนอนหลับอยู่บนแคร่ มีเสียงไม้กระทบกันป๊อกๆ
ชุ่มรู้สึกตัวตื่น ข้างตัวว่างเปล่าไม่เห็นขุนพิทักษ์ ชุ่มมองออกไปทางเสียง
เสียงดังป๊อกๆ ยังดังต่อเนื่อง ชุ่มออกมาจากในกระท่อม มองไปทางเสียง ขุนพิทักษ์กำลังผ่าฟืนท่าทางเก้ๆ กังๆ แต่ดูตั้งใจมาก ข้างๆ มีกองไฟตั้งหม้อข้าว
“ท่านขุน ท่านลุกขึ้นมาทำไม เดี๋ยวข้าทำเอง”
“ข้าหายดีแล้ว”
“แต่แผลท่าน...”
“เจ้าดูแลข้ามามากพอแล้ว ต่อไปนี้ให้ข้าได้ทำหน้าที่ดูแลเมียกับลูกของข้าบ้าง”
“แต่...”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่ม มองด้วยสายตาวิบวับ
“ถ้าเจ้ายังดื้อ ข้าจะทำโทษเจ้า เจ้าก็รู้จักข้าดี ว่าข้าพูดจริงทำจริง”
ขุนพิทักษ์ยื่นหน้าจะจูบ ชุ่มผละออกจากขุนพิทักษ์ รีบเดินออกไปอย่างอายๆ ขุนพิทักษ์อมยิ้ม มองตาม แล้วฝ่าฟืนต่อ
ผ่านเวลาไปหลายวัน ... เวลากลางวัน ขุนพิทักษ์หน้าเปื้อนถ่านดำเป็นปืด เพราะเป่ากองไฟต้มข้าว ชุ่มมองขุนพิทักษ์แล้วอมยิ้มขำกับหน้าดำๆของขุนพิทักษ์
ขุนพิทักษ์แปลกใจ ลูบหน้าตัวเองถึงรู้ว่า เปื้อนสีดำ
ขุนพิทักษ์เอาสีดำที่มือป้ายหน้าชุ่ม ชุ่มหลบ ทั้งสองหยอกกันไปมาดูมีความสุข
ภายในเรือน เวลากลางคืน ชุ่มกับขุนพิทักษ์นั่งพนมมือสวดมนต์ก่อนนอน ชุ่มท่องก่อน ขุนพิทักษ์ท่องตาม
เวลากลางวันที่หน้าเรือน แจ่มถือตะกร้าใส่ของกินมากมาย ขุนพิทักษ์รีบลุกไปช่วยรับของจากแจ่ม แจ่มมองขุนพิทักษ์อย่างรู้สึกดี
ในเรือนเวลากลางคืน ขุนพิทักษ์กางมุ้งให้ ชุ่มยิ้มปลื้ม ขุนพิทักษ์จับท้องชุ่มแล้วยิ้มให้กันอย่างมีความสุข
วันใหม่ จวงหิ้วตะกร้าเพิ่งกลับจากตลาด ขณะเดินชมนกชมไม้อย่างอารมณ์ดี หมอไสย์โผล่มาดักหน้า
“ว้าย ! ตาเถร อกอีจวงแหก ท่านหมอไสย์ วันหลังอย่าโผล่มาแบบนี้อีกล่ะ ข้าตกใจ”
“นายเอ็งอยู่ไหน”
“อยู่ที่เรือน ถามทำไม”
“บอกนายของเอ็งด้วย ถึงเวลาจ่ายข้าแล้ว”
“จ่ายค่าอะไร”
“นายเอ็งรู้ดี บอกนายเอ็งด้วย อย่าช้า ไม่งั้นข้าจะให้ขุนไวชดใช้แทน”
หมอไสย์ยิ้มร้าย
ในเวลาต่อมา รำพึงปาของในห้องนอนลงกับพื้น
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว ข้าเกลียดมัน”
“คุณรำพึงไปติดหนี้อะไรไอ้หมอไสย์เจ้าคะ”
“ไม่ใช่เรื่องของเอ็ง”
“ไม่ใช่ก็ไม่ใช่เจ้าค่ะ แต่จวงว่าคุณรำพึงติดหนี้อะไรหมอไสย์ก็เอาไปจ่ายมันเถอะเจ้าค่ะ สมบัติ เงินทองคุณรำพึงก็มีออกมากมาย ถ้าไม่พอ ที่นาผืนใหญ่ผืนเล็กคุณรำพึงก็มี จ่ายๆ มันซะก็สิ้นเรื่อง”
รำพึงยิ่งโมโห ตบจวงจนล้มคว่ำ
“ถ้าเอ็งไม่หยุดพูด เอ็งได้ตายคามือข้าแน่”
“ที่จวงพูดเพราะจวงเป็นห่วงทูนหัวของบ่าวนะเจ้าคะ จวงไม่อยากเห็นทูนหัวทุกข์ใจเพราะคนอย่างไอ้หมอไสย์”
รำพึงเห็นจวงร้องไห้แววตาก็อ่อนลง อย่างน้อย...จวงก็ยังมีความห่วงใย รำพึงร้องไห้
“ไอ้หมอไสย์มันข่มเหงข้า”
จวงช็อกตาโต
“หา ! คุณรำพึง ไอ้หมอไสย์ ไอ้ชั่ว”
จวงกอดรำพึง
“โธ่...ทูนหัวของบ่าว ทำไมชีวิตถึงได้อาภัพเช่นนี้”
“จวง เอ็งต้องช่วยข้าจัดการมัน”
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 12/7 วันที่ 7 มี.ค. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager