@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13 วันที่ 7 มี.ค. 56


อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13 วันที่ 7 มี.ค. 56

“โธ่...ทูนหัวของบ่าว ทำไมชีวิตถึงได้อาภัพเช่นนี้”
“จวง เอ็งต้องช่วยข้าจัดการมัน”
“จะให้จวงทำอะไรสั่งมาได้เลยเจ้าค่ะ ใครแตะต้องทูนหัวของบ่าว มันต้องตาย”
“ใช่ มันต้องตาย”

รำพึงสีหน้าโกรธแค้น
หมอไสย์ยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง รำพึงเปิดประตูเข้ามา หมอไสย์หันไปมองแล้วยิ้ม
“มาเร็วดีนี่”

“แค่ข้ารู้ว่าท่านยังต้องการข้า ใจข้าก็มาถึงที่นี่นานแล้ว”



รำพึงกอดหมอไสย์
“ข้าสารภาพตั้งแต่คืนนั้น ข้าไม่เคยนอนหลับอีกเลย ข้าคิดถึงท่าน”
หมอไสย์ดึงตัวรำพึงออกแล้วจ้องหน้าไม่เชื่อ
“เจ้าคิดจะทำอะไรบอกข้ามาดีกว่า”
“ท่านนั่นแหละทำอะไรข้า ข้าถึงได้หลงท่านถึงเพียงนี้ ข้ายอมรับว่าข้าไม่เคยปรารถนาท่าน แต่ตอนนี้ข้าต้องการท่านยิ่งกว่าชายใด”
หมอไสย์ยิ้มภูมิใจ
“ข้าไม่เชื่อคำพูดเจ้า”
รำพึงกระซิบด้วยน้ำเสียงยั่วยวนข้างหูหมอไสย์
“ไม่เป็นไร ข้าจะทำให้ท่านเห็นเอง ว่าข้าหลงท่านมากแค่ไหน”
รำพึงมองลึกเข้าไปในดวงตาของหมอไสย์อย่างเชิญชวน ฝ่ายหมอไสย์จ้องตอบพลางกลืนน้ำลายลงคอ

บริเวณทางเดินหน้าเรือนท่านเจ้าคุณพิชัย จวงวิ่งหน้าตื่นเข้ามาเห็นขุนไวกับลูกน้องเดินอยู่ไกลๆ ก็รีบขยี้ผมตัวเองเอาดินมาทาตัวให้เปื้อนๆ ก่อนวิ่งเข้าไปหาขุนไว
“ท่านขุนไวเจ้าคะ เกิดเรื่องใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
ขุนไวตกใจ

ภายในเรือน รำพึงถอดประคำหมอไสย์ออก ฝ่ายหมอไสย์โน้มหน้าจูบรำพึงที่เบี่ยงตัวหลบ
“ไหนว่าจะทำให้ข้าเชื่อ”
รำพึงมองไปที่หิ้ง
“ข้าไม่ชอบที่นี่ ข้ารู้สึกเหมือนมีภูตผีจ้องมองอยู่ตลอดเวลา”
หมอไสย์ตาเยิ้มบอก
“อย่างนั้นเราไปหาความสุขกันที่อื่น”
“ที่น้ำตกดีไหม ข้าจะได้อาบน้ำให้ท่าน”
“เจ้านี่มันร้ายกาจนัก”
หมอไสย์ช้อนตัวรำพึงแล้วอุ้มออกไป

หมอไสย์อุ้มรำพึงมุ่งหน้าเดินไปที่น้ำตก รำพึงโอบรอบคอยิ้มเชิญชวนแต่ตาร้าย จวงวิ่งนำขุนไวเข้ามา
“นั่นเจ้าค่ะ”
“น้องรำพึง”
หมอไสย์ที่อุ้มรำพึงอยู่หันขวับไปมอง จู่ๆ รำพึงก็ส่งเสียงกรี๊ดและดิ้น ดึงทึ้งผมตัวเองให้หลุดลุ่ย
“ช่วยด้วย ปล่อยข้านะ ไอ้คนชั่ว ปล่อย”
หมอไสย์เข้าใจทุกอย่างในทันที
“นังรำพึง!”
หมอไสย์ปล่อยรำพึง ร่างรำพึงหล่นกระแทกพื้น จังหวะนั้น ขุนไวพุ่งเข้าไปฟันหลังและเสียบดาบที่ท้องหมอไสย์เต็มๆ หมอไสย์ล้มลงกระอักเลือด
“น้องรำพึงเป็นอะไรหรือเปล่า”
รำพึงร้องไห้
“ไม่ค่ะ คุณพี่ช่วยน้องด้วย มันจะขู่เอาเงินจากน้อง น้องไม่ให้ มันเลยบอกว่าจะโพนทะนาให้ทั่วว่าคุณพี่ฆ่าครอบครัวขุนพิทักษ์ น้องยอมไม่ได้เข้าทุบตีมัน มันเลยลากน้องมาข่มเหงน้ำใจ”
“ตอแหล !” หมอไสย์โพล่งขึ้น
รำพึงหันไปบอกขุนไวทันที
“น้องจะโกหกให้ได้อะไร”
“ใช่ คุณรำพึงไม่ได้โกหก จวงเป็นพยานได้”
“เพราะเอ็งไม่อยากให้ผัวเอ็งรู้ว่าข้าก็เป็นผะ...”
รำพึงเข้าตบผั๊วะแล้วทุบตีเพื่อเบี่ยงประเด็นทันที
“ไอ้ชั่ว ไอ้เลว”
ขุนไวอึ้งโกรธจัด เข้าไปจับดึงรำพึงออกมา
“ถ้ามันยังมีชีวิตอยู่ น้องคงไม่พ้นโดนนินทาว่าเป็นผู้หญิงสามผัว”
หมอไสย์อ่อนแรงบอก
“นังแพศยา…”
“ไอ้สารเลว !”
ขุนไวแทงดาบเข้ากลางตัวหมอไสย์อีกครั้ง หมอไสย์ตาเหลือก รำพึงยิ้มอย่างสะใจ แต่จวงปิดตา ทนดูไม่ได้
หมอไสย์ตาปรือนอนจมกองเลือด จ้องรำพึงเขม็ง
“อีรำพึง ข้าขอจองเวรกับเอ็งทุกชาติไป”
หมอไสย์หมดสติ รำพึงอยู่ในอ้อมกอดของขุนไว
“น้องกลัวเหลือเกินค่ะคุณพี่”
“พี่จะเอาศพไอ้คนชั่วมันไปทิ้งลงเหว”
“ไม่ต้องค่ะ ทิ้งไว้อย่างนี้ ปล่อยให้แร้งกามาจิกกินให้มันไม่เหลือซาก!”
ขุนไวชะงักกึกไปเหมือนกัน แต่ยอมทำตามรำพึง ร่างหมอไสย์นอนแน่นิ่งอยู่ที่พื้น

ภายในห้อง เวลากลางคืน ขุนไวกับรำพึงนั่งลงบนเตียง รำพึงทำเป็นร้องไห้กระซิกๆ
“ยังไม่หายตกใจอีกหรือ”
“หายแล้วค่ะคุณพี่”
“แล้วน้องร้องไห้ทำไม”
“ไอ้หมอไสย์แตะต้องเนื้อตัวน้อง น้องกลัวคุณพี่รังเกียจน้อง”
รำพึงร้องไห้โฮ
“พี่ไม่รังเกียจน้อง ไม่มีวันที่พี่จะรังเกียจน้อง!”
รำพึงยิ้ม

ร่างหมอไสย์นอนจมกองเลือดอยู่กลางป่า จู่ๆ นิ้วก็กระดิก
วันใหม่ เวลากลางวัน ขุนพิทักษ์กับชุ่มนั่งกอดกันอยู่ที่ริมบึงน้ำ

“ท่านขุน เมื่อไหร่ท่านจะกลับไปที่เรือน”
“เอ็งผลักไสไล่ส่งข้ารึ”
“เปล่าสักนิด”
“แสดงว่าเจ้าต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่”
ชุ่มยิ้ม
“ก็สุดแล้วแต่ท่านขุนจะคิด”
ขุนพิทักษ์หมั่นเขี้ยว
“เอ็งนี่มันดื้อ ปากแข็งไม่เปลี่ยนเลยนะชุ่ม แค่เอ่ยปากอ้อนวอนให้ข้าอยู่กับเอ็งสักคำ มันยากนักหรือไง”
“ท่านขุนรู้ดีว่าข้าคิดอะไร ทำไมต้องให้ข้าพูด”
ทั้งคู่ต่างคนต่างยิ้มให้กัน
“ถ้าข้าไม่ได้เป็นขุนพิทักษ์ แต่เป็นแค่ไอ้พิทักษ์ชาวบ้านธรรมดาคนหนึ่ง เอ็งจะรักข้ามั้ย”
“ข้ารักท่าน ไม่ว่าท่านจะเป็นอะไร”
“งั้นต่อไปนี้จะไม่มีขุนพิทักษ์ ไม่มีสมบัติ ไม่มีเรือนใหญ่โตให้อยู่ เราจะมีแค่กระท่อมหลังนี้ กระท่อมเล็กๆ ที่เจ้ากับข้าจะอยู่ด้วยกันไปจนแก่เฒ่าดูลูกของเราเติบโตไปพร้อมกัน ตกลงไหมชุ่ม”
ชุ่มพยักหน้าน้ำตารื้นซึ้งใจ ขุนพิทักษ์จูบหน้าผากชุ่มอย่างแผ่วเบาด้วยความรักและทะนุถนอม
ทั้งสองกอดกันริมบึงน้ำสวยงามเช่นเดียวกับความรักของทั้งคู่

สองเดือนผ่านไป ที่กระท่อมท้ายป่า ขุนพิทักษ์นั่งสานปลาตะเพียนด้วยใบมะพร้าว ข้างตัวมีทลายมะพร้าวที่ยังไม่ได้เอาแกนกลางออก มีมีดเล่มเล็กและปลาตะเพียนสานแล้วหลายสิบตัววางอยู่
ชุ่มเดินท้องโย้ออกมาจากในกระท่อม มองผัวด้วยสายตารักและเอ็นดู แล้วกำลังจะเดินลงบันได
ขุนพิทักษ์เห็นชุ่มแล้วรีบวิ่งเข้าไปประคองลงจากกระท่อม
“ทำไมไม่เรียกข้า เกิดหกล้มขึ้นมาจะทำยังไง”
“ข้าเดินเองไหว”
“ไหวก็ไม่ให้เดิน ข้าห่วงลูกกับเมียข้า”
ขุนพิทักษ์หอมแก้มชุ่มฟอดใหญ่
“ท่านขุน !”
“เป็นไงข้าสานปลาตะเพียนสวยมั้ย”
“ใครสอนท่าน”
“แจ่มสอนข้า ตอนแรกแจ่มจะทำให้ แต่ข้าไม่ยอมหรอก เรื่องอะไร ลูกข้าข้าก็ต้องทำของเล่นให้เองสิ”
ขุนพิทักษ์นำก้านมะพร้าวกับมีดเล็กมาจะกรีดเอาแกนกลางออก แต่สะดุ้ง ถูกมีดบาดที่นิ้ว เลือดไหล ชุ่มอึ้ง กลัวเป็นลางร้าย
“ท่านขุน ข้าใจไม่ดี”
“ไม่มีอะไรทั้งนั้น ข้าสะเพร่าเอง”
ชุ่มพยักหน้า แต่ก็ยังไม่สบายใจอยู่ดี

ในเวลาเดียวกัน รำพึงปัดชามข้าวทิ้ง อาละวาดจนจวงสะดุ้ง
“เอาไปให้พ้น ข้าไม่อยากกิน”
“นั่นก็ไม่กิน นี่ก็ไม่กิน คุณรำพึงเป็นอะไรไปเจ้าคะ หรือว่าคิดถึงท่านขุนไว ท่านขุนไวไปราชการแค่เดือนเดียวเหลืออีกแค่ไม่กี่วันก็กลับมาแล้ว อดทนอีกนิดเถอะเจ้าค่ะ”
“ข้าไม่ได้คิดถึงคุณพี่ แต่ข้าไม่อยากกินกับข้าวเอ็ง รสชาติจืดชืด!”
“จืด น้ำพริกกะปิ แกงบอน นี่หรือเจ้าคะจืด งั้นคุณรำพึงว่าอะไรที่จัดจ้าน บอกอีจวงมาเลย อีจวงจะหามาให้เจ้าค่ะ”
รำพึงคิดก่อนตอบ
“ตะลิงปลิง ข้าอยากกินตะลิงปลิงจิ้มกะปิ”
“ที่เรือนท่านขุนไวไม่มีต้นตะลิงปลิง เวลานี้ตลาดก็วายหมดแล้ว รอพรุ่งนี้เช้าได้ไหมเจ้าคะ”
“ไม่ได้ ! ข้าจะกิน เอ็งต้องไปหามาให้ข้าเดี๋ยวนี้”
จวงเซ็ง
ที่ท่าน้ำเรือนคุณหญิงมณี จวงเดินถือตะกร้าเข้ามา
“โชคดีหรือโชคร้ายวะที่เรือนนังคุณหญิงมณีดันมีต้นตะลิงปลิง คุณรำพึงนะคุณรำพึง ไม่เป็นห่วงว่าผีนังคุณหญิง กับผีไอ้สมจะมาหักคอจวงบ้างเล๊ย”
จวงมองไปที่ท่าเรือ เห็นแจ่มถือข้าวของมากมายไปที่ท่าน้ำ จวงกระโดดหลบทันที
“นังแจ่มมันเอาของเยอะแยะไปไหนของมัน”
จวงแจ้นจะตามไป แต่แจ่มลงเรือไปก่อน เรือพายออกไปจากท่า ใบหน้าแจ่มดูของยิ้มระรื่น
“หน้าระรื่นแบบนี้ต้องมีลับลมคมในแน่ สงสัยต้องไปสืบความจากพวกปากสว่างในตลาดซะหน่อยแล้ว”
จวงหน้าตาสงสัยเข้าขั้นสาระแน

ภายในห้องนอนของรำพึง จวงวิ่งหน้าเริ่ดเข้ามา รำพึงรีบถาม
“ไหน ตะลิงปลิง”
“ไม่ได้ตะลิงปลิง แต่ได้ตะลึงแทนเจ้าค่ะ”
“อะไรของเอ็ง”
สีหน้าจวงอยากเล่ามาก
ทันทีที่รำพึงฟังจวงเล่าจบ
“นังแจ่มขนของไปฝากใครบางคนงั้นรึ”
“เจ้าค่ะ พวกแม่ค้าในตลาดบอกว่านานๆ ทีนังแจ่มจะมาตลาด มาทีก็ซื้อของสดของแห้งไปเยอะแยะ อ่อ ! แล้วมีคนเคยเห็นนังแจ่มเดินลับๆ ล่อๆ หายไปทางป่าหลังวัดด้วยเจ้าค่ะ เป็นยังไงเจ้าคะ ตะลึงเลยใช่ไหมเจ้าคะ”

รำพึงสีหน้าครุ่นคิด
“มันไปหาใคร”

“สัปเหร่อ ! มันต้องแอบไปกินกับสัปเหร่อแน่ๆ เจ้าค่ะ ต๊าย...ร้ายนักนะ เป็นใบ้แล้วยังไม่เจียม”
“ถ้ามันได้สัปเหร่อเป็นผัว มันพากันไปอยู่ที่เรือนร้างของคุณหญิงมณีไม่ดีกว่าหรือไง นังโง่”
“เออ..จริงด้วย งั้นเราไปเค้นเอาความจริงจากนังแจ่มมันเลยดีไหมเจ้าคะ”
รำพึงชักรำคาญ
“นังจวง คิดว่ามันจะตอบเอ็งเรอะ”
“เออ น่านสิ! แหม..อยากรู้จริงๆว่านังแจ่มมันไปหาใคร”
รำพึงสงสัยไม่แพ้จวง

วันใหม่ แจ่มเดินหิ้วตะกร้าใส่ของมาตามทาง ใครบางคนเดินตามหลังแจ่ม แจ่มรู้สึกได้ หันขวับไปมองแต่ไม่เห็นใคร แจ่มคิดว่าตัวเองคิดไปเอง จึงหันเดินกลับไป

