อ่านละคร สามี ตอน 9 วันที่ 13 ธ.ค. 56
“ฉันตั้งใจจะมาขอโทษที่เสียมารยาทกับคุณ แต่เพราะคุณเป็นญาติของ คุณหญิงไม่ใช่เพราะนามสกุลของคุณ...ขอตัวก่อนนะคะ”รามขยับไปขวาง
“เดี๋ยวสิ ผมยังไม่รู้จักชื่อคุณเลย”
“ชื่อธรรมดากับนามสกุลบ้านๆ ของฉันมันไม่สำคัญหรอกค่ะ”
สิริโสภาเดินไปทันที รามมองตามอย่างหัวเสียทำพลาดอีกแล้ว เขามองผ้าเช็ดหน้าในมืออย่างหมายมาด
ราพณ์นั่งหน้าเครียดอยู่ในร้านอาหาร รสิกามองอย่างเข้าใจ
“คุณคิดเรื่องของคุณรามอยู่ใช่ไหมคะ”
“แต่ฉันก็ทำให้คุณกับคุณรามต้องทะเลาะกัน”
“เรื่องของผมกับรามมันเรื้อรังมานาน ผมชินแล้ว รามไม่เคยคิดว่าผมเป็นพี่ชายของเขา”
“แต่สำหรับคุณ เขาคือน้องชาย ฉันพูดถูกไหมคะ”
ราพณ์อึ้งไปนิด มองรสิกาอย่างแปลกใจ
“พี่น้องตัดไม่ตายขายไม่ขาดหรอกค่ะ”
“คุณหญิงเป็นลูกสาวคนเดียวไม่ใช่เหรอครับ”
รสิกายิ้ม
“แต่ฉันมีพี่ชายที่รักและดูแลฉันมาตลอด พี่วีไงคะ เขาเป็นพี่ชายที่ดีถึงจะมีเรื่องขัดแย้งของท่านพ่อกับคุณลุง หรือแม้แต่เรื่องสุรีย์ส่อง แต่เรื่องร้ายๆ พวกนั้นไม่เคยทำลายความรู้สึกดี ๆ ที่ฉันมีต่อพี่ชายคนนี้ได้เลย เรื่องวันนี้ทำให้ฉันคิดถึงตอนที่ฉันทะเลาะกับพี่วี เขาเสียใจมากสายตาเขาวันนั้นเหมือนคุณวันนี้”
ราพณ์นิ่งไปอย่างยอมรับ
“แล้วคุณหญิงคิดว่าผมควรจะทำยังไงดี”
“มันเป็นเรื่องในครอบครัวคุณ ฉันไม่ขอออกความเห็นนะคะ ร้าย เค็ม เขี้ยวอย่างคุณคงจัดการเรื่องนี้ได้ไม่ยาก”
ราพณ์สายตาอ้อนๆ
“ผมไม่มีส่วนดีบ้างเลยเหรอครับ”
รสิกาดูคิดหนัก ราพณ์หน้าเสีย รสิกายิ้มนิด ๆ
“ฉันเห็นค่ะว่าคุณพยายามปกป้องฉัน ฉันขอบคุณคุณมาก”
“ผมสัญญานะครับ” ราพณ์วางมือบนมือรสิกามองหวาน ๆ “ว่าจะไม่ให้รามมาวุ่นวายกับคุณหญิงอีก”
รสิกายิ้มแต่ไม่ได้ดึงมือออก
“ขอบคุณค่ะ”
ราพณ์มองรสิกาสายตาซึ้งๆ รสิกาไม่หลบค่อยๆ เปิดความรู้สึกตัวเองมากขึ้น สุรีย์ส่องเดินเข้ามาในร้านชะงักที่เห็นราพณ์จับมือกับรสิกากันดูหวานซึ้ง สุรีย์ส่องตรงเข้าไปหาทันที
“สวัสดีค่ะคุณราพณ์”
ราพณ์กับรสิกาชะงักที่หันมาเห็นสุรีย์ส่อง
“สวัสดีจ๊ะอ้าย”
สุรีย์ส่องสิ้นความสนใจจากรสิกาไปเลย ลงนั่งแทรกระหว่าง ราพณ์กับรสิกาเนียน ๆ ขยับชิดราพณ์อย่างสนิทสนม
