@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 24 พ.ย. 55

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 24 พ.ย. 55

“ก็นอกจากคุณพ่อหนูปริมแล้ว ก็ยังไม่ได้เรียนเชิญใครไม่ใช่เหรอลูก เอาไว้แม่ไปอธิบายให้ท่านฟังเอง หนูปริมเห็นว่ายังไง”

ปริมพูดไม่ออก อึก ๆ อัก ๆ น้ำตาคลอ ๆรีบยกมือไหว้ลาแล้วเดินกลับออกไปทันที
เจติยาร้องเรียกเคมีให้ออกมาคุยกันด้วยท่าทางโมโหจัด เคมีค่อย ๆ ปรากฏตัวขึ้น ด้วยท่าทางกลัว ๆ

“ผมขอโทษครับพี่เจ ผมแค่อยากจะปรับความเข้าใจกับพี่เท่านั้นเอง ไม่ได้อยากให้พี่เจต้องเดือดร้อนเลยครับ”

“ตอนนี้มันไม่ใช่แค่พี่คนเดียวแล้วที่เดือดร้อน ทำไมเราถึงต้องทำแบบนี้ด้วย”

“ก็ผมหึงพี่นี่ครับ ผมชอบพี่จริง ๆ นะครับพี่เจ ชอบจนไม่อยากให้ผู้ชายคนไหนเข้าใกล้พี่ทั้งนั้น ผมไม่เคยชอบใครแบบนี้มาก่อนเลย แล้วก็ไม่เคยมีใครมาชอบผมด้วย ผมไม่หล่อ หุ่นก็ไม่ดี ไม่ใช่นักกีฬา คุยก็ไม่หนุก ผมมีดีอย่างเดียวก็แค่เรียนเก่ง แต่ผมก็อยากมีแฟนกับเค้าเหมือนกัน อยากจูงมือไปเที่ยวไหนกับแฟนแบบคนอื่นบ้าง อยากให้เค้ามาหอมแก้มผม แต่ถ้ามันทำให้พี่เจต้องเดือดร้อน ผมก็ขอโทษอีกทีนะครับ ผมจะไม่ทำอีก”



เจติยาถอนใจ เริ่มเข้าใจเคมีมากขึ้นเรื่อย ๆ “แล้วเราอยากจะไปเที่ยวไหนล่ะ พี่จะได้ไปเป็นเพื่อน เผื่อมันจะช่วยให้เคมีหลุดพ้นจากเรื่องที่ใจยึดติดอยู่นี้ไปได้ซะที”

แม้จะรู้ว่าไม่มีใครมองเห็นตัวเอง แต่เคมีก็ยังขอให้เจติยาแต่งตัวเหมือนกันไปเที่ยวสวนสนุกด้วยกัน เจติยายอมทำตามความต้องการของเคมี ทำให้เคมีมีความสุขมาก

“สนุกสุด ๆ ไปเลยครับ ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยมีความสุขแบบนี้เลยครับพี่เจ”

“แน่ล่ะสิ เราเหนื่อยไม่เป็นแล้วนี่ ส่วนพี่กระดูกข้อต่อจะหลุดอยู่แล้ว เคมีรู้มั้ยว่าการที่เรามาเที่ยวกันวันนี้ ไม่ต้องเป็นแฟนกันก็มาได้นะ เป็นเพื่อนกัน ก็เที่ยวด้วยกันได้”

“แต่ผมอยากมีแฟนมากกว่าเพื่อนนี่ครับ”

“ไม่ใช่ทุกคนจะต้องมีแฟนหรอกนะเคมี พี่เองก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน”

“สวย ๆ อย่างพี่เจเนี่ยนะครับ ไม่เคยมีแฟน”

“ขอบใจสำหรับคำชมนะ พี่ไม่เคยมีแฟนจริง ๆ แต่พี่ก็อยู่ของพี่ได้ แล้วก็มีความสุขดีด้วย”

“แล้วพี่เจไม่เหงาเหรอครับ”

“พี่มีปัญหาให้แก้เกือบทุกวันแล้วจะเอาเวลาที่ไหนไปเหงาล่ะ ไหนจะเรื่องแม่ เรื่องนที เรื่องงาน เรื่องเรียน แล้วยัง...อีกสารพัด บางคนเกิดมาเพื่ออยู่คนเดียว ทุกอย่างถูกกำหนดไว้แล้ว บางทีพี่อาจจะเป็นคนคนนั้นก็ได้ แล้วทำไมเราต้องมาโหยหากับสิ่งที่เรากำหนดไม่ได้ด้วยล่ะ สู้ทำสิ่งที่เรารู้อยู่แล้วว่าเราเก่ง เราดี มีความสามารถ ให้ใจเรามีความสุขไม่ดีกว่าเหรอ”

ขณะที่นทีกำลังจะเดินผ่านห้องนอนของเจติยา จู่ ๆ ประตูห้องนอนเจติยาก็เปิดออกเองนทีแปลกใจหันมองเข้าไปในห้อง เห็นกล่องรากบุญวางอยู่บนโต๊ะ กล่องรากบุญเปล่งแสงเรืองรอง เหมือนเชื้อเชิญให้นทีเข้ามาหา นทีรู้สึกสนใจขึ้นมา เลยเดินเข้ามาในห้อง แล้วเข้าไปหยิบกล่องรากบุญขึ้นมาดู ทันใดนั้น ก็มีลมวูบหนึ่งพุ่งเข้าปะทะใบหน้าของนที นทีชะงักค้าง ตัวแข็งทื่อ เหมือนต้องมนต์สะกดทันที

ปราณยืนยิ้มเย็นชาอยู่ด้านหลังนที “ที่จริงเด็กอย่างแกไม่คู่ควรกับกล่องรากบุญเลยแม้แต่น้อย ความปรารถนาของแกก็มีแต่เรื่องโง่เขลา จิตใจก็อ่อนแอ แต่ในเมื่อฉันไม่มีทางเลือก แกก็ต้องเป็นเจ้าของกล่องรากบุญคนต่อไปไปก่อน”

“พี่เจคงไม่ยอมหรอก”

“ก็ใช้ความตายของแกเป็นเครื่องต่อรองซิ เจติยารักแกมาก ถ้าแกจะต้องตายต่อหน้า เธอต้องเอ่ยปากยกกล่องรากบุญให้แกแน่นอน”

“ใช้ความตายต่อรอง ความตายต่อรอง” นทีเดินตัวแข็งทื่อออกไปจากห้อง

ปราณมองตามหลังไปด้วยสีหน้าแววตาอำมหิต “ถึงฉันทำร้ายเธอไม่ได้ แต่ฉันก็เปลี่ยนเจ้าของกล่องได้ ลาก่อนเจติยา”

นทีเดินลงไปหยิบมีดในห้องครัว แล้วทำท่าจะเดินออกไปจากบ้าน นวัชที่ยืนอยู่กับนิษฐาและมยุรี รีบวิ่งไปแย่งมีดจากมือนที นทีโกรธจัด คว้าคอเสื้อนวัชแล้วเหวี่ยงกระเด็น จนนวัชไปกระแทกกับกำแพงจนจุก ด้วยแรงมหาศาลผิดมนุษย์ ท่ามกลางความตกใจของทุกคน

เจติยากับเคมียังคงนั่งคุยอยู่ในสวนสนุก เคมียังมั่นใจว่าตนเองรักเจติยาจริง ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่หึงหวงตอนมีผู้ชายคนอื่นเข้ามาใกล้ชิดเจติยา

“เคมีไม่เคยมีความรัก แล้วรู้ได้ไง ว่านั่นเป็นความรักแบบชายหญิง ไม่ใช่แค่ความรู้สึกแบบน้องชายหวงพี่สาว พี่เองโตจนป่านนี้แล้วก็ยังไม่เข้าใจเลย”

“พี่เจอาจจะพูดถูก ขนาดตายแล้ว ผมก็ยังไม่รู้เลยว่าความรักจริง ๆ เป็นยังไง”

“พี่มั่นใจอย่างเดียวว่าความรักที่จริงแท้แน่นอนที่สุดคือความรักของพ่อกับแม่นะเคมี ไม่มีใครรักเรามากกว่า 2 คนนี่แล้วล่ะ ถึงจะจู้จี้ขี้บ่น ลำเอียงไปบ้างก็เถอะ”

เคมีขำ ๆ ก่อนจะถอนใจยาวออกมาอย่างโล่งอก “ผมหมดเรื่องค้างคาใจแล้วครับพี่เจ อย่างน้อยก็รู้ว่าพี่เจก็ไม่เคยมีแฟนเหมือนกัน ผมไม่ใช่ตัวประหลาด”

“เด็กเอ๊ย คิดอะไรยังงั้นล่ะ แต่งตัวเหมือนกันยังงี้สิประหลาด อายเค้าจะตาย”

“พี่นี่ไม่โรแมนติกเอาซะเลย ถึงได้ไม่มีแฟนซะที...วันนี้ผมสบายใจจังเลย อย่างน้อยก็
ได้ออกเดทกับคนที่เราแอบปลื้มสุด ๆ ผมอยากไปจากที่นี่แล้วล่ะ”

เจติยายิ้มสบายใจให้ “ไปเถอะเคมี”

“คนรักกันเค้าลากันยังไงเหรอครับ ใช่” เคมีทำปากจุ๊บ ๆ ถามเจติยาว่าใช่แบบนี้หรือเปล่า

“ทะลึ่ง”

เคมีนิ่งไป หันมองไปรอบ ๆ ตัว “ผมต้องไปแล้วล่ะพี่เจ”

“โชคดีนะเคมี”

เคมียกมือบ๊าย บาย ตั้งท่าจะหันเดินไป เจติยาเดินเข้าไปสวมกอดเคมีเอาไว้

“พี่น้องเค้าลากันแบบนี้จ้ะ”

เคมีผละตัวออกมามองหน้าเจติยา น้ำตาคลอ ๆ “ขอบคุณครับพี่เจ ลาก่อนนะครับ”

เจติยาน้ำตาคลอ ๆ ก่อนจะหอมแก้มเคมีอย่างนุ่มนวล เคมีน้ำตาไหลซึมออกมา หอมแรกจากหญิงสาวที่เพิ่งจะเคยได้รับ เคมีค่อย ๆ จางหายไปพร้อมรอยยิ้มทั้งน้ำตา

นทีถือมีด ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ สีหน้าแววตาแข็งกร้าว ดูน่ากลัว ในขณะที่นวัชก็ยังเจ็บอยู่ นิษฐา และมยุรีก็กลัว ไม่รู้ว่านทีเป็นอะไร โดยเฉพาะมยุรีร้องไห้ตลอดเวลาด้วยความห่วงลูก

จู่ ๆ นทีก็ปล่อยมีดตกลงพื้น “มองผมทำไมครับ มีอะไรเหรอ”

ทุกคนพากันนึกไม่ถึง ที่จู่ ๆ นทีก็ได้สติ นวัชรีบเข้าไปหยิบมีดที่ตกอยู่ทันที นทีมองหน้าคนโน้นที คนนี้ที ด้วยความแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น

เวลาเดียวกันนั้นเอง ในห้องนอนของเจติยา นัยน์ตายักษ์แกะสลักบนกล่องรากบุญส่องแสงสีแดงออกมา พร้อมกับมีแสงพวยพุ่งออกจากกล่อง ทันใดนั้น แสงก็หายไป พร้อมกับเหรียญสีดำที่ปรากฏขึ้นบนปากยักษ์อีกครั้ง ปราณมองเหรียญที่ปรากฏขึ้นด้วยความเจ็บใจ

“รอดไปอีกจนได้” ปราณแววตาโกรธจัด เจ็บแค้นใจที่สุด

ตอน 13

พอกลับมาถึงบ้านแล้วรู้เรื่องที่เกิดขึ้น เจติยาก็คิดว่านทีคงแอบเสพยาถึงได้มีอาการประหลาด ๆ แบบนั้น นวัชเองก็คิดเหมือนเจติยา นทีโมโหมาก เพราะแม้แต่มยุรีก็ยังไม่เชื่อว่าตนไม่ได้เสพยา เลยประชดบอกตัวเองทั้งขโมยของ ติดยา แล้วก็ฆ่าคนก่อนเดินหนีกลับขึ้นห้องไปทันที

ชูจิตไปพบทนายปุ่นที่สำนักงานแต่เช้า ทนายปุ่นเอาหลักฐานการทุจริตของพิสัยที่สืบได้มาให้ดู ชูจิตเครียดหนัก เจ็บใจน้องมาก ทนายปุ่นเตือนให้ชูจิตระวังตัว เพราะถ้าพิสัยรู้ว่าชูจิตกำลังรวบรวมหลักฐานไว้เล่นงานพิสัย อาจโดนพิสัยทำร้ายเอาได้

พิสัยให้ปองแอบสะกดรอยตามชูจิต จนได้รู้ว่าชูจิตไปพบกับทนายปุ่นที่บริษัท พิสัยกลุ้มใจมาก ไม่รู้ว่าทนายปุ่นกับชูจิตมีหลักฐานอะไรมั่ง ย้งช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาด้วยการอาสาไปติดต่อเชิดซึ่งเป็นมือปืนรับจ้างมาจัดการกับทนายปุ่นให้

พิสัยวางแผนทำลายหลักฐานทั้งหมด ด้วยการให้ปริมไปขอโทษลาภิณ แล้วชวนลาภิณออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน ถ่วงเวลาให้ลาภิณอยู่นอกบ้านให้นานที่สุด

นิษฐาไม่สบายใจมากที่รู้ข่าวว่าเด็กที่มูลนิธิหายตัวไป ก่อนจะหายตัวไปเด็กสาวได้บอกว่าจะไปทำงานกับเพื่อนที่ต่างจังหวัด และได้ทิ้งเบอร์โทรฯ กับที่อยู่ของบ้านเพื่อนไว้ด้วย นิษฐารีบร้อนจะออกไปตามหาญาติของเพื่อนตามที่อยู่ที่ได้มา เจติยาสอบเสร็จพอดี เลยอาสาไปช่วยนิษฐาตามหาเด็กที่มูลนิธิอีกแรง

พิสัยวางแผนทำลายหลักฐานทั้งหมด ด้วยการส่งเชิดไปฆ่าทนายปุ่น แล้วให้ย้งไปวางเพลิงเผาสำนักงานทนายปุ่นเพื่อทำลายหลักฐาน

ชูจิตรู้เรื่องสำนักงานถูกเผาก็ร้อนใจมาก พิสัยทำเป็นร้อนใจจะรีบออกไปดูที่สำนักงานทนายปุ่น ชูจิตกลัวพิสัยจะไปเจอหลักฐานที่ให้ทนายปุ่นเก็บไว้เอาผิดพิสัย เลยขอติดรถพิสัยออกไปด้วย

ระหว่างทางชูจิตมัวโทรศัพท์คุยกับพนักงานที่สำนักงานทนายปุ่น พอวางสายลงถึงได้สังเกตเห็นว่าพิสัยไม่ได้ขับรถพาเธอไปที่สำนักงานทนายปุ่น พิสัยอ้างว่าทางไปสำนักงานทนายปุ่นรถติดมากเลยยอมขับรถอ้อมหน่อยแต่ว่าไปถึงเร็วกว่า ชูจิตไม่ได้ติดใจสงสัยอะไร หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากด จะติดต่อหาลาภิณ พิสัยรีบแย่งโทรศัพท์มือถือมาจากมือชูจิต แล้วกดล็อกประตูไม่ให้ชูจิตหนีไปไหนได้ ชูจิตตกใจ รู้สึกได้ต้องมีเรื่องไม่ดีกับตนแน่ ๆ

พิสัยขับรถพาชูจิตมาไกลขึ้นเรื่อย ๆ จนชูจิตชักหวาดกลัว “นี่เรามาไกลมากแล้วนะพิสัย เธอจะพาพี่ไปทำอะไรกันแน่ พี่เป็นคนเลี้ยงเธอมานะพิสัย เลี้ยงเธอ รักเธอเหมือนลูกในไส้ เธอคงไม่คิดจะทำร้ายพี่ได้ลงคอหรอกนะ”

“ผมไม่เคยลืมบุญคุณของพี่จิตหรอกครับ ถ้าไม่มีพี่ผมก็คงมาไม่ได้ไกลขนาดนี้ แต่ผมก็ช่วยงานพี่กับพี่สารัชมาตลอด ลูกพี่เองยังทำงานไม่ได้เศษเสี้ยวของผมด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้น ผมก็ควรมีส่วนในนิราลัยเหมือนกัน แต่นี่ผมกลับไม่มีแม้แต่หุ้นเดียว สู้ไอ้แก่ทวีกับเด็กล้างศพนั่นยังไม่ได้เลย พี่ว่าผมจะไม่รู้สึกน้อยใจบ้างเลยเหรอครับ”

“พี่เข้าใจนะ แต่มันเป็นพินัยกรรมของคุณสารัช เธอจะให้พี่ทำยังไงล่ะ”

“ก็เพราะพี่สารัชลำเอียง ไม่เคยคิดว่าผมเป็นลูกเป็นหลานคนหนึ่ง เค้าเห็นผมเป็นแค่ขี้ข้าไงครับ”

“แต่เธอก็ได้ไปไม่น้อยนะพิสัย ไหนจะมรดกที่คุณพ่อคุณแม่ทิ้งไว้ให้ แล้วยังเงินเดือนจากนิราลัยอีก ถ้ารวมที่เธอทุจริตไปด้วย พี่ว่าเธอก็เศรษฐีคนหนึ่ง แล้วเธอยังต้องการอะไรอีก”

“ก็ต้องการนิราลัยน่ะสิครับ พี่รู้มั้ยว่าผมใฝ่ฝันอยากเป็นเจ้าของนิราลัยมานานแค่ไหนแล้ว รับรองว่าผมบริหารงานดีกว่าไอ้ลูกชายไม่เอาถ่านของพี่แน่ ๆ”

“เธอจะเอานิราลัยไปได้ยังไง นิราลัยเป็นของตระกูลบูรณินมาตั้งแต่สมัยคุณปู่คุณสารัชแล้ว ถ้าพี่ยกนิราลัยให้เธอ แล้วพี่จะเอาหน้าไปพบคุณสารัชได้ยังไง”

“งั้นอีกครึ่งนึงของนิราลัย พี่ยกให้ผมได้มั้ยล่ะ ไอ้ต้นก็ได้ไปตั้งครึ่งนึงแล้ว ส่วนของพี่ก็ยกให้ผมก็แล้วกัน”

“ไม่ได้ ยังไงพี่ก็ทำไม่ได้ เธอเอาสมบัติส่วนตัวพี่ไปทั้งหมดพี่ก็ไม่ว่า แต่พี่ให้นิราลัยกับเธอไม่ได้เด็ดขาด”

“ถ้าพี่คิดยังงี้ เกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาโทษผมก็แล้วกัน โทษความลำเอียงของพี่เองเถอะ ที่ไอ้ทนายนั่น มันต้องตายก็เพราะพี่นั่นแหละ”

“นี่เธอฆ่าคุณปุ่นเหรอพิสัย”

พิสัยยิ้มมุมปากร้าย ๆ สายตาเลือดเย็น ชูจิตตกใจจนหน้าซีดเผือด นึกไม่ถึงว่าน้องชายจะโหดเหี้ยมถึงเพียงนี้

นิษฐาขับรถพาเจติยาไปตามหาเด็กที่มูล นิธิที่บ้านญาติเพื่อนที่ต่างจังหวัด แต่ไม่พบ ขา
กลับจู่ ๆ รถก็เหมือนกับบังคับไม่ได้ นิษฐาพยายามเหยียบเบรก เจติยาช่วยดึงเบรกมือแต่รถยังไม่ยอมหยุดวิ่ง ที่แท้เป็นฝีมือของปราณที่นั่งอยู่เบาะหลัง กำลังใช้อำนาจบังคับให้รถวิ่งไปได้เอง

สักพักเจติยาก็นึกเอะใจ บอกให้นิษฐาลองปล่อยมือดู ปรากฏว่ารถยังวิ่งต่อไปได้เอง ปราณแอบยิ้มขำ ๆ ที่เห็นว่าเจติยารู้ตัว ขณะนั้นเอง ก็มีแสงไฟจากรถที่ขับสวนมา ส่องมาต้องใบหน้าของเจติยาและนิษฐา สองสาวช่วยกันเหยียบเบรก และหักพวงมาลัยกันสุดชีวิต

พิสัยเห็นรถของนิษฐาพุ่งเข้ามาหาตน จึงรีบบีบแตรลั่น ชูจิตได้โอกาส เลยเข้าไปแย่งพวงมาลัยจากพิสัยทันที พิสัยตกใจ พยายามปัดชูจิตออก แต่ชูจิตไม่ยอมแพ้เพราะขืนให้พิสัยขับรถพาตนไปเรื่อย ๆ คงไม่รอดแน่

ก่อนที่รถทั้งสองคันจะประสานงากัน จู่ ๆ รถของนิษฐาก็หยุดสนิท รถของชูจิตหักหลบไปได้ชนิดเส้นยาแดงผ่าแปด จังหวะนั้นเอง เจติยาเหลือบเห็นชูจิตในรถที่หักหลบไป กำลังร้องขอความช่วยเหลือ และโดนผู้ชายคนขับผลักไปกระแทกประตูรถ แม้จะเพียงแวบเดียว แต่ก็มั่นใจว่าเป็นชูจิตแน่แต่เห็นคนขับรถไม่ถนัด ไม่รู้ว่าใคร

พอตั้งสติได้ เจติยาก็รีบโทรศัพท์ไปบอกนวัช แล้วให้นิษฐาแอบขับรถตามรถพิสัยไป จนไปถึงริมทางเปลี่ยว พิสัยจอดรถใกล้กับรถตู้คันหนึ่งที่จอดรออยู่แล้ว เจติยากับนิษฐาแอบตามไปซุ่มดู เห็นลูกน้องพิสัยพาตัวชูจิตลงจากรถพิสัยจะพาไปขึ้นรถตู้ พิสัยกำลังยืนหันหลังสั่งงานลูกน้องอีกคนนึงอยู่ เจติยาและนิษฐาเลยไม่เห็นหน้าพิสัย

เจติยาเห็นลูกน้องพิสัยกำลังจะพาตัวชูจิตไป เลยทำท่าจะเขยิบเข้าไปใกล้อีกนิด เผื่อจะได้มองเห็นเลขทะเบียนรถตู้ นิษฐาห้ามไว้เพราะกลัวจะเป็นอันตราย จังหวะนั้นเองลูกน้องพิสัยหันมาเห็นสองสาวเข้าพอดี สองสาวตกใจมากรีบพากันวิ่งหนีไป แต่ด้วยความมืด เจติยาเลยสะดุดหกล้มข้อเท้าแพลงวิ่งไปต่อไม่ได้ เจติยาเลยบอกให้นิษฐารีบหนีไปก่อน แล้วค่อยตามคนมาช่วย ไม่อย่างนั้นอาจถูกจับไปทั้งคู่

เจติยาถูกพิสัยกับลูกน้องจับไปขังรวมไว้กับชูจิตที่บ้านพักริมทะเลแห่งหนึ่ง เจติยาโวยวายลั่นเมื่อรู้ว่าพิสัยเป็นคนจับตัวชูจิตมา

“คุณชูจิตเป็นพี่สาวแท้ ๆ ของคุณนะ คุณทำกับท่านแบบนี้ได้ยังไง”

“ไม่ใช่เรื่องของแก สาระแนนัก อยู่ดีไม่ว่าดี”

“นังนี่มันตัวแสบเลยครับคุณพิสัย ที่ผมต้องถูกไล่ออกจากงานก็เพราะมันนี่แหละ คราวนี้ ถึงตาฉันเอาคืนบ้างแล้ว” ปองจ้องหน้าเจติยา ยิ้มเหี้ยม

“พวกแกอย่าทำอะไรเด็กคนนี้เลย เค้าไม่เกี่ยวอะไรด้วย พิสัยเธอปล่อยพี่กับเด็กนี่ไปเถอะ แล้วพี่ให้สัญญา ว่าพี่จะไม่เอาเรื่องเอาราวกับแกที่ทำเรื่องบ้า ๆ วันนี้”

“คิดว่าผมไร้สมองรึไงพี่จิต ผมลงทุนลงแรงไปเท่าไหร่แล้ว ถ้าพี่ไม่ยอมเซ็นยกหุ้นนิราลัยให้ผม ก็อย่าหวังว่าจะได้ออกไปจากที่นี่เลย” พิสัยเดินออกจากห้องไปอย่างไม่แยแส

ปองสะกิดย้งพูดกระเซ้าเล่น “เมียหลวงกับกิ๊กจับมือกันแล้วโว้ย”

ปองและย้งหัวเราะชอบใจ ก่อนเดินตามพิสัยออกไปแล้วปิดประตูลง ขังทั้งคู่ไว้ในห้อง ชูจิตและเจติยาอึ้ง ๆ ชำเลืองมองหน้ากัน ชูจิตสะบัดหน้าทิ้งค้อน แล้วไม่ยอมคุยด้วย เดินเมินไปทางอื่นเลย เจติยาถอนใจอย่างหนักใจ เรื่องกิ๊กนี่ อธิบายยังไงก็ไม่ยอมรับฟังซะที

เช้าวันรุ่งขึ้น นวัชพากำลังตำรวจไปสอบ สวนพิสัยที่บริษัท พิสัยแก้ตัวไหลลื่นไปเรื่อย นวัชไม่มีหลักฐานจึงไม่สามารถเล่นงานพิสัยได้ ปริมนึกเอะใจว่าการหายตัวไปของชูจิตจะเกี่ยวข้องกับพิสัย จึงแอบตามไปสอบถาม แต่กลับถูกพิสัยตอกกลับเอาแรง ๆ

“ที่ฉันทำไป เธอก็ได้ประโยชน์ด้วย ไม่งั้นป่านนี้พี่จิตเฉดหัวเธอออกไปจากชีวิตลูกชายสุดที่รักเค้านานแล้ว”

“ยังมีหน้ามาพูดอีก เรื่องวุ่นวายทั้งหมดมันก็เพราะแกเป็นต้นเหตุ แกมันตัวการทำลายชีวิตฉัน”

“ฉันก็กำลังช่วยแก้ไขอยู่นี่ไง หัดใช้สมองหน่อยสิ โน่น ตามกลับไปที่บ้านไอ้ต้นเดี๋ยวนี้เลย มีเรื่องอีกมากที่เธอต้องไปทำ แล้วหวังว่าฉันคงไม่ต้องบอกนะ ว่าเธอต้องทำอะไรบ้าง”

แม้จะโกรธพิสัย แต่สิ่งที่พิสัยพูดก็มีเหตุผล ปริมรีบตามลาภิณกลับไปที่บ้าน

“คุณต้นคะ ปริมบอกคุณพ่อให้แล้ว ท่านกำลังหาทางช่วยคุณแม่อยู่”

“ขอบใจมากนะปริม สมควรแล้ว ที่น้าพิสัยชอบดูถูกผม พอเกิดเรื่องขึ้นมาทีไร ผมได้แต่วิ่งหาคนอื่นให้ช่วย ทำอะไรเองไม่ได้ซักอย่าง”

“คุณแม่หายตัวไปกะทันหันแบบนี้ เป็นใครก็ทำอะไรไม่ถูกทั้งนั้นล่ะค่ะ คุณต้นอย่าตำหนิตัวเองเลยนะคะ”

“จริง ๆ ผมสงสัยน้าพิสัยมากที่สุด แต่มันไม่มีพยานเอาผิดเค้าได้ ผมก็ไม่รู้จะทำยังไง แต่ถ้าคุณแม่ผมเป็นอะไรขึ้นมา ผมไม่ปล่อยเค้าไว้แน่ รวมทั้งคนที่ช่วยเหลือเค้าทั้งหมดด้วย ผมจะเอาเข้าคุกให้หมดเลย”

ปริมหน้าเสียทันทีเพราะตนก็มีส่วน รีบเปลี่ยนเรื่อง “ตอนนี้อย่าเพิ่งคิดไปไกลเลยค่ะ ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจเค้าดีกว่า ส่วนคุณต้น กลับไปเคลียร์งานที่นิราลัยให้เรียบร้อยก่อนเถอะ อย่าปล่อยให้น้าพิสัยเค้าฉวยโอกาสช่วงนี้ได้อีกนะคะ”

“ขอบใจนะปริมที่เตือนสติผม ยังดีนะที่ผมยังมีคุณอยู่ ไม่งั้นผมคงไม่เหลือกำลังใจจะคิดอ่านทำอะไรแล้ว”

ลาภิณถอนใจเครียด ๆ ออกมา ปริมมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก กังวลและกลัวความจะแตกเป็นที่สุด

ปริมอาศัยจังหวะที่ชูจิตถูกพิสัยจับตัวไป แอบเข้าไปค้นหารูปในห้องนอนชูจิต จะเอาไปทำลาย ปริมค้นตู้ ลิ้นชัก โต๊ะทำงาน เตียงนอนจนทั่ว แต่ก็ไม่เจออะไร ปริมหงุดหงิด กวาดตามองไปทั่วห้อง ก่อนจะตั้งสติแล้วค้นหาใหม่อีกรอบ

มยุรีร้องไห้สะอึกสะอื้น หลังรู้ข่าวเจติยาถูกจับตัวไปจากปากของนิษฐาและนวัช

“ผมเชื่อว่าตอนนี้เจคงยังไม่เป็นอันตรายอะไรหรอกครับ เพราะแค่ที่พวกมันจับตัวคุณชูจิตไป ก็เสี่ยงมากพออยู่แล้ว คงไม่อยากทำร้ายเจ สร้างปัญหาให้ตัวเองเพิ่มขึ้นอีกหรอกครับ”

“หมวดคะ ที่พวกมันจับตัวเจ้านายเจไป เพื่อจะเรียกเงินค่าไถ่รึเปล่าคะ ถ้าเค้ายอมจ่าย พวกมันก็คงจะปล่อยตัวเจออกมาด้วยใช่มั้ยคะ”

“ก็อาจจะเป็นไปได้ครับ แต่ตอนนี้ยังไม่มีการติดต่อกลับมา เราคงยังสรุปอะไรไม่ได้”

“แล้วถ้าเกิดพวกมันเรียกค่าไถ่พี่เจอีกคนจะทำไงล่ะแม่ เราจะเอาเงินจากไหนไปจ่าย โอ๊ย..หาเรื่องจริง ๆ เลยพี่เจ ไม่ใช่เรื่องของตัวเองซะหน่อย ไม่รู้จะเข้าไปยุ่ง ให้ญาติพี่น้องเดือดร้อนไปด้วยทำไม”

“ทำไมพูดอย่างงี้ล่ะนที พี่เค้าถูกจับตัวไป เราไม่ห่วงบ้างรึไง”

“ก็ผมพูดเรื่องจริงนี่แม่ บ้านเรามีเงินซะที่ไหนล่ะ เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมา มันก็ซวยแม่อีก”

“มันก็ไม่เท่ากับตอนที่เราติดหนี้พนันหรอกนที ถ้าตอนนั้นเจไม่ช่วยไว้ ป่านนี้ไม่รู้แกโดนซ้อมตาย หรือหนีเตลิดเปิดเปิงไปไหนแล้ว ทีตัวเองทำล่ะไม่คิด ทีพี่เค้าล่ะซ้ำ อย่างงี้มันใช้ได้เหรอ”

“ตอนนี้ผมไม่ใช่ลูกรักของแม่แล้วนี่ ทำอะไรก็เลวไปหมด”

นทีหงุดหงิดเดินออกจากบ้านไป มยุรีเห็นนทีแสดงท่าทางแบบนี้ ก็ร้องไห้เสียใจขึ้นมาอีก

อ่านละคร รากบุญ วันที่ 24 พ.ย. 55

รากบุญ บทประพันธ์ของ ช่อมณี จากบริษัท ทีวีซีน จำกัด
รากบุญ บทโทรทัศโดย เอกลิขิต
รากบุญกำกับการแสดงโดย ย้ง ธราธร
รากบุญ ผู้จัดโดย ปิ่น ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครแนวลึกลับ สืบสวน ให้แง่คิดเรื่องความสุขแท้จริง บาปบุญ คุณโทษและคุณค่าของเวลา
ติดตามชมละครเรื่องรากบุญ ได้ทางไมยทีวีสีช่อง 3
ออกอากาศตอนแรก วันที่ 16 พฤศจิกายน 2555
ที่มา เดลินิวส์