@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 27 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 27 พ.ย. 55

เจติยารีบดึงแบงค์ห้าร้อยจากมือพิสัยมาทันที “ขอบคุณนะคะ แต่ฉันอยากให้น้องรู้จักประหยัดมากกว่า” เจติยาหันไปพูดกับนที “ไปเรียนได้แล้วนที”
นทีชักสีหน้าเซ็งๆ ก่อนจะลงจากรถแล้วเดินเข้าโรงเรียนไป เจติยาวางแบ็งค์ห้าร้อยไว้บริเวณเกียร์รถของพิสัย
เจติยายกมือไหว้ “ขอบคุณนะคะ” เจติยาจะลงจากรถ
“จะลงไปไหนล่ะ ไปด้วยกันสิ”
เจติยาระแวง “คุณพิสัยจะไปไหนคะ”
พิสัยขำ “ก็ไปนิราลัยน่ะสิ เราทำงานที่เดียวกันไม่ใช่เหรอะ หรือว่าฉันจำอะไรผิด”
เจติยามีท่าทางระแวงเพราะไม่ไว้ใจพิสัย

พิสัยยิ้มแบบรู้ทัน “นทีก็เห็นว่าเธอมากับฉัน คนแถวบ้านเธอก็เห็นแล้วฉันจะไปกล้าทำอะไรเธอ”
เจติยาหน้าเจื่อนที่พิสัยรู้ทัน พิสัยยิ้มขำๆ แล้วก็ขับรถออกไป เจติยานั่งเกร็งๆ เพราะกังวลว่าพิสัยจะมาไม้ไหนกันแน่



พิสัยขับรถมาจอดในที่จอดรถของบริษัทนิราลัย พอรถจอดสนิท เจติยาก็รีบลงจากรถทันที
“ขอบคุณนะคะ” เจติยาจะเดินหนีไป
พิสัยรีบลงตามมา “เดี๋ยวสิ ทำไมต้องกลัวฉันขนาดนี้ด้วย ฉันก็แค่อยากจะขอบคุณเธอเท่านั้นเอง”
เจติยาแปลกใจจึงหันกลับมาคุยด้วย “ขอบคุณเรื่องอะไรคะ”
พิสัยปั้นหน้าจ๋อย “เธอก็รู้ว่าฉันทำอะไรไม่ดีเอาไว้ จริงๆเธอก็มีสิทธิ์เอาผิดฉันได้ แต่เธอไม่ทำ ฉันถึงอยากขอบคุณเธอไงล่ะ”
เจติยาถอนใจออกมา “ไม่จำเป็นหรอกค่ะ ที่ฉันไม่แจ้งความเอาผิดคุณ ก็เพราะคุณชูจิตขอเอาไว้ คุณไปขอบคุณพี่สาวคุณจะดีกว่าค่ะ”
พิสัยปั้นหน้าเศร้า “ถึงยังไงฉันก็ต้องขอบคุณเธอ” พิสัยแสร้งปั้นสีหน้ารู้สึกผิด “ฉันนี่มันแย่จริงๆ ปล่อยให้ความโลภครอบงำจิตใจจนทำเรื่องเลวๆ กับพี่สาวตัวเองได้ลงคอ”
เจติยาเห็นพิสัยสำนึกผิดก็ชักเห็นใจ “ถ้าคุณสำนึกผิดได้ ก็ดีแล้วล่ะค่ะ ฉันเองก็ไม่ติดใจอะไรแล้วล่ะ”
พิสัยยิ้มแย้มแล้วฉวยโอกาสจับมือเจติยา “ขอบคุณมากนะเจ ได้ยินแบบนี้ฉันสบายใจขึ้นเยอะเลย”

