อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนอวสาน(4) วันที่ 30 ก.ค. 57
“ลูกความของผมบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแล้วนะครับ”“หลักฐานชิ้นใหม่ คือภาพจากกล้องวงจรปิด ยืนยันความบริสุทธิ์ทั้งหมดของผมแล้ว”
“แล้วคุณจะฟ้องกลับคนที่เคยพูดจาให้คุณเสียหายรึเปล่าครับ”
“ไม่ครับ ผมอยากจบจริงๆ ขอตัวก่อนนะครับ”
ลาภิณเดินเลี่ยงไป พวกนักข่าวรีบตามไปสัมภาษณ์ต่อ
“เดี๋ยวสิครับคุณลาภิณ”
“คุณลาภิณคะ คุณลาภิณ”
เจติยากับนิษฐากำลังดูโทรทัศน์อยู่
“โห นักข่าวตามเป็นพรวน ยังกะซุป’ตาร์แน่ะ” นิษฐาว่า
เจติยากดรีโมทปิดโทรทัศน์แล้วก็ยิ้มแย้ม “ตอนเป็นข่าวฉาว ตามยิ่งกว่านี้อีก”
“เพราะไม่มีกสิณแล้วน่ะสิ หลักฐานทั้งหมดถึงได้ปรากฏออกมา ไม่เหมือนตอนแรก ที่อะไรๆก็ชี้ไปที่ตัวคุณต้นท่าเดียวเลย”
นิษฐายิ้มแย้ม “ดีใจด้วยนะแก คุณต้นไม่ติดคุกแล้ว เรื่องที่ไปค้ำประกันไว้ก็ไม่ต้องห่วงแล้วใช่มั้ย”
“ก็ต้องขอบคุณ คุณพิมพ์อรที่รักษาสัญญา”
“เออ ฉันได้ยินมาว่าสองคนนั่น เค้าประกาศขายหุ้นเอ็ตต้าแล้วจะเดินทางไปต่างประเทศ จริงรึเปล่า”
“วันนี้คุณอยุทธ์เค้าเข้าไปที่นิราลัย เจอตัวแล้วจะถามให้ละกัน” เจติยามีสีหน้าอยากรู้อยู่เหมือนกัน
อยุทธ์กำลังเดินแจกรายงานความคืบหน้าของโครงการให้คณะกรรมการทุกคน
อยุทธ์พูดไป เดินแจกรายงานไป “ก็อย่างที่ทราบกันว่าคุณลาภิณติดธุระ เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมขอรายงานความคืบหน้าของโครง การที่นิราลัยค้ำประกันไว้แทนละกันนะครับ”
“ไม่ต้องรายงานก็ได้มั้งครับ ผมไปเห็นมาแล้ว เสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ ยังไงก็ทันตามกำหนดแน่”
“พวกเราขอแค่นิราลัยไม่ต้องถูกยึด ก็ดีใจแล้วล่ะครับ เอ่อ ได้ข่าวมาว่าคุณกับพี่สาวจะขายหุ้นของเอ็ตต้าเหรอครับ”
“ครับ แต่ผมจะรอให้จบโครงการนี้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาตามมา”
“ขายหุ้นแล้ว คุณอยุทธ์จะไปทำธุรกิจอะไรต่อคะ หรือว่าจะไปอยู่ต่างประเทศตามที่เค้าลือกัน”
อยุทธ์ยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร
อยุทธ์กำลังช่วยเจติยาแต่งศพอยู่
อยุทธ์พูดไปทำงานไป “ผมก็คงไปๆมาๆระหว่างประเทศไทยกับสิงคโปร์น่ะครับ คงไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ถาวรหรอกครับ ถ้าพี่ อรขายเอ็ตต้าแล้ว คงว่างมาก ผมอยากใช้เวลาอยู่กับเค้ามากกว่านี้น่ะครับ”
เจติยาพูดไปทำงานไป ยิ้มแย้ม “เจคงเสียดายแย่เลยนะคะ ที่ขาดคนแต่งศพฝีมือดีไป”
“ผมก็เสียดายงานนี้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมชอบรองลงมาจากวาดรูปเลยนะ”
เจติยายิ้มแย้ม พอแต่งศพเสร็จเธอก็คลุมผ้าศพเรียบร้อย
อยุทธ์หน้าขรึมลง “ขอบคุณมากนะครับคุณเจ ที่ยอมรับผมกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม”
เจติยายิ้มๆ “เราไม่เคยเลิกเป็นเพื่อนกันซะหน่อย” เจติยายักไหล่ “ก็แค่เพื่อนเข้าใจผิด ทะเลาะกันเท่านั้นเอง”
อยุทธ์ขำๆ “ผมเกือบเสียเพื่อนดีๆ ไปซะแล้ว”
ทั้งคู่มองหน้าสบตาแล้วก็ยิ้มๆ ให้กันด้วยความเข้าใจแต่สายตาแว่บหนึ่งของอยุทธ์ที่มองเจติยาลึกซึ้งมากกว่าแค่คิดเป็นเพื่อน เจติยาก็รู้สึกได้จึงรีบหลบสายตา
อยุทธ์รีบเปลี่ยนเรื่องแก้ความอึดอัดแล้วก็มีสีหน้าขรึมลง “คุณเจครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องนึง”
“อะไรคะ” เจติยาถาม
“ทำไมตอนนั้น คุณเจถึงได้ยกเหรียญให้ผมล่ะครับ คุณเจไม่กลัวว่าผมจะหักหลังคุณเจเหรอ”
เจติยายิ้มบางๆ “เวลานั้น เจจำเป็นต้องเดิมพันกับความเชื่อของเจค่ะ”
อยุทธ์มีสีหน้าสงสัยอยากรู้
“เจมั่นใจว่าคุณอยุทธ์ไม่ใช่คนที่จะทำทุกอย่าง เพื่อสนองความโลภของตัวเอง” เจติยายิ้มดีใจ “แล้วความเชื่อของเจก็ถูกต้อง”
อยุทธ์ยิ้มดีใจ “แล้วคุณคิดว่าผมจะทำลายกล่องรากบุญด้วยเหรอ”
“ถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่พ่อคุณพูด และรู้ว่าการมีอยู่ของกล่องรากบุญมันเป็นภัยขนาดไหน เจก็มั่นใจว่าคุณจะทำลายมันค่ะ”
เจติยาหันไปเตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นต่อ อยุทธ์มองเจติยาด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะหน้าเศร้าลง เพราะเขาคงต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเองตลอดไป
สิทธิพรหน้าขรึมลง “ก็ได้ แต่ฉันยังมีห่วงอีกเรื่องนึง”
“บอกมาเลยเพื่อน”
สิทธิพรจ้องหน้าลาภิณด้วยสีหน้าแววตาเป็นห่วง “ก็เรื่องแกยังไงล่ะต้น”
ลาภิณอึ้งไปเล็กน้อย
“แกดีกับฉันมาก แกไม่ควรต้องได้รับผลแบบนี้”
“ฉันจะให้เอ็ตต้ารับผิดชอบสร้างโครงการต่อเอง แค่นี้น้องต้นก็ไม่ต้องถูกปรับแล้ว พอใจรึยังล่ะ”
สิทธิพรหันไปจ้องพิมพ์อรเขม็ง “จำคำพูดเธอไว้ให้ดีก็แล้วกัน”
ร่างสิทธิพรเริ่มจางๆ ไหวๆ เหมือนอ่อนพลังลงเต็มที
ลาภิณหน้าเศร้าลง “ขอบใจมากนะสิทธิ ที่แกห่วงฉัน แกเป็นเพื่อนที่ดีของฉันเสมอ”
สิทธิพรยิ้มให้ลาภิณอย่างหมดห่วงก่อนจะเลือนหายไปในที่สุด เจติยาเข้าไปจับมือลาภิณไว้ ในขณะที่ลาภิณหน้าขรึมลงที่ต้องเสียเพื่อนสนิทไป
หกเดือนต่อมา ลาภิณเดินออกมาจากศาลด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม สบายใจ พร้อมกับทนายของตนพร้อมขึ้นนักข่าวกรูกันเข้าไปสัมภาษณ์ยกใหญ่
“ลูกความของผมบริสุทธิ์ ไม่มีอะไรแล้วนะครับ”
“หลักฐานชิ้นใหม่ คือภาพจากกล้องวงจรปิด ยืนยันความบริสุทธิ์ทั้งหมดของผมแล้ว”
“แล้วคุณจะฟ้องกลับคนที่เคยพูดจาให้คุณเสียหายรึเปล่าครับ”
“ไม่ครับ ผมอยากจบจริงๆ ขอตัวก่อนนะครับ”
ลาภิณเดินเลี่ยงไป พวกนักข่าวรีบตามไปสัมภาษณ์ต่อ
“เดี๋ยวสิครับคุณลาภิณ”
“คุณลาภิณคะ คุณลาภิณ”
เจติยากับนิษฐากำลังดูโทรทัศน์อยู่
“โห นักข่าวตามเป็นพรวน ยังกะซุป’ตาร์แน่ะ” นิษฐาว่า
เจติยากดรีโมทปิดโทรทัศน์แล้วก็ยิ้มแย้ม “ตอนเป็นข่าวฉาว ตามยิ่งกว่านี้อีก”
“บทจะเคลียร์ ก็ง่ายนิดเดียวเลยเนอะ”
“เพราะไม่มีกสิณแล้วน่ะสิ หลักฐานทั้งหมดถึงได้ปรากฏออกมา ไม่เหมือนตอนแรก ที่อะไรๆก็ชี้ไปที่ตัวคุณต้นท่าเดียวเลย”
นิษฐายิ้มแย้ม “ดีใจด้วยนะแก คุณต้นไม่ติดคุกแล้ว เรื่องที่ไปค้ำประกันไว้ก็ไม่ต้องห่วงแล้วใช่มั้ย”
“ก็ต้องขอบคุณ คุณพิมพ์อรที่รักษาสัญญา”
“เออ ฉันได้ยินมาว่าสองคนนั่น เค้าประกาศขายหุ้นเอ็ตต้าแล้วจะเดินทางไปต่างประเทศ จริงรึเปล่า”
“วันนี้คุณอยุทธ์เค้าเข้าไปที่นิราลัย เจอตัวแล้วจะถามให้ละกัน” เจติยามีสีหน้าอยากรู้อยู่เหมือนกัน
อยุทธ์กำลังเดินแจกรายงานความคืบหน้าของโครงการให้คณะกรรมการทุกคน
อยุทธ์พูดไป เดินแจกรายงานไป “ก็อย่างที่ทราบกันว่าคุณลาภิณติดธุระ เพราะฉะนั้นวันนี้ ผมขอรายงานความคืบหน้าของโครง การที่นิราลัยค้ำประกันไว้แทนละกันนะครับ”
“ไม่ต้องรายงานก็ได้มั้งครับ ผมไปเห็นมาแล้ว เสร็จไปเกือบแปดสิบเปอร์เซ็นต์ได้ ยังไงก็ทันตามกำหนดแน่”
“พวกเราขอแค่นิราลัยไม่ต้องถูกยึด ก็ดีใจแล้วล่ะครับ เอ่อ ได้ข่าวมาว่าคุณกับพี่สาวจะขายหุ้นของเอ็ตต้าเหรอครับ”
“ครับ แต่ผมจะรอให้จบโครงการนี้ก่อน จะได้ไม่มีปัญหาตามมา”
“ขายหุ้นแล้ว คุณอยุทธ์จะไปทำธุรกิจอะไรต่อคะ หรือว่าจะไปอยู่ต่างประเทศตามที่เค้าลือกัน”
อยุทธ์ยิ้มรับแต่ไม่ได้ตอบอะไร
อยุทธ์กำลังช่วยเจติยาแต่งศพอยู่
อยุทธ์พูดไปทำงานไป “ผมก็คงไปๆมาๆระหว่างประเทศไทยกับสิงคโปร์น่ะครับ คงไม่ได้ย้ายกลับไปอยู่ถาวรหรอกครับ ถ้าพี่ อรขายเอ็ตต้าแล้ว คงว่างมาก ผมอยากใช้เวลาอยู่กับเค้ามากกว่านี้น่ะครับ”
เจติยาพูดไปทำงานไป ยิ้มแย้ม “เจคงเสียดายแย่เลยนะคะ ที่ขาดคนแต่งศพฝีมือดีไป”
“ผมก็เสียดายงานนี้เหมือนกันครับ บอกตรงๆ ผมชอบรองลงมาจากวาดรูปเลยนะ”
เจติยายิ้มแย้ม พอแต่งศพเสร็จเธอก็คลุมผ้าศพเรียบร้อย
อยุทธ์หน้าขรึมลง “ขอบคุณมากนะครับคุณเจ ที่ยอมรับผมกลับมาเป็นเพื่อนเหมือนเดิม”
เจติยายิ้มๆ “เราไม่เคยเลิกเป็นเพื่อนกันซะหน่อย” เจติยายักไหล่ “ก็แค่เพื่อนเข้าใจผิด ทะเลาะกันเท่านั้นเอง”
อยุทธ์ขำๆ “ผมเกือบเสียเพื่อนดีๆ ไปซะแล้ว”
ทั้งคู่มองหน้าสบตาแล้วก็ยิ้มๆ ให้กันด้วยความเข้าใจแต่สายตาแว่บหนึ่งของอยุทธ์ที่มองเจติยาลึกซึ้งมากกว่าแค่คิดเป็นเพื่อน เจติยาก็รู้สึกได้จึงรีบหลบสายตา
อยุทธ์รีบเปลี่ยนเรื่องแก้ความอึดอัดแล้วก็มีสีหน้าขรึมลง “คุณเจครับ ผมมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องนึง”
“อะไรคะ” เจติยาถาม
“ทำไมตอนนั้น คุณเจถึงได้ยกเหรียญให้ผมล่ะครับ คุณเจไม่กลัวว่าผมจะหักหลังคุณเจเหรอ”
เจติยายิ้มบางๆ “เวลานั้น เจจำเป็นต้องเดิมพันกับความเชื่อของเจค่ะ”
อยุทธ์มีสีหน้าสงสัยอยากรู้
“เจมั่นใจว่าคุณอยุทธ์ไม่ใช่คนที่จะทำทุกอย่าง เพื่อสนองความโลภของตัวเอง” เจติยายิ้มดีใจ “แล้วความเชื่อของเจก็ถูกต้อง”
อยุทธ์ยิ้มดีใจ “แล้วคุณคิดว่าผมจะทำลายกล่องรากบุญด้วยเหรอ”
“ถ้าคุณเข้าใจในสิ่งที่พ่อคุณพูด และรู้ว่าการมีอยู่ของกล่องรากบุญมันเป็นภัยขนาดไหน เจก็มั่นใจว่าคุณจะทำลายมันค่ะ”
เจติยาหันไปเตรียมอุปกรณ์อย่างอื่นต่อ อยุทธ์มองเจติยาด้วยสายตาชื่นชมก่อนจะหน้าเศร้าลง เพราะเขาคงต้องเก็บความรู้สึกนี้ไว้กับตัวเองตลอดไป
ลาภิณเดินเลี้ยวที่มุมตึกก็โดนเจติยาที่ดักรออยู่จับหูบิด ลาภิณร้องออกมาด้วยความเจ็บ
“โกรธอะไรผมเจ”
เจติยาขำๆ ก่อนจะยอมปล่อย “เปล่าค่ะ เจอยากลองทำเหมือนเมียคนอื่นมั่ง แฟนเราไม่ยักกะเจ้าชู้” เจติยาแกล้งยิ้มหยันๆ แต่จริงๆ ภูมิใจและปลื้มสามีมาก
ลาภิณยิ้มกวน “อ๋อ ชอบแบดบอยว่างั้น”
เจติยากอดอกแล้วยักไหล่กวนๆ
“ได้เลย” ลาภิณช้อนตัวเจติยาอุ้มขึ้นมาเลย “ป่ะ ห้องแต่งศพว่าง” ลาภิณอุ้มเจติยาพาเดินเข้าซอกตึกไปทันที
เจติยาทั้งอายทั้งขำ “ปล่อยเจค่ะ อายเค้า...”
ลาภิณแกล้งเพราะมันเขี้ยว “มือขยันมาช่วยขยี้”
“คุณต้น จั๊กจี๋” เจติยาขำร่วนเพราะจั๊กจี้
อยุทธ์มารอรับพิมพ์อรอยู่หน้านิราลัย พิมพ์อรเดินออกมาหน้าซึมๆ
“ไม่มีอะไรค้างคาใจแล้วนะครับ” อยุทธ์ถาม
พิมพ์อรพยักหน้ารับ
“เราไม่ควรเจอพวกเค้าอีกเลยตลอดชีวิต ไม่ว่าเราจะอยู่ที่นี่ หรือย้ายกลับไปอยู่ที่สิงคโปร์”
พิมพ์อรเหลือบตามองอยุทธ์แล้วก็ใจหายชอบกล
“เราทำความเดือดร้อนให้พวกเค้ามามากเกินพอแล้วนะครับพี่อร”
พิมพ์อรถอนใจก่อนจะเดินนำไปที่รถ อยุทธ์หันมองตามแล้วพูดขึ้นมา
“พี่อรยังอยากเป็นดีไซน์เนอร์อยู่มั้ยครับ”
พิมพ์อรหยุดเดินแล้วหันมองอยุทธ์
“เรามาลงทุนเปิดห้องเสื้ออย่างที่พี่อรฝันเอาไว้มั้ยครับ”
พิมพ์อรมองอยุทธ์นิ่งก่อนที่จะน้ำตารื้นขึ้นมา
“ผมเคยเป็นต้นเหตุทำลายความฝันของพี่อร ผมอยากจะแก้ตัว มาช่วยทำความฝันของพี่อรให้เป็นจริงอีกครั้ง”
พิมพ์อรน้ำตาไหลซึมออกมาแล้วเดินกลับมาสวมกอดอยุทธ์เอาไว้
อยุทธ์กอดพี่สาวแน่น “พี่ยังมีผมอยู่นะครับ ผมสัญญา ผมจะไม่ทิ้งพี่ไปไหนอีกแล้ว”
พิมพ์อรร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะเข้มแข็งต่อไปไม่ไหว สองพี่น้องกอดกันแน่นแล้วปลอบประโลมให้กำลังใจกันและกัน
พิมพ์อรเข็นรถเข็นที่พาชาครนั่งมาที่สนามหน้าบ้าน ชาครชำเลืองมองพิมพ์อรแล้วยิ้มปลื้มใจ
“ดูแลผมทุกวันแบบนี้ไม่เบื่อเหรอครับคุณอร ให้พยาบาลทำก็ได้” ชาครถาม
“ฉันดูแลเธอแค่นี้ยังน้อยไปด้วยซ้ำ” พิมพ์อรบอก
พิมพ์อรเข็นรถเข็นพาชาครมาหยุดที่ราวเกาะฝึกเดินสำหรับทำกายภาพ
ชาครมีสีหน้าไม่ค่อยสบายใจ “ถ้าผมเกิดไม่หายไปตลอดชีวิตล่ะครับ”
พิมพ์อรมองหน้าชาครนิ่ง “ในทางกลับกัน ถ้าฉันเป็นฝ่ายเจ็บแทนเธอ แล้วฉันไม่หายไปตลอดชีวิตล่ะ”
อ่านละคร รากบุญ2 ตอน รอยรักแรงมาร ตอนอวสาน(4) วันที่ 30 ก.ค. 57
ละครรากบุญ2 บทประพันธ์โดย : ช่อมณีละครรากบุญ2 บทโทรทัศน์โดย : เอกลิขิต
ละครรากบุญ2 กำกับการแสดงโดย : ธรธร สิริพันธ์วราภรณ์
ละครรากบุญ2 ผลิตโดย : บริษัท ทีวีซีน แอนด์ พิคเจอร์ จำกัด
ละครรากบุญ2 ควบคุมการผลิตโดย : ณัฏฐนันท์ ฉวีวงษ์
ละครรากบุญ2 ออกอากาศทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครรากบุญ2 เริ่มออกอากาศตอนแรก วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม 2557 นี้
ที่มา ไทยรัฐ