@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 14/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 14/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

“เฮ้ยน้อง พักก่อน แหม บังเอิญจริงๆ มาเจอกัน”
“ถ่ายแบบลงหนังสือเล่มไหนครับ”
“อ๋อ ผมถ่ายเก็บไว้ในโมเดลลิ่งผมน่ะ ส่วนใหญ่ส่งงานโฆษณา ไง คุณพงศ์ เมื่อไหร่จะมาเป็นนายแบบให้ผมเสียที”
“หืมม์ เป็นนายแบบเหรอ ฉันไม่ยักรู้” อมรเกิดอะไรการหึงเล็กๆ
“อ๋อ พี่ชายเขาเห็นผมหน่วยก้านดีน่ะครับ เลยชวนมาเป็นนายแบบในสังกัดแบบสมัครเล่นน่ะ”
“แต่ไม่ยอมตกลงสักที คงต้องรบกวนคุณอมรช่วยกล่อมให้หน่อย”
อมรมองพงศกรอย่างสงสัย

“มันแล้วแต่เจ้าตัวเขานั่นแหละ ผมไปกล่อมเขาไม่ได้หรอก”
“เสียดายครับ หุ่นขนาดนี้ นายแบบอาชีพยังอาย”
ศักดิ์ชายเอามือบีบกล้ามไหล่ของพงศกร อมรมองอย่างไม่พอใจนัก
“ไปเถอะพงศ์ ต้องตระเวณหาที่พักอีก”
“หืมม์ หาที่พักเหรอครับ”
“ครับ หามาหลายโรงแรมแล้ว ยังหาไม่ได้เลย”
“งั้น ไปที่บังกะโลผมไหม ยังมีห้องว่างเหลืออยู่” อมรและพงศกรมองหน้ากัน อมรมีสีหน้าไม่เห็นด้วย “พักฟรีครับ อยู่หน้าหาดนี่เอง”
ศักดิ์ชายยิ้มซื่อให้ทั้งคู่ พงศกรมองหน้าอมรเชิงขอร้องอมรลังเลนิดหน่อย



ที่ตลาดริมทะเลขายของฝาก ของกิน อาหารแห้ง ของที่ระลึก ต้องเดินเดียวดายในกลุ่มนักท่องเที่ยว มองตรงไปเห็นร่างของแจ็คในสภาพทรุดโทรม ขอบตาดำ ใส่เสื้อเก่า กางเกงชาวเล หน้าตายังมีร่อยรอยของการซ้อมเมื่อไม่กี่วันก่อน แจ็คมีแววสำนึกผิดยืนมองมาที่ต้อง ต้องชะงัก แจ็คพยักหน้าและส่งสัญญาณให้ตามไป
ต้องเดินตามแจ็คมาหลบมุมริมหาด
“ทำไมสภาพแกเป็นแบบนี้” ต้องถามอย่างตกใจ
“ฉันหนีมา หนีทั้งตำรวจ ทั้งนายฉัน ต้อง...ฉันไม่มีเงินเลย ฉันขอ” แจ็คจะเข้ามาหาต้อง ต้องถอยกรูด
“อย่าเข้ามานะ ถ้าแกทำอะไรฉัน ฉันร้องจริง”
“ฉันไม่ทำอะไรเธอหรอก ที่ผ่านมาฉันก็ไม่เคยทำอะไรเธออยู่แล้ว”
“ลืมไปแล้วเหรอ แกจะข่มขืนฉันน่ะ”
“ยายซื่อเอ๊ย ทุกอย่างมันคือละครฉากนึง”
“แกพูดอะไร”
“นายฉันมันให้ฉันจัดฉากข่มขืนเธอขึ้นมา เพื่อมันจะได้เป็นฮีโร่ในสายตาเธอไง”
“อะไรนะ แกอย่าบอกนะว่านายแกคือคุณประพงส์”
“ไง หายซื่อแล้วใช่ไหม ไอ้นั่นน่ะมันหวังในตัวเธอมาตั้งแต่ที่มันพบเธอครั้งแรกแล้ว พอรู้ว่าเธอเป็นเพื่อนฉัน แล้วกินขนมฉันบ่อยๆ ก็เข้าทางมัน ให้ฉันปล่อยของให้เธอเต็มที่ หลอกแม่เธอให้ดึงเธอไปทำงานผับกับมัน”

ต้องตัวชา นิ่งงันไป
“คุณประพงส์ต้องการให้ฉันติดยา เพื่อให้ฉันตกเป็นของเขางั้นเหรอ”
“รู้อย่างนี้ ก็เลิกกับมันได้แล้ว” ต้องยิ้มขมขื่น
“ฉันรู้ว่าเขาเลวแค่ไหน แต่ฉันเลิกกับเขาไมได้หรอก”
“แต่มันเป็นมาเฟียฆ่าคนนะต้อง ฉันเตือนเธอเพราะฉันเป็นห่วงเธอ ฉันเตือนเธอก่อนที่ฉันอาจจะไม่มีโอกาสเตือนเธออีกแล้ว”
“ทำไม”
“มันกำลังตามฆ่าปิดปากฉันอยู่น่ะซี มีเงินไหม ขอฉันหน่อย”
แจ็คน้ำตาไหล ต้องเปิดกระเป๋าเงินล้วงเงินทั้งหมดราว 5 พันบาทยัดใส่มือแจ็ค
“หนีไป หนีไปให้พ้นนะ อย่าให้เขาฆ่าแกได้”
แจ็คยืนอึ้ง ต้องหมุนตัวเดินจากไป แจ็คมองตามน้ำตาไหลพรากออกมา ต้องเองก็เช็ดน้ำตาแล้วรีบเดินจากโดยไม่หันไปมองแจ็คอีก

วีกิจหน้าคล้ำเคราครึ้มเดินเข้ามาในโถงบ้านเจนภพเห็นเนตรนภิศกำลังเอาเครื่องเพชรของนพนภาออกมาลองใส่ดู
“อ้าว อานภิศ มาอยู่ดูแลบ้านให้เหรอครับ”
“จ๊ะ สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังค่ะ เบิร์ธเดย์บอย ไง เมื่อคืนฉลองกันหนักหรือ”
“ฮะ ก็หนักพอดูฮะ”
“หนูมุตตาไปงานเราหรือเปล่าจ๊ะ” วีกิจชะงัก เนตรนภิศทำหน้าเห็นใจอ่อนโยน
“ทำไมหรือฮะ นี่อานภิศทราบอะไรมาหรือฮะ”
“อาไม่อยากพูดเลย มันไม่ใช่เรื่องอะไรของอา คือยังงี้เมื่อวานตอนบ่ายเขาโทรมา นังแต้วไปรับเข้า เขาถามหาอาภพของเธอ” วีกิจอึ้ง
“ครับ”
“นังแต้วไม่รู้เกิดอะไรขึ้น บอกเขาไปหมดว่าไปที่ไหน ยังไง เมื่อไร อาห้ามก็ไม่ทัน ตากิจเธอว่าจะมีเรื่องมีราวอะไรไหม อากลัวใจจริงๆ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนี้กำลังจะทำอะไร” วีกิจสะอึก
ที่สระน้ำของโรงแรม เพราะเป็นไฮซีซั่นและลองวีคเอนด์จึงมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศมากมาย รอบๆ สระน้ำบนเก้าอี้นอน เจนภพนอนบนเก้าอี้ตัวหนึ่ง ต่อนั่งจองที่ให้นพนภาอีกตัวหนึ่ง ถัดไปเห็นสาวในชุดทูพีซนอนอาบแดด ปลดตะขอบราทรวงเบียดอัดเก้าอี้ทะลักล้นออกข้างตัว มีสาวอีกนาง นอนคว่ำหน้า เอาหมวกปิดผม นอนอยู่ข้าง ๆ

“ไอ้ต่อ ทางสิบนาฬิกา สุดๆ ไปเลย” เจนภพบอกลูกชาย ต่อมองตาม อึดอัดจนก้มหน้า “อะไรวะ แค่นี้ก็ทำอาย นี่อีกหน่อยฉันต้องพาแกไปเปิดหูเปิดตาให้สมกับเป็นลูกผู้ชายซักหน่อย” เจนภพมองลูกชายอย่างชื่นชม แต่ดูเหมือนชื่นชมตัวเองมากกว่า “แกนี่หน้าตาดีนะ รู้ไหมต่อไปจะมีสาวมาให้แกไม่ขาดสาย แต่อย่าเพิ่งหลวมตัวให้ใครมาผูกมัดนะ สนุกไปก่อน นี่...ตอนฉันไปต่อโท ทั้งแหม่ม ทั้งเกาหลี ทั้งละติน เข้ามาพร้อมกัน 3 คนเลยนะ ต้องวิ่งรอกแทบตาย”
ต่อหน้าเผือดซีด มองเจนภพนิ่ง
“นี่พ่อกำลังสอนให้ผมเป็นคนส่ำส่อนหรือฮะ ผู้หญิงเป็นแค่วัตถุทางเพศ ไม่ต้องให้เกียรติผู้หญิงเลยหรือฮะ”
“เฮ้ย ผู้หญิงพวกนี้มันก็ต้องการเหมือนกัน เราก็สนองให้ เกียรติเกิดอะไรวะ ฉันแค่พูดกับแกตามประสาผู้ชาย”
“ฮะ เพื่อปลูกฝังให้ผมส่ำส่อน มักมาก แล้วก็ผิดศีลธรรม พ่อเห็นแม่เป็นอะไรหรือฮะ พ่อคิดถึงใจแม่หรือเปล่า หรือว่าพ่อคิดถึงใครไม่เป็นเลยนอกจากตัวเอง”
ต่อมองอย่างรังเกียจแล้วลุกเดินไป เจนภพอ้าปากค้างตกใจ กลายเป็นโกรธลูก
“ไอ้บ้า ไอ้ต่อนี่มันบ้าหรือเปล่า”
“ไม่บ้าหรอกค่ะ นั่นคือคำพูด...” เจนภพหันขวับมา สาวร่างระหงยกหมวกสานออกจากหน้า เห็นว่าคือมุนินทร์
“...ที่มีสติสัมปชัญญะที่สุดต่างหาก ถ้าคุณคิดอย่างที่แกพูดซักนิด เรื่องร้ายๆ ทั้งหมด ก็จะไม่เกิดขึ้น”
เจนภพไม่ได้ฟังเลย เพราะดีใจที่เจอ “มุตตา” และภูมิใจที่มุตตาไปไหนไม่รอด ทั้งยังกลัวนพนภาจะโผล่มา เจนภพเหลียวซ้ายแลขวาแล้วถลามาคุกเข่าจับมือ มุนินทร์มองอย่างเย็นชา
“ตา ให้ตาย นี่คุณเสี่ยงมากนะนี่”
“ฉันเกือบตายมาหลายครั้งแล้ว แค่นี้จะกลัวอะไรคะ”
“ตาตามผมมาที่นี่ ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นใช่ไหม ผมรู้ว่าตารักผมไม่เคยรักนายกิจ ผมรู้ว่าตาต้องกลับมา แต่ตาต้องเลิกกับนายกิจซะให้เด็ดขาด” มุนินทร์มีแววกระเทือนวูบแล้วชาเย็น แล้วยั่วยวนขึ้นมา เจนภพยิ่งลุ่มหลง “แล้วกลับมาหาผม ผมจะให้ทุกอย่างที่คุณต้องการ”
“ถ้าฉันต้องการความสุขทุกอย่างในชีวิตคุณล่ะ”
“งั้นก็เอาชีวิตผมไปเลย”
“ถ้ามีโอกาสฉันทำแน่ค่ะ แต่ตอนนี้เจ้าชีวิตของคุณมาแล้ว”

เจนภพผวาถอยมานั่ง มองมุนินทร์สลับกับนพนภาที่ถือถาดใส่ค็อกเทลมา 3 แก้ว ทักทายชาวบ้านมาตลอดทาง นพนภาใส่ชุดวันพีซสีเข้มมีผ้าผูกเอวเห็นร่างอวบขาว เจนภพมองมุนินทร์ทีมองนพนภาที ท่าทางเหมือนจะช็อค มุนินทร์ยิ้มเยาะ นพนภาเดินใกล้เข้ามา มุนินทร์พลันหยิบหมวกขึ้นปิดหน้าอาบแดดต่อ เจนภพถอนใจเฮือก นพนภามานั่งลง
“คุณ คืนนี้เขาจะมีงานฮาวาเอี้ยนไนท์ มีใส่หน้ากากด้วย ฉันกะจะเต้นระบำทั้งคืนเลย”
นพนภานอนห่างมุนินทร์ไม่ถึงฟุต จิบเหล้าแล้วมองดูรูปร่างของมุนินทร์ มีสีหน้าชื่นชม อิจฉา รวบเสื้อคลุมปิดฉับ สะกิดเจนภพ
“ดูยัยคนนี้ซีคะ เชพดีจังเลย เฮ้อ แต่ก่อนฉันก็ตัวเท่านี้แหละ”
เจนภพใจคอไม่ดี มุนินทร์หันหน้ามองไปอีกทาง ยิ้มโหดๆ
ที่บังกะโลหรูของศักดิ์ชาย อมรออกมาที่ระเบียงบังกาโลมองสำรวจไปทั่ว พงศกรเดินมากอดอมรไว้จากด้านหลัง
“ไม่เอาน่าพงศ์ เดี๋ยวใครส่องกล้องมาเห็นเข้า”
“แถวนี้เปลี่ยวจะตายไปครับ กลัวอะไร”
“ตกลงเราจะพักที่นี่เหรอ บอกตามตรง พี่ไม่ค่อยไว้ใจเจ้าศักดิ์ชายคนนี้เท่าไหร่”
“ทำไมล่ะครับ”
“หน้าตามันไม่น่าไว้ใจ แล้วดูนายแบบนางแบบ เหมือนถ่ายพวกหนังสือนู้ด”
“พี่คิดมาก พักที่นี่เถอะครับ ยังไงก็ของฟรี”
“แต่นายศักดิ์ชายก็พักร่วมบ้านกับเราด้วย กลัวว่าเขาจะสงสัยเรื่องของเรา”
“คงไม่หรอกครับ” ศักดิ์ชายเคาะประตู “เชิญครับ”
ศักดิ์ชายยิ้มแย้มเข้ามา
“ไงครับ อยู่สบายดีไหม”
“สุดยอดเลยครับ”
“แต่ผมเกรงใจนะ รบกวนคุณรึเปล่า”
“ไม่มีอะไรรบกวนเลยครับ เพราะผมเองคืนนี้มีงาน อาจจะไม่ได้กลับมานอนด้วยซ้ำถือว่าเป็นฮาเร็มส่วนตัวของคุณสองคนเลยก็แล้วกัน “
พงศกรหัวเราะ แต่อมรหน้าเจื่อน
“ฮาเร็มของเราสองคน”
“อ๋อ ผมหมายถึงจะหิ้วสาวๆ มาค้างด้วย ผมก็ไม่ว่า ฟรีบาร์เลยครับ”
พงศกรยิ่งหัวเราะ ศักดิ์ชายหัวเราะตาม อมรยิ้มโล่งอก
พอตกกลางคืนที่โรงแรมหรูริมทะเล มีการประดับไฟระยิบระยับ บรรยากาศสระน้ำโรงแรมจัดเป็นงานฮาวา
เอี้ยนไนท์ แต่มีการให้สวมหน้ากากด้วย เปิดเพลงแนวเร็กเก้ คาลิปโซคึกคัก มีมุมบาร์บีคิว เคาน์เตอร์บาร์ ประดับประดาด้วยต้นมะพร้าว ใบมะพร้าว สับปะรด มีเสาโทเทมเป็นระยะ ตามจุดต่างๆ ยังปักคบเพลิงไว้มุมนั้นมุมนี้
บรรดาแขกแต่งแฟนซีกันเป็นธีมฮาวาเอี้ยน ชายใจกล้าหลายคนก็นุ่งเตี่ยว แต่บางนางก็หลุดคอนเซ็ปต์เหมือนยกคณะคาร์บาเร่ต์มาเอง ที่มุมหนึ่งนพนภานุ่งโสร่งแดง เสื้อเปลือยไหล่เปิดพุงต้องสวมโสร่ง หน้าอกมีผ้าไม่ใหญ่ไม่เล็กคาด ต้อมนุ่งกระโปรงฟาง ต่อกับเจนภพแต่งตัวธรรมดาสวมเสื้อฮาวายเป็นดอกดวง ทุกคนในงานสวมมาลัยคล้องคอ ต้อมส่ายสะโพกตามนางระบำ ต้องมีอาการขรึมเศร้า นพนภาเกาะแขนเจนภพแจ แต่เจนภพสอดส่ายสายตาหาใครคนหนึ่ง
“ไม่เคยเห็น งานฮาวายอะไรมีใส่หน้ากากด้วย”
“ก็ไม่ต้องเห็นหน้าจริงกันไง จะได้มั่วกันได้สะดวก”
ที่มุมหนึ่งวีกิจก้าวมา สวมชุดสีเทาต่างจากทุกผู้คน มีมาลัยหลากสีคล้องคอสวมหน้ากากบังใบหน้า วีกิจเดินเข้ามากับหากลุ่มเจนภพ ต่อเห็นวีกิจ แต่ยังจำวีกิจไม่ได้ ต่อจ้องวีกิจตาเป็นประกาย เพราะวีกิจมีหุ่นหล่อเท่ห์ ต้องเห็นสายตาของต่อที่มองวีกิจก็เบะปากหมั่นไส้ วีกิจเดินมาถึงเปิดหน้ากากออก
“ต่อ อาเอง”
ต่อเซ็ง ต้องหัวเราะเยาะ
“ฝันสลาย ฮ่าๆ”
ต่อค้อนต้อง แต่วีกิจไม่เข้าใจสิ่งที่ต้องพูด นพนภาหันมาเห็นวีกิจ
“อ้าว ตากิจ มาได้ไงเนี่ย”
“ผมตามมาดูแลหลานๆ กับอานภาครับ เกรงว่าแถวนี้จะมีพายุเข้า”

“ต๊าย น่ารัก งั้นฝากดูแลเด็กๆ ด้วยนะ อากับอาภพจะได้ไม่ต้องพะวงหน้าพะวงหลัง ว้าย คุณ เขาให้เต้นระบำแล้วไปเร็ว”
นพนภาดึงเจนภพเซถลาไปเต้นระบำ บรรดาแขกในงานทะยอยลงมาในฟลอร์ดนตรีคึกคัก วีกิจใส่หน้ากากตามเดิมมองหามุตตา

ที่ฟลอร์นพนภาเป็นหัวแถวเต้นระบำจับเอวเป็นงูกินหางจนกระทั่งมีร่างระหงในชุดสีม่วงดีไซน์คล้ายตาข่ายใยแมงมุม หน้ากากปิดตาเฉียงขึ้นไป ผมยาวเป็นมันเลื่อมระปรกตาข้างหนึ่ง คล้องมาลัยสีขาวที่ข้อมือ กระโปรงยาวกรอมเท้าแหวกสูงเห็นช่วงขาวับแวม เดินจูงมือฝรั่งผมทองที่ใส่เสื้อแบะอกเข้ามากลางฟลอร์ เพลงนั้นซาวน์ดูลึกลับยวนยั่ว แสงไฟหลากสีวูบวับสลับกันสาดลงในฟลอร์ วีกิจจำมุนินทร์ได้ลดแก้วเหล้าลง เจนภพขมวดคิ้วเริ่มแน่ใจ นพนภามองดูยังหอบแฮ่กอยู่
“ต๊าย ยายคนนี้สวยจัง”
เจนภพกัดริมฝีปากรู้ว่าถูกยั่ว วีกิจมองดูหน้าเผือดลง ดวงตาเคียดแค้นรังเกียจ เพลงจบลงกลายเป็นเพลงช้าแนวรักหวาน มุนินทร์เต้นสโลว์ตามปรกติ นพนภารีบดึงเจนภพลงฟลอร์ คนอื่นๆ ทะยอยลงมาเต้นรำเต็มฟลอร์
วีกิจตัวชา ความรัก หึงหวง คลั่งแค้น ลุ่มหลง รังเกียจ เสียดาย ไม่เชื่อสายตา ประเดประดัง มุนินทร์กระซิบกับหนุ่มผมทองแล้วหมุนตัวมายังคู่เจนภพ หนุ่มผมทองขอสลับคู่ นพนภาตาเบิกโพลง อาย ภูมิใจ ลืมหวงผัวไปชั่วขณะ รีบผลักเจนภพไป มุนินทร์เต้นรำกับเจนภพพลางยิ้ม
“ตาทำอะไรนี่ ถ้าเขารู้เข้ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
“เวลาแมลงมาติดใยแมงมุม มันเกิดอะไรขึ้นล่ะคะ”
“ตา ให้ตายเถอะ คืนนี้คุณสวยมาก เมื่อคืนผมไม่มีโอกาสแยกจากเขาเลย เดี๋ยวผมจะรีบมอมเหล้าเขา พอเขาหลับผมจะรีบไปหาตา”
“เดี๋ยวนี้ถึงขั้นมอมเหล้าเมียแล้วหรือคะ”
วีกิจขยับมาใกล้ฟลอร์มองดูมุนินทร์และเจนภพ หน้านิ่งแต่ดวงตาเหมือนมีไฟปะทุอยู่ภายใน นพนภากิ๊กกั๊กสปีคอิงลิชคล่องแคล่ว ฝรั่งหนุ่มเยินยอ นพนภาหัวเราะระริก

ขณะนั้นประพงส์อยู่ที่ผับ ประพงศ์ตกใจเมื่อรู้จากสมุนว่าปุ๊ตายแล้ว

“ไอ้ปุ๊ตายแล้ว มันตายได้ยังไงวะ”
“ถูกไฟช็อตตายที่คอนโดของเมียน้อยสามีคุณนภาครับ”
“มันไปทำอะไรที่นั่น ฉันไม่ได้สั่งให้มันไปสักหน่อยหรือว่าคุณนภาสั่งให้มันไปแล้วไม่บอกฉันก่อน”
“คุณนภาไม่ได้สั่งครับ ไอ้ปุ๊มันไปเองมันบอกว่ามันแค้นยายเมียน้อยส่วนตัว”
“ไอ้บ้าเอ๊ย”
ส่วนที่โรงแรมห้าดาว บนเวทีมีโฆษกก้าวมา
“ได้เวลาถอดหน้ากากแล้วครับ”
คนในงานเกี๊ยวก๊าวปิ๊ดปิ๊วถอดหน้ากากกัน นพนภาถอดหน้ากากพลางหัวเราะคิกแถมยังช่วยเจ้าชายผมทองถอดแล้วตาโต เมื่อเห็นว่าหล่อเหมือนแบรดพิตต์ นพนภาจูงหนุ่มผมทองมาหาเจนภพ
“ตา อย่าเล่นละครเลย หลบไปก่อนเถอะ”
เจนภพรีบบอกมุนินทร์
“แต่ฉันอยากเล่นนี่คะ”
ทันใดมุนินทร์ก็ประคองหน้าเจนภพจูบที่ริมฝีปากอย่างดูดดื่ม เจนภพตะลึง วีกิจสะอึกอึ้ง นพนภาชะงักกึกตาเบิกกว้าง ต่อ ต้อง ชะงักไป ต้อมปิดตา ต้องนึกรู้ก้าวมาหาแม่กับพ่อ
เจนภพได้สติขืนตัว มุนินทร์ถอนริมฝีปากออกยิ้มเยาะแล้วผลักเจนภพไปหานพนภา
“นี่ นี่อะไรกัน”
มุนินทร์ถอดหน้ากากออกเห็นดวงหน้าที่ตกแต่งเข้ม ผมปรกตาข้างหนึ่ง ดวงตาเจิดจ้า นพนภาผงะผลักเจนภพให้ถอยห่าง ตัวสั่นก้าวมาหามุนินทร์
“ไงคะ เอารถใหม่มาลองเครื่อง มีระบบสัมผัส แต่จะสู้สัมผัสจากฉันได้หรือ”
“แก...ภพ”
“หมดไปอีกเท่าไรคะ แปดล้านหรือ น่าเวทนานะคะ คนที่ใช้เงินซื้อความรักเสียไปเท่าไรคะกับสามีคนนี้”
เจนภพสะอึก นพนภาหน้าซีด วีกิจก้าวมาใกล้ยังไม่ถอดหน้ากาก ต่อ ต้อง ต้อมยืนดู ฝรั่งผมทองก้าวไปข้างหลังมุนินทร์ ไม่เข้าใจแต่ก็มาปกป้อง
“ใช่ ชีวิตฉันมีแต่เสีย ไม่เหมือนแกอีมุตตา มีแต่ได้”
“ใครบอกคะ มุตตาสูญเสียจนไม่เหลืออะไรเลยจากฝีมือมนุษย์ที่มีหัวใจเป็นสัตว์”
“แก”
นพนภาถลันจะเข้าไป เจนภพขวางไว้
“อย่า นภา”
“จะทำไมหรือคะ เราสองคนคงจะไม่ตบกันจนตกสระแบบในละครใช่ไหม”
“ตา หยุดเถอะ”
“ไม่ต้องห้าม ให้มันพูดให้พอ เพราะต่อไปนี้มันจะมาลอยหน้าพูดอย่างนี้ไม่ได้อีกแล้ว”
“คุณจะทำอะไรหรือ”
นพนภาหน้าเผือดซีด ก้าวไปใกล้พูดเน้นทีละคำแต่ลดเสียงลง
“ฉันจะส่งคนไปฆ่าแก”
“ทำไมพูดว่าจะล่ะคะ คุณส่งมันไปแล้วไม่ใช่หรือ แต่มันไม่มีวันฆ่าฉันได้”
“แกหมายความว่ายังไง”
“หมายความว่ามันตายแล้วน่ะซีคะ ตายด้วยมือฉัน ต้องมีคนตายอีกซักกี่คนคุณถึงจะพอใจ”
“แกเพ้ออะไร ฉันไม่รู้เรื่อง”
“ฉันก็ไม่คิดว่าคุณจะยอมรับ แต่จำไว้ ตาต่อตา ฟันต่อฟัน ชีวิตต่อชีวิต”
“ตา หยุดเดี๋ยวนี้ ตาพูดอะไร”
นพนภาตาวาวหันไปตบเจนภพฉาด เจนภพหน้าสะบัด
“นัดมันมาใช่ไหม นัดมันมาเสพสุข แอบขี้รดหัวฉันใช่ไหม”
“ใครบอกคะ เรานัดกันมาทำอย่างอื่นต่างหาก”
มุนินทร์กรายมาใกล้นพนภา โน้มตัวพูดเป่าหู

อ่านละคร แรงเงา ตอนที่ 14/3 วันที่ 5 พ.ย. 55

ละครเรื่อง แรงเงา นำแสดงโดย: เจนี่, เคน ภูภูมิ, ปิ๊ป รวิชญ์, ธัญญ่า ธัญญาเรศ
ละครเรื่อง แรงเงา บทประพันธ์โดย นันทนา วีระชน
ละครเรื่อง แรงเงา บทโทรทัศน์ : วิสุทธิชัย บุณยะกาญจน
ละครเรื่อง แรงเงา กำกับการแสดง : ชนินทร ประเสริฐประศาสน์
ละครเรื่อง แรงเงา ผลิต : บ. บรอดคาซท์ ไทย เทเลวิชั่น จำกัด โดย อรุโณชา ภาณุพันธ์
ละครเรื่อง แรงเงา แนว : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง แรงเงา ออกอากาศวันจันทร์ และอังคาร เวลา 20.30 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง แรงเงา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555
ที่มา manager