เจติยาตกใจเพราะตั้งตัวไม่ทันที่พิสัยมาจับมือถือแขนเธอ ทันใดนั้นลาภิณก็ขับรถพาปริมเลี้ยวเข้ามาที่จอดรถแล้วเห็นเข้าพอดี ทั้งสองคนต่างชะงักเพราะนึกไม่ถึง ทั้งสี่คนสบตาเห็นกันพอดี
ปริมนึกไม่ถึง “ปริมตาฝาดไปรึเปล่าคะเนี่ย”
เจติยารีบดึงมือออกแล้วเดินก้มหน้าก้มตาเดินนำออกไปทันที ลาภิณมองตามเจติยาไปเล็กน้อย
ปริมเหล่ๆลาภิณแล้วยิ้ม “ไม่รู้มากิ๊กกันตอนไหนนะคะ”
ลาภิณหน้านิ่งๆ “เรื่องของเค้า ไม่เห็นจะเกี่ยวกับเราเลย” ลาภิณขับรถไปเข้าที่จอด
พิสัยเหล่มองตามรถลาภิณไป

พิสัยกำลังคุยกับปริมด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
พิสัยยิ้มขำ “เห็นด้วยเหรอ”
ปริมสงสัย “ตกลงยังไงกันเนี่ย”
“หึงเหรอ”
ปริมทำสีหน้ารังเกียจ “สะอิดสะเอียน”
พิสัยยิ้มกวนๆ “เด็กมันก็น่าสนอยู่หรอกนะ แต่ฉันอยากได้อย่างอื่นมากกว่า”
ปริมสงสัย “อะไรเหรอ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ข้อตกลงของเรามีแค่ฉันช่วยเธอ ให้ได้แต่งงานกับไอ้ต้น แล้วเธอก็ช่วยฉันให้ได้หุ้นของนิราลัยแลกกับ” พิสัยทำหน้ากวนๆ “ภาพลับ” พิสัยยิ้มสะใจ “นอกนั้นไม่เกี่ยวกัน”
ปริมเจ็บใจมาก “นี่ยังหวังจะได้หุ้นอีกเหรอะ ไม่ติดคุกก็บุญเท่าไหร่แล้ว คืนหลักฐานทั้งหมดมาให้ฉันดีกว่า เราจะได้จบๆกันไป”
พิสัยขำกวนๆ “คืนก็โง่น่ะสิ เก็บไว้อย่างงี้แหละ เผื่อมีอะไรฉุกเฉินจะได้เรียกใช้เธอได้อีก”
ปริมโมโหมาก “ไอ้บ้านี่” ปริมจะเข้าไปฟาดพิสัยให้สมแค้น
พิสัยจับปริมกระชากเอาไว้แล้วจ้องหน้าด้วยสายตาดุดัน
ปริมเกลียดพิสัยเป็นที่สุด “ไปลงนรกซะ” ปริมกระชากตัวออกแล้วสะบัดหน้าเดินออกจากห้องไป พร้อมกับปิดประตูเสียงดังใส่พิสัย
พิสัยขำสะใจที่กดหัวปริมไว้ได้

เจติยาเดินหน้านิ่งๆ เอาแฟ้มรายงานมาให้ลาภิณที่ยืนรออยู่หน้าห้องแต่งศพ
“ได้แล้วค่ะ” เจติยายื่นแฟ้มให้ลาภิณ
ลาภิณรับแฟ้มไปเปิดดู
“ทีหลัง คุณให้เลขาฯ ลงมาเอาขึ้นไปให้ก็ได้นะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” เจติยาบอก
ลาภิณเซ็นชื่อในแฟ้ม “บริษัทฉัน ฉันจะไปไหนมาไหนไม่ได้รึไง”
“ไม่ใช่อย่างงั้นหรอกค่ะ แต่ฉันเห็นว่าเซ็นรับทราบแค่นี้มันเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่เรื่องเร่งด่วนอะไร”
ลาภิณส่งแฟ้มคืน
“หมดธุระแล้วใช่มั้ยคะ ฉันต้องรีบทำงานต่อ” เจติยาบอก
ลาภิณพูดขัดขึ้น “ฉันเห็นว่าเธอเป็นเพื่อนคนนึงหรอกนะเลยอยากมาเตือน”
เจติยาชะงักแล้วหันกลับมามอง
“น้าพิสัยเค้าไม่ใช่คนดีอะไร อยู่ห่างๆ เค้าไว้ เป็นดีที่สุด”
“นี่คุณคงเห็นตอนที่คุณพิสัยมาส่งฉันใช่มั้ยคะ จริงๆมันไม่มีอะไรเลย”
“จับมือถือแขน สนิทสนมกันขนาดนั้น ยังจะว่าไม่มีอะไรอีกเหรอ ต้องหอมแก้มกันรึไง”
เจติยาจ้องหน้าอย่างไม่พอใจนัก “เค้าก็แค่อยากขอบคุณฉันเท่านั้นเอง”
ลาภิณยักไหล่อย่างไม่เชื่อ “คนอย่างน้าพิสัยเนี่ยนะจะลดตัวมาขอบคุณพนักงานตัวเล็กๆอย่างเธอ” ลาภิณขำ
เจติยาพูดหน้านิ่ง “แสดงว่าคุณท่านยังไม่ได้เล่าให้คุณฟัง”
“แล้วคุณแม่มาเกี่ยวอะไรด้วย เธอเลิกอ้างคนโน้นคนนี้ซะทีเถอะ จริงๆเธอจะชอบใครจะคบกับใครก็ไม่เกี่ยวอะไรกับฉันฉันแค่ไม่อยากเห็นเธอถูกหลอกก็เท่านั้นเอง”
เจติยาไม่พอใจ “ฉันไม่ได้คบกับคุณพิสัย แล้วก็ไม่ได้คบกับใครทั้งนั้น คุณตะหาก เห็นอะไรครึ่งๆกลางๆแล้วมาคิดแต่งเรื่องเอาเองตลอด”
ลาภิณไม่พอใจ “ฉันมาเตือนเธอเพราะหวังดียังมีหน้ามาแขวะฉันอีก เล่นกับไฟ ยังไม่รู้ตัว” ลาภิณจ้องหน้า “ขยันบริหารเสน่ห์ดีนัก ระวังเถอะ รถผู้บริหารจะชนกับรถตำรวจ” พูดจบลาภิณก็เดินกลับออกไปด้วยสีหน้าบึ้งตึง

เจติยาคิดตามแต่ก็ยังงงๆ “อะไรวะ...” เจติยาตะโกนออกไป “นี่คุณลาภิณ ฉันไม่เข้าใจ”
ลาภิณหยุดหน้าลิฟท์แล้วหันไปจ้องหน้า “รู้อยู่แก่ใจ” ลาภิณเดินเข้าลิฟท์ไป
“กวนประสาท” เจติยาเหยียดปากใส่ก่อนจะเดินกลับไปห้องแต่งศพ

เจติยากำลังกดน้ำเย็นจากเครื่องทำน้ำเย็นด้วยใบหน้าหงิกงอเพราะยังเคืองลาภิณอยู่
เจติยาดื่มน้ำไปบ่นไป “เที่ยวจับคู่คนโน้นคนนี้ ว่างมากรึไง”
ป้อม หญิงวัยสามสิบปลายๆ ที่ขาพิการข้างนึงใช้เครื่องถูพื้นทำความสะอาดผ่านมา
ป้อมยิ้มทักทาย “บ่นอะไรคะคุณเจ งึมงำๆ อยู่คนเดียว”
เจติยายิ้มรับ “ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ป้อม เจอคนพูดจากวนๆ มาน่ะค่ะ ก็เลยหงุดหงิดนิดหน่อย”
ป้อมยิ้มขำ
ทันใดนั้นพนักงานหญิงคนหนึ่งก็เดินเข้ามาหาเจติยา
“น้องเจ พี่นึกว่าออกเวรไปแล้วซะอีก ไปหาที่ห้องแต่งศพก็ไม่เจอ”
“มีอะไรเหรอคะพี่” เจติยาถาม
“คุณชูจิตให้มาตามน้องเจไปพบค่ะ เห็นว่าจะไปงานเลี้ยงน้ำชาตอนบ่าย เลยอยากให้น้องเจไปด้วย”
เจติยาแปลกใจมาก “ให้เจไปด้วยเหรอคะ” เจติยาทั้งอึ้งทั้งงง

ที่ร้านอาหาร ปริมรวบช้อนไม่ยอมกินอาหารต่อด้วยสีหน้าบึ้งตึง ในขณะที่ลาภิณและชูจิตยังกินอาหารกลางวันกันอยู่
“อ้าว อิ่มแล้วเหรอปริม” ลาภิณถาม
ปริมหน้าบึ้งตึงแต่พยายามระงับอารมณ์เต็มที่ “ค่ะ”
ชูจิตที่ยังกินอาหารต่อพูดแขวะแบบรู้ทัน “อิ่ม หรือไม่พอใจที่แม่จะพาเจไปงานเลี้ยงด้วยกันจ๊ะ”
ปริมตอบหน้าบึ้งตึง “ปริมไม่กล้าไม่พอใจคุณแม่หรอกค่ะ เพียงแต่ปริมไม่เข้าใจ ว่าคุณแม่คิดยังไงถึงอยากดึงมันขึ้นมาร่วมสังคมกับพวกเรา”
“เจเค้ากำลังจะจบปริญญาตรีแล้วนะจ๊ะ ถือว่าเป็นคนมีการศึกษา แถมเป็นเด็กจิตใจดี” ชูจิตแอบแขวะ “ไม่มีลับลมคมใน ประพฤติตัวดีงามทั้งต่อหน้าและลับหลัง”
ปริมหลบสายตาเพราะรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย
ชูจิตยิ้ม “จะติดก็ตรงที่จน แต่คนเราเลือกเกิดไม่ได้จริงมั้ย จะให้แม่ถือเป็นข้อรังเกียจเค้า ก็ดูจะใจแคบเกินไปหน่อย”
ลาภิณชำเลืองมองแม่เล็กน้อยด้วยความรู้สึกแปลกๆ ว่าแม่ชื่นชมเจติยาจนออกนอกหน้าไปแล้ว
“แล้วที่สำคัญ เค้าเคยช่วยชีวิตแม่เอาไว้” ชูจิตมองหน้าปริมแล้วปั้นยิ้ม “บอกตรงๆนะจ๊ะ เวลานี้แม่เชื่อใจใครได้ยากเหลือเกิน จะมีก็แต่หนูเจนี่แหละ ที่แม่รู้สึกไว้ใจได้มากที่สุด”
ปริมกำหมัดแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อและพยายามระงับอารมณ์สุดๆ
ลาภิณยิ้มกระเซ้า “ผมรู้สึกว่าตั้งแต่โดนจับตัวไปด้วยกัน คุณแม่จะหลงเสน่ห์เด็กนั่นน่าดูนะครับ”
“เวลาที่เราได้อยู่ใกล้ชิดกับคนจิตใจดี เราจะสัมผัสได้นะต้น มันจะมีความสุขใจแปลกๆ รู้สึกว่าโลกมันน่าอยู่ขึ้น” ชูจิตยิ้ม “จนเราอยากจะหาสิ่งดีๆ หยิบยื่นให้กับเค้า”
ปริมขบฟันแน่นด้วยความหมั่นไส้ปนอิจฉาชนิดถ้าได้ยินคำชมอีกเพียงคำเดียวก็คงจะทนไม่ไหวแล้ว
“ถ้าต้นได้ใกล้ชิดกับเค้าก็คงจะหลงเสน่ห์เหมือนกับแม่นั่นล่ะ เอ๊ะ..หรือว่าหลงไปแล้วไม่รู้ตัว” ชูจิตขำ
ลาภิณหน้าเหวอไปเล็กน้อยที่แม่พูดแบบนี้ต่อหน้าปริม
ปริมทนไม่ไหว “ขอโทษนะคะคุณแม่ พอดีปริมนึกขึ้นได้ว่านัดเพื่อนเอาไว้ ขอตัวกลับก่อนนะคะ” ปริมไหว้ลาแล้วลุกเดินออกไปทันที
ลาภิณตกใจ “ปริม เดี๋ยวสิปริม” ลาภิณหันไปพูดกับชูจิต “เดี๋ยวผมมานะครับคุณแม่”
ลาภิณรีบตามปริมออกไปทันที
ชูจิตหยิบโทรศัพท์มากดโทรออกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม “ไงคะคุณเจี๊ยบ แปลงโฉม สาวน้อยของฉันไปถึงไปไหนแล้วคะ” ชูจิตฟังแล้วยิ้มพอใจ “งั้นอีกซักพักจะแวะไปรับ ขอบคุณมากค่ะ” ชูจิตกดตัดสาย
ชูจิตยิ้มมุมปากอย่างมีแผนเพราะใจจริงเธอไม่อยากได้ปริมเป็นลูกสะใภ้แล้วเลยต้องบีบด้วยวิธีนี้

ลาภิณเดินตามปริมที่เดินลิ่วออกจากร้านมาจนทัน
“คุยกันก่อนสิปริม”
ปริมโมโหมาก “คุณแม่ทำกับปริมเกินไป ลดเกรดปริมไปเทียบกับมันได้ยังไงปริมมันหัวเน่าตกกระป๋องไปแล้วใช่มั้ยคะ”
“คิดมากน่าปริม คุณแม่แค่กำลังหลงปลื้มเด็กนั่น อยากจะตอบแทนบุญคุณบ้างก็เท่านั้นเอง”
“คุณไม่ใช่ปริม ไม่มีวันเข้าใจหรอกค่ะ”
ลาภิณได้แต่ถอนใจ
ปริม เจ็บใจไม่หาย “คราวก่อนก็ให้สร้อยที่ปริมอยากได้ คราวนี้ก็จะพาออกงาน คุณจะไม่ให้ปริมคิดอีกเหรอคะว่าคุณแม่อยาก ให้นังเจขึ้นมาแทนที่ปริม”

ลาภิณแปลกใจที่ปริมคิดแบบนี้ “ทำไมคุณแม่ต้องทำอย่างงั้นด้วย ผมว่าไม่มีเหตุผล”
ปริมชะงักไปแล้วก็หน้าเจื่อนเพราะเธอรู้ว่าทำไมชูจิตถึงทำแบบนี้แต่บอกลาภิณไม่ได้
“เห็นมั้ย คุณก็ตอบไม่ได้ ผมถึงบอกไงว่าปริมคิดมากเกินไป” ลาภิณยกมือขึ้นแนบแก้มปริมทั้งสองข้าง “อย่าน้อยใจไปเลยนะ เดี๋ยวเราไปงานเลี้ยงกับคุณแม่พร้อมกัน”
ปริมดึงมือลาภิณออก “คุณไปกับคุณแม่เถอะค่ะ ปริมรับไม่ได้หรอก ถ้าจะต้องทนนั่งร่วมโต๊ะกับมัน”
ปริมสะบัดหน้าพรืดแล้วเดินจ้ำพรวดออกไปอย่างหัวเสีย ลาภิณได้แต่มองตามก่อนจะถอนหายใจออกมาด้วยความอ่อนใจ

บริกรของโรงแรมกำลังเสิร์ฟน้ำชาพร้อมขนมให้ลาภิณและบรรดาเพื่อนๆของชูจิต
“ระหว่างรอคุณแม่ เราคุยคอนเส็ปท์งานไปพลางๆ ก่อนแล้วกันนะครับ” ลาภิณบอก
ทันใดนั้น บริกรก็เปิดประตูห้องนำชูจิตและเจติยาเข้ามา เจติยาแต่งหน้าแต่งตัวน่ารักสมเป็นผู้หญิง ต่างจากลุ๊คลุยๆ ที่ทุกคนเห็นจนชินตา ลาภิณเห็นเจติยาลุ๊คนี้ก็อมยิ้มอย่างไม่คุ้น เจติยาเขินๆ และมีท่าทางเก้ๆกังๆ เพราะไม่ค่อยชิน
ชูจิตยิ้มทักทาย “ขอโทษนะคะที่มาช้าไปหน่อย พอดีแวะไปรับหลานสาวมาด้วยน่ะค่ะ”
ลาภิณยิ้มค้างจนกลายเป็นอึ้งที่ได้ยินแม่แนะนำเจติยาว่าเป็นหลานสาว ส่วนเจติยาเองก็งงไม่แพ้กัน
ชูจิตหันไปพูดกับเจติยา “เจจ๊ะ ไหว้คุณป้ากับคุณอาซะสิลูก”
เจติยาอึ้งๆแต่ก็ต้องตามน้ำด้วยการไหว้เพื่อนชูจิตทุกๆคน “สวัสดีค่ะ”
ลาภิณและเจติยาสบตากันเล็กน้อย ทั้งสองต่างมีสีหน้างงๆ และมีคำถามเต็มหัวไปหมด
ชูจิตยิ้มแย้ม “เจ ไปนั่งข้างพี่ต้นเค้าไป”
เจติยาอึ้งจนแทบจะเดินไม่ถูกเลยทีเดียว ชูจิตเดินไปนั่งกับเพื่อนๆ ลาภิณลุกขึ้นลากเก้าอี้ให้เจติยา เจติยาหน้าร้อนผ่าวขณะเดินไปนั่งเพราะทั้งอึ้งปนงงว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน
ลาภิณลากเก้าอี้ให้เจติยานั่งพร้อมกระเซ้าเบาๆ “ไม่เจอกันแป๊บเดียว กลายเป็นหลานสาวคุณแม่ไปแล้วเหรอ”
เจติยาพูดเบาๆ ด้วยหน้าบึ้งตึง “ฉันก็งงไปหมดแล้วเนี่ย ท่านให้ใส่ชุดอะไรก็ไม่รู้ เดินจะไม่ออกอยู่แล้ว”
ลาภิณพูดเบาๆ “ทำหน้าบึ้งอีก ทุกคนมองอยู่เห็นมั้ย”
เจติยารีบปั้นยิ้มให้กับทุกๆคน ลาภิณเดินไปนั่งพร้อมเหล่มองแม่ด้วยสายตาเต็มไปด้วยคำถาม ชูจิตทำไม่รู้ไม่ชี้และจิบน้ำชาไปอย่างอารมณ์ดี

ลาภิณขับรถมาส่งเจติยาถึงหน้าบ้าน หลังจากจอดรถที่หน้าบ้านเจติยาทั้งคู่ก็ยังคุยกันอยู่ในรถ
“ฉันก็ไม่เข้าใจว่าคุณแม่คุณพยายามทำอะไรอยู่” เจติยาบอก
“ก็คงขอบคุณเธอในวิธีของท่านนั่นแหละ”
เจติยาหันมามองหน้าลาภิณ
“ไม่ต้องคิดอะไรเยอะแยะ ปวดหัวเปล่าๆ คุณแม่คงซึ้งใจกับทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอทำเพื่อช่วยชีวิตท่าน ก็เลยอยากตอบแทนให้สาสม”
เจติยาหน้าเบ้เล็กน้อย “ฟังดูเหมือนแก้แค้นนะคะ”
“เอาเถอะ ผู้ใหญ่เค้ามีความสุขก็ปล่อยเค้า เธอเองก็มีแต่ได้”
เจติยาชะงักแล้วจ้องหน้าลาภิณ “เอ๊ะ คุณนี่ใช้คำพูดแปลกๆนะคะ ฉันควรจะปลื้มใจมั้ยเนี่ย” เจติยาก้าวลงจากรถ “อ้อ ฝากเรียนคุณท่านด้วยนะคะ ว่าฉันซักชุดเสร็จเมื่อไหร่ จะเอาไปคืนค่ะ”
“ไม่ต้องคืนหรอก เธอเก็บไว้เถอะ”
เจติยาพูดเสียงแข็ง “ไม่เด็ดขาดค่ะ มันแพงเกินไป แล้วฉันก็ไม่มีทาง...”
ลาภิณพูดสวนขึ้น “แต่เธอใส่แล้วสวยดีนะ”
เจติยาชะงักไปเพราะถึงกับพูดไม่ออกเลยทีเดียว
ลาภิณยิ้ม “เป็นอะไร ไม่เชื่อเหรอ เธอใส่แล้วสวยจริงๆ ตอนฉันเห็นเธอมากับคุณแม่ ฉันยังนึกเลยว่าเธอก็น่ารักดีเหมือนกัน น่าจะแต่งตัวยังงี้ทุกวัน”
เจติยาเขิน ไปต่อไม่ถูกจึงทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง “หมดเวลางานแล้วค่ะ” เจติยาปิดประตูรถใส่ก่อนจะพึมพำกับตัวเอง “พูดอะไรออกไปเนี่ย” เจติยาจะเดินเข้าบ้าน
ลาภิณรีบตามออกมา “เดี๋ยวสิ”
เจติยาหันไปมอง
“ฉันไปต่อสร้อยให้แล้วนะ” ลาภิณยื่นสร้อยให้
“ขอบคุณค่ะ” เจติยายื่นมือไปรับ
ลาภิณแกล้งโยนขึ้นฟ้า แล้วคว้ากลางอากาศก่อนจะขำๆ
เจติยาจ้องหน้าลาภิณด้วยสีหน้ากวนๆปนโมโหเล็กๆ
ลาภิณยิ้ม “คืนให้ดีๆ ก็ได้ครับ” ลาภิณยื่นสร้อยให้
เจติยากระชากสร้อยมาทันที
พอแย่งสร้อยได้เจติยาก็จะหันกลับเข้าบ้านแต่ก็ต้องสะดุ้งเมื่อเห็นนวัชกับนิษฐายืนมองอยู่ในรั้วบ้าน ลาภิณยิ้มให้ทุกคนก่อนจะขึ้นรถขับออกไป

เจติยารีบเดินเข้าบ้านพร้อมปั้นหน้าปกติ “ฐา กับพี่หมวด มาได้ไงเนี่ย”
“ก็มาหาแกน่ะสิ แล้วนี่แกไปไหนมา” นิษฐายิ้มแซว “แต่งตัวซะหวานเชียว ออกเดทเหรอ”
เจติยาอึกๆอักๆ เพราะร้อนตัว “จะบ้าเหรอ ฉันไปงานกับคุณชูจิตมา”
นวัชมีสีหน้าหึงหวง “ไม่เห็นคุณชูจิตอยู่ในรถนี่”
“คุณท่านคุยกับเพื่อนติดลมก็เลยให้คุณลาภิณมาส่งก่อน” เจติยาอธิบาย
นิษฐากระเซ้า “หยอกเย้ากระเซ้าแหย่กันน่ารักอ่ะ”
เจติยาฟาดแขนนิษฐาแรงจนเพื่อนเกือบปลิวเพื่อกลบเขิน
นิษฐาประชด “โอ๊ย ไม่จับฉันทุ่มเลยล่ะ”
เจติยาพูดเลี่ยง “เปลี่ยนชุดก่อนนะ คันไปหมดแล้ว”
เจติยารีบเดินเลี่ยงเข้าบ้านไป นวัชมองตามเจติยาด้วยสีหน้าหึงหวง นิษฐาเหล่มองนวัชแล้วก็อมยิ้มพอใจอย่างบอกไม่ถูก

เจติยาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนแล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ
เสียงนทีกระเซ้า “เลือกไม่ถูกล่ะสิ”
เจติยาหันไปมองตามเสียงด้วยความตกใจ เธอเห็นนทีนั่งสบายอยู่ที่เก้าอี้ทำงานของเธอ
“เข้ามาห้องพี่ทำไม” เจติยาถาม
นทียิ้มกวน “คิดถึง”
“วันนี้เจอแต่คนเพี้ยนๆ” เจติยาค้อนใส่ก่อนจะเดินไปแปรงผมที่หน้ากระจก
“พี่ยังไม่ตอบผมเลย ว่าจะเลือกคนไหน”
“เลือกอะไรของแก พูดจาไม่รู้เรื่อง”
“ไม่ต้องมาทำมึนหรอกพี่เจ ก็พวกหนุ่มๆ ที่ตามจีบพี่อยู่นี่ไงจริงๆผมชอบพี่หมวดกับคุณลาภิณนะ แต่คนเมื่อเช้าก็เปย์ดี น่าสนเหมือนกัน”
เจติยาปราม “เพ้อเจ้อ พี่หมวดกับฉันเหมือนเป็นพี่น้องกัน ส่วนคุณพิสัยเค้ามาคุยธุระ”
นทีขำๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาต้อน “แสดงว่าสนคุณลาภิณกว่าเพื่อนล่ะสิ”

อ่านละคร รากบุญ[2] วันที่ 27 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา manager