@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 1 ธ.ค. 55

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 1 ธ.ค. 55

ลาภิณเหลือบตามอง “ขำอะไร”
เจติยาอมยิ้มแล้วกลั้นขำ
ลาภิณตลกตัวเองเหมือนกันที่ทำตัวไม่มีเหตุผลเลย เขาเก็กไม่อยู่เลยค่อยๆ ขำตามออกมา ทั้งสองคนมองหน้ากันแล้วต่างก็ขำออกมา

เชิดสวมหมวกใส่แว่นดำปกปิดหน้าทำท่าทางลับๆล่อๆ เพราะอยากจะดักเจอลาภิณอยู่ที่หน้าบริษัทนิราลัย รปภ.เห็นท่าทางเชิดแปลกๆ ก็เดินเข้ามาหา
“มาพบใครเหรอคุณ” รปภ. ถาม
“คุณลาภิณ” เชิดตอบ
“นัดไว้รึเปล่า”
“เปล่า”
“ขอแลกบัตรประชาชนด้วยครับ”

“เดี๋ยวนี้เข้มงวดขนาดนี้เลยเหรอ”
“พักนี้มันมีเรื่องน่ะคุณ ท่านเพิ่งถูกลอบทำร้ายมา ก็เลยต้องระวังกันมากขึ้น”
“งั้นไม่เป็นไร ไว้พรุ่งนี้ฉันค่อยมาใหม่ก็ได้”
เชิดจะเดินเลี่ยงไป รปภ. จับตามองอย่างระแวง ทันใดนั้นคนขับรถก็ขับรถพาชูจิตเข้ามา เชิดจำชูจิตได้ เลยรีบวิ่งเข้าไปขวางหน้ารถไว้ทันที คนขับรถเบรครถกึกทันที



รปภ. ตกใจ “เฮ้ย จะทำอะไร”
รปภ.รีบเข้าไปล็อกตัวเชิดไว้ทันที เชิดร้องลั่นด้วยความเจ็บแผลที่เพิ่งโดนยิงมา
เชิดตะโกนลั่น “คุณผู้หญิง ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณ”
ชูจิตเพ่งมองด้วยความแปลกใจ เธอกดกระจกลงดู “มีเรื่องอะไรกัน”
เชิดรีบร้อนพูด “ผมมีเรื่องสำคัญจะบอกคุณผู้หญิง ผมคือคนที่ยิงลูกชายคุณ” เชิดปาดมือขึ้นถอดหมวกและแว่นดำออก
ชูจิตตกใจมากเพราะจำได้ว่าเชิดคือคนเดียวกับในภาพสเก็ตคนร้ายที่ทำร้ายลาภิณ
“นายเชิด”

