@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 19/4 วันที่ 7 พ.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 19/4 วันที่ 7 พ.ย. 55

“ไม่มีใครตั้งใจให้มันเป็นอย่างนี้จริงๆ คุณหญิง” อารักษ์แทรกขึ้นมา
“หุบปาก” สุดาหยิบของข้างตัวมาปาใส่หน้าอารักษ์ “เพราะคุณคนเดียว..เอาไฟเข้ามาในบ้านไม่พอ คุณยังโยนไฟให้มันมาเผาฉันเอง คุณมันเลวจริงๆคุณอารักษ์ คุณมันเลว”
“ผมยอมรับว่าผมเลว แต่สิ่งที่ผมทำเพราะลูก...ลูกรักกรรณนรี”
กรรณนรีมองสรวงอย่างเห็นใจ สุดาด่าภาพิศอย่างเกรี้ยวกราด
“แต่ฉันเกลียดมัน เกลียดแม่มัน จนตายฉันก็อยู่ร่วมโลกกับมันไม่ได้ ฉันจะเอานังภาพิศเข้าคุก”
สุดาประกาศกร้าว สีหน้ากรรณนรีสลดยิ่งกว่าเดิม

กรรณนรีสะเทือนใจหนัก เดินออกมาจากโรงพยาบาลน้ำตาไหลริน คิดไม่ตก เพราะปัญหานับวันจะยิ่งรุนแรงมากขึ้นทุกทีๆ
แหวนของคุณหญิงสุดาที่สรวงใช้หมั้นกรรณนรี อยู่ในมือสุขหฤทัย สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในบ้าน



“ไม่น่าเชื่อเลยนะคะแหวนวงนิดเดียว จะเกิดเรื่องตั้งมากมาย”
“ไม่ใช่เพราะแหวน แต่เป็นเพราะคน”
สุขฤทัยอึ้งมองหน้าแม่ สมหญิงว่าต่อ
“บางทีแม่ก็คิดนะ..ว่าฤทัยผิด”
“ฤทัยจะผิดได้ยังไงคะคุณแม่” สาวแสบงง
“ก็ผิดที่บอกคุณหญิงสุดาไง....แม่เองก็ผิดที่ไม่ห้ามฤทัย เพราะถ้าเราสองคนไม่บอก ป่านนี้คุณสรวงก็แต่งงานไปแล้ว”
“ถึงแต่ง ยังไงก็มีปัญหาอยู่ดี” สุขหฤทัยแย้ง
“นั่นเป็นปัญหาของเค้า ไม่ใช่ของเรา แต่พอปัญหามันเกิดจากเรา...แม่กลัว”
“กลัวอะไรคะ”
“กลัวกรรมมันจะตามสนองยังไงลูก อย่าลืมฤทัย...ก็ยังไม่ได้แต่งงาน”
สุขหฤทัยหน้าจ๋อยไปทันที

กรรณนรีนั่งหน้าหม่นหมองอยู่ที่บ้าน กาวินทร์ถามอย่างกลุ้มๆ
“ตกลง...กาวจะเข้าไปขอโทษคุณหญิงสุดา”
“ค่ะกาวพร้อมจะรับผิดสิ่งที่กาวทำทุกอย่าง และพร้อมจะรับผิดแทนแม่ทุกอย่าง”
กาวินทร์พูดอย่างกังวล “แล้วคิดเหรอว่าเค้าจะให้อภัย”
“กาวจะทำทุกอย่างจนกว่าคุณหญิงจะให้อภัย เพราะกาวรักคุณสรวง”
เกริกที่ฟังอยู่นานที่ด้านหลังสองคนบอก
“ถ้ากาวตัดสินใจอย่างนั้นแล้วพ่อก็ไม่ห้าม แต่พ่ออยากให้กาวคิดซักนิดนึง คุณสรวงเค้าพร้อมจะจับมือกาว ก้าวผ่านปัญหาตรงนี้หรือเปล่า”
กรรณนรีนิ่ง พูดไม่ออก นั่นเป็นสิ่งที่เธอไม่ได้คิดมาก่อนเหมือนกัน

สรวงยืนเอามือล้วงกระเป๋าอยู่ด้านนอก ท่าทางเศร้า กลุ้มใจ กังวลใจ เสียงสุดาดังก้อง
“สรวงจำได้มั้ยลูก...ก่อนที่ภาพิศจะเข้ามา บ้านเรามีความสุขกันแค่ไหน”
สรวงหวนนึกไปถึงเหตุการณ์ตอนเป็นเด็กๆ ประมาณ 10 ขวบ อารักษ์สอนสรวงทำการบ้าน สุดาเดินเอาขนมมาให้กิน ทุกคนต่างยิ้มและหัวเราะเบิกบาน
อีกเหตุการณ์ ที่สระว่ายน้ำ สุดา กับอารักษ์ และสรวงตอนเด็ก ว่ายน้ำด้วยกัน โยนลูกบอลเล่นกันมีความสุข นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมยามเช้า สามคนพ่อแม่ลูกวิ่งออกกำลังรอบหมู่บ้าน ล้วนแต่มีความสุข
“แต่พอภาพิศเข้ามา บ้านเราลุกเป็นไฟ” เสียงสุดาดังแทรกเข้ามาอีก
เหตุการณ์ตอนที่สรวงยังเด็กอีกเหมือนกัน สรวงนั่งทำการบ้าน สุดานั่งรออารักษ์ท่าทีร้อนใจ พออารักษ์กลับเข้ามา สุดากับอารักษ์ก็ทะเลาะกัน
สรวงแอบเข้าไปในห้องทำงานอารักษ์ รื้อกระเป๋าเงิน เห็นภาพอารักษ์ถ่ายคู่กับภาพิศ สรวงเสียใจ
“แม่ขอเถอะนะสรวง..สิ่งเดียวในชีวิตที่แม่ขอ...อย่าให้แม่ทุกข์มากไปกว่านี้อีกเลย แม่รับไม่ได้..รับไม่ได้จริงๆ...ถ้าสรวงจะแต่งงานกับนังกรรณนรี”
สรวงดึงตัวเองกลับมาเผชิญความจริง ชายหนุ่มยืนน้ำตาคลอ อารักษ์เดินมาหาแตะไหล่ สรวงหันมามองพ่อก่อนบอก
“ต่อจากนี้ไปผมจะตามใจแม่ทุกอย่าง แม่ต้องการอะไรผมจะไม่ขัด...เพราะแม่มีความหมาย แม่สำคัญที่สุดในชีวิตของผม” สรวงว่า
“แล้วลูกกับกรรณรี” อารักษ์ท้วง
“ผมกับเค้าอาจจะเกิดมาแค่รักกัน แต่ไม่ได้เกิดมาคู่กันก็ได้ครับพ่อ”

สรวงพูดอย่างตัดใจ อารักษ์มองลูกชายอย่างเห็นใจ
แม้นจะเป็นช่วงตอนกลางวัน ทว่าภายในห้องภาพิศที่บ้านพ่อและแม่ บรรยากาศกลับดูอึมครึมและวังเวง ภาพิศนั่งจมอยู่ตรงมุมห้องนิ่งๆ แต่ดวงตาเต้นระริกเป็นประกายวามวับแลดูน่ากลัว ขณะคำรามก้องในใจ

“ถ้าไม่มีนังสุดาซักคน...เพียงแต่ไม่มีนังสุดาซักคน”
ภาพิศค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา แต่ในรอยยิ้มนั้นช่างเต็มไปด้วยความดุดันเหี้ยมเกรียม

ตกตอนเย็น ภาพิศอยู่ในชุดนางพยาบาล มีหน้ากากอนามัยปิดปากช่วงพรางตัวอีกด้วย ในมือถือถาดยา พร้อมกับเข็มฉีดยาเหมือนนางพยาบาลทั่วไป เดินมา มีผู้คนเดินผ่านไปมา ภาพิศก็เดินมาตามทางอย่างใจเย็น ไม่ส่อพิรุธใดๆ ดวงตาคู่นั้นแน่วนิ่ง

สักครู่หนึ่ง ภาพิศมาหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้องพักฟื้นของสุดา ส่องมองผ่านกระจกเข้าไปเห็นสุดาหลับอยู่ โดยหันหน้าเข้าข้างฝาผนังอีกด้าน ภาพิศถอนหายใจ หัวใจเต้นรัว ที่โชคเข้าข้าง หันไปมองซ้ายมองขวา เมื่อเห็นว่าไม่มีใคร ภาพิศจึงเปิดประตูเข้าไป
ด้านสุดานอนหลับอยู่ ลมหายใจสม่ำเสมอเหมือนคนหลับสนิท ภาพิศมองสุดาด้วยสายตาแห่งความเกลียดชัง ค่อยๆ หยิบเข็มฉีดยาขึ้น พึมพำกับตัวเอง
“แกจะได้หลับสนิทจนนิจนิรันดร์นังสุดา”
ภาพิศจับมือของสุดาไว้ พร้อมกับจรดปลายเข็มลงไป วินาทีนั้นเข็มจ่อตรงผิวหนังตรงเนื้อแขนของสุดาแล้ว แต่ทันใดนั้นเองประตูก็ถูกเปิดเข้ามา ภาพิศสะดุ้งเฮือก เหลียวขวับไปเห็นนางพยาบาลเวร เดินเข้ามาพร้อมถาดยา และเข็มฉีดยาแบบเดียวกับภาพิศ นางพยาบาลตัวจริงมองจ้องหน้าภาพิศท่าทีตกใจ ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงอันดังลั่น
“ไม่ใช่เจ้าหน้าที่นี่ คุณเป็นใคร”
สุดาสะดุ้งตื่นลืมตาหันมามองจ้อง ก่อนจะเบิกตากว้างอย่างตกใจ “นังภาพิศ”
มือของภาพิศจะแทงเข็มเข้าไป คล้ายคนหน้ามืด เพราะไหนๆ ก็ไหนๆแล้ว สุดาชักมือออก
“อย่า” สุดาผลักมือภาพิศออก
สองคนยื้อยุดกันไปมา เข็มในมือภาพิศหล่น สุดากระชากหน้ากากอนามัยออก ขณะที่เจ้าหน้าที่ตะโกนลั่น
“ช่วยด้วยๆๆๆๆ”
ภาพิศรู้ว่าพลาดแล้ว จึงรีบวิ่งหนีออกไปทันที

ภาพิศก้มหน้าวิ่งลนลานออกไปหน้าห้องด้วยความตกใจกลัว ชนกับอารักษ์ สรวงที่เดินเข้ามา
ภาพิศร้อง “ว้าย”
สองคนพ่อลูกบอก “ขอโทษครับ” กัน
ภาพิศหันมา อารักษ์ กับสรวงเห็นภาพิศซึ่งแต่งตัวเป็นพยาบาลอย่างชัดเจน
สรวงตกตะลึง “คุณภาพิศ”
ภาพิศหน้าซีด พยาบาลวิ่งตามออกมาจากห้องตะโกนบอก
“จับไว้ค่ะ จับไว้”
ภาพิศรีบวิ่งลนลานหนีไป สรวงถามเร็วปรื๋อ
“เกิดอะไรขึ้นครับ”
“เค้าลอบเข้ามาทำร้ายคุณหญิงค่ะ” พยาบาลบอกสีหน้ายังตื่นตระหนก
อารักษ์กับสรวงมองตามก่อนวิ่งเข้าไปในห้องสุดาอย่างรวดเร็ว

ภาพิศวิ่งลนลานออกมาตามทางในโรงพยาบาล ยินเสียงผู้คนร้องตะโกนตามโหวกเหวก
“จับไว้ครับจับไว้” เจ้าหน้าที่ วิ่งไล่ตามจับตัวภาพิศจ้าละหวั่น
ผู้คนทั้งญาติและคนไข้ตามทาง ต่างงุนงง ภาพิศวิ่งหนีเตลิดไปด้านนอกอาคารผู้ป่วย จังหวะนั้นกรรณนรีซึ่งตั้งใจมาเยี่ยมสุดาเดินมาจากอีกทาง เห็นเหตุการณ์ก็ตกใจ
กรรณนรีพึมพำเบาๆ “แม่” แล้วรีบวิ่งตามภาพิศไปทันที

ภาพิศวิ่งขึ้นรถแท็กซี่ที่หน้าโรงพยาบาล หนีไปได้อย่างหวุดหวิด ส่วนที่ด้านหลังนางพยาบาลซึ่งวิ่งตามมาหอบแฮ่กๆ
“หนีไปจนได้”
กรรณนรีวิ่งตามมาหน้าตาเหลอหลา มองตามไปแต่ไม่เห็นอะไรแล้ว งง ขณะที่พระอาทิตย์โรยราแสง ก่อนจะลับขอบฟ้าไปในเวลาต่อมา

ค่ำนั้น ทางด้าน สุดากรีดร้องโวยวายด่าทอภาพิศ
“นังภาพิศมันจะฆ่าฉันๆๆ”
“เราให้เจ้าหน้าที่ช่วยกันตามอยู่ค่ะคุณหญิง” นางพยาบาลปลอบ
“จับมันเข้าคุกไปเลย มันจะฆ่าฉัน” สุดาบอกอย่างคั่งแค้น
อารักษ์หน้าเสีย บอกเป็นเชิงห้าม “อย่าทำขนาดนั้นเลยคุณหญิง” แล้วรีบกลบเกลื่อน “ก็แค่...เพื่อนกันล้อกันเล่น”
สุดาแหวใส่ “เพื่อนบ้าอะไรจะฆ่ากัน ฉันไม่ใช่เพื่อนมัน”
พยาบาลชักงง “ตกลงยังไงกันคะ จะให้แจ้งความหรือเปล่า”
อารักษ์กับสุดาพูดพร้อมกัน แต่ไปคนละทาง อารักษ์บอก “ไม่แจ้ง” ส่วนสุดาบอก “แจ้ง”
สองหันมามองหน้ากัน สุดาแว้ด
“คุณอารักษ์...จนป่านนี้แล้ว คุณยังจะเข้าข้างมันอีกเหรอ สรวงแม่ไม่ยอมนะ แม่ไม่ยอม” สุดาหันมาอ้อนลูกชายสุดสวาท
“เดี๋ยวดิฉันแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้ค่ะ” นางพยาบาลว่า
สรวงรีบบอก “เดี๋ยวผมจัดการเองครับ ขอบคุณ”
นางพยาบาลเดินออกไปลับกายแล้ว ในจังหวะที่กรรณนรีวิ่งมาถึงหน้าพอดี จึงเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง
“ไม่ต้องแจ้งความนะสรวง ถือว่าจบกันไปแค่นี้” อารักษ์บอกเป็นเชิงขอร้อง
“นังภาพิศมันเข้ามาฆ่าฉัน มันจะจบได้ยังไง”
“คุณก็ไม่ได้เป็นไรนี่ อีกอย่างถ้าตาต่อตาฟันต่อฟันขนาดนี้ มีแต่คนเละ มันต้องมีคนยอมด้วยสิคุณ”
“แล้วทำไมฉันต้องเป็นคนยอม”
“เพื่อที่เรื่องทุกอย่างมันจะได้จบๆกันไปซักที” สรวงพูดแทรกขึ้นด้วยใบหน้าหม่นเศร้า แต่น้ำเสียงเด็ดเดี่ยว “ผมเองก็จะเลิกยุ่งเกี่ยวกับกรรณรีทุกอย่าง”

กรรณนรีได้ยินเต็มสองหู ใบหน้าสวยนั้นซีดเผือด เสียใจ น้อยใจ และเจ็บปวดระคนกัน ในขณะที่สุดายิ้มย่องมองสรวงอย่างดีอกดีใจ
จังหวะนั้นอารักษ์เหลียวมองออกไปที่หน้าประตู เห็นกรรณนรียืนนิ่ง น้ำตาร่วงอยู่ อารักษ์จึงรีบขยับเอาตัวบังร่างกรรณนรีไม่ให้สุดามองเห็น

สุดาจึงไม่ทันเห็นกรรณนรี มองสรวงอย่างดีอกดีใจ “จริงเหรอสรวง สรวงพูดจริงนะ”
“ครับแม่...” น้ำเสียงสรวงเข้ม เด็ดขาด และชัดเจน “ผมจะเลิกติดต่อยุ่งเกี่ยวกับกรรณรีทุกทาง”
“แม่ดีใจที่สุดเลยสรวง ต่อไป แม่ต้องหายวันหายคืน”
สุดายิ้มแย้ม กอดสรวง ท่าทางฮึกเหิม ฮึดสู้ สรวงกอดตอบแน่น บอก
“คุณแม่พักผ่อนนะครับ....เรื่องคุณภาพิศก็ให้จบๆ กันไป จะได้หมดเวรหมดกรรมต่อกัน”
สุดามองขยับปากเหมือนจะค้าน สรวงพูดอย่างนอบน้อม
“นะครับคุณแม่..ผมขอ.. ถ้าเราหยุด..เค้าก็ต้องหยุดเหมือนกัน...”
สุดาทอดถอนหายใจ “ก็ได้จ้ะ...แม่รักสรวง อะไรที่สรวงสบายใจ แม่จะทำ”
“งั้นคุณแม่พักผ่อนนะครับ”
สุดาหลับตาลงอย่างว่าง่าย จับมือสรวงแน่นไม่ยอมปล่อย สรวงมองแม่อย่างสงสาร
อารักษ์มองกรรณนรีสลับกับมองสรวง ก่อนจะจ้องหน้าสรวงเป็นเชิงบอก สรวงรู้สึกตัวหันมามองอารักษ์ อารักษ์ส่งสายตาไปหน้าประตู สรวงหันตามไป เห็นกรรณนรียืนอยู่ สรวงรู้สึกตกใจ และเสียใจ เชื่อว่ากรรณนรีเห็นและได้ยินทั้งหมด อารักษ์ขยับตัวเข้ามาจับมือสุดาแทน ปล่อยให้สรวงเดินออกไป

ค่ำคืนที่แสนเงียบเหงา สองคนซึ่งในใจปวดร้าวระบม ยืนนิ่งๆ อยู่ ที่หน้าโรงพยาบาล กรรณนรีนั้นร้องไห้ไม่หยุด
สรวงทำลายความเงียบ ถามย้ำน้ำเสียงแผ่วเบา “คุณได้ยินหมดแล้วใช่มั้ย”
กรรณนรีพยักหน้า ดวงหน้าที่นองไปด้วยน้ำตานั้นซีดเซียว แลดูน่าสงสารอย่างยิ่ง
สรวงพูดต่ออย่างอ่อนโยน “ผมรักคุณ รักมาก....” น้ำเสียงของสรวงเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก “แต่ความรักของเราสองคน...คงต้องจบกันแค่นี้”
“คุณสรวง” กรรณนรีน้ำตาไหลพราก
สรวงใจจะขาดมองกรรณนรี ทั้งสงสารเห็นใจ “เราทั้งคู่ต่างเจ็บปวด แต่ผมไม่รู้จะจัดการแก้ปัญหาตรงนี้ยังไง? ไม่รู้จริงๆ นอกจาก...” น้ำเสียงของสรวงสั่นเครือขณะพูดประโยคทำร้ายจิตใจตนเองและกรรณนรีออกมา “ยุติความรักของเราสองคน”
สรวงและกรรณนรีต่างมองหน้ากันอย่างเจ็บปวด ทุกข์ทรมานใจแสนสาหัส

คืนนั้นพอรู้เรื่องจากปากภาพิศ แฉล้มร้องออกมาอย่างตกอกตกใจ
“ตาย! ทำไมคุณทำอะไรอย่างนั้น คุกนะคุณ คุก”
ภาพิศกร้าวอย่างอาฆาตพยาบาท “แต่ถ้าแลกกับนังสุดาตาย ฉันยอม กาวจะได้อยู่กับคุณสรวงอย่างมีความสุข” แม่ลูกอ่อนเดินมาอุ้มลูกน้อยของตน “ส่วนยัยหนู ก็จะได้เป็นทายาทอริยยะวรรต โดยไม่มีนังสุดามาขวาง”
“แต่ตอนนี้ล่ะ พวกอริยะวรรตรู้กันหมดว่าคุณคือคนร้าย คุณพยายามฆ่าคุณหญิงสุดาครั้งแล้วครั้งเล่า คุณคิดว่าเค้าจะปล่อยคุณอีกเหรอ”
ภาพิศนิ่ง แต่ดวงตาคู่นั้นบอกความดื้อรั้น ไม่ยอมใคร แฉล้มมองดูอย่างเวทนาขณะพูดเตือนสติออกมา
“ลูกคุณนั่นแหละ จะเป็นคนรับกรรมแทนคุณ”

คืนเดียวกันนั้น กรรณนรียืนเศร้าอยู่หน้าบ้าน แหงนหน้ามองดวงจันทร์บนท้องฟ้า น้ำตาไหลริน สะท้อนใจเหลือแสนกับทางรักของตนและสรวง ที่เดินมาถึงทางตัน
ส่วนสรวงอยู่ที่บ้านอริยะวรรต ท่าทางซึมเศร้า มองพระจันทร์ดวงเดียวกัน ก่อนที่สรวงจะผลุนผลันวิ่งออกไปอย่างห้ามใจตัวเองไม่อยู่

ขณะที่กรรณนรีกำลังจะเดินเข้าบ้าน สรวงวิ่งตามมาร้องเรียกไว้
“กรรณนรี”
กรรณนรีหยุด เหลียวหันมามองราวกับรับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน ต่างคนต่างมองกันนิ่งและนาน
สรวงครวญเสียงเศร้า “ฉันขอโทษ...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...เราจะไม่ทิ้งกัน”
กรรณนรีกับสรวงโผเข้ากอดกันแน่น ร้องไห้ออกมา ส่วนด้านหลัง กาวินทร์กับเกริกมองเห็นความรักที่สองคนมีต่อกันอย่างมั่นคง ก็พูดไม่ออก ได้แต่ยืนมองด้วยความเห็นใจ

นพเดินเข้าไปในบ้าน ใบหน้าถมึงทึง นาเห็นก็ยิ้มเย้ย ด่านพทันที
“ไง?..นังหน้าขาวมันยุให้คุณมาจัดการฉันรึไง”
นพมองนาอย่างเบื่อหน่ายและอ่อนใจ “ยิ่งคุณพูดออกมาเท่าไหร่ มะยมยิ่งเหมือนนางฟ้า แต่คุณเป็นนางมารร้าย”
นาร้องกรี๊ด “คุณนพ คนเลว คนเฮงซวย กล้ายกย่องนังนั่นต่อฉันเหรอ” โผนทะยานเข้ามาตบตีตามตัว นพปัดป้องตัวเองพัลวัน กระแทกเสียงใส่อย่างเหลืออด
“ใช่....เพราะถึงขนาดนี้ เค้ายังไม่เอาเรื่องคุณ มีแต่คุณที่ตามไปหาเรื่องเค้าไม่หยุดหย่อน ทั้งๆ ที่เค้าไม่ได้เป็นอะไรกับผม จำไว้นะ..ถ้าคุณไปตามรังควานมะยมอีก” ท้ายประโยคนพเน้นชัดถ้อยชัดคำ ท่าทีจริงจังไม่ได้ขู่เล่น “คุณกับผมจะได้เห็นดีกัน” จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป

นาปรี๊ดขึ้นมาสุดขีด คำรามในลำคอ

“คิดว่าฉันจะกลัวแกเหรอ เอาซี้...ก็อยากจะรู้เหมือนกัน น้ำหน้าอย่างแกจะทำอะไรฉันได้ ผัวเฮงซวย!”
ทางด้านมะยมนอนอยู่ในห้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลคนเดียว ตอนกลางวันวันนี้ มีนางพยาบาลยกเอาอาหารมาให้

“ทานอาหารค่ะ”
พยาบาลยิ้มให้กับมะยม สักครู่ก็เดินออกไป
ขณะที่มะยมกำลังจะทานข้าว นาก็พรวดเข้ามา ถามเสียงเย็นเฉียบ
“จะทานข้าวเหรอ”
มะยมมองอย่างตกใจ ว่ามาได้ยังไงอีก? และจะมาทำอะไรฉันอีก
นายิ้มเยือกเย็นแต่น่ากลัว “มะ..ฉันป้อน”
นายกชามข้าวต้มราดรดลงบนหัวมะยมทันที มะยมร้องกรี๊ดตกใจมาก นากระชากผมมะยมขยุ้ม จนหน้าแหงนหงาย
“ผัวฉันมันรักมันหลงแกนักใช่มั้ย? ได้...ฉันก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าน้ำหน้าอย่างไอ้นพมันจะทำอะไรฉันได้”
พูดจบนาก็ตบมะยมอย่างแรง มะยมร้องทั้งเจ็บทั้งตกใจระคนกัน นายิ่งคลั่งตบอีกหลายฉาด
มะยมเอามือดัน “อย่า..ช่วยด้วยๆๆ”
นาบ้าเลือดไม่สนอะไรอีกแล้ว กระชากมือมะยมออก จนสายน้ำเกลือหลุด เลือดพุ่งกระฉูด นิคกับจ๋าที่เพิ่งกลับจากซื้ออาหารวิ่งเข้ามาสองคนตกใจร้องลั่นขึ้นพร้อมๆ กัน
“มะยม”
นิคปราดเข้ามาหามะยม ขณะที่จ๋ามองนาอย่างเกลียดชัง
“ยัยบ้าเอ๊ย”
โดยที่นาไม่คาดคิดว่าจะมีคนกล้าด่า จ๋าก็เดินเข้ามาตบผลัวะเข้าที่หน้านาเต็มแรง นาหน้าหัน และเพราะไม่ทันระวังจึงเซล้มลงไป จ๋าตามไปกระชากตบอีก มะยมร้องกรี๊ดๆ
“อย่าพี่จ๋าอย่า”
นามองอย่างกับจะเลือดกินเนื้อ “ฉันจะฟ้องแก ฟ้องแกทุกคน”
จ๋าไม่ยี่หระแล้ว กระแทกเสียงด่า “ใครกันแน่ตามหาเรื่องก่อน โง่..แค่พูดออกมาก็รู้แล้วว่าโง่ มิน่าผัวถึงทิ้ง”
นาถูกจี้ใจดำก็ยิ่งโกรธแค้น เนื้อตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า “พวกนังเมียน้อย”
“ปากเสียอย่างนี้ มันต้องเจอส้นตึกของฉันอุดปาก”
พูดแล้วจ๋าก็ทำท่าจะถอดรองเท้าออก นาร้องกรี๊ดวิ่งซมซานออกไป จ๋าตะโกนด่าตามหลังไป
“อย่ามาให้เห็นอีกนะ ไม่งั้นแกได้กินยำเล็บมือนางแน่ นังบ้า”
จ๋ากร้าว ทีท่าฮึดฮัด มะยมยังตกใจอยู่ นิคกอดประคองเอาไว้ ไม่วายพูดเยาะเย้ย
“นี่เหรอที่ไอ้คุณนพมันบอกว่าไม่ต้องห่วง จะจัดการ แล้วเป็นไง”
“ฉันว่าคุณนพเค้าไม่รู้เรื่อง...แกอย่าบอกเค้านะนิค...”
“มะยม” นิคไม่ใจอย่างแรง
“ฉันอยากให้เรื่องมันจบ” มะยมว่า

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 19/4 วันที่ 7 พ.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager