@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 2 วันที่ 26 พ.ย. 55

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 2 วันที่ 26 พ.ย. 55

ส่วนพีท พออาฮวดพามาส่งที่รถก็ขับรถออกไปกับสาวคู่ขา ระหว่างทางเจอปลายฟ้ากำลังหิ้วปีกแป้งเดินตุปัดตุเป๋อยู่ ก็บอกสาวที่มาด้วยว่าตนเจอเพื่อน ให้เธอลงจากรถไปก่อน แล้วเขาก็เข้าไปอาสาจะพาสองสาวไปส่ง

ปลายฟ้าหิ้วปีกแป้งมาจนจะหมดแรงเลยยอมให้ไปส่ง แต่พอเขาถามว่าส่งที่ไหน เธอตอบแบบกวนๆว่าถึงแล้วจะบอกเอง จนมาถึงที่หนึ่งเธอบอกให้จอด พีทถามว่าบ้านเธออยู่แถวนี้หรือ เธอบอกว่าอพาร์ตเมนต์ตนอยู่แถวนี้ แล้วปลุกแป้งให้ลงจากรถ

เสือผู้หญิงอย่างพีท มีหรือที่จะยอมปล่อยเหยื่อหลุดมือไปง่ายๆ ส่งสองสาวแล้วก็จอดรถ เดินเข้าไปในซอย แต่ปลายฟ้ารู้ทัน เธอหลบอยู่แถวนั้น พอเห็นพีทตามมาก็พึมพำ “นึกอยู่แล้วไอ้จิ้งจอกเอ๊ย” ส่วนพีทเมื่อมองหาไม่เจอจึงกลับไป

รุ่งเช้าเขามาที่ซอยนี้อีกครั้ง เดินหาบ้านหรืออพาร์ตเมนต์ก็ไม่เจอ เห็นคนขายของข้างทางจึงเดินเข้าไปถามว่าแถวนี้มีอพาร์ตเมนต์หรือบ้านเช่าไหม



“อพาร์ตเมนต์เหรอ ข้าอยู่ที่นี่มา 20 กว่าปีแล้ว เข้าไปในนี้มีแต่บ้านคนนะพ่อหนุ่ม”

พีทเหวอ ขอบคุณคนขายของ แล้วบ่นงึมงำ “ยายนี่ แสบจริงๆ” สีหน้าเขามุ่งมั่นว่าสักวันจะต้องหาให้เจอให้ได้ มองไปรอบๆบ่นกับตัวเอง...

“ยายแสบเอ๊ย...เธออยู่ไหนนะ”

ooooooo
6 เดือนผ่านไป...

ไทไปขับเรือพานักท่องเที่ยวดำน้ำอยู่ที่จังหวัดพังงา วันนี้เขาพานักท่องเที่ยวออกไปเตรียมดำน้ำ นักท่องเที่ยวที่มากันเป็นคู่ ต่างพลอดรักกันอย่างมีความสุข ไทเหลือบมองเขาเหล่านั้นบ่อยๆ จนถูกขุนเพื่อนรักเห็นแล้วอมยิ้ม

เมื่อไปถึงที่หมาย ไทบอกขุนว่าเราจะดำกันตรงนี้แหละ ขุนจึงเอาชุดและอุปกรณ์ดำน้ำไปให้นักท่องเที่ยว ช่วยกันแนะนำการใช้อุปกรณ์ต่างๆอย่างชำนาญ เมื่อ นักท่องเที่ยวและลูกน้องลงดำน้ำกันแล้ว ไทนั่งคิดอะไรเพลินๆที่หัวเรือ

“คิดอะไรอยู่วะ” ขุนถามแซวๆ พอเพื่อนปฏิเสธว่าไม่มีอะไร ก็หยอก “ไม่จริงมั้ง กูเห็นมึงมองฝรั่งพวกนั้นพลอดรักกันอยู่ อิจฉาหรือ...เหงาก็หาสักคนสิ อย่างเอ็งมันหล่อเลือกได้อยู่แล้ว”

ขุนมัวแต่แซวเพลิน พอหันมาอีกทีไทหายไปแล้ว เขาลงไปอยู่ใต้น้ำแหวกว่ายไปอย่างชำนาญ ตามองหาหอยมุกใต้ทะเล พอเจอก็เอามีดมาแงะ เห็นมุกเม็ดใหญ่เขารีบขึ้นมาบนผิวน้ำ พรวดขึ้นมาจนขุนที่นั่งปล่อยอารมณ์อยู่ตกใจ

ไทเอาหอยมุกให้บอกว่าเป็นค่าทำขวัญ พอขุนเห็นมุกก็ตาโตถามว่าเอามาจากไหน เม็ดนี้เหยียบหมื่นเชียวนะ ดูแล้วส่งคืนให้ “เอ็งนี่มันแน่จริงๆว่ะ เล่นมุกมาเม็ดเบ้อเริ่มเลย”

“เอาไปเถอะ ฉันให้นาย ถือซะว่าเป็นค่าที่ฉันมาอาศัยอยู่ตั้งเกือบปี” ขุนติงว่าคิดอะไรอย่างนี้ ตนเอาไม่ลงหรอก “เงินมันไม่สำคัญเท่ามิตรภาพหรอก เงินมันหาที่ไหนก็ได้ แต่มิตรภาพมันไม่มีซ่อนอยู่ทุกที่หรอก”

ขุนซึ้งน้ำใจ แต่บอกให้เขาเก็บเอาไว้เผื่อยามแก่จะได้มีบำนาญส่วนตัวกิน

“ขอบใจที่เตือน ฉันก็คิดอยู่เหมือนกันนะว่าอยากจะหาที่ตั้งหลักแหล่งเสียที เละเทะมาหลายปีแล้ว” แต่พอขุนถามว่าคิดจะไปไหน เขากลับบอกว่า “ไม่รู้สิ อยากหาที่สงบๆ ที่ไม่มีใครรู้จักที่ไหนสักแห่งเริ่มต้นทำงานและใช้ชีวิตที่นั่น”

ขุนเอาใจช่วย ถามยิ้มๆว่าคิดจะมีเมียสักกี่คนล่ะ เอาสักโหลดีไหม ถ้าเลี้ยงไม่ไหวแบ่งให้ช่วยเลี้ยงบ้างก็ได้ ไทหัวเราะเบาๆ ขำคำพูดของขุน แต่ในใจก็อดคิด ไม่ได้เหมือนกันว่า บางทีตนอาจจะเจอคนที่ถูกใจก็ได้...

ไทโดดลงน้ำอีกที เขาดำแหวกว่ายไปหาหอยมุกผ่านปลาฝูงใหญ่ไปอย่างสวยงามราวกับเป็นหนึ่งในฝูงปลานั้น...

8 เดือนผ่านไป...

ไทไปทำงานในตำแหน่งหัวหน้าดูแลสัตว์ที่สวนสัตว์ซูเวิลด์ จัดโชว์การแสดงของสัตว์ต่างๆ วันนี้โชว์การแสดงของแมวน้ำเสร็จ ได้รับเสียงปรบมือจากผู้ชมมากมาย
เมื่อนำแมวน้ำเข้ากรง เขากำชับลูกน้องอย่างใส่ใจว่า

“เร่งเครื่องปรับอากาศหน่อยนะ เพราะเมื่อกี๊ อากาศข้างนอกค่อนข้างจะร้อนและเปลี่ยนน้ำด้วย อย่าลืมใส่เกลือลงไปด้วย ตอนนี้อย่าเพิ่งให้อาหารรอให้เขาหายเหนื่อยสักพักก่อน”

พอเดินออกมาก็เจอกับหนูเอม หนูน้อยท่าทาง ทะเล้น หน้าเป็น เอาดอกไม้มาให้คุยอวดว่าตนจัดมาให้เอง เขา ขอบใจหนูเอม แต่แล้วก็แปลกใจว่าทำไมใส่รองเท้า ข้างเดียว หนูเอมเสียงอ่อยว่า “อีกข้าง...มันติดอยู่บนรั้วด้านหลังค่ะ”

ไทเลยรู้ว่าหนูเอมแอบปีนรั้วเข้ามาโดยไม่ซื้อตั๋ว หนูเอมทำหน้าจ๋อยยอมรับว่าตนไม่มีสตางค์ ขอโทษและสัญญาว่าต่อไปจะไม่ทำอีกแล้ว ฉอเลาะว่า “นะคะ... พี่ไทใจดีจะตาย...นะคะ”

“นี่แสดงว่าพ่อกับแม่หนูเอมไม่รู้ใช่ไหม...เอ้า...ไป เพื่อเป็นค่าดอกไม้แสนสวย พี่ไทจะพาชมสวนสัตว์“ดีค่ะ ไชโย้...” หนูเอมกระโดดโลดเต้นอย่างดีใจ คว้ามือไทพากันเดินชมสวนสัตว์อย่างมีความสุข...

ooooooo

ได้เวลาที่ปลายฟ้าต้องไปสอบเชลโล่กับอาจารย์แหม่มที่มหาวิทยาลัยอีกแล้ว เธอรีบเร่งตามเคย แต่คราวนี้ ควบมอเตอร์ไซค์คันใหม่ บีบแตรไล่ผู้คนไปตลอดทาง

แต่ก็ยังไปไม่ทันอยู่ดี อาจารย์แหม่มเห็นใครๆก็ สอบกันหมดแล้ว เว้นแต่ปลายฟ้าที่ยังไม่ได้เซ็นชื่อ ก็บ่น...

“หนึ่งปีผ่านไป ขนาดเปลี่ยนที่สอบใหม่ ก็ยังเหมือน เดิมนะ ปลายฟ้า...เฮ้อ...” พอดีปลายฟ้ามาถึง เธอดีใจมากที่อาจารย์แหม่มยังอยู่ แต่อาจารย์บอกว่า เวลามันหมดแล้ว ปลายฟ้าหน้าสลด อาจารย์แหม่มอบรมว่า

“ปลายฟ้า เธอเป็นนักดนตรีที่มีอนาคตไกลนะ แต่การเป็นนักดนตรีระดับโลก ใช่ว่าจะต้องเล่นดนตรีเก่งอย่างเดียว อีกอย่างหนึ่งที่สำคัญคือ เวลาเมื่อตรงเวลาก็จะเกิดความพร้อมเพรียง”

“แต่ว่ากว่าหนูจะเลิกงาน...”

“นั่นไม่ใช่เหตุผล ถ้าเธอคิดจะทำอะไรสองอย่างเวลาเดียวกันเธอต้องทำให้ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องเลือกเอาอย่าง ใดอย่างหนึ่ง หวังว่าเธอคงเข้าใจนะ...เจอกันปีหน้า”

พูดแล้วอาจารย์เดินจากไป ปลายฟ้ายืนมองตาม ...เศร้าจนบอกไม่ถูก...

ปลายฟ้ามานั่งซึมในโบสถ์ ซิสเตอร์มารีเดินมาทักว่าเป็นอะไรหรือ เธอร้องไห้เบาๆ คร่ำครวญกับซิสเตอร์มารี...

“คุณแม่คะ...หนูเหนื่อยเหลือเกิน ทำไมหนูไม่มีอย่างคนอื่นเขาบ้างคะ ทำไมหนูต้องกำพร้า ไม่มีพ่อแม่พี่น้อง ไม่มีญาติสักคนที่จะคอยให้กำลังใจ ทำไมพระองค์ไม่ทรงเมตตาหนูบ้าง หนูสวดภาวนาทุกวันให้หนูไปให้ถึงฝัน...แต่...มัน...”

“ลูกลองนึกให้ดีๆ ยังมีคนอีกมากที่ไม่มีโอกาสเท่าลูกนะ เด็กกำพร้าอย่างลูกอีกหลายคนไม่มีโอกาสได้เรียน ไม่มีโอกาสเข้าถึงพระเจ้า หลายคนอดอยาก หลายคนแร้นแค้น หลายคนขัดสน จงมองคนที่ต่ำกว่าเราเพื่อให้ได้รับรู้ถึงโอกาสที่ได้รับ จงมองคนที่สูงกว่าเราเพื่อเป็นแรงบันดาล มันยังไม่สายที่จะเริ่มนับหนึ่งใหม่”

ฟังซิสเตอร์มารีแล้ว ปลายฟ้ารู้สึกดีขึ้น บอกว่าตนเข้าใจแล้ว ตนจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ และจะนับหนึ่งถึงฝันให้ได้ ขอบคุณซิสเตอร์มารี แล้ววิ่งไปหาเด็กกำพร้าที่วิ่งเล่นกันอยู่ข้างนอก ร้องชวนอย่างร่าเริง “เด็กๆ...วู้...มาเล่นกัน...”

ซิสเตอร์มารีมองปลายฟ้าแล้วยิ้มอย่างเอ็นดู...

ooooooo

เรียวเป็นบอดี้การ์ดมือดีและซื่อสัตย์ภักดีต่อบุ๊น วันนี้เขาลุยทะลวงผ่านพนักงานและ รปภ.ไปหาพี่สี่ที่บริษัท ถีบประตูห้องเข้าไปเห็นพี่สี่กำลังเดินดูแจกันรักสองสามใบที่ตั้งโชว์ ลูบคลำมันอย่างรักและทะนุถนอม

เรียวเข้าไปบอกพี่สี่ด้วยแววตาพยัคฆ์ร้ายว่า ให้วางมือจากการประมูลเสีย พี่สี่พูดอย่างไม่แยแสว่าของแบบนี้มันอยู่ที่ชั้นเชิงธุรกิจ ใครมือยาวก็สาวเอาสิ

เรียวพุ่งเข้าไปจับมือข้างหนึ่งของพี่สี่วางที่เท้าแขนแล้วสับลงไป พี่สี่ร้องเสียงหลง เรียวปล่อยมือบอกว่า

“ลืมบอกไปว่าคราวนี้เตือนก่อน”

หลังจากนั้นเรียวยังคุกคามข่มขู่จนพี่สี่แทบร้องไห้ พอเขาออกไป พวกลูกน้องพี่สี่ต่างเปิดทางให้ผ่านไปอย่างขยาด

ที่บ้านหลังใหญ่โอ่อ่าของบุ๊น มีรถลีมูซีนจอดรออยู่ อาฮวดลูกน้องคนสนิทยืนรออยู่ในบ้าน ครู่หนึ่งบุ๊นลงมาในชุดสากลเนี้ยบ ในมือมีกระเป๋าเอกสาร อาฮวดรีบไปรับ กระเป๋าอย่างนอบน้อม

บุ๊นถามถึงพัด ซึ่งก็คือนันณภัสลูกสาวคนเก่งของเขา อาฮวดบอกว่าไปประชุมตั้งแต่เช้าแล้ว ครู่หนึ่งมีโทรศัพท์เข้ามือถือ อาฮวดรับสายแล้วรายงาน

“เรียบร้อยแล้วครับท่านประธาน”

“อืม...ดีมาก” บุ๊นพยักหน้าพอใจ แล้วสั่ง “ต่อลูกชายสุดที่รักของฉันให้หน่อย”

อาฮวดพยายามโทร.หาพีท พอเขารับสายก็รีบส่งให้บุ๊น

บุ๊นถามพีทว่าตอนนี้อยู่ไหน ทำไมไม่มาเจอหน้าเจอตากันเลย พีทนอนห่มผ้าผืนเดียวกับหญิงสาวคุยด้วยน้ำเสียงแจ่มใส ถามพ่อว่าทำไมโทร.มาปลุกแต่เช้า บอกพ่อว่าเมื่อคืนตนมาแต่งงาน บุ๊นตกใจถามว่าแต่งกับใคร

ระหว่างนั้นมีเสียงหญิงสาวลอดเข้าไปในโทรศัพท์ว่า “ไปอาบน้ำก่อนนะคะ” บุ๊นยิ่งตกใจ พีทตัดบทว่า

“ใครก็ช่างเถอะ พ่อไม่รู้จักหรอก แต่ไม่เป็นไรครับ อีกประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็จะไปหย่ากันแล้ว”

บุ๊นถามว่าตอนนี้อยู่ไหนเดี๋ยวจะให้อาฮวดไปรับ พีทบอกไม่ต้องตนขอฮันนีมูนก่อน ตัดบทว่า “แล้วเจอกันครับ” แล้ววางสายรีบลุกไปอาบน้ำกับหญิงสาวหยอกล้อหัวเราะกันคิกคัก

“นายโชคดีที่ไม่มีลูก” บุ๊นเปรยๆกับอาฮวดสีหน้าหนักใจ

ผิดกับพัด เธอทำงานอย่างเอาการเอางาน มุ่งมั่น โดยมีลิลลี่ที่เคยเป็นแฟนเก่าของพีทมาร่วมงานและเป็นหุ้นส่วน แต่ลิลลี่ไม่ใส่ใจกับงานนัก พอพัดบ่นก็บอกว่าตนไม่ได้อยากทำเลย ที่มาทำเพราะถูกป๊าบังคับต่างหาก

ป๊าของลิลลี่คือมังกร น้องร่วมสาบานของบุ๊นนั่นเอง มังกรมีลูกสองคนคือ โอตี่ลูกชายโรคจิตและลิลลี่ลูกสาว ไฮโซ

“โตขึ้นทุกวันแล้วลิลลี่เป็นผู้ใหญ่ได้แล้ว เราต้องหัดทำงานทำการไว้บ้างนะ” พัดเตือนยิ้มๆ ลิลลี่ถามว่าไม่เบื่อบ้างหรือ เธอยอมรับว่า “ก็มีบ้าง แต่ทำยังไงได้ล่ะ”

เลขาเข้ามาแจ้งพัดว่าวันนี้ต้องไปให้สัมภาษณ์เรื่องคอมเพล็กซ์ที่สถานีโทรทัศน์ตอน 11 โมง ลิลลี่ตาโตถามว่านี่เจ๊พัดดังขนาดออกทีวีเลยหรือ

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก ที่ไปก็เพราะต้องการจะโปรโมตคอมเพล็กซ์ เราไปด้วย มันก็คือการประชาสัมพันธ์ อย่างนึงนะ นี่นายเรียวไม่อยู่ใช่ไหม” พอรู้ว่าไม่อยู่ เธอพูดอย่างสบายใจ “ดีจัง จะได้ไม่ต้องมีคนมาคอยตาม เบื่อจริงๆ พวกบอดี้การ์ดเนี่ย” แต่พูดไม่ทันขาดคำ เรียวก็เข้ามา ถามว่าจะไปกันได้หรือยังครับ พัดตอบเซ็งๆ “ไปสิ...”

“เอ่อ...ยังไม่หมดค่ะ” เลขารีบแจ้งกำหนดการต่อ “เสร็จจากทีวีแล้ว ต้องไปประชุมเรื่องการกุศลเด็กกำพร้า แล้วก็ไปทานอาหารเย็นกับพวกสภาหอการค้าค่ะ”

“เฮ้อ...ทำแต่งาน ชาตินี้จะมีแฟนไหมเนี่ย” พัดถอนใจ บ่นๆ แล้วเดินออกไป เรียวรีบเดินตาม

ooooooo

ไทพานักท่องเที่ยวประมาณ 10 คนเดินชมห้องสัตว์น้ำเลี้ยงลูกด้วยนม ชมส่วนแสดงของจระเข้ เขาอธิบายถึงวงจรชีวิตของสัตว์เหล่านั้นได้อย่างละเอียด

แต่ต้องเสียสมาธิบ่อยๆ เพราะความซนของหนูเอม ที่เดี๋ยวจับโน่น หยิบนี่ หยอกล้อกับสัตว์สตัฟฟ์ ไทต้องคอยปรามว่า“อย่าหยิบของเล่น”หนูเอมทำไขสือก็ปราม “บอก ให้เก็บที่ อย่าเล่น ไม่เชื่อเดี๋ยวจะให้ออกไปเลย” นักท่องเที่ยวบางคนฟังเขาอธิบายอยู่ดีๆก็งงถามเขาว่า

“เอ...ถ้าลูกจระเข้ซนนี่ แม่ให้ออกจากไข่ก่อนได้เลยหรือคะ”

ไททำหน้าไม่ถูก รีบอธิบายต่อ แต่ก็ยังถูกหนูเอมซนยุกยิกๆอยู่ข้างหลังไม่เลิก และแอบหยิบไข่จระเข้เล่น ทำไข่ตกแตกจนได้

ooooooo

เพราะต้องกินต้องใช้ทุกวัน เมื่อยังหางานถาวรทำไม่ได้ แป้งกับปลายฟ้าจึงรับจ้างไปยืนแจกใบปลิวหน้าห้างสรรพสินค้า ปลายฟ้าทำอย่างทะมัดทะแมง ร้องเชิญชวนนักช็อปเสียงใส แต่แป้งทำหน้าเซ็ง เบื่อ และเมื่อย

“ไหนว่าเมืองนี้หางานง่ายไง” แป้งบ่น ปลายฟ้าบอกให้ใจเย็นๆ เดี๋ยวก็หางานใหม่ได้ แล้วขอไปซื้อน้ำกินก่อน

ระหว่างที่ปลายฟ้าไปเข้าคิวซื้อนํ้าที่หน้าร้านฟาสต์ฟู้ดนั่นเอง ได้ยินผู้จัดการร้านออกมาถามลูกน้องอย่างอารมณ์เสียว่า คนที่ทางสาขากลางส่งมาช่วยงานยังมาไม่ถึงอีกหรือ พอรู้ว่ายังก็บอกให้ช่วยเร่งเปลี่ยนพนักงานหน่อย ถ้าน้องเขามาก็ให้พาไปหาตนที่ข้างในเลย

ปลายฟ้ายืนฟังอย่างไม่สนใจ แต่พอซื้อนํ้าเดินออกไปเจอเด็กสาวท่าทางเป็นพนักงานที่ทางสาขากลางส่งมากำลังเดินอย่างเร่งรีบ เธอมองเจ้าเล่ห์แล้ววางมาดเป็นผู้จัดการเข้าไปทัก

“เดี๋ยว...นี่เธอเป็นคนที่ฝ่ายสาขากลางส่งมาทำงานที่นี่ใช่ไหม...ฉันเป็นผู้จัดการที่นี่”

เด็กสาวตอบหน้าตาตื่นว่าใช่ รีบขอโทษที่มาสายเพราะไม่ค่อยคุ้นเส้นทาง ปลายฟ้าวางมาดตัดบทว่า

“ช่างมันเถอะเรื่องนั้นน่ะ พอดีฉันได้คนแล้ว เขาไม่ได้แจ้งเธอหรอกหรือ” เด็กสาวหน้าเสียบอกว่าไม่ได้แจ้ง “ตายจริง...ก็ทำงานกันอย่างนี้นี่น้า...เธอกลับไปทำงานที่เดิมนะ แล้วบอกเขาด้วยว่าฉันได้คนแล้ว”

เด็กสาวรับปากยกมือไหว้ขอบคุณ โล่งใจที่ไม่โดนดุ พอเด็กสาวคล้อยหลังไปเท่านั้น ปลายฟ้ายิ้มเจ้าเล่ห์รีบไปหา แป้ง พาแป้งไปสวมรอยเป็นเด็กสาวคนนั้นเข้าไปพบผู้จัดการ

“อืม...หน้าตาดี จัดการเรื่องชุดแล้วให้น้องเขาไปประจำส่วนหน้าร้านเลย” ผู้จัดการสั่งอย่างพอใจ

แป้งทำงานจนเย็น เลิกงานแล้วเดินกลับที่พักกับปลายฟ้า เธอถามปลายฟ้าว่าทำไมไม่ทำงานนี้เสียเอง ปลายฟ้าพูดสบายๆว่า ตนเอาตัวรอดได้ หางานได้ไม่ยากหรอก พอดีเดินผ่านที่ว่างเปล่า มีป้ายประกาศเป็นสถานที่ก่อสร้างช็อปปิ้งคอมเพล็กซ์ ปลายฟ้าชี้ให้แป้งดู “นี่ไง...อีกหน่อยงานก็เยอะแยะ”

แป้งทำเสียงท้อใจว่ากว่าจะสร้างเสร็จ...ปลายฟ้าพูดกลั้วหัวเราะว่า “ฉันก็ไปออสเตรียแล้วใช่ไหมล่ะ...”

ooooooo

วันนี้ มังกรมาที่บริษัทของบุ๊น โดยมีอาเพียวบอดี้-การ์ดผู้ซื่อสัตย์ติดตามมาอย่างใกล้ชิด ทุกคนในบริษัทต่างแสดงความนอบน้อมต่อมังกรขณะเขาเดินผ่าน
เลขารีบรายงานทางอินเตอร์คอมแก่บุ๊นว่า มังกรกำลังขึ้นมา

“ขอบใจ...สงสัยจะมาเรื่องนี้มั้ง อาฮวดออกไปก่อน” บุ๊นสั่ง พออาฮวดออกไป มังกรก็มาถึงพอดี เขาให้อาเพียวรอที่หน้าห้อง ทันทีที่ผลักประตูเข้าไป เขาถามบุ๊น

“มันไม่หนักไปหน่อยหรือพี่ใหญ่”

“ฉันเพียงแต่อยากจะสั่งสอนอาสี่ให้รู้สึกตัวว่า การทำลับหลังฉันแบบนี้มันไม่ดี การที่คิดจะให้คนอื่นยืมมือมาแทงข้างหลังฉัน นายว่ามันเหมาะหรือเปล่าล่ะ”

“แต่มันก็ไม่น่าจะถึงลงมือลงไม้”

“เด็กๆมันคงทำเกินไป ฉันจะตักเตือนให้ก็แล้วกัน นายก็รู้ว่าเรื่องแบบนี้ฉันวางมือไปนานแล้ว สมัยนี้มันหมดยุคมาเฟียแล้วมังกร” บุ๊นลุกไปตบไหล่มังกรเบาๆสองสามที มังกรเชื่อว่าบุ๊นเลิก แต่สำหรับตัวเขา ไม่เคยคิดจะเลิก บุ๊นชวน “ไปกินนํ้าชากันไป”

ส่วนอาฮวดกับอาเพียวที่คุมเชิงกันอยู่หน้าห้อง ต่างทักทายกันอย่างเหน็บแนมประชดประชันแบบไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ อาเพียวทักขึ้นก่อนว่าพักนี้ไม่ค่อยเจอกัน สบายดีหรือ อาฮวดบอกว่าสบายดี ย้อนถามว่าเขาสบายดีหรือ

“ฉันก็ไม่ได้ป่วยไข้อะไร มีความสุขดีทุกอย่าง”

“ดีกว่าสมัยเป็นจับกังแบกข้าวสารอยู่ราชวงศ์ใช่ไหม” อาฮวดพูดขึ้นลอยๆ แต่เพียวเจ็บที่ถูกเหน็บ สวนไปว่า

“แหม...พี่ฮวด นั่นมันเรื่องเมื่อ 30 ปีที่แล้ว เดี๋ยวนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว คนเรามันก็ต้องก้าวหน้าบ้างสิ มันก็เหมือนสมัยที่พี่ฮวดติดคุกนั่นแหละ ออกมามันก็หมดมลทิน เริ่มต้นชีวิตใหม่”

“ในเมื่อเรามีปลอกคอแล้ว เราก็ต้องซื่อสัตย์ คนแบกข้าวสารอย่างนายจะเข้าใจอะไร” อาฮวดหัวเราะหึๆ ก่อนเดินจากไป อาเพียวมองตามอย่างไม่พอใจที่ถูกเหยียด แต่เก็บอารมณ์ไว้

ooooooo

อ่านละคร ดุจตะวันดั่งภูผา ตอนที่ 2 วันที่ 26 พ.ย. 55

ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา บทประพันธ์ / บทโทรทัศน์ : ภูมิแผ่นดิน
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา กำกับการแสดง : เฉิด ภักดีวิจิตร
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา แนวละคร : แอ็คชั่น โรแมนติก ดราม่า
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ดำเนินงานสร้าง : อาหลอง จูเนียร์
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ดูแลงานสร้าง : บุญจิรา ตรีติยะ
ละครเรื่อง ดุจตะวันดั่งภูผา ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทาง ช่อง 7 สี
ที่มา ไทยรัฐ