แจ่มหิ้วตะกร้ามาที่กระท่อม ชุ่มท้องโย้ออกมาจากในกระท่อม รีบไปรับแจ่ม
“น้าแจ่ม ข้าช่วยจ้ะ”
แจ่มโบกมือห้าม ที่มุมหนึ่ง รำพึงกับจวงแอบมองอยู่หลังต้นไม้ รำพึงกับจวงอึ้ง จวงเขย่าแขนรำพึง
“นะ...นั่นมัน...นังชุ่ม! คุณรำพึงเจ้าขา นังชุ่มเจ้าค่ะ”
รำพึงสะบัดมือหันไปเอ็ดจวง
“ข้าเห็นแล้ว”
จวงยังมองไปที่กระท่อม ตาโตเป็นสองเท่า
“ผะ...ผะ...ผีหลอก !”
รำพึงหันไปมองตามจวง เห็นขุนพิทักษ์กำลังประคองชุ่มลงบันไดอย่างทะนุถนอม ตามแจ่มไปบนแคร่ รำพึงอึ้งตะลึงงัน
“คุณพี่...”
จวงกระโดดไปยืนหลบหลังรำพึง หลับตาปี๋
“ท่านขุนเฮี้ยนนัก ออกมาหลอกกลางวันแสกๆ พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย”
รำพึงผลักจวง
“หยุดสักทีนังจวง คุณพี่ไม่ใช่ผี คุณพี่ยังไม่ตาย”
“แต่ท่านขุนไวฆ่าท่านขุนพิทักษ์ไปแล้วไม่ใช่หรือเจ้าคะ”
“มันต้องมีอะไรผิดพลาด”
รำพึงเห็นขุนพิทักษ์หยอกเล่นกับชุ่มดูมีความสุข รำพึงกำมือแน่นอย่างเจ็บปวดใจ
“ปล่อยให้ข้าทุกข์ทรมานใจ แต่พวกมันแอบมามีความสุขกันอยู่ที่นี่ ข้าจะทำให้พวกมันทุกข์ทรมานยิ่งกว่าข้าเป็นร้อยเท่าพันเท่า”
รำพึงตาวาว ขุนพิทักษ์กอดหยอกล้อกับชุ่ม

ในเวลากลางคืน รำพึงยืนมองออกไปนอกหน้าต่าง ขุนไวเปิดประตูเข้ามาเดินไปสวมกอดรำพึง
“จวงบอกว่าน้องมีเรื่องจะคุยกับพี่ เรื่องอะไรจ๊ะ”
รำพึงดึงมือขุนไวออกจากตัว
“คุณพี่โกหกน้อง”
“โกหก”
“คุณพี่โกหกว่าฆ่าขุนพิทักษ์ ขุนพิทักษ์ตกเหวตายไปแล้ว ทั้งๆ ที่ขุนพิทักษ์ยังมีชีวิตอยู่”
ขุนไวงงแล้วบอก
“ไม่จริง”
“จริง! วันนี้น้องไปเห็นมากับตา ขุนพิทักษ์อยู่ที่กระท่อมท้ายป่ากับนังชุ่ม”
“เป็นไปได้ยังไง ไอ้พวกลูกน้องมันพี่บอกว่าไอ้พิทักษ์ตายแล้ว”
“ลูกน้องบอก แสดงว่าตอนนั้นคุณพี่ไม่ได้เห็นกับตาหรือคะ”
ขุนไวอึ้ง พูดไม่ออก

ลูกน้องขุนไวโดนซ้อมจนล้มลงมากองกับพื้น ขุนไวโกรธจัด รำพึงกับจวงอยู่ด้วย
“พวกเอ็งกล้าดียังไงถึงโกหกข้า”
“กระผมกลัวว่าถ้าท่านขุนรู้ว่าเราปล่อยให้ขุนพิทักษ์หนีไปได้ หัวจะหลุดออกจากบ่าขอรับ”
“แล้วคิดเหรอว่าโกหกข้า หัวพวกเอ็งจะไม่หลุด”
ขุนไวพุ่งไปคว้าดาบ ลูกน้องตะโกนลั่น

อ่านละคร บ่วงบาป ตอนที่ 13 วันที่ 7 มี.ค. 56

ละครเรื่อง บ่วงบาป บทประพันธ์ : อัจฉรียา
ละครเรื่อง บ่วงบาป บทโทรทัศน์ : พอวาสน์-นันทพร
ละครเรื่อง บ่วงบาป กำกับการแสดง : กฤษฎา เตชะนิโลบล
ละครเรื่อง บ่วงบาป แนวละคร : ดราม่า
ละครเรื่อง บ่วงบาป ผลิต : บ้านละคอนโดย อรพรรณ วัชรพล
ละครเรื่อง บ่วงบาป ออกอากาศทุกวันพุธและพฤหัสบดี เวลา 20.15 น.
ระยะเวลาออกอากาศ : เริ่ม กุมภาพันธ์ ทางไทยทีวีสีช่อง3
ที่มา manager