@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 29 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 29 พ.ย. 55

ทวีช่วยเจติยาเพราะกลัวตกหลุมพราง “พวกเราขอตัวไปทำงานต่อนะครับคุณพิสัย ไปเจ”
ทุกคนลุกขึ้นรวมทั้งเจติยาด้วย
พิสัยเดินมาขวางหน้าเจติยา “ฉันไม่ได้บังคับเธอนะเจ แต่ถ้าเธออยากรู้ว่าป้อมตายเพราะอะไร ฉันคิดว่าฉันช่วยเธอได้ อย่างน้อยก็ดีกว่าเที่ยวไล่ถามพนักงานแบบไร้จุดหมายยังงี้ เสียเวลาเปล่า”
เจติยามีท่าทางลังเลขึ้นมาแม้รู้ว่าพิสัยไม่น่าไว้ใจ แต่ถ้าพิสัยพูดจริงก็น่าเสี่ยงอยู่เหมือนกัน ทวีและโอ้เอ้พยายามส่งสายตาเตือนว่าอย่าไปหลงคารมพิสัย แต่เจติยามีสีหน้าบอกว่าตัดสินใจบางอย่างแล้ว

เจติยารีบร้อนเดินเข้ามาในห้องน้ำ เธอจะเปิดเข้าห้องส้วมแต่ก็ต้องร้องออกมาด้วยความตกใจ เมื่อเห็นวิญญาณลาภิณยืนดักรออยู่ในห้องส้วม

เจติยาตกใจมาก พอได้สติก็เฉ่งลาภิณทันที “นี่มันห้องน้ำหญิงนะคุณ คิดจะถ้ำมองรึไง อ๋อ เป็นวิญญาณเลยถือโอกาสใช่มั้ย ที่แท้ก็พวกจิตวิตถารนี่เอง”
ลาภิณเดินออกมาเผชิญหน้า “พูดงี้ดูถูกกันเกินไปหน่อยแล้ว คนอย่างฉันมีแต่ผู้หญิงต่อคิวอยากมาถอดให้ดู ไม่ต้องเสียเวลามานั่งถ้ำมองหรอก”



“แหวะ...” เจติยามีสีหน้าหมั่นไส้
ลาภิณยิ้มๆ “ฉันดูแล้วว่าไม่มีใครเข้าห้องน้ำ ถึงได้เข้ามารอเธอ แต่ถ้าคนเค้าจะสงสัย ก็เพราะเธอแหกปากโวยวายนี่ล่ะ”
เจติยาหน้าบึ้ง “มีธุระอะไรก็รีบๆพูดมาเลย ฉันจะทำธุระส่วนตัว”
ลาภิณทำสีหน้าจริงจัง “เธอไม่ควรไปกินข้าวกับน้าพิสัย”
เจติยาถอนใจ “ฉันตัดสินใจแล้ว ถ้าคุณพิสัยมีข้อมูลจริง มันก็คุ้มที่จะเสี่ยง ไหนจะได้ตัวฆาตกร แล้วก็ยังจะได้ช่วยคุณอีก”
“แต่ถ้าเกิดอะไรขึ้นกับเธอ ฉัน...”
เจติยายกมือห้าม “ฉันดูแลตัวเองได้”
ลาภิณมองเจติยานิ่งๆ แล้วพูดจริงจัง “แต่ฉันทนเห็นเธอต้องไปเสี่ยงอันตรายเพราะฉันเป็นต้นเหตุไม่ได้หรอกนะ”
เจติยาจ้องหน้าลาภิณ “ฉันจะระวังตัวให้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณพิสัยจะมาไม้ไหนฉันรับมือได้อยู่แล้ว”
ลาภิณแอบแขวะ “ฉันรู้ว่าเธอเก่ง” ลาภิณมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ “แต่ถึงยังไงฉันก็อดเป็นห่วงเธอไม่ได้อยู่ดี” ลาภิณมองตาเจติยาด้วยความรู้สึกเป็นห่วงอย่างจริงใจ
เจติยาหลงมองเข้าไปในดวงตาของลาภิณแล้วก็แพ้ความจริงใจจนนิ่งไป
“อย่าไปเจอเค้าเลยนะ” ลาภิณมีสีหน้าอ้อนวอน
เจติยาแพ้ทางจึงรีบแก้เกม “เรื่องนั้นค่อยว่ากัน แต่ถ้าห้ามฉันเข้าห้องน้ำตอนนี้ ฉันตายแน่ๆ หลีกไป”
ลาภิณกางแขนยิ้มๆ “ฉันขวางเธอไม่ได้อยู่แล้วนี่”
เจติยาเหยียดปากใส่ก่อนจะเดินทะลุลาภิณเข้าห้องน้ำแล้วปิดประตูโครม ลาภิณหันมองไปที่ประตูห้องน้ำก่อนจะถอนใจหนักๆออกมาด้วยสีหน้าเป็นห่วงมาก
เจติยาตะโกนออกมาด้วยความเขินอาย
“อย่าแอบดูนะ หายตัวไปเลย ไม่งั้นฉันโกรธจริงๆ ด้วย”
ลาภิณได้แต่ยิ้มๆ แล้วก็ส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางขำปนเอ็นดู

บริกรที่ยืนรับออร์เดอร์อยู่ในร้านอาหารแห่งหนึ่ง บริกรรับออเดอร์แล้วถอยออกไปจากโต๊ะที่พิสัยและเจติยานั่งอยู่
“ครั้งสุดท้ายที่เจอพี่ป้อม พี่เค้าพูดอะไรบ้างคะ” เจติยาถาม
พิสัยยิ้มๆ “ใจคอจะไม่ถามสารทุกข์สุขดิบอะไรกันก่อนเลยเหรอ”
“ไม่จำเป็นอะไรนี่คะ ก็เจอกันอยู่แทบทุกวัน”
พิสัยยิ้มกวนๆ “ทานข้าวให้เสร็จก่อนดีมั้ย ฉันหิว ไม่ค่อยมีแรงเล่า”
เจติยาไม่พอใจ “งั้นคุณทานให้อิ่มก่อนเดี๋ยวฉันค่อยมาใหม่” เจติยาจะลุก
พิสัยคว้าแขนเจติยาไว้ เจติยาสะบัดแขนออกแล้วทำหน้าตาหงุดหงิดไม่พอใจ
พิสัยยิ้มๆ “เล่าก็ได้ ใจร้อนซะจริง”
เจติยาหน้าหงิกงอด้วยความหงุดหงิดก่อนจะนั่งลงฟัง
“วันก่อนฉันไปเข้าห้องน้ำ ก็เลยได้ยินป้อมเค้าคุยโทรศัพท์อยู่พอดี” พิสัยเริ่มเล่า

สามวันก่อน ป้อมกำลังคุยโทรศัพท์มือถือด้วยความตื่นเต้นอยู่บริเวณหน้าห้องน้ำ
ป้อมดีใจสุดๆ “ฉันตื่นเต้นไปหมดแล้ว เกิดมาไม่เคยคิดว่าตัวเองจะโชคดีอย่างงี้เลย” ป้อมฟัง “ยังๆ ฉันไม่ได้ บอกใคร กะจะชวนแกไปขึ้นเงินด้วยกันนี่แหละ” ป้อมฟังอีกฝ่ายแล้วก็แปลกใจ “แล้วทำไมต้องห้ามบอกด้วยล่ะ แกกลัวญาติๆจะมารุมขอเงินฉันเหรอ”
ทันใดนั้นพิสัยก็เดินออกมาจากข้างในห้องน้ำพอดี
พิสัยหงุดหงิด “จะคุยหรือจะทำงานก็เลือกเอาซักอย่าง มันเกะกะฉันเห็นมั้ย”
ป้อมตกใจกลัว “ขอโทษค่ะคุณพิสัย ขอโทษค่ะ” ป้อมหันไปพูดโทรศัพท์ “แค่นี้ก่อนนะ เดี๋ยวเจอกัน”
ป้อมรีบกดวางสาย แล้วเข็นอุปกรณ์ทำความสะอาดเลี่ยงไปทันที พิสัยมองตามด้วยความหงุดหงิด

บริกรเริ่มทยอยเอาอาหารมาเสิร์ฟให้โต๊ะของพิสัยกับเจติยา
“ถึงฉันจะไม่ได้ยินทั้งหมด แต่ก็พอจับใจความได้ ว่าป้อมคงถูกรางวัลอะไรซักอย่าง แล้วกำลังจะไปขึ้นเงิน ถ้าเช็คดูว่าตอนนั้นป้อมคุยกับใคร ก็คงสาวถึงตัวฆาตกรได้ไม่ยากหรอก” พิสัยบอก
เจติยาพยักหน้ารับช้าๆ “เพราะถูกรางวัลไม่มีใครรู้นี่เอง ถึงได้หาเบาะแสอะไรไม่ได้เลย”
พิสัยยิ้มกรุ้มกริ่ม “ฉันเล่าเรื่องให้เธอฟังหมดแล้ว เราจะทานอาหารกันได้รึยังล่ะ”
เจติยาระแวง “เชิญคุณพิสัยเถอะค่ะ เจยังไม่ค่อยหิวเลย”
“อ้าว เธอนี่ไม่รักษาคำพูดเลยนะ ได้ข้อมูลสมใจก็คิดจะชิ่งกันล่ะสิ” พิสัยตัดพ้อ “ดวงฉันนี่ ถูกผู้หญิงหลอกใช้ซะเรื่อย”
เจติยารู้สึกผิดขึ้นมา พิสัยยิ้มแบบรู้ทันก่อนจะตักอาหารทุกจานที่บริกรมาเสิร์ฟชิมทีจานให้เจติยาดู
พิสัยยิ้ม “ทีนี้สบายใจขึ้นรึยังล่ะ” พิสัยจะหยิบแก้วน้ำของเจติยามาสลับกับของตัวเอง
เจติยาจับแก้วของเธอยึดเอาไว้ “ไม่ต้องขนาดนั้นหรอกค่ะ”
เจติยาหน้าเจื่อนที่พิสัยรู้ทันเลยตักอาหารกินอย่างเสียไม่ได้ พิสัยสะแหยะยิ้มพอใจแล้วก้มหน้ากินอาหารไป เจติยาเหลือบตามองพิสัยแล้วก็ตกใจเล็กน้อยที่เห็นวิญญาณลาภิณยืนอยู่ด้านหลังพิสัย
ลาภิณพูดกับเจติยา “ไม่ต้องกลัว ฉันอยู่กับเธอ”
เจติยาพยักหน้ารับ
ลาภิณมีสีหน้าเป็นห่วง “หาจังหวะหนีไปให้เร็วที่สุด คนอย่างมันไว้ใจไม่ได้หรอก”
เจติยามองหน้าลาภิณ พิสัยเหลือบตาขึ้นมองเธอ เจติยารีบก้มหน้าก้มตากินอาหารทันที พิสัยอมยิ้มร้ายๆ เพราะมั่นใจว่าถึงเจติยาจะระวังตัวแค่ไหนแต่ก็ไม่พ้นมือเขาแน่ พิสัยก้มกินอาหารต่อไปอย่างอารมณ์ดี เจติยากวาดตามองหาวิญญาณลาภิณแต่ก็ไม่เห็นแล้ว

เจติยาย่องออกมาจากห้องน้ำแล้วมองไปทางโต๊ะอาหารก่อนจะรีบวิ่งหนีออกไปทางด้านหลังร้าน
เจติยาบ่นกับตัวเอง “รีบหนีก่อนจะหมดโอกาส” เจติยาเลี้ยวมุมตึกแล้วไปชนคนคนหนึ่งเข้าอย่างจัง
เจติยาตกใจมากเมื่อเงยหน้าแล้วพบว่าคนที่เธอชนคือพิสัยนั่นเอง
“คุณพิสัย”
พิสัยยิ้มร้าย “นี่คิดจะไปโดยไม่ร่ำลากันเลยเหรอ”
เจติยาถอยห่างแล้วกวาดตามองหาทางหนี พิสัยสืบเท้าเข้าหาเจติยา
“เธอรู้จักฉันน้อยไปแล้วถึงกล้าทำแบบนี้” พิสัยจ้องหน้าเจติยา แววตาร้ายกาจฉายชัดขึ้นมาในดวงตา
เจติยาตัดสินใจแหกปาก “ช่วย...”
พิสัยชักปืนพกขนาดเล็กออกมาจ่อขู่ เจติยาหยุดทันที
พิสัยขู่เสียงนิ่ง “เดินไปที่จอดรถกับฉันดีๆ”
เจติยากลัว “คุณจะพาฉันไปไหน”
“เดินไปเถอะน่ะ อย่าทำพิรุธ”
เจติยามีสีหน้ากลัวๆ แต่ก็ยอมเดินไปที่จอดรถพร้อมทั้งกวาดตามองหาลาภิณ
เจติยาพูดเบาๆ ระหว่างเดินนำไปที่รถพิสัย “คุณลาภิณ คุณอยู่ไหน”
ทันใดนั้นพิสัยก็ใช้ด้ามปืนและสันมือฟาดเข้าใส่ที่ก้านคอเจติยาเต็มแรงจนเจติยาเสียหลักล้มคว่ำหน้าผากฟาดกับตัวรถจนหมดสติไป พิสัยหันมองซ้ายมองขวาก่อนจะรีบกดรีโมทเปิดประตูรถ
วิญญาณลาภิณปรากฎขึ้นด้านหลังพิสัยด้วยสีหน้าชิงชังและโกรธจัด ลาภิณปาดมือไปจะกระชากคอเสื้อพิสัยแต่ก็คว้าไม่ติด พิสัยเปิดประตูรถออกแล้วหันมามองทางเจติยา ลาภิณรวมแรงฮึดพุ่งหมัดเข้าชกหน้าพิสัยสุดแรงเกิดแต่หมัดของลาภิณกลับทะลุร่างพิสัยไป
พิสัยย่อตัวลงนั่งข้างๆ เจติยาพร้อมกับมองเจติยาที่หมดสติ
พิสัยพูดเบาๆ ด้วยสีหน้าสะใจ “อีกเดี๋ยวเธอก็จะยอมรับใช้ฉันอย่างว่าง่าย” พิสัยสะแหยะยิ้มพร้อมเลื่อนมือไปเชยคางเจติยา
ขณะที่พิสัยกำลังเชยคางเจติยา เจติยาก็ลืมตาโพลงขึ้นมาทันที พิสัยตกใจจนผงะไป เจติยาพุ่งหมัดเต็มแรงเข้าหน้าพิสัยจนเขาล้มหงายไป เจติยาลุกพรวดขึ้นยืนแล้วเตะเสยคางพิสัยอย่างทะมัดทะแมง พิสัยหน้าหงายหัวกระแทกประตูรถแล้วสลบเหมือดไปทันที เจติยายืนตาแข็งก่อนจะหันหลังแล้ววิ่งตะบึงหนีไปโดยไม่เหลียวหลัง

เจติยาเดินกลับเข้าโถงบ้านมาด้วยท่าทางสะบักสะบอมก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งแผ่ที่โซฟา แล้ววิญญาณลาภิณก็ออกจากร่างเจติยามาด้วยสภาพอ่อนแรงก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งคุกเข่าก้มหน้ากับพื้น โดยที่วิญญาณลาภิณดูจางลงกว่าเดิม เจติยาค่อยๆ ได้สติ เธอลืมตาขึ้นมาในสภาพยังเจ็บๆ มึนๆ
ลาภิณหันไปมอง “เธอเป็นยังไงบ้าง”
“เกิดอะไรขึ้นคะ ฉันทั้งเจ็บทั้งมึนเลย” เจติยามองลาภิณด้วยความสงสัยปนห่วง “คุณเป็นอะไรของคุณ ดูคุณจางๆ ชอบกล”
ลาภิณค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนอย่างเหนื่อยอ่อน “ฉันไม่นึกเลยว่าเข้าสิงเธอ จะเสียพลังมากขนาดนี้”
เจติยาเพิ่งเข้าใจ “นี่คุณเข้าสิงร่างฉัน เพื่อช่วยฉันเหรอ”
ลาภิณพยักหน้ารับ
เจติยาซึ้งใจ “ขอบคุณมากนะคะที่เสี่ยงช่วยฉัน” เจติยาไม่สบายใจเพราะเป็นห่วงลาภิณ “ไม่รู้ว่าคุณทำยังงี้แล้วมันจะมีผลต่อการกลับเข้าร่างของคุณรึเปล่า”
“ช่างมันเถอะ” ลาภิณมองหน้าเจติยา “ฉันมากกว่าที่ต้องขอบคุณเธอ” ลาภิณถอนใจออกมา “ที่ต้องเกิดเรื่องกับเธอวันนี้ ก็เพราะเธอหาทางช่วยชีวิตฉันต่างหาก” ลาภิณซาบซึ้งใจ
ทั้งคู่สบตากันนิ่งเพราะต่างก็ซึ้งในน้ำใจของกันและกัน ทันใดนั้นนทีก็เดินลงมาจากชั้นบน
“อ้าว พี่เจ เพิ่งกลับเหรอ”
เจติยาสะดุ้งเล็กน้อย วิญญาณลาภิณหันไปมองนที แต่นทีมองไม่เห็น
นทีแซว “ไปเที่ยวกะหนุ่มคนไหนมาเนี่ย” นทีเห็นหน้าพี่สาวแล้วก็ชะงักเพ่งมองหน้าจนเห็นรอยช้ำแดงที่หน้าผาก “น่าจะไปตบกะใครมามากกว่า”
เจติยารีบปัดผมหน้าม้ามาปิดรอย “ไม่ใช่เรื่องของแก” เจติยารีบเดินเลี่ยงขึ้นบ้านไป
นทีเบ้ปากใส่ “โธ่ ทีเรื่องของผมยังเป็นเรื่องของพี่ได้เลย ไม่แฟร์นี่หว่า”
ลาภิณขำปนเอ็นดูก่อนจะยกมือขยี้หัวนที
นทีรู้สึกขนลุกวูบและหนาวสะท้านขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ใครวะ” นทีกวาดตามองไปรอบๆ แล้วก็ชักกลัว นทีวิ่งไปหยิบนมจากตู้เย็นแล้ววิ่งตะบึงอย่างไม่คิดชีวิตขึ้นบันไดบ้านไป วิญญาณลาภิณเงยหน้ามองตามขึ้นไปแล้วก็ขำออกมา

เช้าวันใหม่ นวัชช่วยถือถาดใส่ของใส่บาตรเดินคุยกับมยุรีกลับเข้าซอยมา
นวัชหน้าเครียด “แล้วเจไม่เล่าให้คุณน้าฟังเลยเหรอครับ ว่าเค้าไปไหนมา”
มยุรีหน้าเครียด “ไม่เลยจ้ะ ไม่ยอมพูดถึงเลย ก่อนไปตักบาตรน้าเห็นแอบทายาที่หน้าผาก ช้ำเป็นปื้นเลยนะ พอเห็นน้าก็รีบเอาผมหน้าม้ามาปิด หนีเข้าห้องไปเลย”
นวัชฟังอย่างเก็บข้อมูล
มยุรีส่ายหน้าด้วยความหนักใจ “พักหลังมานี่ เจมีลับลมคมในกับน้ายังไงไม่รู้ ตั้งแต่ทะเลาะกันบ่อยๆ เรื่องนทีอย่างที่หมวดรู้นั่นล่ะ” มยุรีมีสีหน้าไม่สบายใจ “เค้าคงฝังใจคิดว่าน้าลำเอียง รักนทีมากกว่า ก็เลยทำตัวห่างๆไป” มยุรีถอนหายใจออกมา “ถ้าหมวดชวนคุย ตะล่อมถามดู เค้าอาจจะยอมพูดก็ได้นะคะ”
นวัชยิ้มดีใจที่มยุรีให้ความสำคัญกับเขา “ผมจะพยายามครับ แต่ก็ไม่รับปากว่าจะสำเร็จนะครับ” นวัชมีสีหน้าหนักใจ “เพราะระยะหลังมานี่ เจก็แปลกๆไปกับผมเหมือนกัน ไม่ใช่แต่เฉพาะกับคุณน้าหรอกครับ” นวัชหน้าขรึมลงด้วยความรู้สึกน้อยใจก่อนจะปั้นยิ้ม “วันนี้ผมนัดกับเจเอาไว้ แล้วผมจะลองถามเค้าดูครับ”
“ขอบใจมากจ้ะ” มยุรีจับมือนวัช “นี่ถ้าได้หมวดมาช่วยน้าดูแลเจอีกคน น้าก็คงสบายใจหายห่วง นอนตายตาหลับแล้วล่ะ” มยุรียิ้มให้
นวัชยิ้มแย้มปลาบปลื้มเพราะเหมือนมยุรีไฟเขียวให้เขาเป็นนัยๆ

นวัชกำลังคุยโทรศัพท์พร้อมกับจดรายละเอียดไปด้วยอยู่ในห้องทำงาน
“ชื่ออะไรนะ โอเคๆ” นวัชฟังอีกฝ่าย “พักอยู่ที่ไหน” นวัชฟังอีกฝ่าย “แล้วที่ให้เช็คกับกองสลากล่ะ” นวัชฟังอีกฝ่ายก่อนจะพยักหน้ารับ “ขอบใจมากนะ เจอกันเมื่อไหร่ ขอฉันเป็นเจ้ามือเลี้ยงแกเอง” นวัชฟังอีกฝ่าย “เออ เออ ขอบใจมาก”
เจติยาและนิษฐากำลังนั่งรอฟังผลจากนวัชอย่างใจจดใจจ่อ
เจติยาลุ้นๆ “ได้เรื่องมั้ยคะพี่หมวด”
“ได้สิ วันที่ป้อมตาย ป้อมโทรหาเพื่อนที่ชื่อพิศ ตามเวลาที่เจบอกเลย แล้ววันรุ่งขึ้น พิศก็เอาล็อตเตอรี่ไปขึ้นเงินเพราะถูกรางวัลที่สอง”
นิษฐาคิดทบทวนก่อนจะพึมพำ “พิศ...พิศ” นิษฐาฉุกคิดขึ้น “ใช่คนที่อยู่หอพักเดียวกับพี่ป้อมรึเปล่าคะ”
“ใช่”
“ว่าแล้วเชียว คนนี้ท่าทางแปลกๆ ฐาไปขอคุยด้วยแต่เค้าไม่ยอม แถมยังตีหน้ายักษ์ใส่ให้อีก เพราะอย่างงี้นี่เอง” นิษฐาบอก
“เป็นไปได้ว่าแรงจูงใจในการฆ่า ก็คือล็อตเตอรี่ที่พี่ป้อมถูกรางวัล” นวัชพูด
เจติยาถอนใจ “พี่ป้อมโทรบอกเรื่องสำคัญอย่างงี้กับเค้า แสดงว่าต้องไว้ใจเค้ามาก แต่กลับกลายเป็นว่าตัวเองต้องมาตาย เพราะคนที่ไว้ใจ” เจติยามีสีหน้าเศร้าใจ
ทุกคนมองมาที่เจติยาที่มีสีหน้าเศร้าใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนวิญญาณของป้อมมีสีหน้าโกรธจัด จนดูน่ากลัว

ย้อนกลับไปเมื่อหลายวันก่อน ป้อมเดินกะเผลกผ่านพิศกับสามีพิศที่กำลังทะเลาะกันอย่างรุนแรงที่ทางเดินหอพัก
พิศโมโหมากจึงดึงแขนสามีไว้ “จะหนีไปไหน ตอนมีเงินก็ช่วยกันใช้ พอมีหนี้จะทิ้งเอาตัวรอดเหรอวะ”
สามีพิศตะคอก “ก็ใครใช้ให้แกไปกู้เงินนอกระบบมาล่ะ ข่าวออกทุกวัน ไม่เห็นรึไงอีพิศ ติดแต่ละครนั่นล่ะ”
พิศโมโหมาก “แล้วที่ต้องกู้มันเพราะใครล่ะวะ ถ้าแกทำงานไม่เอาแต่เกาะฉันกิน ฉันจะเป็นหนี้มั้ย”
สามีพิศโมโหมากจึงเหวี่ยงพิศล้มลง
สามีพิศโมโห “มึงกล้าด่ากูเหรอะ กูยอมเป็นผัวมึง ก็บุญเท่าไหร่แล้ว” สามีพิศจะเข้าไปทุบตีพิศ
ป้อมเห็นพิศถูกสามีทุบตีก็รีบเข้าไปห้ามทันที
“ว๊าย หยุดๆ จะตีกันให้ตายรึไง พอได้แล้ว”
สามีพิศเห็นป้อมเข้ามาขวางก็ยอมหยุด แต่ก็ยังผลักหัวพิศหนึ่งทีก่อนเดินเลี่ยงไป
ป้อมเข้าไปปลอบพิศ “นี่ทะเลาะกันเรื่องเงินอีกแล้วเหรอ”
พิศร้องไห้เสียใจ “ก็มีเรื่องเดียวนั่นแหละ”
ป้อมถอนใจส่ายหน้าแล้วกอดเพื่อนปลอบใจ เธอสงสารเพื่อนแต่ก็ไม่รู้จะช่วยยังไง

หลายวันต่อมา พิศยินรออย่างกระวนกระวายในซอยเปลี่ยวที่ใกล้พงหญ้ารก สักพักป้อมก็เดินกะเผลกเข้ามาหาพิศด้วยความดีใจ
ป้อมถามด้วยท่าทางดีใจ “รอฉันนานมั้ยแก”
“ไม่นานหรอก แล้วแกเอาล็อตเตอรี่มารึเปล่า” พิศถาม
“เอามาสิ” ป้อมเปิดกระเป๋าหยิบล็อตเตอรี่ออกมา “นี่ไง แกไม่ต้องห่วงนะพิศ เรื่องหนี้แก ฉันจะช่วย...”
ทันใดนั้นก็มีมือข้างหนึ่งมาจับบ่าป้อมไว้ ป้อมสะดุ้งตกใจ พอหันกลับไปมองสามีพิศที่ถือไม้หน้าสามขนาดใหญ่ก็ฟาดลงที่ศีรษะของป้อมเต็มแรงทันที

ในที่สุด พิศกับสามีก็ถูกตำรวจจับใส่กุญแจมือแล้วคุมตัวออกมาจากหอพัก พิศร้องห่มร้องไห้ทะเลาะกับสามีตลอดเวลา โดยมีชาวบ้านคอยมุงดูเต็มไปหมด นวัชเป็นคนควบคุมการจับกุม โดยมีนิษฐายืนอยู่ใกล้ๆ ส่วนเจติยาและวิญญาณป้อมยืนดูอยู่ห่างออกไป
“เพราะมึงคนเดียว เข้าคุกกันหมดเลยเห็นมั้ย ไอ้ผัวชั่ว” พิศถีบใส่สามี

