@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 20 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 20 พ.ย. 55

จึงสันนิษฐานว่าที่โรงงานไฟไหม้เป็นเพราะไฟฟ้าลัดวงจร ลาภิณกลุ้มใจมากเพราะถ้าไม่มีโลงศพงานด้านอื่น ๆ ก็ต้องชะงักตามกันไปหมด

พิสัยรีบเสนอตัวจะไปติดต่อโรงไม้เก่าของตัวเองที่ขายทิ้งไปแล้ว ให้ช่วยขายไม้ในราคาพิเศษให้ ลาภิณไม่มีทางเลือกอื่น จำต้องทำตามที่พิสัยเสนอ ปริมนึกเอะใจว่าพิสัยอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ จึงแอบเดินตามไปโวยวาย

“คุณตบตาคนอื่นได้ แต่หลอกฉันไม่ได้หรอก เผาโรงงานครั้งนี้ ฉันมั่นใจว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้อง”

“คุณนี่มันรู้ทันผมไปซะทุกเรื่องเลยนะ อย่าเอ็ดไปล่ะ”

“ครั้งนี้คุณทำเกินไป เห็นแก่ตัวที่สุด”

“ช่วยไม่ได้ อยากเสียน้อยเสียยากเอง อย่าปากโป้งไปล่ะ เราเป็นหุ้นส่วนกันอยู่ ถ้าไม่ได้ผมช่วยยุพี่จิต แกไม่กล้าทำอะไรหักหาญน้ำใจลูกชายแกแบบนี้หรอก คุณคงไม่หักหลังผมหรอกนะ อย่าลืม ว่าผมช่วยคุณได้ ผมก็เล่นงานคุณกลับได้เหมือนกัน”



“นี่ขู่ฉันเหรอ”

“ไม่ได้ขู่ แค่เตือนความจำ คนอย่างผมไม่ยอมให้ใครมาหักหลังได้ง่าย ๆ หรอก”

“คนอย่างฉันก็ไม่ยอมให้ใครมากดหัวได้ตามใจชอบเหมือนกัน เอาไว้ฉันได้แต่งงานกับคุณต้นก่อนเถอะ แล้วค่อยมาพูดเรื่องนี้อีกที แค่หมั้น ฉันไม่ถือว่าเป็นบุญคุณหรอกนะ” ปริมเชิดใส่ ก่อนจะเดินหนีไป

พิสัยมองตามด้วยความเจ็บใจ “คิดจะหลอกใช้กันง่าย ๆ เหรอ รู้จักฉันน้อยไปซะแล้ว”

เจติยาได้ยินจากโอ้เอ้ว่าลาภิณออกไปเดินเล่นอยู่ที่สวนสาธารณะ แถมลุงทวียังพูดเปรย ๆ อีกว่าคงเป็นเพราะลาภิณเครียด เนื่องจากตั้งแต่เข้ามารับงานก็เจอแต่ปัญหาไม่ได้หยุดหย่อน เจติยาจึงรีบออกไปตามหา

“เธอรู้ได้ไงว่าฉันอยู่ที่นี่”

“ก็เดินถามคนเค้ามาเรื่อย ๆ ว่าเห็นชายหนุ่มมาดซีอีโอ ท่าทางเหมือนคนเบื่อโลกผ่านมาทางนี้มั้ย เจอใครเค้าก็ชี้มาทางเดียวกันหมด”

“ใครไม่โดนอย่างฉันมั่งไม่รู้หรอก ลำพังแค่เรื่องส่วนตัวก็รกสมองพอแล้ว ยังมาโดนไฟไหม้โรงงานอีก ไม่รู้จะหาความชื่นใจจากที่ไหนแล้ว”

“ฉันก็ท้อแท้ไม่แพ้คุณหรอก...ที่บ้านก็ไม่มีใครเข้าใจ มาทำงานก็มีแต่คนจ้องจับผิด ฉันมีความสุข ใจสงบสบายตอนได้แต่งศพ ตอนนี้ก็ไม่มีให้ทำซะอีก”

“มันยากมากนะ ที่เราจะเข้มแข็งและมีสติอยู่ได้ ตอนปัญหาประดังเข้ามารอบทิศแบบนี้”

“แต่ถ้าไม่มีบททดสอบพวกนี้ แล้วจะรู้ได้ไงล่ะคะว่าเรามีความพร้อมเป็นผู้นำแค่ไหน”

ลาภิณหัวเราะขำออกมาทันทีที่ได้ยิน

“ขำอะไรคะ ฉันพูดอะไรผิดเหรอ”

“เปล่าหรอก ฉันขำตัวเอง เป็นเจ้าของบริษัทแท้ ๆ ยังคิดไม่ลึกซึ้งเท่าเธอเลย”

“ฉันจำจากลุงทวีมาน่ะค่ะ”

“ไม่ต้องถ่อมตัวหรอก เธอทำงานสู้ชีวิตมาแต่เด็ก ประสบการณ์ทำงานเธอเยอะกว่าฉัน ฉันก็พวกลูกคุณหนู โดนสปอยล์แต่เล็ก เที่ยวใช้เงินไปเรื่อย ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร เพิ่งจะเริ่มทำงานได้ไม่กี่เดือน ก็ขึ้นขี่หลังเสือเป็นเจ้าของบริษัทซะเลย (ขำเยาะตัวเอง) สมแล้ว ที่ใครต่อใครเค้าถึงได้ดูหมิ่นดูแคลนเอายังงี้”

“อย่าคิดแบบนี้สิคะ จากที่ทำงานด้วยกันมา ฉันว่าคุณเป็นเจ้านายที่ดีมากคนนึงเลยนะ เรื่องบริหารงานคุณอาจจะยังใหม่อยู่ แต่เรื่องเอาใจใส่และให้เกียรติพนักงาน คุณไม่เป็นรองเจ้านายที่ไหนหรอกค่ะ...ถึงจะหูเบาไปนิดก็เถอะ”

“ฉันถือว่าเป็นคำชมแล้วกัน ค่อยชุ่มชื่นหัวใจหน่อย”

“ฉันเชื่อนะคะ ว่ายังไงคุณก็ต้องผ่านมันไปได้”

“ขอบใจมาก”

เจติยายิ้ม ๆ เหลือบตามองไปริมบึง สีหน้าแปลกใจ เห็นอะไรบางอย่างลอยขึ้นมาจากน้ำ เจติยารีบลุกเดินไปดู หญิงสาวเอาไม้ไปเขี่ย ๆ ใบไม้ ดอกจอกดอกแหนที่ลอยบัง ๆ อยู่ออก ค่อยพบว่าเป็นศพผู้หญิง เจติยาร้องลั่นโดดโหยงด้วยความตกใจ ถอยไปกระแทกลาภิณ ลาภิณต้องจับตัวเจติยาเอาไว้ เจติยาเพ่งมองกลับไปที่ศพอีกครั้ง สีหน้าหวั่น ๆ กลัวศพพูดกับตน

นวัชไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พบว่าผู้ตายเป็นหญิงสาวอายุไม่เกินยี่สิบห้าปี ตรวจดูคร่าว ๆ น่าจะตายเพราะถูกของมีคมแทงก่อนนำศพมาทิ้งน้ำ ที่น่าสังเกตคือมีการทำหมายเลข ๔ ไทยไว้ที่แขนซ้ายของศพด้วย ตำรวจที่ไปถึงที่เกิดเหตุก่อนบอกให้นวัชรู้ว่าลาภิณเป็นผู้พบเห็นเหตุการณ์คู่แรก นวัชไม่พอใจมากรีบดึงตัวเจติยาไปคุยกันตามลำพัง

“เจมากับเค้าได้ยังไง มันไม่ดีรู้มั้ย”

“ไม่ดีตรงไหน”

“ยังต้องให้พี่พูดอีกเหรอ ที่เจเคยโดนเค้าหาเรื่องไล่ออก ไม่ใช่เพราะแฟนเค้าหึงเจกับคุณลาภิณหรอกเหรอ”

“เจไม่เข้าใจ ทำไมใครต่อใครต้องคิดว่าเจกับคุณลาภิณจะต้องชอบกันด้วยนะ”

“แล้วเจชอบเค้ารึเปล่าล่ะ”

เจติยานึกเซ็งที่ใคร ๆ ก็คิดอยากจับคู่ให้เธอกับลาภิณ จึงแกล้งประชดบอกถ้าเธอเกิดชอบลาภิณขึ้นมาจริง ๆ คงมีคนขาดใจตายเต็มไปหมด จังหวะนั้นเองลาภิณเดินมาได้ยินเข้าพอดี ลาภิณรีบช่วยพูดแก้สถานการณ์ ทำให้เจติยาหลุดขำออกมา นวัชยิ่งรู้สึกไม่พอใจมากขึ้นไปอีก

ระหว่างเดินกลับไปที่บริษัทด้วยกัน ลาภิณที่เพิ่งคิดอะไรขึ้นมาได้ รีบหันมาบอกเจติยาที่เดินตามมาห่าง ๆ ว่าระหว่างที่รอให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง เขาจะให้พนักงานที่ว่างอยู่เดินสายประชาสัมพันธ์บริษัท เพื่อที่คนทั่วไปจะได้เข้าใจนิราลัยมากขึ้น

ลาภิณขอให้เจติยาช่วยทำโครงการนี้ เพราะอยากได้คนที่ไว้ใจมาช่วยดูแลแทน เจติยาแปลกใจมากที่ลาภิณจะไม่มาคุมโปรเจคท์เอง ลาภิณรีบอธิบายว่าช่วงนี้เขาคงต้องวุ่นอยู่กับการเตรียมงานหมั้น เพราะบริษัทเจอแต่เรื่องร้าย ๆ ชูจิตเลยอยากให้มีงานมงคลเข้ามาเสริมดวง เจติยาปั้นยิ้มแสดงความยินดีกับลาภิณก่อนเดินเลี่ยงหลบไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ แปล่ง ๆ

นิษฐาเข้าไปติดต่อครูที่สถานสงเคราะห์เด็กเรื่องที่มูลนิธิจะเข้าไปช่วยงานที่สถานสงเคราะห์ บังเอิญได้พบกับพีระเดชผู้เขียนหนังสือชื่อดัง ครูแนะนำให้นิษฐาได้รู้จักพีระเดชในฐานะผู้อุปการะสถานสงเคราะห์

นิษฐาตื่นเต้นมาก รีบถามว่าถ้าจะขอดูดวงกับพีระเดชต้องจองคิวนานแค่ไหน พีระเดชอธิบายว่าเขาไม่ใช่หมอดู เพียงแค่ศึกษาเกี่ยวกับเรื่องจิตของมนุษย์เพื่อนำไปใช้พยากรณ์เหตุการณ์ในอนาคตเท่านั้น แต่ถ้านิษฐาอยากดูดวงจริง ๆ เขา
ก็พอจะดูให้ได้ นิษฐาชวนครูดูดวงด้วยกัน ครูปฏิเสธปล่อยให้นิษฐาดูดวงกับพีระเดชตามลำพัง โดยมีแสงคนขับรถของพีระเดชยืนหน้านิ่งดูอยู่ใกล้ ๆ

ชูจิตเกิดอาการหน้ามืด ทำท่าจะเป็นลม ลุงทวี เจติยา โอ้เอ้เดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี เจติยาช่วยประคองพาชูจิตกลับไปที่ห้องทำงาน ชูจิตแสดงท่าทางไม่พอใจเจติยาอย่างเห็นได้ชัด หลังจากที่ไล่โอ้เอ้กลับไปแล้ว ลุงทวีก็ตัดสินใจพูดออกมา

“ผมพอจะทราบว่าคุณจิตไม่สบายใจเรื่องอะไร แต่ผมว่าคุณคิดมากเกินไปรึเปล่าครับ”

“คิดมากตอนนี้ ก็ดีกว่ามานั่งเสียใจทีหลัง ไม่งั้นจะซ้ำรอยตอนคุณสารัชเสีย
จู่ ๆ ก็ต้องมาแบ่งหุ้นตั้งสิบเปอร์เซ็นต์ ให้พวกหวังรวยทางลัด”

“ขอโทษนะคะท่าน ที่ท่านเข้าใจเรื่องหนูกับคุณลาภิณผิด หนูยังพอเข้าใจได้นะคะ แต่เรื่องหนูกับคุณสารัช ถ้าท่านไม่ไว้ใจหนู ก็น่าจะไว้ใจสามีของท่านบ้าง”

“นี่เธอกล้าย้อนฉันเหรอ”

ชูจิตโมโหมากทำท่าเหมือนจะปวดหัวขึ้นมาอีก ลุงทวีรีบตัดบทพาเจติยาเดินออกไป ชูจิตมองตามหลังเจติยาไปด้วยแววตาจงเกลียดจงชัง

พิสัยรู้จักกับเจ้าของห้องเสื้องานวิวาห์ พอรู้ว่าปริมนัดจะไปดูชุดแต่งงาน จึงรีบไปดักรอเพื่อทวงถามถึงสัญญาที่ได้ตกลงกันไว้ ปริมนึกรำคาญ บอกปัดว่าให้รอไว้เธอได้แต่งงานกับลาภิณจริง ๆ ซะก่อน ถึงค่อยเก็บเอาเรื่องสัญญามาคิด

พิสัยไม่พอใจมาก คิดว่าปริมจะไม่ยอมทำตามสัญญา คืนนั้นพิสัยแอบสะกดรอยตามปริมไปที่ผับ แล้วให้ปองกับย้งหาทางแยกเพื่อนปริมออกห่าง จากนั้นพิสัยก็หาทางวางยานอนหลับในแก้วเครื่องดื่มของปริม แล้วพาปริมกลับไปที่คอนโด

ปริมรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในตอนเช้า พบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียงโดยมีผ้าห่มคลุมร่างอยู่ผืนเดียวเท่านั้น ปริมตกใจมากรีบคว้าเสื้อคลุมมาสวม แล้วเดินออกมาจากห้องนอนมาที่ห้องรับแขกแบบมึน ๆ แล้วหญิงสาวก็แทบช็อกเมื่อได้เห็นภาพในจอทีวีที่ตั้งอยู่กลางห้องโถง จังหวะนั้นเองพิสัยเดินสวมชุดคลุมออกมาจากห้องน้ำพอดี

“ไอ้สารเลว แกทำอะไรกับฉัน”

“อารมณ์เสียแต่เช้าเลย ไม่พอใจผลงานการแสดงเมื่อคืนเหรอครับ ไม่ต้องกลัวหรอกนะ นี่เป็นความลับของเราสองคน ก็เธอคิดเบี้ยวฉันก่อน ฉันก็เลยต้องขอมัดจำเอาไว้ สินสอดงานหมั้นต้องเป็นหุ้นนิราลัยแล้วเธอเอามาให้ฉัน ไม่งั้นไอ้ต้นได้ดูหนังรักเรื่องนี้แน่”

ปริมโกรธจัด ด่าทั้งน้ำตา “ไอ้ชาติชั่ว”

“จุ๊ ๆ ๆ หยาบคายจังเลยคุณปริม...ทำร้องไห้ฟูมฟายเหมือนเป็นเด็กสาวแรกแย้ม ไม่เคยถูกใครเด็ดมาก่อนงั้นล่ะ”

ปริมกรี๊ดสุดเสียง ตรงเข้าไปทุบตีพิสัยไม่ยั้ง พิสัยเอามือปัดป้องอยู่พักนึง ก่อนจะโมโหผลักปริมอย่างแรงจนเซไปเสียหลักล้มไปกับพื้น

“คนอย่างฉันไม่ยอมให้เด็กเมื่อวานซืนอย่างเธอมาหักหลังได้ง่าย ๆ หรอก เธออยากลองดีกับฉันก่อนเอง จะโทษใครไม่ได้แผ่นในเครื่องฉันยกให้ เพราะฉันก๊อบเอาไว้อีกเยอะ”

พิสัยยิ้ม ๆ เดินกลับไปห้องนอน ปริมกรีดร้องลั่น ร้องไห้ฟูมฟายทุบโซฟาโครม ๆ ด้วยความเครียดและเจ็บแค้น

นวัชปิดคดีฆาตกรรมต่อเนื่องยังไม่ได้ จึงไปขอให้เจติยาช่วย เจติยาหลังจากรู้รายละเอียดก็เริ่มสนใจคดีนี้ขึ้นมา ระหว่างที่ทั้งคู่กำลังคุยกันอยู่หน้าบ้าน ก็เห็นนิษฐานั่งรถมากับพีระเดชและแสงพอดี นิษฐาแวะเอาสมุดเลกเชอร์มาคืนให้เจติยา พร้อมทั้งแนะนำให้เจติยากับนวัชได้รู้จักกับพีระเดช แสงแอบเหลือบตา
มองมาทางนวัชที่อยู่ในชุดตำรวจ หน้านิ่ง ๆ ก่อนจะรีบหลบสายตาไป

“คุณพีเค้าสนใจงานที่มูลนิธิเพื่อนแท้ ฉันก็เลยอาสาพาไปดู ทางผ่านบ้านแกพอดี ก็เลยแวะเอาเลกเชอร์มาคืนก่อน...เออ ฉันต้องรีบไปแล้ว เดี๋ยวคุณพีเค้ามีบรรยายต่อ”

พอนิษฐานั่งรถออกไปกับพีระเดชแล้ว นวัชก็รีบหันไปซักถามจากเจติยาด้วยความเป็นห่วง เจติยาแกล้งกระเซ้าบอกถ้านิษฐารู้ว่านวัชเป็นห่วงคงดีใจมาก นวัชรีบแก้ตัวพัลวันไม่อยากให้เจติยาเข้าใจผิด

ปริมนัดลาภิณมาลองเสื้อผ้าที่จะใส่ในงานหมั้น หญิงสาวรู้สึกผิดกับลาภิณและไม่อยากตกเป็นเบี้ยล่างให้พิสัยจ้องเอาประโยชน์ได้ตลอด จึงคิดจะพูดให้ลาภิณล้มเลิกงานหมั้น เพราะถ้าลาภิณไม่ยอมหมั้นเอง พิสัยก็ทำอะไรตนไม่ได้ ลาภิณเข้าใจว่าปริมยังน้อยใจตนเองไม่หาย จึงพูดปลอบไม่ให้ปริมคิดมาก

กลางดึกคืนนั้น จู่ ๆ เจติยาก็ได้รับโทรศัพท์จากแม่นิษฐา บอกนิษฐายังไม่กลับมาถึงบ้าน มยุรีได้ยินเจติยาคุยโทรศัพท์ รีบบอกว่าเมื่อเย็นตอนนิษฐามาซื้อกับข้าวที่ร้านบอกกำลังจะกลับบ้านเจติยาชักสังหรณ์ไม่ดี เวลาเดียวกันนั้นเอง กล่องรากบุญที่ตั้งอยู่บนโต๊ะทำงานของเจติยา สั่นเหมือนถูกเขย่า โดยไม่มีใครแตะต้อง พร้อมกับก็ได้ยินเสียงหัวเราะลึกลับดังเยือกเย็นออกมาจากกล่องรากบุญ ราวกับจะเยาะเย้ยทุกคนที่กล้าขัดขืนความต้องการของกล่อง

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 20 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา เดลินิวส์