คนขับรถชูจิตวางกล่องอุปกรณ์พยาบาลไว้ที่โต๊ะมุมห้องในห้องพักอพาร์ทเมนท์แห่งหนึ่ง เชิดเดินมากวาดตามองไปรอบๆ ห้องแล้วนั่งลงที่เก้าอี้ด้วยท่าทางเจ็บปวดจากแผลที่ถูกยิง
“ผมวางยากับอุปกรณ์ทำแผลไว้ที่นี่นะ”คนขับรถหยิบเงินออกมา 3 พันแล้วยื่นให้ “คุณท่านให้ไว้ใช้จ่าย”
เชิดรับเงินมา
โทรศัพท์มือถือของคนขับรถดังขึ้น เขาดูเบอร์แล้วกดรับ
คนขับรถคุยมือถือ “ครับคุณท่าน” คนขับรถฟัง “คุณท่านจะคุยด้วย” คนขับรถส่งมือถือให้เชิด
ชูจิตคุยโทรศัพท์มือถืออยู่ในห้องทำงาน “ถึงที่พักแล้วใช่มั้ย” ชูจิตฟังอีกฝ่ายก่อนถามต่อ “ไหนว่ามาซิ แกจะช่วยฉันเอาผิดพิสัยได้ยังไง”
“คุณท่านเคยให้ทนายรวบรวมหลักฐานเล่นงานคุณพิสัยมาแล้วไม่ใช่เหรอครับ” เชิดถาม
ชูจิตคุยโทรศัพท์มือถือด้วยสีหน้าเจ็บใจ “ใช่ แล้วแกก็ฆ่าเค้า แถมเผาสำนักงาน ทำลายหลักฐานหมดแล้วด้วย”
เชิดคุยมือถือ “ยังไม่หมดหรอกครับ ทนายคุณเก็บหลักฐานไว้กับตัว ไม่ได้อยู่ที่สำนักงาน”
ชูจิตคุยโทรศัพท์มือถือด้วยความแปลกใจ “แกรู้ได้ยังไง”
“หลังจากผมฆ่าทนายคุณ ผมค้นรถเค้าเลยเจอหลักฐานเข้า คนอย่างผมไม่เคยไว้ใจใครง่ายๆอยู่แล้ว ผมเลยเก็บหลักฐานทั้งหมดเอาไว้”
ชูจิตคุยโทรศัพท์มือถือด้วยความสนใจ “แล้วตอนนี้หลักฐานอยู่ที่ไหน”
“ผมบอกแล้วไง ว่าผมไม่ไว้ใจใครง่ายๆ ถ้าคุณนายอยากได้ก็ต้องให้เงินผมมาก่อน แล้วถ้าผมหนีพ้นเมื่อไหร่ ผมจะบอกที่ซ่อนให้”
ชูจิตหน้าเครียดเพราะเชิดเองก็เจ้าเล่ห์ไม่ใช่เล่น
ชูจิตหน้านิ่งก่อนจะถามกลับไป “แกต้องการเงินเท่าไหร่แลกกับหลักฐานทั้งหมด” ชูจิตรอฟังคำตอบจากปลายสาย

คนขับรถของชูจิตเดินออกมาจากอพาร์ทเมนท์แล้วขับรถกลับไป พิสัยนั่งซุ่มจับตามองอยู่ในรถที่จอดอยู่ไม่ไกล ส่วนปราณนั่งอยู่ที่เบาะหลัง
พิสัยมีสีหน้ากังวลพร้อมกับหันมามองปราณ “พี่จิตต้องรู้ความจริงว่าฉันบงการฆ่าไอ้ต้นแน่ๆ”
“จะรู้หรือไม่รู้ ค่อยว่ากันทีหลัง แต่ตอนนี้แกต้องปิดปากมันก่อน” ปราณบอก
พิสัยสบตากับปราณแล้งรับพลังผลักดันความชั่วร้ายเข้ามาในใจ พิสัยมีสีหน้าแววตาอำมหิตขึ้นมา เขาสวมแว่นดำก่อนเดินลงไปจากรถ ปราณจับตามองตามแล้วสะแหยะยิ้มที่มุมปาก

เจติยาและมยุรีถือถุงใส่ของใช้ส่วนตัวกลับมาจากโรงพยาบาลด้วยกัน ทั้งคู่ชะงักไปเมื่อเห็นนทีนั่งเล่นเกมส์จากโทรศัพท์มือถือสมาร์ทโฟนเครื่องใหม่อยู่ที่โซฟารับแขก
มยุรีดีใจ “นที...กลับมาแล้วเหรอลูก”
นทีเหลือบตามองมาที่เจติยาด้วยใบหน้าบึ้งตึง
เจติยาพูดจาอ่อนลง “พี่ขอโทษ วันก่อนพี่วู่วามไปหน่อย พี่รู้ความจริงทั้งหมดจากแม่แล้ว”
นทีลุกขึ้น “ไม่จำเป็นต้องขอโทษอะไรผมหรอก สิ่งที่พี่พูด มันก็มาจากใจที่พี่รู้สึกจริงๆ”
เจติยาแอบถอนใจออกมาเบาๆ
มยุรีจับตามองมือถือในมือนที “นั่นไปเอาโทรศัพท์ใครมา”
“คุณพิสัยให้ผมไว้ใช้ จะได้ติดต่อกันได้ง่ายๆ” นทีบอก
เจติยาอึ้ง เธอร้อนใจเพราะกลัวน้องจะตกเป็นเครื่องมือของพิสัย “แกไปเจอกับเค้าที่ไหน แล้วรับของเค้ามาทำไม”
“ใจเย็นก่อนเจ ให้แม่พูดเอง” มยุรีบอก
นทีจ้องหน้าเจติยา “ผมได้งานทำแล้ว คุณพิสัยคือเจ้านายของผม”
เจติยาอึ้งไป
“แต่แกยังเรียนไม่จบนะนที”
“คุณพิสัยให้ผมทำงานหลังเลิกเรียน” นทีบอก

เจติยาเป็นห่วง “คุณพิสัยไม่ใช่คนดีนะนที เค้าทำอย่างงี้ ต้องหวังอะไรซักอย่างแน่ๆ พี่ว่าเราอยู่ห่างๆเค้าไว้จะดีกว่า”
นทีไม่สน “ผมจะอยู่บ้านนี้จนจบม.6 แล้วผมจะย้ายออกไปอยู่ข้างนอกนะครับแม่”
มยุรีอึ้งเพราะพูดไม่ออก เธอยังตั้งรับสถานการณ์ไม่ทัน
นทียิ้มเย้ยเจติยา “นับจากวันนี้ไป ผมไม่ต้องการเงินของพี่อีกแม้แต่บาทเดียว เพราะผมมีเงินเดือนเป็นของตัวเองแล้ว” นทียิ้มลำพองก่อนจะเดินเล่นสมาร์ทโฟนขึ้นบ้านไป
เจติยาเป็นห่วง “แม่ต้องห้ามนทีให้ได้นะคะ คุณพิสัยเป็นตัวอันตราย”
“ปล่อยน้องไปก่อนเถอะ น้ำกำลังเชี่ยวแม่ไม่อยากไปขวาง กลัวนทีจะหนีเตลิดไปอีก”
มยุรีถอนใจยาวออกมาก่อนจะเดินไปทรุดตัวนั่งอย่างอ่อนใจ เจติยามีสีหน้าเครียดด้วยความหนักใจเพราะไม่รู้ว่าพิสัยจะมาไม้ไหน

เชิดกำลังนั่งทำแผลให้ตัวเองอยู่ที่กลางห้องพัก ทันใดนั้นเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น เชิดมีสีหน้าตกใจรีบชักปืนออกมาพร้อมหาที่หลบ
เสียงชายหนุ่มตะโกนเข้ามา “อาหารมาส่งครับ”
เชิดตะโกนออกไป “ฉันไม่ได้สั่ง”
ชายหนุ่มถือกล่องใส่อาหารยืนอยู่หน้าห้องพูดกลับเข้าไป
“คนขับรถคุณชูจิตให้ผมเอาขึ้นมาให้ครับ”
เชิดมีสีหน้าสงสัยเขาเดินมาใกล้หน้าประตูห้องแล้วพูด
“วางไว้หน้าห้องนั่นล่ะ”
“ครับ” ชายหนุ่มแขวนถุงอาหารไว้ที่ลูกบิดประตู
เชิดแง้มประตูห้องแอบมองก็เห็นว่าเป็นเด็กหนุ่มร่างผอมกำลังเดินกลับไป เชิดวางใจหยิบถุงอาหารเข้ามาในห้องแล้วรีบปิดประตูล็อคทันที

เด็กหนุ่มเดินพ้นมุมตึกมายังบริเวณที่พิสัยดักรออยู่
“ขอบใจมาก” พิสัยหยิบเงินให้เด็กหนุ่ม 1 พันบาท
เด็กหนุ่มดีใจยกมือไหว้ เขารับเงินแล้วรีบเดินไป พิสัยยิ้มมุมปากด้วยแววตาอำมหิต

ชูจิตกำลังนั่งเครียดอยู่คนเดียวที่ม้าสนามในสนามหน้าบ้านตอนหัวค่ำ ชูจิตคิดถึงเรื่องพิสัยแล้วก็อดสับสนในใจไม่ได้ เธอนึกย้อนไปถึงเหตุการณ์ในอดีต

ชูจิตเปิดประตูพาพิสัยในวัย 5ขวบเข้ามาในห้อง โดยมีสารัชเดินตามหลังมา
ชูจิตยิ้มแย้ม “นี่ห้องของเรานะ ชอบมั้ย”
พิสัยมองไปรอบๆ ห้องที่ตกแต่งไว้สำหรับเด็ก มีตุ๊กตายอดมนุษย์ รถบังคับ และของใช้สำหรับเด็กตกแต่งอยู่เต็มห้อง
พิสัยยิ้มแย้มดีใจ “ชอบครับ” พิสัยยกมือไหว้ “ขอบคุณครับ”
ชูจิตยิ้มแย้มแล้วลูบหัวพิสัยด้วยความเอ็นดู “ไปดูสิจ๊ะว่าในห้องมีของเล่นอะไรบ้าง”
“ครับ”
พิสัยวิ่งไปเปิดโน่นเปิดนี่ในห้องอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก
“เอาน้องมาเลี้ยงแทนลูกอย่างงี้จะดีเหรอคุณ เกิดวันนึงเรามีลูกของเราเองขึ้นมา เด็กจะไม่ทำตัวมีปัญหาเหรอ” สารัชทัก
“คิดมากจังเลย คงไม่หรอกค่ะ จิตอยากช่วยแบ่งเบาคุณพ่อคุณแม่ มีลูกหลงตอนอายุขนาดนี้มันลำบากพวกท่านมากเลยนะคะ”
สารัชถอนใจพร้อมพยักหน้ารับเพราะไม่อยากขัดใจ “ก็ตามใจคุณ”
ทั้งคู่หันไปมองพิสัยที่หยิบของเล่นมาเล่นอย่างสนุกสนานตามประสาเด็ก

ชูจิตนึกถึงพิสัยตอนเด็กๆ แล้วก็ลำบากใจที่จะเล่นงานเขาเพราะลึกๆ แล้วเธอก็รู้สึกผิดที่เอาพิสัยมาเลี้ยงเหมือนลูก ชูจิตหยุดชะงักเมื่อฉุกคิดถึงลาภิณ

ชูจิตกอดตัวเองแน่น ร้องไห้จนตัวสั่น เธอกำลังมองหมอและพยาบาลช่วยกันใช้เครื่องช็อตหัวใจช่วยชีวิตลาภิณอยู่ แต่ชีพจรของลาภิณก็ไม่มีทีท่าว่าจะคืนกลับมาได้ ชูจิตร้องไห้จนน้ำตาแทบเป็นสายเลือด หมอและพยาบาลช่วยกันยื้อชีวิตสุดความสามารถ ร่างลาภิณยังแน่นิ่งเหมือนพร้อมจะจากไปได้ตลอดเวลา

ชูจิตนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้นแล้วก็น้ำตาไหลซึมออกมาด้วยความสงสารลูกชายจับใจ เธอขบกรามและมีสายตาแข็งกร้าวขึ้นมา แล้วก็ตัดสินใจได้ว่ายังไงก็ต้องปกป้องลูกไว้ก่อน....
ทันใดนั้นเสียงลาภิณก็ดังขึ้น “คุณแม่”
ชูจิตรีบยกมือขึ้นมาซับน้ำตาออกก่อนหันไปมองลูกชาย ลาภิณเดินเข้ามาหา
“มานั่งทำอะไรมืดๆ ครับ”
ชูจิตปั้นยิ้ม “แม่รอต้นอยู่น่ะลูก” ชูจิตยื่นมือไปจับแขนลูกชายแล้วพามานั่งด้วยกัน
“มีอะไรเหรอครับ”
ชูจิตมองลาภิณแล้วก็น้ำตาคลอ “แม่รักต้นมากนะลูก”
ลาภิณทั้งขำทั้งงง “ผมก็รักแม่ครับ” ลาภิณกอดและหอมแก้มแม่
ชูจิตน้ำตารื้นขึ้นมาอีก
ทันใดนั้น โทรศัพท์มือถือของชูจิตก็ดังขึ้น
ชูจิตดูเบอร์แล้วก็กดรับ “ว่าไงจ๊ะ” ชูจิตฟังแล้วก็ตกใจมาก

เจ้าหน้าที่กู้ภัยกำลังช่วยกันแบกศพเชิดออกมาจากอพาร์ทเม้นท์ ท่ามกลางผู้คนที่มามุงดูเต็มไปหมด โดยมีตำรวจจำนวนหนึ่งคอยดูแลความเรียบร้อย ศพเชิดถูกแบกผ่านลาภิณและชูจิตที่ยืนดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด สักพักนวัชก็เดินเข้ามาหาลาภิณ
“นายเชิดตายได้ยังไงครับหมวด” ลาภิณถาม
“ต้องรอผลชันสูตรก่อนนะครับ แต่เท่าที่ผมดูจากที่เกิดเหตุ ไม่มีร่องรอยการต่อสู้เลย” นวัชบอก
ชูจิตมีสีหน้าสงสัย
“ส่วนพยานก็ให้การว่านายเชิดวิ่งออกมาจากห้องอย่างทุรนทุราย ซักพักก็ขาดใจตาย เป็นไปได้ว่าอาจจะโดนวางยา” นวัชบอก

ชูจิตหน้าเครียด “จะเป็นไปได้ยังไงคะ ใครจะเข้าไปวางยาถึงในห้องได้”
“นี่เป็นแค่ข้อสันนิษฐานของผมครับ ยังไงก็คงต้องรอผลการชันสูตรก่อน เอ่อ ขอโทษนะครับคุณชูจิต อพาร์ทเม้นท์นี้เป็นของคุณใช่มั้ยครับ”
ลาภิณชักเอะใจอะไรบางอย่าง เขาชำเลืองมองหน้าแม่
ชูจิตหน้าเสีย “ไม่ใช่ของฉันคนเดียวหรอกค่ะ” ชูจิตพูดโดยไม่สู้ตาลาภิณ “ฉันถือหุ้นอยู่กับเพื่อนๆ น่ะค่ะ”
นวัชมีสีหน้าติดใจสงสัย “แล้วพอจะทราบมั้ยครับ ทำไมนายเชิดถึงมาพักอยู่ห้องนี้ได้ ปกติห้องนี้เป็นของคุณสำรองเอาไว้ให้พนักงานไม่ใช่เหรอครับ”
ชูจิตทำหน้าเจื่อนๆ ลาภิณจ้องเขม็งเพื่อรอคำตอบ ชูจิตหน้าเสียทันทีเพราะรู้ว่าลาภิณต้องโกรธเธอแน่ๆ
-

เวลาผ่านไป ลาภิณคุยกับชูจิตด้วยความโมโหอยู่ในห้องนั่งเล่นที่บ้าน
ลาภิณโมโหมาก “ทำไมคุณแม่ถึงเอาแต่ปกป้องน้าพิสัย ไม่ห่วงผมบ้างเลยเหรอครับ ผมถามจริงๆเถอะ ตกลงผมเป็นลูกคุณแม่แน่รึเปล่า”
ชูจิตหน้าเสียและน้ำตาคลอ “ทำไมแม่จะไม่ห่วงลูกล่ะต้น แต่แม่คิดไม่ถึงว่าพิสัยค้าจะกล้าทำร้ายต้น” ชูจิตพูดเสียงอ่อย “แม่ก็เลยอยากให้โอกาสเค้าแก้ตัว”
ลาภิณโมโหมาก “คุณแม่ให้โอกาสเค้า ทั้งๆที่รู้ว่าเค้าฆ่าคุณปุ่นอย่างงั้นเหรอครับ”
ชูจิตจ๋อยไป
“ถ้าคุณแม่บอกความจริงกับผมแต่แรก ผมก็ต้องระวังตัวมากกว่านี้ คงไม่ถูกดักยิงจนเกือบตายยังงั้นหรอกครับ”
ชูจิตรู้สึกผิดมาก “แม่ขอโทษนะต้น” ชูจิตจับมือลาภิณแล้วก็น้ำตาท่วมตา “ที่แม่ไม่บอกต้นแต่แรกเพราะแม่รู้ว่าต้นกับพิสัยไม่ถูกกัน แม่ก็เลยไม่อยากให้เรื่องมันบานปลาย ไม่ใช่แม่ไม่รักต้นนะลูก”
ลาภิณโมโหมากจึงกระชากมือออกแล้วพูดประชด “ไม่ใช่ไม่รักแต่รักน้อยกว่า แม่ถึงได้ออกตัวปกป้องเค้าซะขนาดนี้ เรื่องวันนี้ก็เหมือนกัน ถ้าไอ้เชิดไม่ตาย แม่ก็คงเอาหลักฐานทั้งหมดมาทำลายทิ้งแล้วปล่อยให้เรื่องเงียบไปอีกใช่มั้ยครับ”
ชูจิตน้ำตาไหลที่ลูกเข้าใจผิด “ไม่จริงนะต้น แม่ตั้งใจจะเล่าเรื่องเชิดให้ต้นฟังอยู่แล้ว แม่ตกลงจะให้เงินเค้า แลกกับหลักฐานเอาผิดพิสัย แต่...”
ลาภิณพูดสวนขึ้น “แต่เชิดตายไปแล้ว น้าพิสัยก็คงลอยนวลอีกตามเคย” ลาภิณจ้องหน้า “บางทีแม่อาจจะอยู่เบื้องหลังการตายของไอ้เชิดก็ได้”
ชูจิตเสียใจที่ลูกเข้าใจผิดไปใหญ่ “ต้น”
ลาภิณยิ้มประชด “ผมล่ะอยากเกิดเป็นน้องชายคุณแม่ซะจริงๆ”
ลาภิณเดินขึ้นบ้านไปด้วยความโมโหปนน้อยใจ ชูจิตได้แต่มองตามลาภิณแล้วก็น้ำตาไหลออกมาด้วยความอัดอั้นใจเพราะไม่รู้จะอธิบายยังไง

ชูจิตปรึกษากับเจติยาด้วยสีหน้าหนักใจอยู่ในห้องทำงาน
เจติยาพยายามปลอบใจ “อย่าคิดมากเลยค่ะคุณท่าน เดี๋ยวคุณต้นหายโกรธก็คงเข้าใจเอง คุณท่านเลี้ยงคุณพิสัยมาเหมือนลูกคนนึง จะให้ตัดใจทำรุนแรง มันก็ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยนะคะ”
ชูจิตมีสีหน้าอ่อนใจ “ถ้าต้นเค้าเข้าใจฉันแบบเธอบ้างก็คงจะดี”
เจติยาเสียดาย “นายเชิดตายไปแล้วแบบนี้ เราคงไม่มีทางได้หลักฐานเอาผิดคุณพิสัยแล้วใช่มั้ยคะ”
ชูจิตถอนใจ “แต่ฉันก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้ตำรวจฟังแล้วนะ ก็ไม่รู้จะพอเอาผิดพิสัยได้รึเปล่า”
เจติยามีสีหน้าเสียดายปนเจ็บใจ “ไม่รู้ว่าเป็นฝีมือใครนะคะ”
“คนอย่างนายเชิดมีศัตรูรอบตัวเต็มไปหมด” ชูจิตถอนใจออกมา
“แปลกจัง ทำไมจะต้องมาเคราะห์ร้ายตายตอนนี้ด้วย” เจติยามีสีหน้าติดใจสงสัย
ชูจิตชำเลืองมอง “อย่าบอกนะว่าเธอก็ระแวงฉันเหมือนต้นอีกคน”
เจติยารีบปฏิเสธ “เปล่านะคะ”
ชูจิตถอนใจ “เธอช่วยไปเอาน้ำอุ่นให้ฉันที อยากกินยาซะหน่อย ฉันเครียดจนปวดหัวไปหมดแล้ว”
“ค่ะคุณท่าน”
เจติยาเดินออกไปจากห้อง ชูจิตพิงศีรษะไปกับพนักเก้าอี้แล้วหลับตาพักผ่อน ประตูห้องถูกเปิดเข้ามาก่อนจะปิดลงเบาๆ
“เร็วจังเลย” ชูจิตลืมตาขึ้นแล้วก็สะดุ้งโหยงเมื่อเห็นพิสัยนั่งจ้องอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม “พิสัย เธอเข้ามาทำไม”
พิสัยปั้นยิ้ม “น้องชายจะมาเยี่ยมพี่สาวบ้างไม่ได้เลยเหรอครับ”
ชูจิตกลัวแต่พยายามใจดีสู้เสือ “เธอมีธุระอะไรก็ว่ามา”
พิสัยพูดพร้อมเดินเข้าหาชูจิต “ผมได้ยินมาว่า มีคนตายที่อพาร์ทเม้นท์ของพี่ ผมเลยอยากรู้รายละเอียด”
ชูจิตรู้สึกกลัวสีหน้า แววตาและน้ำเสียงของน้องชาย
พิสัยเดินเข้าไปเท้าโต๊ะทำงาน ก่อนจะโน้มตัวไปจ้องหน้าชูจิต “ยังไงเราก็พี่น้องกัน มีอะไรก็น่าจะคุยกันดีๆ ได้นี่ครับ”
พิสัยจ้องตาดุใส่ชูจิต ทันใดนั้นเจติยาก็ถือแก้วน้ำอุ่นเปิดประตูห้องกลับเข้ามาพอดี
เจติยาชะงักไปเมื่อเห็นพิสัยอยู่ในห้องด้วย
พิสัยถอยตัวออกห่างแล้วจ้องเขม็งไปทางเจติยา เจติยาและชูจิตลอบสบตากัน เจติยาอ่านใจออกว่าชูจิตพยายามบอกผ่านสายตาว่ากำลังหวาดกลัว
“คุณท่านจะเข้าประชุมด้วยมั้ยคะ” เจติยาถาม
ชูจิตรับมุกทันที “เข้าสิ มากันครบแล้วเหรอ”
“ค่ะรอคุณท่านคนเดียว”
ชูจิตรีบลุกพร้อมกับคว้ากระเป๋าถือ “ไป ไป”
พิสัยยิ้มเล็กน้อยเพราะรู้ทัน “ฉันไม่ยักรู้ว่าเธอเปลี่ยนตำแหน่งจากดูแลศพมาดูแลพี่จิตแทนแล้ว” พิสัยหันไปมองชูจิต “ถ้าวันนี้พี่จิตไม่ว่าง ก็ไม่เป็นไร ไว้วันหลังเราค่อยคุยกันใหม่”
พิสัยเดินออกไปจากพร้อมพร้อมจ้องหน้าเจติยาด้วยสายตาดุดัน แต่เจติยาจ้องตอบอย่างไม่กลัวเกรง พิสัยเดินออกจากห้องไปอย่างหัวเสีย ชูจิตทิ้งตัวลงนั่งด้วยความเหนื่อยทั้งใจทั้งกาย แล้วน้ำตาก็รื้นขึ้น

เจติยาเป็นห่วง “ทานยาก่อนดีกว่าค่ะคุณท่าน” เจติยารีบเอาน้ำอุ่นให้
ชูจิตหยิบซองยาจากกระเป๋า
“ต่อไปคุณท่านต้องระวังคุณพิสัยให้มากกว่านี้นะคะ หมาจนตรอกทำได้ทุกอย่าง กัดเจ้านายตัวเองตายก็มีข่าวให้เห็นเยอะแยะ”
ชูจิตนิ่งเพราะคิดตาม เธอเหลือบตามองหน้าเจติยา “เธอเองก็เหมือนกันระวังตัวเอาไว้ด้วย”
“ค่ะคุณท่าน”
เจติยามีสีหน้าเคร่งเครียดปนกังวลอย่างเห็นได้ชัด ลึกๆ เธอก็รู้ตัวว่าพิสัยพยายามเล่นงานครอบครัวของเธออยู่และเป้าหมายตอนนี้ก็คือนที

เจติยาเดินหน้าเครียดจากเรื่องของชูจิตกับพิสัยกลับมาที่ห้องแต่งศพ เธอเปิดประตูเข้ามาก็เจอวิญญาณปองยืนตัวซีดเผือดรออยู่แบบไม่ให้เธอตั้งตัว เจติยาร้องลั่นพร้อมกับกระโดดโหยงออกไปนอกห้องจนชนกับวิญญาณย้ง เจติยากรี๊ดสนั่นอีกครั้งแล้วถอยหลังไปกระแทกฝา
ย้งโมโห “เธอผิดสัญญา ไหนบอกว่าจะช่วยเราแฉความเลวของไอ้พิสัย ไม่เห็นทำอะไรซักอย่าง”
วิญญาณปองพุ่งเข้าหาเจติยาด้วยความโกรธจัดก่อนจะมาทุบกำแพงข้างๆ ตัวเจติยา
ปองโมโห “อยากลองดีกับพวกกูใช่มั้ย”
เจติยาสูดหายใจลึกแล้วตั้งสติก่อนตอบโต้ “ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ ฉันก็ต้องตายเหมือนกัน เรื่องอะไรฉันถึงจะไม่ช่วยพวกนายล่ะ พยานหลักฐานอะไรก็ไม่มี มีแต่ปากคำจากผีอย่างเดียว แล้วใครเค้าจะเชื่อฉัน”
“ถ้าฉันหาหลักฐานให้เธอได้ล่ะ” ย้งบอก
เจติยานึกไม่ถึง “นายมีด้วยเหรอ”
“ก็หลักฐานที่ไอ้เชิดมันเก็บไว้ไง ฉันรู้ว่ามันซ่อนไว้ที่ไหน”
เจติยาค่อยยิ้มออกมาอย่างมีความหวัง

เจติยาเดินนำมากดลิฟท์เพื่อลง ส่วนลาภิณเดินตามหลังพร้อมกับกวาดตามองหาไปมา
เจติยามองตามอย่างงงๆ “มองหาอะไรคะ”
“ก็ผีปองกับผีย้งไง ตอนนี้อยู่ไหน” ลาภิณถาม
“เค้าไม่อยู่ที่นี่หรอกค่ะ ถึงอยู่ คุณก็ไม่เห็นหรอก”
“รู้สึกแปลกๆ นะมีผีมาช่วยนำทาง”
เจติยาแขวะลอยๆ “ตัวเองก็เคยผ่านประสบการณ์เป็นผีมาแล้ว น่าจะคุ้นๆ นะคะ”
ลาภิณเหล่มองเจติยาเล็กน้อย
ลิฟท์เปิดพอดี ชูจิตยืนอยู่ในลิฟท์ทำให้เผชิญหน้ากับลาภิณพอดี
“อ้าว จะไปไหนกันล่ะ” ชูจิตถาม
เจติยากดลิฟท์ค้างเอาไว้ให้
ลาภิณยิ้มเย็นชา “ไปหาหลักฐานไว้ป้องกันตัวเองจากน้องชายคุณแม่ไงครับ”
ชูจิตชะงักไปเล็กน้อย
“แม่จะส่งใครไปขัดขวางผมก็รีบๆ เลย เดี๋ยวไม่ทัน” ลาภิณเดินเลี่ยงเข้าลิฟท์ไปด้วยหน้าตาบึ้งตึง
ชูจิตทั้งน้อยใจทั้งเสียใจ
เจติยาเห็นใจ “คุณลาภิณคงกำลังน้อยใจอยู่น่ะค่ะ คุณท่านอย่าคิดมากนะคะ”
ชูจิตพยักหน้ารับอย่างซึมๆ
ลาภิณพูดเสียงแข็งออกมาจากลิฟท์ “จะไม่ไปใช่มั้ย”
เจติยาทอดเสียงเพื่อแดกดันอยู่ในที “ไปสิคะ”
เจติยาถอนใจแล้วเดินเข้าไปในลิฟท์ที่ลาภิณยืนหน้าหงิกรออยู่ ลาภิณกดลิฟท์ปิดทันทีโดยไม่ยอมมองหน้าแม่เพราะยังน้อยใจไม่หาย ชูจิตได้แต่มองลูกชายด้วยความเสียใจ

ลาภิณเดินนำไปที่รถ เจติยาเดินตามไปแล้วพูดกับลาภิณด้วยสีหน้าเครียด
“คุณไม่ควรพูดกับคุณท่านยังงั้นเลยนะคะ”
ลาภิณตอบด้วยใบหน้าบึ้งตึง “เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ เธอไม่เข้าใจหรอก”
“ไม่มีใครเข้าใจคนอื่นได้ทุกเรื่องหรอกค่ะ แต่ที่ฉันรู้ คือคุณท่านเป็นแม่คุณ แล้วท่านก็รักคุณมาก”
“แต่ก็ไม่มากไปกว่าน้องชายเค้าหรอก”

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 1 ธ.ค. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager