อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/3 วันที่ 8 มี.ค. 56
“ข้ารู้ ไม่มีใครห่วงข้าเท่ากับเอ็งอีกแล้วชุ่ม”“เราจะไปจากที่นี่กันรึยังเจ้าคะ”
“ข้าขอออกไปดูลาดเลาก่อนว่าพวกไอ้ไว มันมาป้วนเปี้ยนแถวนี้รึเปล่า และข้าจะไปหาเสบียงมาเพิ่มด้วย”
ขุนพิทักษ์หยิบกริชที่อยู่ในห่อผ้าขึ้นมาส่งให้ชุ่ม
“เอ็งเก็บกริชนี้ไว้ เพื่อมีอะไรจะได้เอาไว้ป้องกันตัว ข้าจะรีบไปรีบมา”
ชุ่มรับกริชมาไว้ ขุนพิทักษ์หยิบกระบอกน้ำแล้วรีบออกไป ชุ่มมองตามอย่างเป็นห่วง
ภายในกระท่อมท้ายป่า จวงถือถังน้ำสาดใส่แจ่มจนสะดุ้งฟื้น แจ่มเงยหน้ามองรำพึงด้วยแววตารังเกียจและแข็งกร้าว
“มันฟื้นแล้วเจ้าค่ะ...”
“ไงนังทาสผู้ภักดี เสียใจด้วยนะที่เอ็งต้องกลายเป็นหมาโดนทิ้งแบบนี้ นังใบ้”
แจ่มพยายามดิ้นให้หลุดจากการมัด พร้อมส่งเสียง
“ดูมันสิเจ้าคะ ไปไหนไม่ได้แล้วยังจะอวดดีอีก”
รำพึงเข้าไปลูบหัวแจ่ม แจ่มขู่ใส่
“ข้าต้องขอบใจเอ็งมากนะนังใบ้ ที่พาข้ามาถึงรังรักของนังชุ่ม ถ้านังชุ่มมันตาย เอ็งจะมาโทษข้าไม่ได้ เอ็งต้องโทษตัวเองที่เกิดมาโง่..ข้าเตือนแล้วใช่มั้ยว่าถ้าอยากมีชีวิตอยู่อย่างสงบ ก็อย่าหาเรื่องใส่ตัว”
แจ่มถุยน้ำลายใส่หน้ารำพึง จวงตาโตและพูดแบบกลัวๆ
“สงสัยจะไม่ได้แก่ตายแล้วนังน้าแจ่ม”
รำพึงปรี๊ดสะบัดหัวแจ่มออกจากมือ จนแจ่มหน้าคว่ำ
“อวดดีนัก ถ้ารักนังชุ่มมันนัก ข้าก็จะสงเคราะห์ให้ได้ตายไปพร้อมๆกัน”
รำพึงสะบัดหน้าออกไป จวงยังมองแจ่มแล้วทำท่าปาดคอแบบกลัวๆ กลืนน้ำลาย
“ไม่รอด”
แจ่มคลั่งคำรามใส่จวง จวงรีบวิ่งแจ้นตาม รำพึงออกไป ทิ้งแจ่มให้ร้องไห้และพยายามดิ้นหนี
ขุนพิทักษ์เดินมาถึงลำธารน้ำแล้วรีบใช้กระบอกวักน้ำ แต่เสียงที่ลอยมา ทำให้ขุนพิทักษ์ต้องชะงัก
“ยังไม่มีวี่แววเลย ไม่รู้ป่านนี้พวกมันไปถึงไหนต่อไหนแล้ว”
ขุนพิทักษ์รีบหาทางหลบหลังต้นไม้ใหญ่
“นั่นสิ แล้วถ้าไม่เจอจะทำไงกันวะนี่”
“นี่ยังดีนะที่จับนังแจ่มใบ้ได้ ไม่งั้นพวกเราหัวขาดกันทุกคนแน่”
“แต่จะว่าไปก็สงสารนังแจ่มใบ้นะ ไม่น่าไปที่กระท่อมเลยเลยโดนหางเลขไปด้วย เอ็งว่าท่านขุนจะเชือดนังใบ้หรือเปล่าวะ”
“ไม่รู้ว่ะ ข้าว่าเรื่องนี้อยู่ที่คุณรำพึงมากกว่าไม่ใช่ท่านขุน”
ลูกน้องขุนไวเดินผ่านไป ขุนพิทักษ์มีสีหน้ากังวลด้วยความเป็นห่วงแจ่ม
ภายในถ้ำเวลาเย็น ชุ่มตกใจ
“น้าแจ่มโดนจับ”
“ข้าต้องไปช่วยแจ่ม”
ขุนพิทักษ์ลุกพรวด ชุ่มคว้ามือหมับ
“ท่านขุน”
“แจ่มช่วยข้ามาตลอด ถึงเวลาที่ข้าต้องตอบแทนบ้าง ข้าคงมีชีวิตอยู่ไม่เป็นสุข ถ้าข้าทิ้งแจ่มไว้แบบนั้น”
ชุ่มพยักหน้าจับมือขุนพิทักษ์
“เจ้าค่ะ ท่านขุนไปช่วยน้าแจ่มเถอะเจ้าค่ะ”
“รอข้าอยู่ที่นี่ อย่าไปไหน รอจนกว่าข้าจะกลับมา”
“แต่ท่านต้องสัญญาว่าท่านจะกลับมาอย่างปลอดภัย”
“ข้าต้องมีชีวิตกลับมา เพื่อเอ็ง เพื่อลูก”
ขุนพิทักษ์กอดชุ่มไว้แน่นยืนยันคำสัญญา
เวลาเย็นที่กระท่อมท้ายป่า ลูกน้องขุนไวเอาถาดอาหารมาวางตรงหน้าแจ่ม
“เอ้า ! กินซะเดี๋ยวจะตายซะก่อน”
แจ่มเกรี้ยวกราดมองด้วยความโกรธ ถีบจานอาหารกระเด็น
“วะ... นังใบ้นี่ งั้นก็ไม่ต้องกิน ฤทธิ์เยอะนัก”
ลูกน้องขุนไวเดินฉุนเฉียวออกไป แจ่มได้แต่นั่งร้องไห้
“คุณหญิงเจ้าขา ช่วยปกป้องท่านขุนกับนังชุ่มให้ปลอดภัยด้วยนะเจ้าคะ”
ลูกน้องขุนไวเดินลงมาจากเรือน คุยกับเพื่อนที่เฝ้าเวรอยู่
“เฮ้ย!ข้าฝากดูนังใบ้มันก่อน พูดไม่รู้เรื่อง เสียอารมณ์”
ลูกน้องเดินไปทางหลังเรือน ขุนพิทักษ์ยืนแอบซุ่มอยู่หลังต้นไม้ บริเวณหน้าเรือน ลูกน้องคนที่สองถูกตีคว่ำด้วยท่อนไม้ใหญ่ในมือขุนพิทักษ์ ท่านขุนรีบวิ่งขึ้นเรือนไป
ภายในเรือน แจ่มซุกหน้าแนบกับเข่า แจ่มสะดุ้งเฮือกพร้อมสู้เมื่อประตูเปิด ภาพตรงหน้าคือ ขุนพิทักษ์ แจ่มแทบไม่เชื่อสายตา แจ่มส่งเสียงด้วยความดีใจปนกลัว ขุนพิทักษ์รีบเข้าไปช่วยแก้มัด
“ไม่ต้องกลัวนะแจ่ม ข้ามาช่วยแล้ว”
แจ่มร้องไห้น้ำหูน้ำตาไหล
บริเวณหน้าเรือน ลูกน้องคนแรกเดินกลับมาเห็นลูกน้องคนที่สองล้มอยู่
“เฮ้ย...ไอ้ช่วย ใครทำเอ็งวะ ! ไอ้ช่วย”
ลูกน้องคนที่สองเริ่มรู้สึกตัว ลูกน้องคนแรกตะโกนเรียกพวกลั่น
“เฮ้ย...มีคนบุกโว้ย!”
ด้านใน ขุนพิทักษ์ได้ยินเสียงลูกน้อง ขุนพิทักษ์เร่งแกะเชือกจนหลุดหมด
“ไปแจ่ม”
จังหวะที่ขุนพิทักษ์พาแจ่มลุก ลูกน้องคนแรกเข้ามาพร้อมดาบ
“มาให้จับถึงที่ก็ดี จะได้ไม่ต้องเหนื่อยตามหา”
ลูกน้องคนแรกเข้าชาร์ท ขุนพิทักษ์สู้ 3- 4 ดอกจนขุนพิทักษ์แย่งดาบมาได้ ขุนพิทักษ์จัดการลูกน้องคนแรกจนร่วงลงไป ข้าวของล้มคว่ำกระจาย
ที่ด้านนอก ขุนพิทักษ์พาแจ่มออกมาเจอกับลูกน้องคนที่สองที่ได้สติ
“แจ่ม ไปก่อน ทางนี้ข้าจัดการเอง”
แจ่มส่ายหัวไม่ยอมไป แต่ผลักให้ขุนพิทักษ์เป็นฝ่ายไป
จังหวะนั้น ลูกน้องขุนไวคนที่สี่และห้าเข้ามาสมทบ ลูกน้องคนที่สองเข้าโจมตีขุนพิทักษ์ ลูกน้องคนอื่นเข้าช่วย ขุนพิทักษ์ถูกรุม
ภายในถ้ำ ชุ่มนั่งชะเง้อคอรอขุนพิทักษ์ ชุ่มพนมมือขึ้น
“ขอให้ท่านขุนกับน้าแจ่มปลอดภัยด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
ทันใดนั้นชุ่มก็มีอาการปวดท้องมาก ชุ่มทรุดลงไปนั่ง
“โอ้ย...!”
ชุ่มคลานลงไปนอนบนผ้าที่ขุนพิทักษ์ปูไว้ให้
“ลูก...”
ชุ่มใช้มือหนึ่งจับท้องเหงื่อแตกพลั่ก และเริ่มร้องด้วยความเจ็บ
จวงเดินถือถาดดอกไม้เดินตรงมาที่เรือนขุนไว ลูกน้องคนที่สามวิ่งเข้ามาชนโครม ถาดดอกไม้ตกกระจาย จวงโวยวาย
“เฮ้ย...วิ่งไล่ควายมาหรือไง ชนเข้ามาได้ นี่คนนะเว้ยไม่ใช่ควาย”
ลูกน้องคนที่สามไม่สนใจจะรีบวิ่งขึ้นเรือน จวงฉุดเอาไว้และตบปากลูกน้อง ดังเพี๊ยะ!
“นี่แน่ะ ชนแล้วหนี ไม่คิดจะขอโทษสักคำ ตบให้ปากฉีกเลย”
“ตบข้าปากฉีก ข้าพูดไม่ได้ขึ้นมา เอ็งจะแย่นะโว้ย”
“เอ็งพูดอะไรของเอ็ง”
“ก็ข้าต้องบอกท่านขุนไว ว่าขุนพิทักษ์มันบุกมาที่กระท่อมท้ายป่า”
“ห๊า...จริงเหรอวะ”
“ก็เออสิวะ ตอนนี้พวกที่อยู่ที่โน่นกำลังจับมันอยู่”
“เอ็งไปได้แล้ว”
“อ้าว! จะไปได้ไง ข้ายังไม่ได้บอกท่านขุนเลย”
“ข้าจะบอกท่านขุนให้เอง เอ็งไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวข้าจะเอ่ยชื่อเอ็ง เอ็งจะได้ได้รางวัลอย่างงาม”
“จริงนะ”
“จริงสิ...ไม่ต้องห่วงหรอกน่า”
ลูกน้องหลงเชื่อจวงแล้ววิ่งกลับไปทางเดิม
“ไอ้โง่...ข้านี่เรอะจะไปบอกท่านขุนไว เรื่องท่านขุนพิทักษ์ทูนหัวของบ่าวต้องรู้เป็นคนแรกโว้ย”
จวงรีบพรวดพราดขึ้นเรือนไป
นอกกระท่อมท้ายป่า ขุนพิทักษ์ฟันสมุนขุนไวได้ แต่อีกฝั่งก็เข้าโจมตี
“แจ่ม หนีไป”
จังหวะที่ขุนพิทักษ์หันมาทางแจ่ม ลูกน้องขุนไวก็เข้าถีบขุนพิทักษ์จนกระเด็น ขุนพิทักษ์เสียหลัก ลูกน้องขุนไวได้ทีเงื้อดาบหมายจะแทง
แจ่มเห็นแล้วตะโกนสุดเสียง ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปผลักขุนพิทักษ์ และใช้ร่างตัวเองรับดาบนั้นแทน ปลายดาบจ้วงเข้าไปที่แจ่ม แจ่มทรุดลงกับพื้น น้ำตาหยด
ขุนพิทักษ์เห็นถึงช็อก
“แจ่ม!”
แจ่มมองขุนพิทักษ์ก่อนร่างจะร่วงลงไปที่พื้น ขุนพิทักษ์เข้าไปประคองแจ่ม จังหวะนั้นเองที่ลูกน้องของขุนไวกรูเข้ามาใช้ดาบล้อมขุนพิทักษ์เอาไว้
ภายในถ้ำ ชุ่มเบ่งด้วยความเจ็บปวดทรมาน เหงื่อปนน้ำตาของชุ่ม เต็มใบหน้า ชุ่มร้องเสียงเจ็บปวดเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่ชุ่มจะกรี๊ด เสียงเด็กร้องดังสนั่น ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของชุ่มยิ้มออกมาได้
ลูกน้องคนที่สองใช้เชือกมัดมือขุนพิทักษ์โยงกับขื่อเรือน เท้าของพิทักษ์ถูกมัดแน่นหนา
“รอให้ท่านขุนไวมาก่อน ท่านจะได้ตายสมกับที่รนหาที่แน่”
ลูกน้องคนที่สองเดินออกไป ลูกน้องคนที่สี่และห้าช่วยกันลากลูกน้องคนแรกที่ตายแล้วออกไปจากเรือน แต่มีดสั้นที่ตกอยู่ที่พื้น
ขุนพิทักษ์เห็นมีดพยายามตะเกียกตะกายเข้าหามีด แต่ไม่สำเร็จ ขุนพิทักษ์หอบเหนื่อยด้วยความหงุดหงิดหนัก
รำพึงกับจวงเดินมาตามทางในเวลากลางคืน
“พอไปถึง เอ็งเฝ้าที่หน้าเรือนไว้ ห้ามให้ใครเข้าไปในเรือน” รำพึงสั่ง
“รวมทั้งท่านขุนไวด้วยหรือเปล่าเจ้าคะ”
“นั่นแหละคนที่ห้ามเข้าไปเด็ดขาด เพราะข้ามีเรื่องต้องสะสางกับคุณพี่พิทักษ์”
“เจ้าค่ะ ! แต่ทูนหัวของบ่าวอย่าเข้าไปนานนะเจ้าคะ จวงยิ่งแพ้ทางท่านขุนไวอยู่ เดี๋ยวความจะแตกกันพอดี ว่าจวงแจ้นไปบอกเรื่องนี้กับคุณรำพึงก่อนท่านขุนไว”
“ข้ารู้..ข้าไม่ได้โง่เหมือนเอ็ง”
รำพึงเร่งฝีเท้าเดิน จวงเร่งตาม
รำพึงเดินเข้าไปหาพิทักษ์
“ต่อให้หนีไปสุดหล้าฟ้าเขียว ยังไงคุณพี่ก็หนีน้องไม่พ้น”
“รำพึง หยุดซะทีเถอะ จะตามจองล้างจองผลาญกันเพื่ออะไร”
“เพื่อทวงคำสัญญาที่คุณพี่เคยให้ไว้กับน้องไง คุณพี่เคยให้คำมั่น ว่าจะรักกันจนวันตาย แม้แต่ชีวิตก็ยอมพลีได้ คุณพี่เคยให้คำมั่นว่าชีวิตนี้จะมีน้องเพียงคนเดียว แต่สุดท้ายคุณพี่ก็ผิดคำสัญญากลับไปรักนังชุ่ม คุณพี่เอาหัวใจน้องไปย่ำยี”
“เพราะหัวใจของเจ้าเต็มไปด้วยไฟริษยาอาฆาต ต่อให้เจ้าเป็นนางฟ้านางสวรรค์พี่ก็รักไม่ลง”
รำพึงเจ็บจี๊ด
“ที่น้องทำทุกอย่างเพราะน้องรักคุณพี่ น้องผิดตรงไหนที่น้องพยายามจะชิงดวงใจของน้องคืนมาจากนังชุ่ม”
“ความรักคือการให้ไม่ใช่การทำลาย แต่ความรักของเจ้าทำลายทุกคน เผาผลาญทุกอย่าง รวมถึงตัวเจ้าเอง”
รำพึงร้องไห้เบือนหน้าหนี
บนเรือนลูกน้องคนที่สามที่เดินชนกับจวงบ่นกับลูกน้องอีกคน
“คุณรำพึงไปที่กระท่อมคนเดียว ก็ไหนนังจวงบอกว่าจะไปเรียนท่านขุนไว”
จังหวะนั้นขุนไวกลับมา
“มีอะไรกัน!”
“ท่านขุนขอรับ พวกเราจับขุนพิทักษ์ได้แล้วขอรับ”
“แล้วทำไมไม่รีบให้คนไปบอกข้า”
“ก็นังจวงมันบอกว่ามันจะแจ้งท่านขุนเอง กระผมก็ยังแปลกใจว่าทำไมเป็นคุณรำพึงที่ไปที่กระท่อม”
“น้องรำพึง...ทำแบบนี้หมายความว่ายังอาลัยอาวรณ์มันอยู่อีกเหรอ”
ขุนไวรีบรุดไปที่กระท่อม สมุนขุนไวตามไปติดๆ
“รำพึง...ยังไม่สายที่จะกลับไปแก้ไขทุกอย่าง” ขุนพิทักษ์บอก
รำพึงเริ่มใจอ่อน แต่...
“น้องมาไกลเกินกว่าจะถอยหลังกลับแล้ว”
“รำพึง...ทำไมเจ้าถึง”
“น้องจะให้ทางเลือกกับคุณพี่ ถ้าคุณพี่ต้องการมีชีวิตต่อไป เพียงแค่พูดออกมาว่ารักน้อง”
ขุนพิทักษ์ผิดหวังเบือนหน้าหนี รำพึงพูดต่อ
“แค่รักน้อง มันทำยากนักหรือไง โกหกก็ได้ พูดออกมาสิค่ะคุณพี่ พูดออกมา”
รำพึงเขย่าตัวขุนพิทักษ์แล้วกอดขุนพิทักษ์ทั้งน้ำตา
“พี่เลือกแล้ว ชุ่ม คือผู้หญิงเพียงคนเดียวที่พี่จะรัก”
“ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนใจของคุณพี่จากนังชุ่มได้ นอกจากความตายใช่มั้ย”
รำพึงเดินไปหยิบมีดสั้นที่มุมหนึ่ง
“ถ้าการตายของพี่จะเป็นการชดใช้บาปทั้งหมดที่พี่ทำไว้กับน้อง และมันจะทำให้เรื่องทุกอย่างจบลง...พี่ก็เต็มใจตาย”
น้ำตารำพึงไหลพราก
บริเวณหน้าเรือน จวงหันไปเห็นบางอย่างก็ชะงักตาโต
ขุนไว และลูกน้องเดินตรงมาที่กระท่อม จวงรีบตะโกนบอกรำพึง
“คุณรำพึงเจ้าขา ท่านขุนไวมาแล้วเจ้าค่ะ”
ในเรือน รำพึงหันขวับ
“ฆ่าพี่ซะ เพราะถึงน้องไม่ลงมือไอ้ไวมันก็บั่นคอพี่อยู่ดี แต่นั่นหมายถึงการตายของพี่ไม่ได้เป็นการชดใช้บ่วงกรรมระหว่างเรา รำพึง มือของเจ้าจะช่วยปลดบาปให้กับพี่ ทุกอย่างมันจะได้จบสิ้นกันเสียที”
รำพึงยกมีดขึ้น ขุนพิทักษ์หลับตา รำพึงฟันฉับ มีดตวัดไปตัดเชือกขาด
“บ่วงกรรมของเรายังไม่จบสิ้น”
รำพึงเอามีดยัดใส่มือขุนพิทักษ์ที่มองอย่างงงๆ
จวงออกจากที่ซ่อนมาที่หน้ากระท่อม ขุนไวพุ่งเข้ามาถึงพอดี
“ท่านขุนเจ้าขา!”
ขุนไวยังไม่ทันได้พูดอะไร เสียงรำพึงในกระท่อมร้องกรี๊ด ประตูกระท่อมเปิดออกมา
“ช่วยด้วย ช่วยข้าด้วย”
รำพึงจับมือขุนพิทักษ์ให้เอามีดจี้ตนเอง ขุนพิทักษ์พยายามยื้อ แต่รำพึงไม่ยอมปล่อย
“ไอ้พิทักษ์!”
“คุณพี่ถอยไปค่ะ ไม่งั้นมันฆ่าน้องแน่”
ขุนไวกระชับดาบ
“ปล่อยน้องรำพึงเดี๋ยวนี้!”
“รำพึง...”
รำพึงกัดฟันพูดในคอกับขุนพิทักษ์
“ถ้าคุณพี่ไม่ทำแบบนี้ ก็ต้องตายที่นี่...เลือกเอา”
รำพึงหันไปพูดกับขุนไว
“บอกให้คนของคุณพี่ถอยไปเถอะนะคะ หรืออยากเห็นน้องตายตรงนี้”
ขุนไวกัดกรามแน่น
ชุ่มอุ้มลูกขึ้นมาตรงหน้า ชุ่มค่อยๆบรรจงจูบลูกเบาๆ
“ลูกแม่…”
ชุ่มน้ำตาคลอที่เห็นเลือดในอกของตัวเอง
“พ่อกลับมา พ่อจะต้องดีใจที่ได้เห็นหน้าลูก”
เด็กน้อยร้องเหมือนรับรู้
“พ่อกำลังกลับมาหาลูกนะจ๊ะ คนดีของแม่”
ชุ่มอุ้มลูกไว้กับอกด้วยความรู้สึกสุดรัก
ในป่า รำพึงลากขุนพิทักษ์มาได้สักระยะ ขุนพิทักษ์ก็ผลักรำพึงออก
“ทำไมต้องทำแบบนี้”
อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13/3 วันที่ 8 มี.ค. 56
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียาละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager