อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 14/3 วันที่ 25 ก.ค. 57
พิมพ์อรโมโหมาก “โกหก ฉันรวบรวมเหรียญสร้างกล่องรากบุญก็เพื่อช่วยชีวิตคุณพ่อ แล้วคุณพ่อจะขัดขวางฉันทำไม”ทันใดนั้น วนันต์ก็กดปุ่มให้รถเข็นวิ่งเข้ามาในโถงบ้านแล้วพูด
“เพราะพ่อไม่อยากให้ใครต้องมาสังเวยชีวิตเพื่อต่ออายุให้กับพ่อน่ะสิ”
พิมพ์อรไม่อยากเชื่อว่าพ่อจะขัดขวางเธอจริงๆ “คุณพ่อ...”
วนันต์หน้าเศร้า “พ่อรักชีวิตของพ่อ คนอื่นเค้าก็รักชีวิตของเค้าเหมือนกัน หยุดเถอะนะลูกอรอย่าทำร้ายใครเพื่อพ่ออีกเลย”
พิมพ์อรขบกรามแน่นแล้วพูดด้วยสีหน้ามุ่งมั่นเอาจริง ยิ่งพูดไปน้ำตาก็เอ่อท่วมขึ้นมาเรื่อยๆ “ไม่ค่ะ ไม่มีชีวิตของใครสำคัญเท่ากับชีวิตของคุณพ่อ ต่อให้บาปกรรมมีจริง อรก็จะแบกรับมันเอาไว้เอง แต่อรจะไม่ยอมให้คุณพ่อต้องเป็นอะไรไปเด็ดขาด ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยกี่ชีวิต หรือแม้แต่ชีวิตของอรเองก็ตาม”
พิมพ์อรตวาดแว๊ด “หุบปากเดี๋ยวนี้นะชาคร”
“ชาครพูดถูก พ่อไม่ต้องการมีชีวิตอยู่โดยที่มือลูกต้องเปื้อนเลือด” วนันต์มองพิมพ์อรนิ่งอยู่ครู่นึง “ปล่อยพ่อไปเถอะนะอร ปล่อยให้พ่อตาย แล้วออกห่างจากเหรียญปิศาจนั่นซะ” วนันต์น้ำตารื้นขึ้นท่วมตา “ถือซะว่าเป็นคำขอครั้งสุดท้ายของพ่อได้มั้ยลูก”
พิมพ์อรขบกรามแน่น น้ำตาคลอ ทั้งเจ็บใจและเสียใจที่พ่อไม่เข้าใจ “อรให้คุณพ่อได้ทุกอย่าง แต่ไม่ใช่เรื่องนี้ เพราะถ้าไม่มีคุณพ่อ อรก็ไม่รู้จะอยู่ไปทำไมเหมือนกัน” พิมพ์อรน้ำตาร่วงผลอย
พิมพ์อรเดินเลี่ยงไปทั้งน้ำตา วนันต์ได้แต่มองตามลูกแล้วน้ำตาก็ค่อยๆ เอ่อท่วมตาเพราะไม่รู้จะทำยังไงเพื่อช่วยลูกอีกแล้ว ชาครได้แต่หันมองตามพิมพ์อรไปด้วยความหนักใจปนเห็นใจ
นทีแอบมานั่งซึมเศร้าอยู่ที่หน้าระเบียงบ้านตอนสาย ลาภิณกับเจติยาค่อยๆเดินเข้ามาหานที
เจติยาจับบ่านที “นที”
นทีปัดมือเจติยาออกแล้วหันไปมองพี่สาวด้วยสายตาคับแค้นเสียใจ
นทีน้ำตาคลอเพราะทั้งห่วงแม่และแค้นใจพี่ “ไอ้ปิศาจนั่นมันเล่าให้ผมฟังเรื่องกล่องรากบุญหมดแล้ว” นทีลุกขึ้นยืนจ้องหน้าเจติยา “พี่ทำยังงี้ได้ยังไง พี่ทิ้งโอกาสเดียวที่จะช่วยชีวิตแม่ เพราะอุดมการณ์บ้าๆบอๆ” นทีจ้องหน้าพูดเสียงเน้น “นี่แม่เราทั้งคนนะพี่เจ”
เจติยาหน้าเสีย “มันไม่ใช่อุดมการณ์อะไรหรอกนะนที แค่พี่กับแม่เห็นตรงกัน ว่าการเป็นทาสกิเลสมันไม่ใช่เรื่องถูกต้อง ถ้าเราขอพรจากกล่องรากบุญหรือจากเหรียญแล้วครั้งนึง เราก็อาจจะต้องขอต่อไปเรื่อยๆ จนในที่สุด มันก็จะย้อนกลับมาทำลายเราเอง”
ลาภิณช่วยเสริม “กล่องรากบุญไม่สามารถทำให้ใครเป็นอมตะได้หรอกนะนที”
นทีหันไปมองลาภิณ
ลาภิณพยายามพูดดีๆ “อย่างคุณพ่อพี่ไง เมื่อหมดอายุขัยท่านก็ต้องตาย ทั้งๆที่มีกล่องรากบุญอยู่ในมือแท้ๆ”
นทีน้ำตาท่วมขึ้นมา “แต่มันก็อาจจะช่วยต่ออายุแม่ได้อีกหน่อยไม่ใช่เหรอครับ” นทีเสียงเริ่มสั่นเครือ “วันสองวันก็ยังดี ผมยังมีเรื่องอยากคุยกับแม่อีกเยอะไปหมด” นทีน้ำตาไหลออกมา เขารีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก
เจติยามองน้องชายอย่างเข้าใจความรู้สึก เธอมีน้ำตาเอ่อท่วมตาตามน้องชาย
นทีจ้องหน้าเจติยาแล้วพูดเสียงสั่นเครือ “พี่เจไม่รักแม่แล้วเหรอ ถึงทนดูแม่ตายต่อหน้าต่อตาได้ลงคอ ทั้งๆที่พี่ก็ช่วยแม่ได้”
เจติยาน้ำตาคลอ “แต่นี่คือความต้องการของแม่ แม่อยากให้พี่ทำสิ่งที่ถูกต้อง นทีอยากเห็นแม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างคนหัวใจสลายรึไง”
นทีโวยวายทั้งน้ำตา “ผมไม่เข้าใจที่พี่พูดหรอกนะ ผมรู้แต่ว่าผมรักแม่ ผมต้องการอยู่กับแม่ แล้วถ้าผมมีกล่องรากบุญอยู่ในมือ ผมจะไม่ลังเลเลยที่จะช่วยแม่อีกครั้ง”
นทีเดินหนีออกไปจากบ้าน
ลาภิณเป็นห่วง “นที”
เจติยาอดที่จะรู้สึกสับสนขึ้นมาเล็กน้อยไม่ได้เพราะเข้าใจอารมณ์นที ทันใดนั้น เงาบนพื้นของเจติยาก็เข้มชัดขึ้นก่อนจะยืดยาวออกไปทาบกับผนังแล้วกลายร่างเป็นยมทูตฉายา
เจติยานึกไม่ถึง “ฉายา”
ลาภิณงงๆ เพราะมองไม่เห็นฉายา “ใครเหรอเจ”
“ยมทูตค่ะ ตอนนี้เค้ายืนต่อหน้าเรา”
ลาภิณหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่ามียมทูตมาอยู่ใกล้ๆ
เจติยามีสีหน้าหวั่นใจ “คุณมารับแม่เจใช่มั้ยคะ”
“เหลือเวลาอีกไม่มากแล้ว ฉันจะต้องพาวิญญาณของแม่เธอไป มีอะไรที่เธอยังค้างคาใจกับแม่ รีบจัดการซะ ตอนนี้เลย” ฉายาบอก
เจติยาหน้าเครียดขึ้นมาทันทีที่รู้ว่าเวลาตายของแม่มาถึงแล้วจริงๆ
นวัชตกใจมาก
“นี่นทีหายตัวไปอีกแล้วเหรอ”
นวัชกับนิษฐากำลังคุยกับลาภิณกับเจติยาอยู่ที่หน้าบ้านนวัช
“น้องหายไปเมื่อไหร่” นิษฐาถาม
“เมื่อกี๊นี้เองครับ” ลาภิณหน้าเครียด “เจกับนทีมีปากเสียงกันนิดหน่อย นทีเค้าก็เลยอารมณ์เสียออกจากบ้านไป”
“แต่เราก็รีบตามออกไปทันทีเลยนะ แต่หาตัวไม่เจอ” เจติยามีสีหน้ากลุ้มใจปนห่วง “หายไปเร็วจนน่าแปลกใจ เหมือนกับ..”
“เหมือนอะไรเหรอแก” นิษฐาถาม
“เหมือนถูกผีบัง ซ่อนตัวเอาไว้”
นวัชและลาภิณมองหน้าเจติยาโดยกังวลตามเหมือนกัน
นิษฐากลัวๆ เลยขยับเข้าหานวัช “บ้ายัยเจ พูดอะไรก็ไม่รู้ ฉันไม่ชอบฟังเลย”
ลาภิณร้อนใจและเป็นห่วง “งั้นเดี๋ยวพวกเราออกไปช่วยกันตามหาอีกทีดีกว่า”
นวัชเห็นด้วย “เจกับคุณต้นไปหาตามบ้านเพื่อนก็แล้วกัน ส่วนฐาไปที่ตลาดกับพี่”
ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแล้วรีบแยกย้ายกันไปตามหานที
มยุรีนอนโคม่าอยู่บนเตียง โดยมีนทีนั่งร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่ใกล้ๆ
นทีเอื้อมมือไปจับมือแม่ไว้แล้วพูดสะอึกสะอื้น “แม่ต้องอดทนเอาไว้นะครับ แม่ต้องอยู่กับผมอีกนานๆนะ”
นทีเอามือแม่มาแนบแก้มทั้งน้ำตา
ทันใดนั้น มือของมยุรีก็เริ่มขยับก่อนจะเอื้อมไปลูบหัวนทีด้วยความเอ็นดู
นทีตื่นเต้นสุดๆ “แม่หายแล้ว แม่หายแล้วใช่มั้ยครับ”
มยุรีมองนทีแล้วยิ้มบางๆ ทั้งน้ำตา
“เป็นเพราะกล่องรากบุญใช่มั้ยแม่ พี่เจยอมสร้างกล่องรากบุญมาช่วยแม่แล้วใช่มั้ยครับ” นทีถาม
มยุรีพูดสีหน้าเคร่งเครียดจริงจัง “ถ้าเจสร้างกล่องรากบุญมาช่วยแม่ แม่จะกลั้นใจตาย แม่จะไม่ยอมมีชีวิตอยู่ต่อเด็ดขาด”
นทีหน้าเสีย “ทำไมล่ะครับแม่ พี่เจทำเพื่อช่วยแม่นะครับ”
“นที ถ้าลูกเป็นพ่อคน ลูกจะมีความสุขได้มั้ย ถ้าลูกของลูกต้องยอมตกเป็นทาสยาเสพย์ติด เพื่อหาเงินมาให้ลูกใช้”
นทีอึ้งไป เขาคิดตามที่แม่พูดเพราะถ้าเป็นตนก็คงไม่ยอมเหมือนกัน
“นั่นแหละคือความรู้สึกของแม่ ไม่มีพ่อแม่คนไหนอยากเห็นลูกเดินทางผิดหรอกนะนที ถึงลูกจะทำไปเพราะความกตัญญูก็เถอะ”
นทีนิ่งไปอย่างคิดตาม
มยุรีจ้องหน้านทีแล้วสั่งเสีย “แล้วลูกก็อย่าไปโกรธพี่เจเค้าล่ะ พี่เค้าทำในสิ่งที่ควรทำแล้ว”
นทีน้ำตาท่วมตา “แต่ผมทนเห็นแม่ต้องตายไปต่อหน้าต่อตาแบบนี้ไม่ได้หรอกนะครับ”
“ไม่มีใครหนีความตายพ้นหรอกนที ลูกอยากเห็นแม่ต้องมีชีวิตอยู่อย่างคนตายทั้งเป็นรึไง”
นทีส่ายหน้าน้ำตาคลอ
“ปล่อยให้แม่ไปเถอะนะนที” มยุรีน้ำตาไหลซึมออกมา
นทีร้องไห้โฮแล้วสวมกอดมยุรีเอาไว้
นทีรู้สึกตัวสะดุ้งตื่นขึ้นมา เขารีบมองไปรอบๆ แต่ก็ไม่เห็นใครนอกจากแม่ที่นอนโคม่าอยู่บนเตียง รอบตัวของแม่ติดอุปกรณ์ช่วยชีวิตเต็มไปหมด เขารู้ว่าที่แท้เมื่อครู่ฝันไปนั่นเอง นทีมองมาที่แม่แล้วสมองก็ทบทวนความฝันเมื่อครู่เพราะทุกอย่างชัดเจนราวกับเกิดขึ้นจริง
นทีน้ำตาคลอเบ้าเพราะรู้แล้วว่าแม่คงมาเข้าฝันสอนตนด้วยความเป็นห่วง ทันใดนั้นมอนิเตอร์บอกสัญญาณชีพ เส้นสัญญาณชีพขาดหายกลายเป็นเส้นตรงอย่างเดียว นทีตกใจมาก “แม่...”
นทีมือไม้สั่นก่อนจะรีบกดปุ่มเรียกพยาบาล
นทีกดปุ่มเรียกพยาบาล “ช่วยแม่ด้วยครับ” นทีทิ้งอุปกรณ์เรียกพยาบาลแล้วตรงเข้าไปจับมือไม้เขย่า “แม่ครับ แม่ ได้ยินผมมั้ยแม่” นทีสวมกอดมยุรีเอาไว้แล้วร้องไห้สะอื้นจนตัวสั่น
เจติยาเดินหน้าเครียดด้วยความเป็นห่วงน้องกลับเข้ามาในโถงบ้าน แล้วเจติยาก็ต้องตกใจ เมื่อเห็นมยุรีกำลังยืนคุยกับฉายาอยู่กลางโถงบ้าน
“แม่”
มยุรีหันมายิ้มให้เจติยา
เจติยานึกขึ้นได้ก็หน้าเสีย “ถึงเวลาแล้วใช่มั้ยคะ”
“ที่จริงก็เลยเวลาไปแล้วล่ะ แต่เพื่อเห็นแก่เธอ ฉันเลยให้เธอกับแม่ได้ล่ำลากันก่อน”
“ขอบคุณค่ะ” เจติยาหันไปมองแม่นิ่ง “แม่คะ เจพยายามตามหาน้อง...”
มยุรียิ้มแย้มแล้วก็พูดขัด “ไม่ต้องพูดอะไรแล้วล่ะเจ ตอนนี้แม่ไม่มีห่วงอะไรแล้ว เจสบายใจได้ แม่กำลังจะได้ไปพบพ่อของลูกแล้วนะ เจควรจะดีใจกับแม่มากกว่า”
เจติยาน้ำตารื้นขึ้นมา “เจจะพยายามทำใจให้ได้ค่ะแม่”
“ไม่ร้องไห้สิลูก อยากให้แม่จากไปอย่างไม่สบายใจรึไง”
เจติยาฝืนยิ้มทั้งน้ำตา มยุรียิ้มให้กำลังใจลูก
เจติยาหันไปพูดกับฉายา “คุณพอจะบอกฉันได้มั้ยคะ ว่าจะพาแม่ไปที่ไหน”
“มันเป็นความลับ แต่แม่เธอทำความดีมาตลอดชีวิต เธอก็น่าจะรู้ไม่ใช่เหรอว่าจะได้ไปที่ไหน” ฉายาบอก
เจติยายิ้มรับเพราะโล่งใจขึ้นเยอะ
“แม่ไปก่อนนะเจ ดูแลน้องแทนแม่ด้วยนะ”
เจติยายิ้มรับปากให้แม่สบายใจ “ค่ะแม่ ตอนนี้เราเหลือกันแค่สองคนพี่น้องเท่านั้น เจไม่มีวันทิ้งน้องหรอกค่ะ”
อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 14/3 วันที่ 25 ก.ค. 57
ละครรากบุญ2 บทประพันธ์โดย : ช่อมณีละครรากบุญ2 บทโทรทัศน์โดย : เอกลิขิต
ละครรากบุญ2 กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครรากบุญ2 ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครรากบุญ2 ควบคุมการผลิตโดย : ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครรากบุญ2 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครรากบุญ2 เริ่มออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 นี้
ที่มา ไทยรัฐ