@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร ไฟมาร ตอนอวสาน(2) วันที่ 10 พ.ย. 55

อ่านละคร ไฟมาร ตอนอวสาน(2) วันที่ 10 พ.ย. 55

กาวินทร์กอดมาลินีแน่นขึ้นอีก แววตาหมายมั่น จะไม่ยอมปล่อยผู้หญิงคนนี้ไปอีกแล้ว
กรรณนรีมองภาพครอบครัวน้อยๆ ตรงหน้า ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ในจังหวะที่ภรตเดินเข้ามาพอดี
สักครู่ต่อมา สองคนเดินเล่นอยู่ที่หน้าบ้าน คุยถามไถ่สารทุกข์กันไปมา

“พี่กลับไปเรียนไม่กี่เดือน กาวดูสมบูรณ์ขึ้นนะ”
กรรณนรีเขินยิ้มหลบตา “ก็..นิดหน่อยค่ะ”
“ไม่นิดนะ....ดูไปดูมา..ก็เหมือนกาว...ท้อง”
กรรณนรีนิ่ง อึ้งไปทันที ภรตถามต่อ

“นี่กาวท้องใช่มั้ย?...กาวท้อง ลูกคุณสรวง”
กรรณนรีนิ่งอึ้งไม่ตอบ น้ำตาคลอเบ้า

ในเวลาต่อมาสรวงหันมาถามภรตที่แวะมาหาที่บ้านอย่างตกใจ
“อะไรนะ กาวท้อง”
สุดายืนใช้ไม้เท้าช่วยเดินออกมา ได้ยินเข้าพอดี ขณะที่ภรตตอบชัดเจน
“ใช่! กาวท้อง ลูกของคุณ”
สรวงนิ่งอึ้ง ภรตพูดต่อ
“ถ้าผมเป็นพ่อ ผมจะไม่ปล่อยให้ลูกเมียผมอยู่อย่างโดดเดี่ยว...ผมจะต่อสู้ทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับพวกเค้า...และผมก็หวังว่าคุณจะเป็นเหมือนกัน”
สรวงนิ่งอึ้งไม่รู้จะทำอย่างไร ภรตมองสรวงเสียความรู้สึก เดินออกไป สรวงหันมาเห็นสุดา
“สรวงคงจะคิดว่าแม่ใจจืดใจดำ” น้ำตาไหลพราก “ไม่เลยนะลูก...แม่อยากมีหลาน อยากเป็นย่า อยากอุ้มลูกของสรวง...กรรณนรีไม่น่าเกิดมาเป็นลูกภาพิศเลย”
สุดาร่ำไห้ สรวงยืนนิ่งสงสารชะตาตัวเอง คิดถึงลูกที่กำลังจะลืมตามาดูโลก คิดถึงกรรณนรีใจจะขาด แต่ยอมตัดใจเดินไปกอดปลอบสุดา



คืนนั้น ภาพิศซึ่งอยู่ในอาการสงบมากขึ้น ประนมมือไหว้หลวงพี่ของวัดป่าแห่งนั้น
“มาวัดครั้งนี้ ท่าทางโยมสงบขึ้น”
“ฉันมีความตั้งใจมาบวช” ภาพิศเอ่ยอย่างอ่อนน้อม
“ยินดีด้วย” หลวงพี่มองหน้าภาพิศพร้อมกับเตือนสติ “เพราะถ้าเธอมาบวชเพื่อต้องการหนีปัญหา การบวชจะไม่ช่วยอะไร”
หลวงพี่มองหน้าภาพิศเหมือนรู้ ภาพิศหลบตา ซ่อนหน้าบอกเสียงแผ่ว
“ฉันตั้งใจมาบวชจริงๆค่ะ”
“ถ้าพร้อมเมื่อไหร่ก็มา ขอให้เจริญในธรรม”
หลวงพี่เดินจากไป ภาพิศยังคงนั่งประนมมือไหว้อยู่ กวาดสายตามองที่โบสถ์ หวังว่าที่แห่งนี้จะเป็นเรือนตายแห่งตนได้

วันหนึ่ง เกริกถามภาพิศอย่างไม่เชื่อสายตา
“ภาจะบวช” เป็นครั้งแรกที่เกริกเรียกนุดีในชื่อภาพิศ
“จ้ะพี่ ฉันจะบวช ฉันมาขออโหสิกรรม” ภาพิศยกมือไหว้
เกริกรับไหว้มองนิ่งๆ นึกขึ้นได้ “แล้วคดี”
ภาพิศนิ่งเงียบ เกริกมองระอา เปลี่ยนเป็นพูด
“พี่ขออนุโมทนาด้วย แก้ว กาว กราบอโหสิกรรมแม่”
สองพี่น้องมองหน้ากัน ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งลงกับพื้น น้ำตาคลอทั้งคู่
“กาวรักแม่..”
“แก้วก็รักแม่”
ภาพิศตื้นตัน ร้องไห้โฮออกมา เป็นครั้งแรกที่ได้ยินลูกเรียกตนว่าแม่
“ลูกเรียกแม่...ลูกยอมรับแม่แล้วเหรอ”
“เพราะแม่ คือแม่ของกาว” กรรณนรีว่า
“แม่คือแม่ของเรา” กาวินทร์บอก
ภาพิศสะอึกสะอื้น “แก้ว...กาว แม่รักลูก แม่รักลูก”
สองพี่น้องโผเข้าหาแม่ ภาพิศกอดทั้งคู่แน่นร้องไห้
“แก้วขอโทษที่เคยทำไม่ดีกับแม่....แม่อหิกรรมให้แม่นะครับ” กาวินทร์เอ่ยขึ้นทั้งน้ำตาขณะผละตัวออกมา
“อโหสิกรรมให้กาวด้วย”
สองคนก้มลงกราบแทบเท้าภาพิศละทิ้งความน้อยใจ เสียใจที่เคยมีแต่หนหลังจนสิ้น ภาพิศร้องไห้เอามือลูบหัวลูบตัวลูกอย่างปลื้มปีติ เกริกมองภาพตรงหน้าน้ำตาคลอด้วยความตื้นตัน ก่อนจะพูดถามเสียงนิ่งๆ

“แล้วบอกทางโน้นรึยัง”
สุดาจดสายตามองจ้องภาพิศที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงหน้า ด้วยแววตาเหยียดหยาม

“จะบวช?....” เหยียดริมฝีปากเยาะหยันอีก “บวชเพื่อเอาผ้าขาวบังหน้าว่างั้น”
ภาพิศบอกด้วยท่าทีสงบนิ่ง “สิ่งที่ฉันเคยทำมา มีสิทธิ์ที่คุณหญิงจะคิดอย่างนั้น แต่ฉันตั้งใจจริงๆ ที่จะมาขออโหสิกรรมกับคุณหญิง”
สุดามองตาวาววับ เต็มไปด้วยความเกลียดชัง “จะไปตายไหนก็ไป”
วงหน้าภาพิศนิ่ง ดวงตาลุแก่โทษ “ถ้าคุณหญิงไม่อโหสิกรรมให้ ใจฉันคงไม่สงบ”
สุดามองภาพิศอย่างไม่เชื่อสายตา ภาพิศทรุดตัวลงนั่งกับพื้นพูดต่อน้ำเสียงจริงจัง จริงใจ
“การที่ฉันตั้งใจบวช เพราะเป็นสิ่งดีๆ เพียงสิ่งเดียว ที่ฉันจะทำให้คุณหญิงได้”
“ถ้าเธออยากทำให้ฉันจริงๆ เธอทำได้มากกว่านี้ภาพิศ”
ภาพิศมองสุดา สีหน้าเต็มไปด้วยคำถาม สุดายิ้มเยาะ พูดเสียงเหี้ยม เหยียดหยามเยาะหยัน พร้อมกับยื่นเท้ามาตรงหน้าภาพิศ
“กราบเท้าฉันสิ เธอกราบเท้าฉันสิ”
“ฉันขออโหสิกรรมค่ะ”
พูดจบภาพิศก็ก้มลงกราบแทบเท้าคุณหญิงบ้านใหญ่ สุดามองเขม็ง ร้อยไม่เชื่อพันไม่เชื่อ สายตายังเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ภาพิศเงยหน้าขึ้นมองอ้อนวอน
“คุณหญิงอโหสิกรรมให้ฉันนะคะ”
ภาพิศจะถอนมือออก เท้าของสุดาเหยียบเข้าที่มือของภาพิศอย่างแรง ภาพิศเจ็บปวดจนน้ำตาไหล แต่ไม่สู้ ขณะที่สุดามองภาพิศ เตรียมรับมือ เพราะคิดว่าภาพิศต้องทำอะไรแน่ๆ ภาพิศดึงมือออกจับที่ข้อเท้า ขณะเงยหน้าบอกเสียงอ่อนโยนใบหน้านองน้ำตา
“ฉันยอมคุณหญิงทุกอย่างค่ะ ขอเพียงแค่คุณหญิงอโหสิกรรมให้แก่ฉัน”
สุดาอึ้ง จ้องตาภาพิศ สัมผัสเห็นถึงความจริงใจ และยอมแล้วทุกอย่าง
“เธอยอมฉันจริงๆ..?” สุดารำพึง
“ที่ผ่านมาฉันเป็นไฟที่เข้ามาเผาคุณหญิงจริงๆ ค่ะ ถึงวันนี้ฉันสำนึกผิดแล้ว ขอเพียงให้คุณหญิงให้อภัย”
สุดากับภาพิศมองหน้ากัน สรวงเดินเข้ามา เห็นเหตุการณ์ตรงหน้าก็ตกใจ กลัวว่าจะมีเรื่องอะไรอีก สุดาน้ำตาไหล ขยับเท้าออกจากมือภาพิศ
“ฉันอภัยให้เธอ แต่ไม่ใช่เพื่อเธอ....ฉันทำเพื่อสรวง....เพราะฉันรู้” เสียงแผ่วเบา “สรวงรักกรรณนรี”
สรวงนิ่งงัน น้ำตาลูกผู้ชายไหลริน ร้องไห้ออกมารู้ซึ้งถึงความรักของแม่ที่มีต่อตน
“ขอบคุณค่ะคุณหญิง ขอบคุณ”
สุดาร้องไห้มองหน้าภาพิศ ดวงหน้าของสุดายามนี้ดูออกว่าโล่งใจที่ ละทิ้งความแค้น อาฆาต และพยาบาท ปลดปล่อยทุกข์ทั้งผองออกจากใจไปได้ บอกด้วยน้ำเสียงจริงใจในท่าทีนิ่งๆ
“ขอให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอตั้งใจ ผ้าขาวจะได้สะอาดจริงๆ ฉันอนุโมทนาด้วยภาพิศ”
ภาพิศก้มลง กอดข้อเท้าของสุดาเอาไว้ ร้องไห้ปานจะขาดใจ สรวงมองภาพตรงหน้าอย่างเต็มตื้น