สามีพิศชักจะเหลืออดจึงจะฟาดมือไปทุบเมีย ตำรวจจึงต้องคอยแยกสองสามีภรรยาออกจากกัน
สามีพิศตะคอก “แล้วตอนได้เงินมา ใครวะที่ช็อปปิ้งยังกะผีปอบ ซื้อของยังกะคนตายอดตายอยาก”
“มึงสิผีปอบ” พิศจะฟาดสามี
นวัชปราม “เอ้าๆ ไม่ต้องตีกัน โดนทั้งคู่นั่นแหละ ไปได้แล้ว”
ตำรวจพาตัวพิศกับสามีไป เจติยากับป้อมยังคงยืนมอง
“ทีนี้ก็หมดห่วงแล้วใช่มั้ยคะพี่ป้อม” เจติยาถาม
“ค่ะ” ป้อมเศร้าใจ “แต่มันน่าเสียใจมากนะน้องเจ พี่โดนเพื่อนสนิทที่สุดหักหลังกันได้ลงคอ”
เจติยาพยักหน้าบอกว่าเข้าใจ “แต่เค้าก็ได้รับกรรมที่เค้าก่อแล้วนี่คะ”
ป้อมพยักหน้ารับ “ขอบคุณน้องเจมากนะคะที่ช่วยพี่ น้องเจได้ดาวทุกข์ดวงที่สามแล้ว รีบไปช่วยคนตามที่น้องเจต้องการเถอะค่ะ”
เจติยายิ้มบางๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ
ป้อมเอื้อมมือมาแตะแขนเจติยาเบาๆ “พี่ต้องลาน้องเจตรงนี้แล้วล่ะ”
เจติยายิ้มรับ “โชคดีนะคะพี่ป้อม หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะคะ”
ป้อมยิ้มรับก่อนจะเลือนหายไป เจติยาจะรีบไป แต่นวัชเดินเข้ามาเรียกเจติยาก่อน
“เดี๋ยวเจ”
เจติยาหยุดแล้วหันไปมอง
“เจจะรีบไปไหนต่อรึเปล่า” นวัชถาม
“ว่าจะไปเยี่ยมคุณลาภิณที่โรงพยาบาลหน่อยน่ะค่ะ”
นวัชชะงักเพราะหึงหวงแต่ก็เก็บอาการ
“พี่หมวดมีอะไรเหรอคะ” เจติยาถาม
นิษฐาหันมามองเจติยาและนวัชด้วยความสนใจ

เวลาผ่านไป นวัชนั่งคุยกับเจติยาด้วยสีหน้าเคร่งเครียดโดยมีนิษฐาร่วมวงสนทนาอยู่ด้วยในร้านกาแฟข้างทางที่บรรยากาศดี มีเค้กก้อนหนึ่งวางอยู่กลางโต๊ะ
นวัชเคืองเพราะเป็นห่วง “เจทำยังงี้ได้ยังไง มันอันตรายมากรู้มั้ย”
เจติยาจ๋อย “เจรู้ค่ะพี่หมวด แต่มันจำเป็นจริงๆ เจอยากได้ข้อมูลการตายของพี่ป้อมเพิ่มเติม”
“ฉันก็ไม่เห็นว่ามันจำเป็นขนาดต้องเอาตัวไปเสี่ยงขนาดนั้นเลย” นิษฐามีสีหน้าสงสัย “พี่ป้อมเค้าเป็นญาติฝ่ายไหนของเธอเหรอยะ”
เจติยาใช้หางตาค้อนใส่เพื่อน
“นั่นน่ะสิ แล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกด้วย ที่เจทำเรื่องบ้าบิ่นแบบนี้” นวัชมีสีหน้าเป็นห่วงเป็นใย
“เจรู้ค่ะว่าทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่ถ้าเจไม่ทำ ชีวิตคุณ...เอ่อ” เจติยาไม่รู้จะอธิบายเรื่องกล่องรากบุญยังไง เลยตัดบท “พี่ป้อมก็ต้องตายฟรีน่ะสิคะ”
นิษฐามองหน้าเจติยาอย่างไม่ค่อยจะเข้าใจเพื่อนนัก
นวัชเคร่งเครียด “ต่อไปอย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่เป็นห่วงเรามากรู้มั้ย” นวัชห่วงจนออกนอกหน้า “นี่โชคดีแค่ไหนแล้วที่เอาตัวรอดมาจากนายพิสัยนั่นได้”
เจติยาเบือนหน้าไม่กล้าสู้ตา เธอหยิบแก้วกาแฟเย็นของตัวเองมาจิบ
“สงสัยพี่ต้องไปเยี่ยมนายพิสัยที่บริษัทมั่งแล้วล่ะ ต่อไปจะได้ไม่กล้า” นวัชบอก
นิษฐาเหล่มองนวัชเพราะชักหมั่นไส้ที่เขาห่วงเจติยาเกินไป
นิษฐาแขวะด้วยความหมั่นไส้ “ไปแสดงตัวให้เค้ารู้ ว่าเจมีแฟนเป็นตำรวจเหรอคะ”
นวัชอึ้งไปแต่ก็แอบพอใจ ส่วนเจติยาถึงกลับสำลักกาแฟเย็นก่อนจะรีบวางแก้วลงแล้วต่อว่าเพื่อนทันที
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกพูดจาไร้สาระซะทีฐา”
นิษฐาทำเหยียดปากใส่อย่างไม่แคร์แล้วก็จิบชาเย็นของเธอไป
“พี่คงต้องบอกเรื่องนี้ให้คุณน้าทราบ” นวัชเป็นห่วงมากจนเผลอออกคำสั่ง “แล้วเจก็ไปลาออกจากที่นิราลัยซะเถอะ”
เจติยาหยุดกึกก่อนจะหันมามองหน้านวัชเพราะเริ่มไม่ถูกใจที่นวัชล้ำเส้นไปหน่อย
“อย่าไปเสียดายเรื่องเงินปันผลนั่นเลย คิดถึงความปลอดภัยของชีวิตเราไว้ก่อนดีกว่า เอาเวลามาเรียนให้จบ พี่เชื่อว่าเจหางานทำได้ดีกว่าที่นั่นเยอะ” นวัชพูดต่อ
เจติยาชักไม่พอใจ “เจรู้นะคะว่าทำให้ทุกคนเป็นห่วง แต่นี่คือชีวิตของเจ พี่หมวดไม่มีสิทธิมาบังคับเจให้ทำโน่นไม่ทำนี่” เจติยาทำหน้าตากวนและเอาแต่ใจขึ้นมา “จะว่าไปพี่หมวดก็ไม่ได้ต่างอะไรจากพี่ป้อม เราไม่ใช่ญาติพี่น้องกันซะหน่อย”
นวัชอึ้งไป
แม้จะแอบชอบนวัชอยู่ แต่นิษฐาก็ตกใจที่เห็นเพื่อนแรงไป “เจ น้อยๆหน่อย พูดจาไม่มีรักษาน้ำใจกันเลย”
“แกเฉยเหอะน่ะ” เจติยาหันไปจ้องหน้านวัช “ที่เจไม่เล่าให้แม่ฟัง เพราะไม่อยากให้แม่ไม่สบายใจ แล้วเจก็เอาตัวรอดมาได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องรื้อฟื้นอีก ที่จริงเจจะโกหกพี่หมวดก็ได้ แต่เจไม่ทำ”
นวัชพูดไม่ออก เขาจ๋อยซีดเจ็บแปลบไปตั้งแต่คำพูดประโยคก่อนแล้ว
“ส่วนเรื่องนิราลัย เจรักงานที่นี่มาก ถึงไม่มีเงินปันผล เจก็จะทำต่อค่ะ ไม่ว่าพี่หมวดหรือใครๆ ก็มาสั่งให้เจลาออกไม่ได้ ชัดเจนมั้ยคะ เจไปได้แล้วนะคะ” เจติยาลุกขึ้นด้วยหน้าตาหงุดหงิด
นวัชน้อยใจ “พี่ขอโทษที่วุ่นวายกับเจมากไปหน่อย”
เจติยาหยุดฟัง นวัชตัดพ้อแล้วพูดพร้อมหลบตา “พี่มันก็แค่ไอ้คนข้างบ้านที่แอบรักเจอยู่ข้างเดียว ช่างหัวมันเถอะ”
คำพูดซื่อๆ จากหัวใจนวัชทำเอาสองสาวอึ้งไป
“แต่จะให้พี่ทนเห็นเจต้องเสี่ยงอันตราย โดยไม่พูดไม่เตือนอะไรเลย พี่ทำไม่ได้หรอก เจจะโกรธพี่ก็โกรธเลย” นวัชก้มหน้านิ่ง
นิษฐาชำเลืองมองนวัชด้วยความสงสารและเห็นใจมาก

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 29 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager