@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/4 วันที่ 9 พ.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/4 วันที่ 9 พ.ย. 55

“ขอบคุณที่มาตามนัด” นพเอ่ยทักเสียงเรียบ
นาสะแยะยิ้มร้ายขณะนั่ลง “จะขอร้องให้ฉันหยุดรังควานเมียน้อยคุณเหรอ ไม่มีทาง...”
นพนั่งนิ่งๆ ดูใจเย็น “ดื่มน้ำก่อน ใจเย็นๆ ค่อยคุยกัน”
นายังไม่ดื่มแต่ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร “ฉันไม่มีวันใจเย็น นอกจากคุณบอกฉัน คุณจะไม่เลิกกับฉัน และยอมอยู่ใต้อาณัติของฉันเหมือนเดิม”
“คุณต้องการอย่างนั้นจริงๆ ใช่มั้ย” นพถามเสียงเรียบเช่นเดิม
นากระแทกเสียงใส่ “ใช่!”
นพยกแก้วน้ำดื่ม เรื่อยๆ ท่าทีปกติ “ได้...ผมจะอยู่กับคุณตลอดไป”

“จริงนะคุณนพ” นาตาโตยิ้มอย่างดีใจ
“จริง” นพตอบห้วนสั้น แต่คำพูดมีนัยยะ
นายิ้มอย่างผู้ชนะ ดูมีอำนาจเหนือกว่า พร้อมกับหยิบแก้วน้ำมาดื่ม “ดีมาก...เพราะคนอย่างฉัน อยากได้อะไรต้องได้...ลองคุณขัดคำสั่ง ฉันจะอาละวาดผู้หญิงทุกคนที่อยู่ใกล้คุณ”
“ผมต้องเป็นของคุณคนเดียว” นพพูดลอยๆ
“ใช่!” นายิ้มเย้ยหยัน ก่อนจะมีท่าทางง่วง มึนงง “ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย”
นพไม่ตอบ ควักเงินออกมาวางบนโต๊ะ แล้วประคองร่างนาที่มีท่าทีสะลึมสะลือออกไปอย่างใจเย็น



ทางด้านกรรณนรีเดินมาหาสุดาที่นั่งอยู่บนรถเข็น ข้างๆ ตัวสุดามีถ้วยโจ๊กวางอยู่ กรรณนรีทรุดตัวลงนั่ง ถามอย่างนอบน้อม
“คุณหญิงทานข้าวหรือยังคะ”
สุดาหน้านิ่งตอบน้ำเสียงเย็นเยียบ “ว่าจะกินอยู่เหมือนกัน แต่เห็นหน้าแกแล้วฉันกินไม่ลง”
กรรณนรีไม่ถือสา “งั้น...หนูนวดเท้าให้นะคะ”
พูดจบกรรณนรีก็เอาครีมนวดมาบีบทาให้ขาและเท้าของสุดานวดให้อย่างอ่อนโยน คราวนี้สุดามองหน้ากรรณนรีเขม็ง ตาแทบถลนออกมาจากเบ้า ขณะขยุ้มผมจิกทึ้งอย่างเกลียดชัง
“แกนี่มันหน้าด้านหน้าทน รู้ทั้งรู้ ว่าฉันเกลียดแกจนเข้าไส้ ยังจะหน้าด้านอยู่ได้” สุดาผลักหัวกรรณนรีออกอย่างแรง
กรรณนรีทำใจไว้แล้วว่าจะเจออะไร มองหน้าสุดาด้วยท่าทีนอบน้อมเช่นเดิม
“อย่างที่หนูเคยเรียนคุณหญิงค่ะ หนูจะทำทุกอย่างจนกว่าคุณหญิงจะให้อภัย”
สุดาตวัดเสียงตวาดแว้ดใส่ ไม่แยแส “มันไม่มีทางมีวันนั้น”

กรรณนรีเงยหน้ามองสุดาด้วยสายตาวิงวอน
ขณะที่สุดามองมายังกรรณนรีอย่างจงเกลียดจงชัง และแค้นคั่งจนน้ำตาไหลริน

“ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน อย่าให้ฉันอยู่อย่างทุกข์ทรมานมากไปกว่านี้เลย”
กรรณนรีตกใจที่ได้ยินอย่างนั้น “คุณหญิง
“เธอก็รู้...ว่าฉันรักตาสรวงมาก มากจนไม่กล้าขัดใจ....แต่ฉันทนเห็นหน้าเธอไม่ได้” สุดาแค้นขึ้นมาอีก กระชากร่างกรรณนรีเข้ามาเขย่าๆ “ฉันอยู่ร่วมกับเธอไม่ได้..ฉันอยากฆ่าเธอ ฉันขอร้อง..ไปให้พ้นจากชีวิตฉัน ไปให้พ้น” สุดาร้องไห้โฮออกมาด้วยความอัดอั้น “อย่าอยู่ทำลายชีวิตฉันเลย” ก่อนจะผลักกรรณนรีออกไปอีกอย่างแรง จนกรรณนรีล้มลงไปกับพื้น
“อย่าอยู่เป็นมารชีวิตฉันเลย”
พูดจบสุดาก็เลื่อนรถอย่างแรงเข้ามากะจะชนกาว แต่แรงเหวี่ยงนั้นกลับทำให้รถเข็นของสุดาเสียหลักล้มลงเค้เก้ สุดาร้องออกมาอย่างเจ็บปวด กรรณนรีจะเข้าไปช่วย
แต่สุดาผลักออก “อย่ามายุ่งกับฉัน ไป..ออกไป..เธอออกไปจากบ้านฉัน ไป๊”
“คุณหญิง” กรรณนรีคราง
“ถ้าเธอยังหน้าด้านอยู่ที่นี่...ฉันจะฆ่าตัวตาย...ฉันจะทำให้ตาสรวงมีตราบาปตลอดชีวิต”
กรรณนรีใจหาย ร้องไห้ออกมาอีก “คุณหญิง”
สุดาผลักสุดแรง “ไป๊...ไปให้พ้นบ้านฉัน”
กรรณนรีน้อยใจ เสียใจ วิ่งร้องไห้ออกไป สุดาเองก็ร้องไห้ออกมาอย่างคับแค้นใจ

กรรณนรีวิ่งร้องไห้ ขึ้นแท็กซี่ไป ในจังหวะที่ภาพิศเดินเข้ามาในคฤหาสน์ ดวงตาวาววามน่ากลัว

ขณะที่สุดานั่งร้องห่มร้องไห้ พยายามควานหาไม้เท้า เพื่อพยุงกายลุกขึ้น เท้าของภาพิศ
ก้าวเดินเข้าไปหา สุดามองเห็นเท้า ก่อนจะเงยมองขึ้นใบหน้า เห็นภาพิศยืนหน้าตาถมึงทึงอยู่
“นังภาพิศ” ถอยหลังกรูด
“แกหนีฉันไม่รอดหรอก วันนี้แกตายแน่”
ภาพิศเปิดกระเป๋า สุดาร้องกรี๊ดหลับหูหลับตานึกว่าเป็นปืน
“อย่าฆ่าฉัน”
ยินเสียงฉีกซองยาดังแควกไม่ใช่เสียงปืน สุดาลืมตาขึ้นมอง เห็นภาพิศกำลังเทบางอย่างลงในถ้วยข้าวต้ม ก่อนจะเหวี่ยงซองลงมาตรงหน้า ภาพิศหัวเราะร่วน ขณะใช้ช้อนคนยาเบื่อหนูเข้ากับข้าวต้ม
“หนูเป็นสิบเป็นร้อย เจอไปซองเดียวยังตายแหงแก๋ แต่คุณหญิงกินคนเดียวทั้งซอง จะรอดอาไร้”
สุดาเบิกตาโพลง ร้องเสียงหลง “อย่า”
“มานี่”
ภาพิศกระชากตัวสุดาเข้ามา พยายามยัดข้าวต้มผสมยาเบื่อหนูเข้าปากสุดา

จังหวะเดียวกันนั้นนั้นสรวงเดินเข้ามาที่หน้าคฤหาสน์แล้ว
ส่วนด้านในสุดาที่เนื้อตัวเลอะเทอะเปรอะไปด้วยข้าวต้ม กำลังคลานหนีสุดชีวิต พร้อมร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วยๆๆๆ”
สรวงได้ยินก็ตกใจ
“คุณแม่”
สรวงวิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็ว ขณะที่ภาพิศตามมากระชากลากตัวสุดา
“แกจะหนีไปไหนนังสุดา มานี่”
ภาพิศถือชามข้าวต้มมา กระชากสุดาให้แหงนหน้า ง้างปากออกจะกรอกปาก
สุดาขัดขืนเม้มปากแน่น ดวงตาเหลือกลาน ขณะที่ภาพิศก็พยายามง้างปากสุดา เทข้าวต้มลงไป ใบหน้าของสุดาเลอะเทอะไปหมดแล้ว สรวงวิ่งเข้าไปหา
“คุณแม่”
ภาพิศตื่นตกใจที่เห็นสรวง สุดาถือโอกาสนั้นผลักภาพิศออกเต็มแรง รีบเช็ดปากหลายๆ ทีกลัวยาเบื่อจะเข้าปาก
“ช่วยแม่ด้วย เค้าจะฆ่าแม่”
ภาพิศมองอย่างตื่นตะลึง “คุณสรวง”
สรวงก้มลงมองที่พื้นเห็นซองยาเบื่อหนูก็แค้นใจ “คุณจะฆ่าแม่ผม...คุณฆ่าแม่ผม”
“ไม่..ไม่”
ภาพิศกรีดร้อง พร้อมกับวิ่งหนีไปด้วยความหวาดหวั่น สุดาผวาตัวกอดสรวงแน่น ร้องไห้หวาดกลัว
“มันจะฆ่าแม่สรวง มันจะฆ่าแม่”

สรวงร้องไห้ออกมาเมื่อมองเห็นสารรูปสุดาที่อยู่ในสภาพขวัญกระเจิง สงสารแม่เหลือเกิน
เวลาเดียวกันกรรณนรีหอบสังขารมานั่งร้องไห้แทบจะขาดใจอยู่ต่อหน้าพ่อที่บ้าน ผมเผ้ายุ่งเหยิง เพราะถูกสุดาจิกตีมา ตามเนื้อตัวตัวมีรอยเขียวช้ำเป็นจ้ำๆ เกริกลูบเนื้อลูบตัวกรรณนรีมองอย่างสงสาร

“รู้มั้ยใจจริงพ่ออยากทำอะไร? พ่ออยากฆ่าเค้า อยากทุบอยากตีเค้าให้มันสาสมที่เค้าทำกับลูก...แต่พ่อรู้มันไม่มีประโยชน์ เพราะฉะนั้นหนูเดินออกมาเถอะลูก ถ้ามันทุกข์ทรมานนัก กลับมาอยู่บ้านของเรา”
“ค่ะพ่อ...กาวจะมาอยู่บ้านเรา กาวไม่ไหว ไม่ไหวแล้วจริงๆ”
กรรณนรีร้องไห้โฮ เกริกกอดลูกสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น ลูบเนื้อลูบตัวปลอบ

สรวงกอดสุดาที่ ร้องไห้คร่ำครวญอยู่บนเตียงในห้องนอนแสร้งทำเป็นเสียขวัญ
“ต้องเป็นแผนของพวกมันสองคนแม่ลูก กรรณนรีทิ้งแม่ออกไป นังภาพิศก็เข้ามา กรอกยาเบื่อหนูผสมข้าวให้แม่กิน”
สรวงอึ้ง สุดามองลูกชายอย่างเสียใจ ผละตัวออกทันที
“ถ้าสรวงรักนังกรรณนรี แคร์มันมากกว่าแม่ สรวงก็ไปอยู่กับมันเลยไป แม่จะอยู่คนเดียว ดีกว่าอยู่กับมัน แล้วให้มันรวมหัวหัวกันมาฆ่าแม่”
“ยังไงผมก็เลือกแม่”
“ไม่ต้องห่วงคุณหญิง ในเมื่อผมเป็นคนนำไฟเข้าบ้าน ผมจะดับมันเอง..ผมจะแจ้งความเอาผิดกับภาพิศ”
สรวงกับสุดาตกใจในคำพูดอารักษ์ แต่ใบหน้าของสุดาเต็มไปด้วยความสาแก่ใจ

วันต่อมาภาพิศเดินออกมา แฉล้มเลื่อนรถเข็นเข้ามารวดเร็วหน้าตาตื่น ภาพิศถามด้วยสีหน้าสงสัย
“เป็นอะไรคุณแฉล้ม”
“เพื่อนฉันโทร.มาบอก ท่านอารักษ์แจ้งความจับคุณ”
ดวงหน้าภาพิศซีดขาวเป็นกระดาษ ตกใจไม่ต่างจากแฉล้ม

ภายในบ้านพัก ที่รีสอร์ทของนพ นายังนอนสลบหมดสติอยู่ นพมองนานิ่งๆ ดวงตาว่างเปล่าแต่ดูน่ากลัวยิ่งนัก ก่อนจะลงมือมัดมือเท้านาเอาไว้ อย่างช้าๆ ใจเย็น เหมือนนาเป็นเพียงเหยื่อที่ไม่มีทางหนี

ขณะที่ทุกคนทำงานกันอยู่ในออฟฟิศ หญิงสูงวัยซึ่งเป็นแม่ของนาเดินฉับๆๆ เข้าไปอย่างเอาเรื่อง
“นังมะยม ไหนนังมะยมอยู่ไหน”
ทุกคนหันขวับไปมองงงๆ โดยเฉพาะมะยม หญิงนางนั้นหันขวับมามอง เดินตรงเข้ามา
“ลูกฉันอยู่ไหน”
ทุกคนงงยกใหญ่ นิครีบป้องมะยม
“ลูกคุณ แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเพื่อนผม”
“ก็เจอกันครั้งสุดท้าย ลูกฉันบอกจะมาจัดการเพื่อนแก แต่แล้วจู่ๆ ลูกฉันก็หายตัวไปติดต่อไม่ได้” หญิงสูงวัยมองหน้ามะยม ถามคาดคั้น “บอกมานะนังมะยม แกทำอะไรลูกฉัน” เห็นมะยมนิ่งนางจึงถลันเข้าหามะยม
นิคขวางไว้ ผลักออกไม่แรงนัก แค่ป้องกัน “อย่าป้า ผมรู้แล้วทำไมลูกป้าเป็นอย่างนั้น ได้เลือดป้ามาดีๆ นี่เอง ไม่มีเหตุผล”
“แก” แม่ของนาจะตีนิค
มะยมโพล่งขึ้น “ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ”
“ไม่รู้เรื่อง” แม่ของนาถลันไปตบมะยมจนได้ เสียงดังผลัวะ

ทุกคนตื่นตกใจ เข้ามาห้ามพัลวัน
เวลาเดียวกันนั้นสรวงนั่งหน้าเครียดอยู่ที่ทำงาน คิดไม่ตกกับปัญหาระหว่างแม่และเมีย เสียงโทรศัพท์ดัง สรวงกดรับ

“ครับ”
เป็นจ๋าที่โทร.หา พูดเสียงละล่ำละลัก “คุณสรวง บอกคุณนพมาห้ามเร็วค่ะ แม่ภรรยาเค้ามา
อาละวาดมะยม”
สรวงลุกพรวดขึ้นทันที

ในเวลาต่อมา แม่ของนานั่งหอบเหนื่อย ร้องไห้อยู่ในห้องทำงานจ๋า มะยมยืนอีกมุมกับนิค มะยมบอก
“ใจเย็นๆ นะคะป้า ใจเย็นๆ ฉันไม่รู้เรื่องจริงๆ ค่ะ”
แม่ของนาก้มหน้าร้องไห้ท่าทีทุกข์หนัก “แล้วลูกฉันหายไปไหน ลูกฉันหายไปไหน”
ทุกคนมองหน้ากันไม่รู้ สักครู่หนึ่งสรวงเปิดประตูพรวดเข้าไป
“คุณนาหายตัวไป...ผมพยายามติดต่อคุณนพก็ติดต่อไม่ได้” นิคบอก
“คุณสรวงรู้มั้ยคะคุณนพอยู่ที่ไหน” จ๋าถามเร็วๆ
สรวงนิ่งตริตรอง หวนคิดไปถึงคำพูดแปลกๆ ของนพ ที่บอกว่าจะกลับไปดูแลรีสอร์ท ในการเจอกันครั้งสุดท้าย

ตอนกลางวันแท้ๆ แต่ที่ด้านในห้องพักภายในบ้านพัก กลับมืดสลัว ราวกับตอนกลางคืน นาค่อยๆ งัวเงียฟื้นขึ้นมา มองไปเห็นนพนั่งลับมีดอยู่ เสียงดัง เป็นจังหวะน่ากลัว นพหันมามอง ถามนิ่งๆ
“ฟื้นแล้วเหรอ”
นาจะขยับตัวแต่ก็ขยับไม่ได้เพราะถูกมัด ถดตัวถอยกรูด ถามเสียงสั่น
“คุณจะทำอะไร”
นพพูดเสียงนิ่งๆ “ฆ่าคุณ”
นาหวีดร้องขึ้นสุดเสียงตกใจกลัวมาก “คุณนพ”
นพมองท่าทีหวาดกลัวของนาอย่างสะใจ ค่อยๆ เดินเข้ามานั่งใกล้ๆ ลูบหัวลูบผมนา พร้อมกับเอ่ยขึ้น
“คนที่ชอบวางตัวเหนือคนอื่นอย่างคุณ กลัวเป็นด้วยเหรอ? ไม่ต้องกลัว...ผมไม่ฆ่าคุณหรอก” นพหยิบมีดขึ้นมาไล้กับมือตัวเอง บอกต่อ “แต่จะค่อยๆเฉือนเนื้อคุณทีละชิ้น ทรมานคุณ..เหมือนที่คุณทรมานชอบคนอื่น”
นพชูมีดขึ้น นามองจ้องมีด เห็นเงาวาววับก็กลัวจับใจ
“อย่าทำอะไรฉันนะ”
นพปักมีดลงพื้นเสียงดังฉึก นาร้องกรี๊ดกลัวมาก

สรวงขับรถมาด้วยความเร็ว ทุกคนในรถท่าทางตื่นกลัว แม่ของนาร้องไห้ตลอดทาง
“นพ..อย่าทำอะไรลูกฉันเลยนะ” ยกมือภาวนา “อย่าทำอะไรลูกฉันเลย”
นิค มะยม และสรวง ตกอยู่ในอาการระทึกขวัญไม่ต่างกัน

นาเนื้อตัวสั่นเทา พยายามยกมือไหว้ขอชีวิต
“อย่าทำฉันเลยคุณนพ...อย่า...ฉันกลัว..กลัว”
นพพูดเสียงเศร้า “ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยคิดทำร้ายคุณ แต่คุณทำร้ายผม ทำร้ายคนอื่นตลอด คุณกดดันให้ผมทำอย่างนี้เองนะคุณนา”
นพหยิบมีดขึ้นมา นามองมีดเนื้อตัวสั่น นพบอกอย่างเสียใจ
“แต่ไม่ต้องห่วง....ทันทีที่คุณทรมาน คุณขาดใจตาย...ผมก็จะตายเหมือนกันตายไปทั้งคู่ จะได้จบๆ ปัญหาซักที”
นามองมีดอย่างหวาดกลัว หัวใจจะวาย “อย่านะคุณนพ...อย่า”
“ไม่ดีเหรอ? คุณอยากได้ตัวผมนัก ผมก็จะไปกับคุณ ไม่ว่าชาตินี้ชาติไหน ผมก็จะตามติดไปอยู่กับคุณ”
นพเงื้อมีดขึ้น ขณะที่นาหลับหูหลับตาร้องกรี๊ดสุดเสียง
“อย่า”

นาทีเป็นนาทีตายนั้น ประตูห้องถูกเปิดผลัวะเข้ามา พร้อมกับที่สรวง นิค มะยม แม่นามองภาพอย่างตื่นตระหนก สรวงร้องลั่น
“อย่าพี่นพ”
สรวงกับนิคกระโจนเข้าหากระชากตัวนพออก ขณะที่แม่นาถลาไปกอดนาไว้
นพบ้าคลั่งแล้ว พยายามสะบัดตัว “ปล่อยพี่..ปล่อย...มันทรมานชีวิตพี่ พี่จะฆ่ามัน”
“อย่าคุณนพ อย่า” มะยมร้องห้าม
นพดิ้นรน พลางตะโกน “ปล่อย..ปล่อย พี่จะฆ่ามัน ปล่อย”
มะยม นิค และสรวงร้องห้ามพร้อมๆ กัน
“อย่าพี่นพ” / “อย่าคุณนพ”
แม่ของนาที่แก้มัดลูกสาวเสร็จ หันมาท้าเหยงๆ “ไม่ต้องไปห้ามมัน หลงเมียน้อยจนหน้ามืด” จ้องหน้านพอย่างโกรธแค้นประกาศกร้าว “ฉันจะจับแกเข้าคุก” พลางหยิบมือถือขึ้นมากดโทร.ออก

“191 ฉันมีเหตุด่วนเหตุร้ายจะแจ้ง”
คืนนั้นนพถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมตัวเข้าไปในห้องขัง สรวง นิค มะยม ได้แต่มองเห็นใจขณะที่นากับแม่ตามมาด่าเหยงๆ

“มันจะพยายามฆ่าหั่นศพลูกสาวฉัน หลักฐาน พยานพร้อม จับมันขังลืมเลยค่ะคุณตำรวจ
“ไอ้ผัวเฮงซวย อยู่ในคุกจนตายเถอะแก หลงเมียน้อยจนไม่ลืมหูลืมตา...”
มะยมทนไม่ไหวแล้ว ตวาดเสียงกร้าว “ฉันไม่ใช่เมียน้อย เตรียมรับหมายศาลได้เลย ฉันจะฟ้องคุณ”
นาแหวใส่อีก “ยังจะกล้าอีกเหรอนังมะยม”
ขาดคำนาปราดเข้าหามะยม จะตบอีกอย่างบ้าคลั่ง สรวง นิค ช่วยกันมะยมเอาไว้ ขณะที่นพตะโกนก้อง “เลิกบ้าได้แล้ว คุณมะยมไม่ได้เป็นเมียน้อยผม เค้าเป็นผู้หญิงที่ผมรัก”
นากรีดร้องโวยวายเป็นการใหญ่ “แอร๊ยยย...ดูสิ ต่อหน้าฉันมันยังกล้าพูดอย่างนี้”
“ต่อให้ผมติดคุกจนตาย ผมก็จะพูดอย่างนี้”
แม่ของนาตวาด “ไอ้นพ”
สรวงปลอบ “ใจเย็นๆ ครับพี่นพ”
“พี่รู้สิ่งที่พี่ทำมันโง่ แต่พี่แก้ปัญหาไม่ได้ เค้าไม่ยอมหย่าให้พี่ เค้าตามรังควานชีวิตพี่ ชีวิตมะยม ถ้าต้องอยู่กับเค้า พี่เลือกอยู่ในคุกดีกว่า”
นาด่ารวดเดียวจบ “ไอ้นพ..ไอ้สารเลว ไอ้เลว...ฉันจะแช่งชักหักกระดูกแกทุกวัน ชีวิตแกจะต้องไม่มีความสุข ต่อให้แกตายในคุกฉันก็จะไม่หย่า ต่อให้แกตายตกนรกหมกไหม้ ฉันก็จะตามไปรังควานแกถึงนรก”
ทุกคนมองอย่างตื่นตะลึง ที่เห็นความร้ายกาจของนา ผู้หญิงคนหนึ่งที่อยู่บนโรงพักแห่งนั้นบอกอย่างทนไม่ไหว
“ว้ายยย น้อง แรงงงง มากกกก ถ้าพี่เป็นผัวน้อง พี่ก็เลือกตายอยู่ในคุก แถมทำบุญ 9 วัด อย่าให้สัมภเวสีอย่างน้องรังควานเล้ย”
“นังนี่”
นาโผนทะยานเข้าหาหญิงชะตาขาดคนนั้น ตำรวจต้องแยกออก ก่อนที่จะเกิดมวยอีกคู่
นพมองมะยม “ลาก่อนมะยม”
สรวงปลอบ “มีอะไรไปสู้กันในชั้นศาลพี่”
นพยิ้มให้สรวงแบบคนปลงๆ เดินตามตำรวจเข้าห้องขังไป

มะยมเดินร้องไห้ออกมากับนิคที่หน้าโรงพัก พลางบอกอย่างสะท้อนใจ
“คุณนพเค้ารักฉันมากขนาดนี้ ฉันรักเค้าได้ใช่มั้ยนิค? ฉันรักเค้าได้ใช่มั้ย”
นิคมองมะยมอย่างขมขื่น และเสียใจบอกออกมา “ได้... แกรักเค้าได้มะยม”
นิคดึงมะยมมากอดปลอบ มะยมร้องไห้กับอกนิค

คืนนั้นภาพิศกอดลูกน้อยแนบอก ดวงตากังวล แฉล้มเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ฉันว่าคุณมอบตัวเถอะ อย่างน้อยโทษหนักจะได้กลายเป็นเบา นะคุณนะอย่างที่ฉันบอก ถ้าคุณยอมไม่เป็น คุณก็เย็นไม่ได้...แล้วเรื่องมาถึงขนาดนี้แล้ว ยังไงคุณก็ต้องเย็น”
แฉล้มพูดปลอบ ภาพิศนิ่ง..ไม่ตอบโต้ ดวงตาเหมือนคิดอะไรอยู่

วันต่อมาภาพิศอุ้มลูกน้อยไปหาเกริกที่บ้าน เกริกมองงงๆ
“อะไร นุดี”
ภาพิศน้ำตาคลอบอกเสียงอ่อยๆ หลบตา “ท่านอารักษ์แจ้งความจับฉัน คดีพยายามฆ่าคุณหญิงสุดา ฉันอยากฝากลูกให้พี่เลี้ยง...”
เกริกตะลึง ภาพิศอ้อนวอน
“ฉันไม่เหลือใครแล้ว พี่ช่วยฉันด้วยนะ...ฉันรู้..พี่เป็นคนดี พี่จะสอนให้ลูกฉันเป็นคนดีได้”
เกริกมองภาพิศอย่างสมเพชเวทนา “เธอทำอะไรไม่เคยคิดก่อนเลยนุดี” เกริกกระชากแขนภาพิศอย่างแรง “มานี่ เธอมาดูลูกเลย”
เกริกลากภาพิศที่อุ้มลูกไปหากรรณนรี

เกริก ลากภาพิศมาในห้อง ภาพิศเห็นกรรณนรียืนร้องไห้
“ดูซะ...นี่คือผลพวงการกระทำของเธอ...คุณหญิงสุดาเค้าเกลียดกาว เพราะการกระทำของเธอ”
“แล้วทำไมฉันถึงยอมรับคุณสรวงได้ ทำไมมันไม่ยอมรับกาว นังสุดา มันจะจองเวรจองกรรมลูกฉันไปถึงไหน” ภาพิศเถียง
“เพราะเค้าเป็นฝ่ายถูกกระทำ”
“มันต่างหากที่ทำฉันก่อน”
เกริกมองด้วยสายตาตำหนิ พูดเสียงเข้ม “เธอทำเค้าก่อน เธอเข้าไปยุ่งกับสามีเค้าก่อน ทุกอย่างมันถึงเป็นแบบนี้”
“ไม่ใช่..ฉัน...ไม่ใช่” ภาพิศอึ้ง ส่ายหน้า ไม่ยอมรับเด็ดขาด
“เธอก็เป็นอย่างนี้ไม่เคยยอมรับว่าตัวเองผิด ดื้อรั้น เห็นแก่ตัว มีแต่สร้างภาระให้คนอื่น”
“พี่จะด่าจะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่ตอนนี้ฉันไม่มีที่ไป ฉันฝากลูกด้วยนะพี่..ฝากลูกด้วย” ยื่นลูกให้ทันที
“นี่จะหนีใช่มั้ย” เกริกมองอย่างเวทนา “โธ่เอ๊ย...นุดี”
ภาพิศมองด้วยสายตาอ้อนวอน สุดท้ายเกริกก็จำต้องยื่นมือไปรับเด็กหญิงตาดำๆ ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อยู่ดี

คืนนั้นกรรณนรีน้ำตาคลอ ดวงตามีแต่ความเศร้าหม่น กำลังจะเดินออกจากบ้าน ภรตก้าวลงจากรถ ที่เพิ่งจอด กรรรณรีทักทาย
“พี่ภรต กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ”
“เมื่อวาน...กาวจะไปไหน? พี่ไปส่ง” ภรตย้อนถาม

กรรณนรีน้ำตาไหลริน ไม่ยอมตอบใดๆ
ไม่นานต่อมา ที่คฤหาสน์บ้านอริยะวรรต กรรณนรีเก็บข้าวของใส่กระเป๋า สุดาที่ใช้ไม้เท้าช่วยยืนอยู่และมองอย่างสาแก่ใจ

“ไปแล้วไปลับ ไม่ต้องกลับมาอีก แล้วฉันจะอุทิศส่วนกุศลไปให้”
กรรณนรียกมือไหว้สุดาอย่างนอบน้อม ก่อนจะหิ้วกระเป๋าออกไป

ภรตยืนรอกรรณนรีอยู่ที่รถบริเวณหน้าบ้าน สรวงขับรถมาจอดพอดี เห็นภรตยื่นมือมาช่วยกรรณนรีหิ้วกระเป๋า ภรตหันไปเห็นสรวง กรรณนรีมองตาม สองคนสบตากันมีแต่ความเจ็บปวดในแววตา ก่อนที่กรรณนรีจะตัดสินใจขึ้นรถไปกับภรต
สรวงมองตามกรรณนรี จนรถของภรตลับสายตาไป

สรวงเดินเข้ามาในห้อง มองเตียง ภาพหวานฉากกุ๊กกิ๊กกับกรรณนรีผุดขึ้นในห้วงคิด ก่อนที่ภาพเหตุการณ์วันแต่งงานจะเข้ามาแทนที่ สรวงปวดใจยิ่งนัก
ส่วนกรรณนรีก็นั่งร้องไห้อยู่ในรถภรตมาตลอดทาง
แม้จะรักกันมากเพียงใด แต่ทั้งสรวงและกรรณนรีก็ไม่อาจสมหวัง ต้องดื่มกินความทุกข์ และตกอยู่ในสภาพคนหัวใจสลาย

คืนเดียวกันภาพิศนั่งร้องอย่างกลัดกลุ้ม ไม่ได้ฟูมฟาย แต่เหมือนชีวิตมาถึงทางตันหาทางออกไม่เจอ พิไลผู้เป็นแม่ด่าซ้ำ
“สมควรให้เกริกมันด่าแกจริงๆ นุดี...มีแต่สร้างภาระให้คนอื่น”
“จะทำอะไรไม่เคยคิดหน้าคิดหลัง ใช้แต่อารมณ์” พร้อมว่า
“นี่ถ้าแกอยู่อย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัวตั้งแต่แรก นังคุณหญิงสุดามันก็คงเอ็นดูแกอยู่หรอก นี่อาไร้! ตาต่อตา ฟันต่อฟัน มันไม่เอาน้ำกรดมาสาดหน้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว” พิไลระบายอารมณ์
“ดีอะไร ที่ผ่านมา นังสุดามันทำร้ายฉันตลอด” ภาพิศเถียง
“แต่แกมาทีหลัง...ถ้าแกยอมๆ เค้าหน่อย มันก็อยู่กันได้ นี่แกพร้อมปะ ฉะ ดะ เมียหลวงที่ไหนเค้าจะชอบวะ”
พร้อมด่าอีก พิไล เห็นสภาพลูกสาว พูดด้วยเสียงอ่อนอกอ่อนใจ เหมือนตัวเองก็ผิดด้วย
“แต่มันก็ผิด...ผิดตั้งแต่แรกแล้วล่ะที่แกไปเป็นเมียน้อยเค้า แม่เองก็ผิด ที่สนับสนุนให้แกทำเลว”
ภาพิศหันไปมองก็เห็นพิไลน้ำตาคลอ เจ็บปวด ภาพิศยิ่งสะเทือนใจจนน้ำตาไหล พร้อมเอ่ยขึ้นเตือนสติ
“พอได้แล้วล่ะนุดีเอ๊ย...คนเราถ้ายอมไม่เป็นก็เย็นไม่ได้ แรงใส่กันอย่างนี้มันไม่มีประโยชน์ นอกจากตายกับตาย...และคนที่ลุกเป็นไฟนั่นล่ะจะตายก่อนคนอื่น เชื่อพ่อ”

ภาพิศเงียบงันอยู่อย่างนั้น
ครู่ต่อมาภาพิศเดินเข้ามาในห้องนอน ห้องทั้งห้องมืดมิด แต่ภาพิศก็ไม่สนใจปิดสวิชท์ไฟ ได้แต่ทรุดตัวลงนั่งบนเตียงปล่อยให้น้ำตารินไหล

คำเตือนของแฉล้ม และพ่อประดังขึ้นในหัวโดยเฉพาะคำของพ่อที่ว่า...ยอมไม่เป็นเย็นไม่ได้
“หรือถึงเวลา...ที่เราควรยอมซักที”
ภาพิศได้แต่รำพึงถามตัวเองอย่างตริตรองในความมืดมิดของห้อง ที่ไม่ต่างกับทางชีวิตในยามนี้ของหล่อน

วันใหม่มาถึงภาพิศพาตัวเองเข้าหาความสงบ กำลังเดินดุ่มเข้าไปยังไปวัด ที่เงียบสงบๆ บรรยากาศร่มรื่น เขียวขจีไปด้วยต้นไม้ใหญ่น้อย
“ที่นี่...อาจทำให้เราไม่ต้องอยู่ในคุก”
ภาพิศคิดอยู่ในใจ ขณะเดินตรงเข้าไปยังโบสถ์ ก่อนจะก้มลงกราบพระประธาน แม้จะพยายามนั่งสมาธิ แต่เพราะใจไม่นิ่งและไม่คุ้นเคยกับวีถีแห่งธรรม และยังไม่ปล่อยวางภาพิศขยุกขยิกอยู่ไปมา หลวงพ่อรูปหนึ่งเดินมา มองเห็นท่าทางของภาพิศก็เดาออกเป็นหญิงคนนี้ไม่เคยเข้าใกล้วัด

เวลาเดียวกันกรรณนรีนั่งเศร้าอยู่ แต่ดวงตาเด็ดเดี่ยว ปลดปลงและยอมรับความจริงในชีวิตได้แล้ว
“พี่เห็นใจกาวนะ ที่เรื่องของกาวกับคุณสรวงต้องจบลงแบบนี้”

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/4 วันที่ 9 พ.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager