@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/2 วันที่ 8 พ.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/2 วันที่ 8 พ.ย. 55

อารักษ์บอก แต่ไม่ได้ซีเรียสจริงจังอะไร
จนเมื่อวันหนึ่ง อารักษ์ท่าทางไม่สบายหนัก หน้าซีดเซียว ตัดสินใจมาให้หมอตรวจร่างกาย
พอตรวจเสร็จอารักษ์ถามอย่างไม่ซีเรียส “ผมเป็นอะไรครับคุณหมอ”
หมอมีอาการกังวล “รอผลตรวจเลือดซักครู่ครับ”
ระหว่างนั้นเสียงมือถือดังขึ้น อารักษ์กดรับ ท่าทางซีเรียส
“ได้ๆ...ผมจะรีบไป” หันมาบอกหมอ “พอดีผมมีงานด่วน...เดี๋ยวค่อยมาฟังผลตรวจ
ทีหลังนะครับคุณหมอ”

“ได้ครับ อย่าลืมแล้วกัน เผื่อท่านเป็นอะไร จะได้รักษาได้ทัน”
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับ ก็แค่เป็นไข้” อารักษ์ยิ้มๆ “ที่มาหาหมอ เพราะขี้เกียจฟัง
ลูกบ่นเท่านั้นเอง”
อารักษ์เดินออกไป ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคอะไร



เวลาเดียวกันภาพิศนั่งเลี้ยงลูกอยู่ ท่าทางกลัดกลุ้มเป็นกังวล แฉล้มเลื่อนรถเข็นเข้ามาก่อนจะเอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ตะกี้ฉันโทร.ไปถามที่โรงพยาบาล เค้าบอกคุณหญิงสุดา ออกไปแล้ว”
ดวงตาภาพิศเป็นประกายวาว รู้สึกผิดหวัง แฉล้มพูดต่อ
“ยังเงียบๆ อยู่ แสดงว่าเค้าไม่ได้เอาผิดคุณ ฉันว่าทางที่ดี คุณไปขอโทษเค้าเถอะ เรื่องจะได้จบๆ ซะที ไม่ต้องคิดจะทำอะไรอีกแล้ว อย่าลืม! ที่ผ่านมาคุณก็ร้ายกับเค้าเหมือนกัน”
ภาพิศทำหูทวนลม หันไปก้มหน้าเลี้ยงลูก แฉล้มจึงไม่เห็นแววตาถือดีของภาพิศที่คิดแค้นอยู่ในใจ “คนอย่างนังสุดาจะไปขอโทษมันทำไม ให้มันตายๆ ไปน่ะแหละ ดีที่สุดแล้ว”

ด้านสุดานั่งอยู่บนรถเข็นดวงตาไร้ความสุข เต็มไปด้วยไฟแค้น กรรณนรีเดินมาพร้อมอาหาร
“ทานข้าวนะคะคุณหญิง”
กรรณนรีถือถาดอาหาร ที่มีข้าว และกับ เป็นแกง และผัด พร้อมกับทำท่าจะป้อนเอาใจ
สุดามองอย่างเกลียด ตวาดลั่น “ ถึงขาฉันจะเป็นง่อย แต่มือฉันไม่ได้ง่อย”
ขาดคำสุดายกถาดอาหารทั้งถาดคว่ำใส่หัวกรรณนรีทันที กรรณนรีร้องว้าย ผมเผ้าและเนื้อตัวเลอะเทอะเต็มไปด้วยข้าวและอาหาร
กรรณนรีมองอย่างหวาดกลัว “หนูแค่อยากดูแลคุณหญิง”
“ฉันไม่ต้องการ”
สุดากระแทกเสียงใส่ พร้อมกับเหวี่ยงถาดในมือใส่กรรณนรีอย่างแรง แต่กรรณนรีหลบได้อย่างฉิวเฉียด มองสุดาด้วยสายตาเว้าวอน
สุดามองหน้ากรรณนรีเขม็ง สายตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ เกลียด และชิงชัง

“แกคิดว่า ทำอย่างนี้แล้วฉันจะใจอ่อนเหรอ ไม่มีทาง จนตายฉันก็ไม่มีวันรับแกเป็นสะใภ้”
พูดจบสุดาก็เลื่อนรถเข็นมาที่กรรณนรีอย่างรวดเร็ว ล้อของรถเข็น ทับเข้าที่มือของกรรณนรีเต็มๆ กรรณนรีร้องสุดเสียง ด้วยความเจ็บปวด รีบเอามืออีกข้างพยายามจะดันรถเข็นออก

“คุณหญิง..อย่าค่ะ ฉันเจ็บ”
สุดาตะคอก “ถ้าทนไม่ได้ ก็ไสหัวไปจากบ้านฉัน ไป”
กรรณนรีร้องไห้น้ำเสียงอ้อนวอน มือข้างนั้นยังอยู่ใต้ล้อ “ไม่ค่ะ ไม่...ฉันจะอยู่รับใช้คุณหญิง”
สุดาด่า “นังหน้าด้าน”
พร้อมกันนั้นสุดายังได้ขย่มรถเพื่อให้ล้อรถทับมือกรรณนรีแรงขึ้นอีก กรรณนรีร้องไห้ออกมาอย่างเจ็บปวด เลือดที่มือไหลออกมา จังหวะนั้นแม่บ้านโผล่หน้าออกมามอง ทำท่าสยอง แต่ไม่กล้ามาช่วย
สุขหฤทัยเดินเข้ามา ชูแหวนในมือขึ้น พูดดัดจริต “ต๊ายยย...มือแตกอย่างนี้ สงสัย จะสวมแหวนไม่ได้นะจ้ะกาวจ๋า”
กรรณนรีหันไปมอง สุขหฤทัยและสุดายิ้มสะใจ สุขหฤทัยชูแหวนยั่วอีก
“ถ้าสวมไม่ได้...งั้นฉัน...”
“สวมเลยฤทัย แม่ยกให้” สุดายิ้มเยาะ
สุขหฤทัยสวมแหวนใส่มือตัวเองพร้อมกับกรีดนิ้วอวดต่อหน้ากรรณนรี
“ขอบคุณค่ะคุณหญิงแม่ สวยจังเลย...”
“สวย..สมกับเป็นสะใภ้แม่...อย่างหนู ไม่ใช่นังนี่”
ว่าแล้วสุดาก็เลื่อนรถเข็นที่ทับมือกรรณนรีอยู่ผ่านไป กรรณนรีร้องลั่น สุดากับสุขหฤทัยหัวเราะเยาะ
“ฉันจะแกล้งจนกว่าแกจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ นังหน้าด้าน”
สุขหฤทัยเข็นรถพาสุดาเข้าไปข้างใน กรรณนรีร้องไห้โฮ มองมือที่มีเลือดโชกชุ่มของตัวเองอย่างเจ็บปวด แม่บ้านวิ่งเข้ามามองเวทนา
“โธ่เอ๊ยคุณ...จะทนทำไมเนี่ย”
“ฉันอยากให้คุณหญิงให้อภัย”
“คุณตายก็ไม่มีวันนั้นหรอก มา...ฉันพาไปหาหมอ”
แม่บ้านประคองกรรณนรีออกไปอย่างเวทนา

ภาพิศยืนอยู่หน้าบ้าน เมื่อไม่เห็นใคร ภาพิศมองปืนในกระเป๋า คิดอยู่ในใจ
“ฉันจะฆ่าแกให้ตายนังสุดา”
ภาพิศลอบเข้าไปในบ้านอริยะวรรตอย่างว่องไว

ที่บริเวณสระว่ายน้ำ สุดานั่งอยู่กับสุขหฤทัย สองคนรู้สึกสาแก่ใจที่ได้แกล้งกรรณนรี สุขหฤทัยยกมือไหว้ขอบคุณ
“ฤทัยขอบคุณคุณหญิงแม่มากนะคะที่เอ็นดูฤทัย”
“แม่บอกแล้วไง คนที่แม่ต้องการเป็นสะใภ้มีคนเดียวคือหนู...ส่วนนังกรรณรีก็เป็นได้แต่เมียเก็บ เมียน้อย นางบำเรอเหมือนแม่มัน”
“ฤทัยรักคุณหญิงแม่ที่สุดเลยค่ะ”
สุขหฤทัยยิ้มย่อง ยกมือกรีดดูแหวนอย่างพึงพอใจ ภาพิศได้ยินทุกคำพูด กำปืนแน่นมองอย่างอาฆาตและพยาบาท ก่อนที่จะยกปืนขึ้น คิดแค้นอยู่ในใจ
“ตายทั้งคู่เลยแล้วกัน”
มือของภาพิศจะกดไกปืนอยู่แล้ว จู่ๆ สรวงเดินเข้ามาจากอีกมุม
“เป็นยังไงบ้างครับคุณแม่”
สุดาหันมายิ้มทัก “สรวง”
ภาพิศหงุดหงิด หัวเสีย และขัดใจ ลดปืนลง ยินสรวงถามสุดาถึงกรรณนรี
“กาวล่ะครับ”
“ออกไปเที่ยวมั้ง..แต่ไม่เป็นไร ฤทัยมาอยู่เป็นเพื่อนแม่...สรวงไม่ต้องห่วงจ้ะ”
สุขหฤทัยฉอเลาะเอาอกเอาใจสุดา สรวงมองอย่างไม่สบายใจ รู้ว่ามีเรื่องแน่

ภาพิศเดินออกมาอย่างหัวเสีย
“แกยังมีบุญที่มีลูกคุ้มหัว แต่วันพระไม่ได้มีหนเดียว นังสุดา”
ภาพิศมองรูปของสุดาที่ตั้งอยู่ในกรอบอย่างแค้นใจ ภาพิศ คว้ากรอบรูปติดมือออกมา

ตกกลางคืน ท่ามกลางความมืด มือของภาพิศจุดไฟแช็ค ก่อนจะหยิบรูปของสุดาที่ขโมยมาออกมาลนไฟ เปลวไฟค่อยๆ ลามเลียรูปสุดา ภาพิศมองดูนิ่ง แต่ดวงตาเต้นระริกเป็นประกายวาววับ
แฉล้มเลื่อนรถเข้ามาเห็นภาพนั้น มองภาพิศด้วยความเวทนา ก่อนพูดขึ้นเป็นการเตือนสติ
“ถ้าใครขอโอกาสคุณ อย่าลืมถามเค้าด้วย จะเอาโอกาสไปทำดีหรือทำชั่ว”
ภาพิศหันขวับไปมองตาวาวโรจน์ แฉล้มพูดต่ออีก
“คุณหญิงสุดาเค้าให้โอกาสคุณแล้ว แต่คุณไม่ให้โอกาสตัวเอง”
ภาพิศดื้อด้านไม่ยอมฟัง “คนอย่างมันเป็นคนเลว”
แฉล้มถอนหายใจเฮือกขี้เกียจเถียง “ถ้าคุณคิดเองไม่ได้ ฉันก็อยากให้คุณหันหน้าเข้าหาธรรมะ เผื่อจะคิดออก”
ภาพิศเหลียวขวับ ยิ้มขำ ว่าเป็นไปไม่ได้ “วัดน่ะเหรอ”
“ฉันก็เคยคิดอย่างคุณ...คนเราถ้าไม่ทุกข์ถึงที่สุด ไม่นึกถึงวัดหรอก....ถ้าคุณฝึกด้วยตัวเองไม่ได้ คุณก็ควรจะไป”
ภาพิศยิ้มเย้ยอีก แฉล้มบอกทันควัน
“คุณอาจจะคิดว่าเป็นไปไม่ได้...แต่ฉันก็ทำได้แล้ว.. และฉันก็อยากให้คุณทำได้เหมือนกัน อย่าไปวัดเพียงแค่เผาผีเลยคุณ...ขัดเกลาจิตใจตัวเองบ้างเถอะ จำไว้ถ้าคุณยอมไม่เป็น คุณก็เย็นไม่ได้ และคนที่ทุกข์ก็คือคุณ”

ภาพิศเถียงไม่ออก ได้แต่นิ่งอึ้ง ดวงตาหมองลง เพราะที่ผ่านมาก็รู้สึกทุกข์จริงๆ
คืนเดียวกันสรวงนั่งรอกรรณนรีอยู่ในห้องโถง มีสุดาและอารักษ์นั่งอยู่ด้วย สักครู่หนึ่งกรรณนรีเดินเข้ามาหน้าตาซีดเซียว มือข้างหนึ่งที่โดนรถเข็นทับมีผ้าพันแผลอยู่

“ไปไหนมากาว” มองเห็นมือก็ตกใจ “อ้าว!แล้วนั่นมือเป็นอะไร”
กรรณนรียิ้มแย้มพูดกลบเกลื่อน “มีดบาดน่ะค่ะ”
“บาดยังไงถึงได้พันทั้งมือ” สรวงสงสัย
กรรณนรีนิ่ง สุดาซึ่งนั่งอยู่ด้วย ทำหน้าเฉยไม่รู้ไม่ชี้ ขณะที่แม่บ้านคันปากยิบๆ สุดาเหลือบ
ไปเห็น ถลึงตาใส่ แม่บ้านหลบ สีหน้าไม่สบายใจ กรรณนรีแก้ตัว
“พอดีตอนนั้นฉันมองทางอื่นน่ะค่ะ มันเลยบาดทั้งมือ”
อารักษ์ที่ท่าทางอิดโรยเหมือนคนป่วยหนักตัดบท “พากาวไปพักเถอะลูก”
สรวงโอบกอดพากรรณนรีออกไป สุดาแอบเบ้ปากทำหน้าสะใจ

สรวงประคองกรรณนรีที่อยู่ในชุดนอนแล้ว นอนลงที่เตียงห่มผ้าห่มให้ พร้อมกับจับมือกรรณนรีอย่างห่วงใย
“ผมรู้..แม่ต้องทำอะไรคุณ ....และผมก็รู้...ที่คุณไม่บอก เพราะคุณไม่อยากให้ผมไม่สบายใจ”
กรรณนรียิ้มออก ดีใจที่สรวงเข้าใจ “ฉันบอกแล้วไงคะ...ฉันยอมทุกอย่าง จนกว่าคุณหญิงจะให้อภัยและรับฉันเป็นสะใภ้อย่างเต็มใจ”
“ขอบใจมาก แต่ผมไม่อยากให้คุณยอมคุณแม่อย่างนี้”
กรรณนรียิ้มอีก “ฉันทนได้ค่ะ คุณอย่าว่าอะไรคุณหญิงนะคะ...ไม่งั้น...เดี๋ยวจะเป็นเรื่องใหญ่”
สรวงพยักหน้า “อดทนหน่อยนะกรรณนรี ผมเชื่อ..ความดีของคุณ..จะเอาชนะใจคุณแม่ได้ซักวัน”
กรรณนรีใจชื้น “ฉันทำเพื่อคุณค่ะคุณสรวง เพราะฉันรักคุณ”
“ผมก็รักคุณ...รักมาก ก็ได้แต่หวัง..ถ้าเรามีลูก คุณแม่จะใจอ่อน”
“ฉันก็รอวันนั้นเหมือนกันค่ะ”
สรวงก้มลงจูบกรรณนรีอย่างละมุนละไม ทั้งรักทั้งสงสารและหวงแหน กรรณนรีกอดสรวงแน่น ถึงสุดาจะร้ายกาจแค่ไหน แต่กรรณนรีไม่ทุกข์เลย ที่มีสรวงอยู่เคียงข้าง

เวลาเดียวกัน พรรณีแม่บ้าน กำลังจะเดินเข้าห้อง สุดาเข็นรถเข็นตามมา
“เดี๋ยว” แม่บ้านหันมามอง สุดาพูดต่อ “ฉันรู้นะว่าแกคิดอะไร แต่ถ้าแกปากโป้ง...” สุดามองจ้องด้วยสายตาโหดเหี้ยม
“ฉันไม่กลัวหรอกค่ะ เพราะฉันจะไม่อยู่ที่นี่อีกแล้ว บอกตรงๆ ฉันทนไม่ไหวที่มีเจ้านายใจคอวิปริต” กระแทกเท้าเดินออกไปอย่างไม่แคร์
สุดาโกรธจนตัวสั่น “นังพรรณี...นังพรรณี”
สุดาลืมตัวทำท่าจะลุกตาม แต่เดินไม่ได้ จึงได้แต่ฮึดฮัดทุบขาตัวเองโกรธแค้น

เช้าวันต่อมา ภาพิศไปซื้อของที่ตลาดนัด เจอพรรณีแม่บ้านสุดาที่ไปซื้อของเหมือนกัน สองคนเห็นกันก็ร้องทัก
“อ้าว!คุณ”
พรรณีมองภาพิศอย่างเห็นใจ สภาพของภาพิศทุกวันนี้ไม่ได้สวยเลิศเฉิดฉายเหมือนตอนเป็นคุณหญิง และที่สำคัญไม่คิดว่าคนอย่างภาพิศจะเดินตลาดนัด

สองคนนั่งคุยกันในร้านขายน้ำ แม่บ้านบอก
“ฉันคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าจะเจอคุณที่นี่” พูดเสียงอ่อยๆ “แล้วได้นั่งดื่มน้ำกับคุณ”
ภาพิศเข้าเรื่องที่อยากรู้ “คนที่นั่นเป็นยังไงบ้าง”
แม่บ้านพรรณีถอนหายใจ “ดีแล้วล่ะที่คุณออกมาจากดงคนบาป คุณหญิงสุดาเหมือนจะ
เป็นบ้าขึ้นทุกวัน”
ดวงตาภาพิศเปล่งประกายสะใจ พรรณีเล่าต่อเสียงเศร้า
“สงสารก็แต่เมียคุณสรวง”
คราวนี้สีหน้าภาพิศเปลี่ยนไปทันที ซักรัวเร็ว
“ทำไม”
“ถูกคุณหญิงกลั่นแกล้งตลอด บางครั้งเลือดตกยางออกก็มี...ฉันทนไม่ไหวนี่แหละ ก็เลยลาออกมา กลัวจะเป็นบ้าเหมือนคุณหญิง”

ภาพิศได้ฟังยิ่งเป็นห่วงกรรณนรีสุดหัวใจ
ค่ำคืนนั้น ภาพิศยืนลับมีดนิ่งๆ อยู่ภายในห้องครัว ดวงตาคู่นั้นกลอกไปมา ราวกับที่ลับมีดคือเนื้อของสุดายังไงยังงั้น จังหวะนั้นหนูตัวหนึ่งวิ่งผ่านเข้ามาในครัว ภาพิศเห็นจะเขวี้ยงมีดใส่หนูเพื่อระบายอารมณ์ แฉล้มเลื่อนรถเข็นเข้ามาพอดี ร้องห้ามเสียงหลง

“อย่าคุณ”
ภาพิศชะงัก ปรายตามอง แฉล้มบอก
“แบ่งๆ กันกินมั่งก็ได้”
ภาพิศทำหน้าแขยง “เชื้อโรค”
“เมื่อก่อนฉันก็คิดอย่างคุณ เห็นไม่ได้ ต้องใช้ยาเบื่อหนูจัดการตลอด”
ดวงตาภาพิศ ฉุกคิดถึงยาเบื่อหนู วางมีดลง ขณะที่แฉล้มพูดต่ออย่างเสียใจ
“แต่พอนึกถึงภาพหนูดิ้นกระแด่วๆ น้ำลายฟูมปาก ทรมานก่อนตาย ฉันยิ่งคิดว่าตัวเองโหดร้ายทารุณ ตอนนี้อะไรมองผ่านได้ ก็มองผ่านไปเถอะ ยังไงเรากับมันก็อยู่ในโลกใบเดียวกัน”
ภาพิศที่หันหลังให้แฉล้มเหมือนไม่ได้ฟัง ริมฝีปากพึมพำออกมาเบาๆ
“ยาเบื่อหนู”

คืนนั้นภายในห้องตรวจคนไข้ อารักษ์ถามหมอ
“หมอให้ผมมาหา มีอะไรครับ”
“อยากให้ท่านมาฟังผลตรวจเลือด” หมอบอกเสียงเรียบ
อารักษ์นึกได้ “ผมก็ลืมซะสนิท...ตกลงผมเป็นอะไรครับ”
“ผลการตรวจเลือดของท่าน พบเชื้อ HIV” หมอบอกอย่างลำบากใจ
อารักษ์ทวนคำพูดหมอ “HIV เอดส์ ผมเป็นเอดส์” สีหน้าตื่นตกใจ “เป็นไปไม่ได้..” อารักษ์อาละวาดหนัก “หมอตรวจผิด หมอตรวจผิด” รับไม่ได้

อารักษ์เดินโซเซออกมาที่หน้าโรงแรม ภาพตอนมีความสัมพันธ์กับหญิงแปลกหน้าตอนเตลิดออกมาจากรีสอร์ท และอีกครั้งในคืนก่อนวันที่สรวงจะแต่งงาน อารักษ์พูดกับตัวเองอยู่ในใจ
“เราเป็นเอดส์”
อารักษ์เซซังแทบหมดแรง

ระหว่างรับประทานอาหารเช้าร่วมกันอยู่นั้น สรวงถามอารักษ์ ด้วยอาการตกใจระคนดีใจ
“อะไรนะครับ...คุณพ่อจะจัดงานฉลองแต่งให้ผมกับกาว”
สุดากับกรรณนรีมองอย่างตกใจ สุดานั้นไม่พอใจมาก ขณะที่กรรณนรีแปลกใจระคนตื่นเต้น ไม่อยากเชื่อ อารักษ์ฝืนยิ้ม
“ก็...ลูกยังไม่ได้ฉลองแต่งกันเลย...จะได้ถือโอกาสจดทะเบียนสมรสด้วย” อารักษ์ว่า
สรวงยกมือไหว้ “ขอบคุณครับพ่อ..ขอบคุณจริงๆ”
กรรณนรียกมือไหว้ตาม “ขอบพระคุณค่ะท่าน”
ทุกคนหันไปมองสุดาที่นั่งหน้าบึ้งเป็นตาเดียว สุดารีบยิ้มแย้มกลบเกลื่อน
“มองแม่ทำไม...ว่าไงก็ว่าตามกันสิลูก” สุดาพูดสีหน้ามีเลศนัย “แม่ก็อยากเลี้ยงต้อนรับ สะใภ้ ของแม่เหมือนกัน
ทุกคนยิ้มสบายใจ มีแต่สุดาที่ยิ้มในสีหน้า รู้ใจตัวเองคนเดียว ขณะคว้าไม้เท้าลุกขึ้น สรวงกับกรรณนรีปราดเข้าไปประคองอย่างเอาอกเอาใจ ยากให้สุดาเดินได้ อารักษ์หน้าหม่น ก่อนยิ้มออกมา ได้ ทำเพื่อสรวงและกรรณนรี

อีกมุมหนึ่ง สุขหฤทัยแว้ดถามสุดาสุ้มเสียงไม่พอใจ
“แปลว่าคุณหญิงแม่ รับนังกรรณรีเป็นสะให้แล้ว”
สุดาซึ่งถือไม้เท้าอยู่ในมือ และพยายามหัดเดิน ตอบสุขหฤทัยหน้ายิ้มๆ “ใครว่า”
“ก็คุณหญิงแม่บอก จะเลี้ยงต้อนรับสะใภ้”
“ใช่...แต่สะใภ้ของแม่ มีเพียงฤทัยคนเดียว”
สุขฤทัยนิ่งไปนิด ก่อนจะยิ้มออกมาได้ ดวงตาเจ้าเล่ห์ “แปลว่า...”
“แม่จะฉีกหน้านังกรรณรีกลางงานแต่งครั้งที่ 2”
สุดาหัวเราะก้องด้วยความสะใจ สุขหฤทัยผสานเสียงหัวเราะตาม สะใจเช่นกัน

สองหนุ่มอยู่ในห้องทำงานของสรวง เจ้าของห้องถามขึ้นอย่างตกใจ
“พี่นพจะลาออกไปทำไม”
นพฝืนยิ้ม “ไปดูรีสอร์ทให้พ่อ...ทิ้งไว้หลายปีแล้ว พี่ว่าจะฟื้นฟูใหม่”
“ไม่มีอะไรแน่นะพี่” สรวงถามย้ำ ท่าทีเป็นห่วงมาก

อ่านละคร ไฟมาร ตอนที่ 20/2 วันที่ 8 พ.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager