อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 18 วันที่ 29 ก.ค. 57
เจติยาเครียดหนัก “ถึงขนาดนี้แล้ว คุณยังไม่ยอมเข้าใจอีกเหรอคะว่าอะไรที่ทำให้คุณพ่อคุณเสียใจมากที่สุด แล้วคุณยังจะถลำลึกลงไปอีก”“คุณพ่อผมเป็นแบบนี้แล้ว ผมยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอครับคุณเจ” อยุทธ์มีสีหน้าหนักแน่นจริงจัง “ผมต้องช่วยท่านให้ได้ ผมไม่มีทางถอยอีกแล้ว”
อยุทธ์เดินเลี่ยงไป ชาครหงุดหงิดที่อยุทธ์เป็นแบบนี้ ในขณะที่เจติยามองตามไปด้วยความผิดหวัง
เจติยาคุยกับลาภิณในห้องนอนตอนกลางคืน
เจติยาผิดหวังมาก “คุณอยุทธ์ไม่น่าเป็นแบบนี้ไปได้เลย ตอนแรก เจดูว่าเค้าเป็นคนที่เข้าใจอะไรมากที่สุดแท้ๆ”
ลาภิณโอบบ่าเจติยาไว้ “คนเราคิดได้ไม่เท่ากันหรอกเจ เจพยายามทำดีที่สุดแล้ว ไม่ต้องเสียใจนะ”
ลาภิณหน้าขรึมลง “ตกลงความหวังสุดท้ายที่ผมไม่ต้องชดใช้หนี้แทนสิทธิพร ก็จบสิ้นแล้วใช่มั้ย”
เจติยาหน้าเสียและใจคอไม่ดี
“เจ พรุ่งนี้เราคงต้องไปที่เขตกันแล้วล่ะ เดี๋ยวจะแก้ไขอะไรไม่ทัน”
เจติยาหน้าเสียที่ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
เจติยากับลาภิณ นั่งอยู่ต่อหน้าผอ.เขต ใบจดทะเบียนหย่าวางอยู่ตรงหน้าทั้งคู่ เจติยาน้ำตาคลอขึ้นมาอย่างกลั้นไม่อยู่ เธอชำเลืองมองหน้าลาภิณ ลาภิณยิ้มบางๆ ให้กำลังใจเจติยาด้วยท่าทีที่ดูเหมือนทำใจได้ แต่ลึกๆ เขาก็ใจหายเหมือนกัน
ลาภิณมีสีหน้ารู้สึกผิด “ผมขอโทษนะเจ”
ลาภิณหน้าเครียดแล้วก้มหน้าก้มตาเซ็นชื่อไปอย่างเร็ว เจติยาหันกลับมาเซ็นใบหย่าทันทีที่จดปากกาอยู่ แล้วน้ำตาก็หยดออกมาเปื้อนใบหย่าอย่างกลั้นไม่อยู่
อยุทธ์เดินสะพายเป้ออกมาจากข้างใน โดยมีนวัชยืนรออยู่ที่โถงบ้าน
“ผมไปนะครับผู้กอง ขอบคุณมากสำหรับความช่วยเหลือทุกอย่างนะครับ” อยุทธ์บอก
นวัชถอนใจ “มันไม่น่าเป็นแบบนี้เลยนะคุณอยุทธ์” นวัชมีสีหน้าเสียดาย “เพื่อนกันแท้ๆ ทำไมต้องมาแตกกันด้วย”
อยุทธ์หน้าขรึมลง “ผมก็เสียใจเหมือนกันครับผู้กอง แต่ก่อนตาย พี่อรฝากคุณพ่อไว้กับผม ถ้าผมไม่ทำหน้าที่ของลูกให้เต็มที่ ผมก็คงต้องเสียใจไปทั้งชีวิตเหมือนกัน”
นวัชพยักหน้าเข้าใจ “ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าสิ่งที่คุณทำถูกหรือผิด แต่ยังไงผมก็ต้องอยู่ข้างเจอยู่ดี วันข้างหน้าเราอาจจะต้องเป็นศัตรูกัน แต่ตอนนี้เรายังเป็นเพื่อนกันอยู่” นวัชตบบ่าอยุทธ์ “ดูแลตัวเองด้วย”
อยุทธ์ยิ้มบางๆ ให้ “เช่นกันครับ ผู้กองเองก็อย่ามัวแต่ห่วงคนอื่นหรือว่าจับผู้ร้ายเพลินอยู่ล่ะ ถึงเวลาที่จะต้องพูดกับคุณฐาได้ซะทีแล้วล่ะครับ” อยุทธ์ยิ้มให้กำลังใจ
นวัชมีสีหน้าขรึมลงเพราะรู้สึกเห็นด้วยอยู่เหมือนกัน
นวัชกำลังนั่งรอนิษฐาด้วยความตื่นเต้นอยู่ที่ร้านอาหารหรู เดี๋ยวเขาก็ขยับเสื้อผ้า เดี๋ยวก็ขยับจานแก้อาการตื่นเต้น สักพักนิษฐาก็เดินยิ้มแย้มเข้ามาหานวัช นวัชรีบลุกขึ้นเลื่อนเก้าอี้ให้นิษฐานั่งทันที
“ขอบคุณค่ะ” นิษฐายิ้มงงๆ “วันนี้นึกสนุกอะไรขึ้นมาคะถึงชวนฐามากินข้าวที่นี่” นิษฐากระซิบเบาๆ “ท่าทางจะแพงนะคะ”
นวัชยิ้มบางๆ “พี่เห็นว่าเราจะไปเยี่ยมเจด้วยกัน ก็เลยอยากมีเวลาส่วนตัวนิดนึงน่ะจ้ะ”
นิษฐาขำๆ และงงๆ “พี่พูดเหมือนเราไม่เวลาส่วนตัวงั้นล่ะ” นิษฐาจ้องหน้าจับผิด “วันนี้พี่ผู้กองดูมีพิรุธยังไงก็ไม่รู้นะคะ”
นวัชยิ้มๆ “พี่เจอสอบปากคำซะแล้ว” นวัชเขิน “เริ่มยังไงดีล่ะ”
นิษฐาชะงักไปเล็กน้อยเพราะพอเดาได้ว่านวัชจะพูดอะไร
นวัชรวบรวมความกล้า “ฐา คือพี่..”
นิษฐายกมือขึ้นอุดหูด้วยสีหน้าลุ้นๆ
นวัชงงๆ “อุดหูทำไมฐา”
นิษฐาอาย “มันเขิน”
นวัชขำ “เอามือออกก่อน” นวัชเลื่อนมือไปจับมือนิษฐาที่อุดหูตัวเองออก “เขินทำไม พี่จะบอกว่าพี่ได้ทุนไปเรียนต่อ”
นิษฐาถอนใจโล่งอก “โอ้ย ค่อยยังชั่ว..” นิษฐายิ้มแย้มภูมิใจ “ดีใจด้วยค่ะ แล้วได้ทุนไปต่อด้านไหนคะ”
“ด้านอาชญาวิทยาที่ชิคาโก้”
นิษฐาดีใจด้วยสุดๆ “พี่ผู้กองเก่งจังเลย”
นวัชยิ้มรับก่อนจะเลื่อนมือไปกุมมือนิษฐาเอาไว้แล้วมองตานิษฐานิ่ง “เค้าอนุญาตให้พาภรรยาไปได้ ฐาไปกับพี่นะ”
นิษฐาอึ้งไปอึดใจเพราะตั้งตัวไม่ทัน เธอคิดว่าจบแค่เรื่องทุน นิษฐาหน้าเจื่อนลง
นวัชเห็นสีหน้านิษฐาก็หน้าเสีย “ฐาไม่อยากไปเหรอ”
นิษฐาหน้าขรึมลง “ฐายังไม่จบโทเลยนะคะ”
“กว่าพี่จะไป ฐาก็คงเหลือแค่ส่งวิทยานิพนธ์เท่านั้นเอง เอาไปทำที่โน่นก็ได้”
นิษฐาหน้าเครียดไป “แต่ฐาห่วงเจน่ะสิคะ เจกำลังเจอปัญหาหนักมากเลยนะคะ”
“พี่ก็ห่วงเจเหมือนกัน แต่ปัญหาของเจมันใหญ่เกินกว่าที่เราจะช่วยได้นะฐา ต่อให้ฐาขายสมบัติมรดกทั้งหมดที่ฐาได้มาก็ใช้หนี้แทนคุณต้นไม่ได้หรอก”
นิษฐาหน้าเศร้าลง “ฐารู้ค่ะ แต่ฐาห่วงเจ”
“แล้วฐาไม่ห่วงอนาคตของเราบ้างเหรอ”
นิษฐาชะงักไป
นวัชมีสีหน้าจริงจัง “พี่ต้องไปเรียนตั้งสองปีเลยนะ พี่ไม่อยากห่างฐานานขนาดนั้น ไม่ใช่ว่าพี่ไม่ไว้ใจฐาหรอกนะ แต่แฟนกัน ต้องอยู่ห่างกันแบบนั้น พี่ว่า...”
นิษฐาหน้าเครียดก่อนจะสูดหายใจลึกแล้วพูดสวนตัดขึ้นมา “ถึงเวลาที่ฐาต้องพูดความจริงกับพี่ผู้กองแล้วล่ะค่ะ”
นวัชอึ้งไปเล็กน้อยดูไม่กังวลใจว่านิษฐาปิดบังอะไรตนอยู่
นิษฐาน้ำตารื้นขึ้นมา “ฐาเป็นมะเร็งค่ะ”
นวัชตกใจที่สุดและไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
เจติยากำลังตกใจสุดขีดไม่แพ้นวัช
เจติยาตกใจสุดขีด “แกรู้ตัวตั้งแต่เมื่อไหร่ ทำไมไม่เคยบอกฉันเลย” เจติยาสีหน้าเป็นห่วงเพื่อนมาก
เจติยากำลังคุยกับนิษฐาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
นิษฐาทำหน้าเศร้าๆ “ซักพักแล้วล่ะ”
เจติยามีสีหน้าไม่สบายใจมาก “ฉันไม่อยากเชื่อเลย”
“ฉันก็ไม่อยากเชื่อเหมือนกัน แต่พักหลังนี้ ฉันปวดท้องมากก็เลยไปตรวจอย่างละเอียด ก็เลยเจอมะเร็งที่ลำไส้” นิษฐาถอนใจออกมาแล้วมองหน้าเพื่อน “แต่แกยังไม่ต้องสติแตกนะเจ ฉันเพิ่งเริ่มเป็น ทำคีโมไม่กี่ครั้งก็หายแล้วล่ะ”
เจติยาเป็นห่วงปนน้อยใจก่อนจะถามย้ำคำเดิมอีก “แล้วทำไมแกถึงไม่บอกฉัน”
นิษฐาจับมือเจติยาแล้วกุมเอาไว้ “สิ่งที่แกเจออยู่ มันก็หนักมากอยู่แล้วนะเจ จะให้ฉันเอาปัญหาตัวเองไปถมใส่แกอีกรึไง”
เจติยาส่ายหน้าน้ำตาคลอด้วยความสงสารเพื่อนจนจับใจ “แกทำได้ยังไงฐา แกร่าเริง ยิ้มแย้มแจ่มใส ให้กำลังใจคนที่มีปัญหา ทั้งๆที่แกเป็นโรคร้ายแรงขนาดนี้ ฉันนับถือใจแกจริงๆเลยฐา”
นิษฐาน้ำตาคลอ “บ้า ฉันเป็นเพื่อนแกนะ จะมานับถือฉันทำไม”
เจติยากับนิษฐาเข้ามาสวมกอดกัน
เจติยาน้ำตาคลอ “แกไม่ได้สู้คนเดียวนะฐา ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นฉันจะสู้ไปกับแกด้วย”
นิษฐาน้ำตาคลอ “ขอบใจมากนะเจ”
เจติยาผละจากกอด ก่อนจะซับน้ำตาแล้วพูดให้กำลังใจเพื่อน “แกต้องเข้มแข็งนะฐา อย่าเครียด มีคนเป็นแล้วหายตั้งเยอะแยะ แกก็เหมือนกัน แกต้องหายเพื่อป๊ากับม๊า เพื่อพี่ผู้กอง” เจติยาเสี่ยงสั่นแล้วก็น้ำตาท่วมขึ้นมาอีก “เพื่อฉัน เข้าใจมั้ยฐา”
นิษฐาได้แต่ร้องไห้ไม่ตอบอะไรแต่ลึกๆ ก็แอบกลัวอยู่มากเหมือนกัน เจติยาสวมกอดนิษฐาอีกครั้ง ทั้งสองกอดกันร้องไห้ แล้วให้กำลังใจซึ่งกันและกันไป
นทียกน้ำและขนมเข้ามาให้ลาภิณกับนวัชที่คุยกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“บรรยากาศตึงเครียดมากเลยทั้งนอกบ้านในบ้าน อ้ะ กินน้ำกินขนมกันก่อนพี่ คุยเรื่องเครียดๆมาเยอะแล้ว”
นวัชรับน้ำมาดื่มด้วยสีหน้าเครียดๆ “ขอบใจน้อง”
“คุณฐาเองก็เพิ่งเริ่มเป็น สามารถรักษาได้อยู่แล้ว ผมว่าผู้กองไปเรียนต่อตามแผนเดิมดีกว่ามั้งครับ มันเป็นอนาคตของผู้กองเอง แล้วคุณฐาก็คงไม่อยากให้ผู้กองทิ้งทุนเพราะเธอแน่ๆ”
นวัชเครียดมาก “ผมเข้าใจครับ แต่ผมห่วงฐา ผมทำใจทิ้งให้ฐาอยู่ทางนี้คนเดียวไม่ได้หรอกครับ”
“ฐาไม่ได้ถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวซะหน่อย เจก็อยู่ ผมก็อยู่ ให้ฐาย้ายมาอยู่กับเราที่นี่ก็ได้”
“ถ้าพี่เป็นห่วงพี่ฐามาก ก็พาพี่ฐาไปด้วยเลยสิพี่ ไปรักษาทางโน้นซะก็สิ้นเรื่อง พี่ฐาได้มรดกมาตั้งเยอะ เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหาแล้วล่ะ”
“พี่คุยแล้ว แต่ฐาเค้าไม่อยากไป ที่นี่มีเจ มีป๊ากับม๊า ฐาคงอบอุ่นใจมากกว่าที่จะไปอยู่อเมริกา”
“ผมเองก็เห็นด้วยกับฐานะผู้กอง แล้วเวลามันก็ไม่ได้นานมาก แค่สองปีเท่านั้นเอง ทำโน่นทำนี่ ไม่เท่าไหร่ก็ผ่านไปปีนึงแล้ว ที่สำคัญ ตอนนี้โลกมันแคบขึ้นทุกวันแล้ว ถึงอยู่ที่โน่น ผู้กองก็เป็นกำลังใจให้คุณฐาได้ตลอดเวลาอยู่แล้วนี่ครับ”
นวัชคิดหนักเรื่องนี้เพราะเป็นห่วงนิษฐามาก แต่อีกทางก็เป็นอนาคตและความก้าวหน้าในอาชีพของตัวเอง
อยุทธ์นั่งมองวนันต์ที่นอนหลับไม่ได้สติอยู่ด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย สักพักชาครก็เปิดประตูเข้ามา
ชาครทำหน้าบึ้งตึง “ยังไม่กลับอีกเหรอ”
อยุทธ์หันไปมองชาครด้วยความไม่พอใจ “ฉันเป็นลูก จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ นายเป็นคนนอกมีสิทธิอะไรมาไล่ฉัน”
“ผมไม่ได้ไล่”
“มันก็ไม่ต่างกันหรอก”
ชาครพูดแดกดันกลับ “ถึงผมจะเป็นคนนอก แต่ผมก็ไม่เคยทำร้ายจิตใจคุณท่านเหมือนกับที่คุณทำ เมื่อก่อนคุณก็ทิ้งคุณท่าน ไป แล้วมาตอนนี้ คุณก็มาทำในสิ่งที่คุณท่านชิงชังไม่อยากให้ทำอีก ทบทวนตัวเองหน่อยดีมั้ยคุณอยุทธ์ ว่าตั้งแต่เกิดมา คุณเคยทำอะไรให้คุณท่านได้ภูมิใจบ้าง”
อยุทธ์โมโหจึงลุกขึ้นจ้องหน้าชาครแบบเอาเรื่อง “ฉันก็กำลังจะทำอยู่นี่ไงล่ะ นายอย่ามาขัดขวางฉันก็แล้วกัน”
ทันใดนั้น พยาบาลคนหนึ่งก็เคาะประตูก่อนจะเปิดเข้ามาในห้อง
พยาบาลเห็นท่าทางของทั้งคู่ก็ชักกลัว “ขอโทษนะคะ”
พยาบาลเข้าไปตรวจเช็คสายน้ำเกลือ วัดไข้ วัดความดันฯลฯ ของวนันต์ อยุทธ์เดินห่างออกมา ชาครเดินตามมาพูดต่อแต่ลดระดับเสียงที่เถียงกันลง
“สิ่งที่คุณกำลังจะทำ เป็นการทำร้ายจิตใจพ่อคุณเอง เมื่อไหร่จะรู้ตัวซะที”
อยุทธ์หงุดหงิด “อย่างนายจะไปเข้าใจอะไร” อยุทธ์จ้องหน้า “เลิกสั่งสอนฉันซะทีเถอะ”
ชาครยิ้มเยาะ “ผมน่ะเหรอไม่เข้าใจ ผมเคยเจอมากับตัวเองก่อนคุณด้วยซ้ำ”
อยุทธ์มองชาครด้วยความแปลกใจ
“คุณรู้แค่ว่าผมเคยฆ่าคนตายใช่มั้ย แล้วรู้รึเปล่า ว่าผมเจอกับคุณท่านครั้งแรกที่ไหน แล้วทำไมคุณท่านถึงช่วยเหลือผม”
ชาครมีสีหน้าแววตาดุดันเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในอดีต
สิบปีก่อน ชาครที่เป็นวัยรุ่นอายุ 17 ยิงผู้ชายคนหนึ่งล้มคว่ำไปกลางร้านอาหารแห่งหนึ่งท่ามกลางเสียงกรีดร้อง และตื่นตกใจหนีตายของคนในร้าน วนันต์ที่กำลังกินข้าวอยู่รีบหลบทันที ชาครกลับไม่สะทกสะท้าน เขาวางปืนลงบนโต๊ะแล้วนั่งรอตำรวจมาจับอย่างสงบนิ่ง
ชาครอธิบาย
“คนที่ผมฆ่า ก็คือไอ้คนที่โกงที่ดินพ่อแม่ผม ผมยอมรับว่าผมสะใจมากที่ได้ฆ่ามัน”
วนันต์มองดูชาครอย่างอึ้งๆ เพราะไม่คิดว่าเด็กวัยรุ่นคนนึงจะฆ่าคนตายแล้วกลับไม่หนี แถมยังรอตำรวจมาจับอย่างสงบนิ่งแบบนี้
ชาครที่อยู่ในห้องขังกำลังตกใจสุดขีดหลังจากได้รับข่าวร้ายจากตำรวจ
“เป็นไปได้ยังไงจ่า พ่อแม่ผมจะตายได้ยังไง”
ตำรวจถอนใจ “พ่อแม่เอ็งตายแล้วจริงๆ แม่เอ็งพอรู้ข่าวว่าเอ็งฆ่าคนตาย เค้าก็ช็อกจนหัวใจวายตาย พ่อเอ็งก็เลยฆ่าตัวตายตาม ถ้าไม่เชื่อ ก็โทรถามญาติๆเอ็งดูก็แล้วกัน” ตำรวจส่ายหน้าเครียดๆ
ชาครน้ำตาคลอ “ฉันฆ่ามัน ก็เพราะมันโกงที่ดินเรา พ่อกับแม่ควรจะดีใจถึงจะถูก”
ตำรวจได้แต่ถอนใจแล้วเดินเลี่ยงไป ชาครร้องไห้เพราะเสียใจสุดๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น
สักพัก ชาครเห็นช่วงขาของคนๆหนึ่งเดินมาหยุดที่หน้าห้องขังที่เขาอยู่ วนันต์ยืนอยู่หน้ากรงขังชาคร
วนันต์พูดให้แง่คิดกับชาคร “ไม่มีพ่อแม่ที่ไหน ดีใจที่เห็นลูกกำลังเดินทางผิดหรอกนะ”
ชาครเงยหน้าขึ้นมองทั้งน้ำตา เขาเห็นวนันต์ยืนอยู่หน้าห้องขัง
ชาครร้องไห้เพราะเสียใจสุดๆ “คุณเป็นใคร”
“ฉันชื่อวนันต์ เป็นคนที่อยู่ในร้านวันที่เธอฆ่าคนตาย” วนันต์บอก
ชาครนึกย้อนแต่ก็จำไม่ได้
“ฉันยอมรับว่าฉันประหลาดใจมากกับการกระทำของเธอ ฉันก็เลยให้คนตามสืบเรื่องของเธอ” วนันต์หน้าขรึมลง “เสียใจเรื่องพ่อกับแม่ด้วยนะ”
ชาครร้องไห้สะอึกสะอื้นออกมา
“ฉันจะช่วยหาทนายมือดีให้เธอเอง แล้วถ้าเธอพ้นโทษ อยากจะเรียนหนังสือต่อ ฉันจะส่งเสียให้”
อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนที่ 18 วันที่ 29 ก.ค. 57
ละครรากบุญ2 บทประพันธ์โดย : ช่อมณีละครรากบุญ2 บทโทรทัศน์โดย : เอกลิขิต
ละครรากบุญ2 กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครรากบุญ2 ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครรากบุญ2 ควบคุมการผลิตโดย : ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครรากบุญ2 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครรากบุญ2 เริ่มออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 นี้
ที่มา ไทยรัฐ