อารักษ์อยู่ที่บ้านพักตากอากาศ ร่างกายผ่ายผอมทรุดโทรมลง ตามเนื้อตามตัวมีรอยจ้ำๆ เป็นจุดสีดำอาการของคนเป็นเอดส์ ตอบสรวงที่มาแจ้งข่าวเรื่องภาพิศนิ่งๆ
“ไว้วันภาพิศบวช พ่อจะไปร่วมอนุโมทนาด้วย”
“คุณภาพิศคงยินดี”
อารักษ์ไม่ตอบ เดินเก็บจานชาม ออกไปห่างสรวง สรวงมองตามเนื้อตัวอารักษ์ห่วง
“คุณพ่อน่าจะกลับไปอยู่บ้านนะครับ ที่นี่ท่าจะยุงเยอะ กัดคุณพ่อจนลายหมดเลย...”
อารักษ์นิ่ง ไอโขลกๆ เป็นระยะ
“ตกลงคุณพ่อเป็นอะไรครับ ถึงไม่หายซักที” สรวงสงสัย
อารักษ์ไม่ตอบ เปิดตู้เย็นยื่นขวดน้ำให้สรวง
“ดื่มน้ำก่อนลูก”
สรวงจะหยิบขวดน้ำเทใส่แก้ว อารักษ์รีบห้ามดึงแก้วคืน
“อย่าสรวง ดื่มในขวดเลย”
สรวงมองอย่างสงสัยมากขึ้น “ทำไมครับ”
อารักษ์นิ่ง สรวงมองแก้ว มองจุด จ้ำ ตามเนื้อตามตัวบิดา ใจเต้นรัว
“อย่าบอกนะครับว่าพ่อเป็น....”
อารักษ์ตัดสินใจบอกลูกชาย “พ่อเป็นเอดส์สรวง...พ่อเป็นเอดส์”
สรวงใจหล่นวูบ “คุณพ่อ”
อารักษ์ร่ำไห้ “สมควรแล้วกับบาปกรรมที่พ่อก่อ อย่ามายุ่งกับพ่ออีกเลยสรวง”
สรวงโผเข้ากอดอารักษ์แน่น ไม่ได้มีความรังเกียจแม้สักน้อย “ยังไงพ่อก็เป็นพ่อผม...ผมรักพ่อ ได้ยินมั้ยครับ ไม่ว่ายังไงพ่อก็เป็นพ่อผม พ่อรักษาตัวได้”
อารักษ์ส่ายหน้าเชิงปฏิเสธ สรวงดุ
“พ่อต้องรักษาตัว”

สรวงกอดอารักษ์แน่น สองพ่อลูกกอดคอกันร้องไห้
คืนนั้นกรรณนรียืนลูบท้องตัวเอง แหงนหน้ามองท้องฟ้า เกริกเดินออกมากอดปลอบกรรณนรีขณะถาม

“คิดอะไรอยู่ลูก คิดถึงคุณสรวง”
“คิดถึงก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะพ่อ ยังไงชีวิตของกาวกับคุณสรวงก็เป็นเส้นขนานที่ไม่มีวันมาบรรจบกันได้”
เกริกต่อคำให้ “แต่ก็เคียงข้างกันตลอด”
“ค่ะ กาวถึงเพิ่งเข้าใจแม่...แม่มีเหตุผลของแม่ กาวก็มีเหตุผลของกาว ที่จะไม่พาลูกกลับไปหาคุณสรวง...”
สุดาเดินด้วยไม้เท้าเข้ามา
“แล้วถ้าฉันขอร้อง ให้เธอกับลูกกลับไปหาตาสรวงล่ะ”
เกริกกับกรรณนรีเหลียวขวับไปมอง อุทานพร้อมๆ กัน
“คุณหญิง”
“กลับไปอยู่เป็นครอบครัวเดียวกัน....อนุโมทนาบุญให้ภาพิศด้วยกัน”
สองพ่อลูกมองสุดาอย่างตื่นตะลึง

เวลาผ่านไปอีก ตัวละคร อารักษ์ สุดา ภาพิศ สรวง แก้ว กาว เกริก พร้อม พิไล แฉล้ม มด มะยม นิค
วันนี้ภาพิศอยู่ในชุดขาวพิสุทธิ์นั่งพับเพียบอยู่ที่พื้น ประนมมือ โดยมีผู้คนในชีวิตอยู่รายรอบตัว สายตาที่มองมีความอนุโมทนายินดี พร้อม พิไล น้ำตาไหล ปลื้มอกปลื้มใจล้นพ้น พร้อมหยิบมีดโกนที่เตรียมไว้ในพานดอกไม้ปลงผมให้ภาพิศเป็นคนแรก กรรณนรีนั่งถือใบบัวคอยรองรับผม พร้อมยื่นมีดโกนให้พิไล ปลงผมต่อ
“นุดี อโหสิกรรมให้แม่ด้วยนะ บางสิ่งบางอย่างที่แม่สอนลูกไม่ดี” พิไลน้ำตารื้น
“ลูกอโหสิกรรม เพราะลูกรู้ว่ามันคือความปรารถนาดี เหมือนที่ลูกทำกับแก้ว กาว ทั้งๆ ที่บางครั้งมันก็เป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้อง” ภาพิศพูดพลางหันมามองหน้าสองพี่น้อง “แม่อยากให้แก้วกับกาวอโหสิกรรมให้แม่”
กาวินทร์กับกรรณนรี น้ำตาคลอเบ้า ทั้งปลื้มใจ และตื้นตัน กรรณนรีวางใบบัวลง สองพี่น้องก้มลงกราบภาพิศอีกครั้ง ภาพิศยิ้มปลื้มปิติ
“อโหสิกรรมให้ฉันนะคุณแฉล้ม กัลยาณมิตรที่ดีที่สุดของฉัน”
แฉล้มนั่งรถเข็นเข้ามา โดยมีมะยม นิคช่วยเข็น ยิ้มให้ภาพิศ
“ฉันขออนุโมทนาบุญด้วย”
สุดาบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ขอให้เธอได้ทำในสิ่งที่เธอตั้งใจทำให้สำเร็จ ฉันอโหสิกรรมให้เธอและขอให้เธออโหสิกรรมให้ฉันด้วย”
ภาพิศยิ้มละไมขณะที่มือของพิไลปลงผมไปเรื่อยๆ เส้นผมของภาพิศร่วงหล่นลงยังใบบัวที่วางอยู่บนพื้น

เวลาต่อมาพระสงฆ์ห้ารูปนั่งอยู่ในโบสถ์ของวัดป่าแห่งนั้น ด้านหลังคือพระประธานพระพักตร์สวยงาม พร้อมกับพิไลเดินนำภาพิศในชุดขาวที่ปลงผมเรียบร้อย ถือพานบูชาพร้อมดอกบัวเดินเข้าไป มี กรรรณรี กาวินทร์ ถือพานธูปเทียนเดินตามหลังภาพิศ ตามด้วยคนอื่นๆ มะยม-นิค ช่วยกันเข็น
รถของแฉล้ม สรวงประคองสุดาที่ยังใช้ไม้เท้าค้ำช่วยเดินตามมา ทุกคนนั่งพับเพียบลงต่อหน้าคณะสงฆ์
“นำเครื่องสักการะ เตรียมบูชาพระรัตนตรัย แล้วโยมจะได้รับไตรสรณะคมสมาทานศีล 8 หรือยัง” หลวงพี่ที่เป็นพระอุปัชฌาเอ่ยขึ้น
“ดิฉันพร้อมแล้วค่ะ”
กาวินทร์ กับกรรณนรียื่นเครื่องสักการะให้ ภาพิศรับพานไปวางหน้าโต๊ะหมู่บูชาในพิธี
แล้วก้มลงกราบ 3 ครั้ง ทุกคนก้มลงกราบ
ระหว่างนั้นตำรวจในเครื่องแบบ 3 นายเดินเข้ามา 1 ใน นั้น เอ่ยทำลายความเงียบขึ้น
“ผมขอคัดค้านการบวช เพราะคุณภาพิศมีคดีติดตัวมา”
อารักษ์หันขวับไปมอง ท่าทีตกใจมาก “ผมถอนแจ้งความตั้งนานแล้ว”
ตำรวจคนเดิมบอก “ตราบใดที่เป็นคดีอาญา ยอมความไม่ได้..จนท.ตำรวจต้องทำตามกฎหมาย”
ทุกคนตะลึง รวมทั้งภาพิศ คณะสงฆ์มองหน้าภาพิศ
“กรรมหนัก ถึงตั้งใจจะบวชแต่ก็ไม่ได้บวช ขอให้โยมไปรับโทษทางโลก แต่ไม่ว่าจะอยู่ไหน ถ้าใจตั้งมั่นที่จะทำความดี ก็ทำได้โยมภาพิศ”
หลวงพี่ที่เป็นประธานลุกเดินออกไป แสดงให้เห็นถึงการไม่รับบวช พระรูปอื่นที่เหลือลุกเดินตามออกไปด้วยท่าทางนิ่งสงบ กรรณนรีกับกาวินทร์ร่ำไห้ สรวงจับมือกรรณนรีแน่น ภาพิศร้องไห้โฮ
“แม่...”
“ทุกคนให้อภัยแม่...แต่กรรมที่ทำ มันลบไม่ได้จริงๆ...แม่ยินดีที่จะรับกรรม”
พูดจบภาพิศเดินไปเข้าหาตำรวจ พร้อมกับยื่นสองมือให้ ตำรวจใส่กุญแจมือภาพิศที่สีหน้านิ่งสงบ แล้วควบคุมตัวออกไป กรรณนรี กับกาวินทร์ร้องไห้โฮวิ่งตามมา ขณะที่สุดาบอกด้วยเสียอ่อนโยน
“ไม่ต้องห่วงนะภาพิศ...ฉันจะดูลูกหลานของเราเอง”
ภาพิศหันมายิ้มให้สุดา เป็นรอยยิ้มที่จริงใจมากที่สุดที่ผู้หญิงสองคนมีให้แก่กัน ก่อนที่ภาพิศจะหันตัวเดินออกไปกับตำรวจ คนอื่นๆ มองภาพตรงหน้าด้วยความสลดหดหู่ใจ

หลายปีผ่านไป อารักษ์ที่ตอนนี้ดูมีสุขภาพแข็งแรง จูงมือเด็กหญิงอายุ ประมาณ 5 - 6 ขวบ ลูกสาวที่เกิดกับภาพิศเดินเล่นกันอยู่ในสวนสวย ตอนยามเย็น
“ไง..ยัยหนูลูกพ่อ...ชอบมั้ย”
“ชอบค่ะคุณพ่อ”
ระหว่างนั้นสุดาเดินด้วยไม้เท้าเข้ามาจากอีกมุมหนึ่ง มองไปยังสวนสวยเบื้องหน้า ก่อนจะเห็นลูกหมาชิสุห์สีขาววิ่งเล่นอยู่กับเด็กหญิงตัวน้อยวัยสามสี่ขวบอีกคนหนึ่ง สุดาร้องเรียกใบหน้าแย้มยิ้ม
“ยาหยีมาหาย่ามาลูก”
เด็กหญิงหน้าตาน่ารักชื่อยาหยีวิ่งเข้ามาหาสุดา ครู่ต่อมาเกริกเดินมาอีกมุมหนึ่งเรียกไว้
“มาหาตาดีกว่ายาหยี”
“มาหาย่าลูก”
“มาหาตาดีกว่าลูก”
ตากับย่าแย่งกัน จนอารักษ์ที่อุ้มลูกสาวอยู่บอก
“มาหาปู่ดีกว่า”
เด็กหญิงยาหยีมองตาแป๋ว ไม่รู้จะไปหาใครดี สรวงจูงมือกรรณนรีเดินเคียงกันเข้ามาหัวเราะ
“มาหาแม่ดีกว่าลูก” พร้อมกับยื่นมือรับลูก
“มะ..ยาหยี มาให้พ่อชื่นใจหน่อยลูกพ่อ”
ยาหยีวิ่งมาหากรรณนรีและสรวง กรรณรีอุ้มลูกสาวไว้พลางหอมแก้มอย่างชื่นใจ
“ยาหยีของแม่หอมที่สุดเลย”
สรวงยื่นหน้ามาหอมลูก “จริงด้วย ยาหยีหอมที่สุดเลย” สรวงหันมาหอมกรรณนรีอีกฟอด “แม่ก็หอม”
กรรณนรีหัวเราะเขิน สรวงกอดเอาไว้
ระหว่างนั้นกาวินทร์กับมาลินี เดินเคียงกันมา พร้อมกับจูงมือลูกสาววัยสี่ขวบเข้ามาหา
“อะไรกันคุณสรวง..ลูกโตจนป่านนี้ ยังสวีทกันอีก” กาวินทร์แซว
มะยมกับนิคอุ้มลูกหมาชิสุห์เข้ามา มะยมกระเซ้า
“ยังงี้สงสัยต้องมีอีกคน....”
“แกน่ะแหละ นิค มะยม มีได้แล้ว” กรรณนรีเย้า นิคกับมะยมแต่งงานกันแล้ว
“น้ำยาฉัน สู้น้ำยาคุณสรวงไม่ได้” นิคบ่น
สรวงหัวเราะร่ากอดกรรณนรียืนยัน “อันนี้จริง....เพราะในท้อง กาวมีอีกสอง”
มะยมตาโตร้องลั่น “ลูกแฝด”
สรวงพยักหน้ายิ้มตาหยี “ฮื่อ! ลูกแฝด”
นิคหัวเราะขำคิกคัก พูดปลงๆ “น้ำยาคุณสรวง แรงจริงๆ เลย”
ทุกคนหัวเราะกันสนั่นอย่างมีความสุข อารักษ์มองภาพตรงหน้าอย่างปลื้มปีติ ยิ่งเมื่อเห็นสุดากอดสรวงกับกรรณนรีและยาหยีเอาไว้ ชายกลางคนถึงกับรำพึงกับตัวเองออกมา
“ไฟมาร...ดับได้ด้วยไฟแห่งความรัก....จริงๆ”

สรวงสวมกอดกรรณนรี และเด็กหญิงยาหยี ทุกคนยิ้มแย้มให้กัน มีแต่ความสุขฉาบทาไปทั่วสวนสวยในยามเย็นวันนั้น

**********อวสาน*********

อ่านละคร ไฟมาร ตอนอวสาน(2) วันที่ 10 พ.ย. 55

ละครเรื่อง ไฟมาร บทประพันธ์โดย : เกตุวดี
ละครเรื่อง ไฟมาร บทโทรทัศน์โดย : พนิดา
ละครเรื่อง ไฟมาร กำกับการแสดง : ทองสิทธิ์ โสดาโคตร , กฤษฎากร มะลิวัลย์
ละครเรื่อง ไฟมาร ผลิตโดย : บริษัทดาราวิดีโอ จำกัด
ละครเรื่อง ไฟมาร แนวละคร : ดราม่าเข้มข้น
ละครเรื่อง ไฟมาร ออกอากาศ : พุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางช่อง 7 สีทีวีเพื่อคุณ
ที่มา manager