“สุยังไม่ได้ตอบแทนที่คุณราพณ์ช่วยสุไว้เมื่อคราวที่แล้ว แต่มื้อนี้คงไม่เหมาะ” สุรีย์ส่องเหล่มองรสิ
กา “เพราะมีคนที่ไม่เกี่ยวอยู่ด้วย เอาเป็นว่าเย็นนี้ขอให้สุได้เลี้ยงตอบแทนคุณแบบตัวต่อตัวนะคะ”
รสิกามองท่าทีของสุรีย์ส่อง มองราพณ์ว่าจะจัดการยังไง
“ไม่เป็นไรหรอครับ ผมช่วยคนไม่เคยหวังผลตอบแทน”
“ไม่ได้หรอกค่ะ” สุรีย์ส่องจับมือราพณ์ “สุไม่อยากเป็นคนอกตัญญูต่อผู้มีพระคุณ”
ราพณ์ดึงมือออก
“คงไม่สะดวกหรอกครับ เพราะภรรยาผมค่อนข้างหวง”
ราพณ์หันไปยิ้มกับรสิกาอย่างจงใจยืนยันความบริสุทธิ์ใจ สุรีย์ส่องเห็นรสิกาไม่ได้มีอาการใด ๆ แถมราพณ์ก็ยังปฏิเสธเต็ม ๆ เธอไม่ยอม
“สุเป็นญาติอ้ายก็เหมือนญาติคุณราพณ์ อ้ายเป็นคนสบายๆ ไม่คิดมากกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ หรอกจริงไหม”
สุรีย์ส่องยิ้มท้าทายให้รสิกาแล้วทำมองราพณ์
“แก้มคุณเปื้อนน่ะค่ะ”
สุรีย์ส่องแตะที่แก้มเขาลูบเบาๆ สายตาท้าทายรสิกามาก รสิกามองท่าทีของสุรีย์ส่องรู้สึกหวงหึงไม่พอใจ เธอลืมตัวคว้ามือของสุรีย์ส่องดึงห่างออกมาจากราพณ์จับแน่น
“เราขาดกันตั้งแต่เธอรับเงินแปดสิบล้านไป เธออาจจะสมองเสื่อมจำไม่ได้แต่ฉันไม่ลืม”
รสิกาเหวี่ยงมือของสุรีย์ส่องทิ้งไม่แรงนักแต่ก็ไม่เบา
“แล้วก็อย่าใช้มาตรฐานของเธอตัดสินฉัน เธออาจจะชอบใช้ของร่วมกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัย แต่ฉันไม่ ฉันเป็นคนหวงของ โดยเฉพาะของส่วนตัว ขอโทษนะ ฉันกับคุณราพณ์ต้องการความเป็นส่วนตัว”
สุรีย์ส่องมอง รสิกามองตอบสายตาแข็งกร้าวไม่ยอม
“เชิญ”
สุรีย์ส่องแค้นลุกขึ้นมองรสิกาอย่างไม่ยอมแพ้ยิ้มกับราพณ์
“วันนี้เราคงคุยกันไม่สะดวกเท่าไหร่ แต่น้ำใจของคุณราพณ์สุไม่ลืมนะคะ...สุจะตอบแทนให้คุณเต็มที่ อ้ายก็รู้ใช่ไหมจ๊ะว่าสำหรับผู้มีพระคุณ ฉันทุ่มทั้งตัวอยู่แล้ว”
สุรีย์ส่องออกไป รสิกาหันขวับมองราพณ์ตาเขียวปั้ด
“เขาจงใจยั่วโมโหคุณโดยใช้ผมเป็นเครื่องมือ คุณรู้ใช่ไหม”
รสิกาหน้าตึงกังวลรู้ว่าสุรีย์ส่องจงใจประกาศสงครามด้วย ราพณ์ยิ้มๆ มองอาการของรสิกาอย่างพอใจ
ราพณ์ขับรถมาจอดที่หน้าออฟฟิศรสิกา เธอมองหน้าเขา ราพณ์ยิ้ม
“ถึงแล้วครับ”
รสิกายังมองหน้าราพณ์ด้วยสายตาเซ็งๆ แล้วมองลงไปที่มือตัวเองที่โดนราพณ์จับอยู่แบบว่าแล้วจะลงได้ยังไง ราพณ์ยิ้ม
“ครับ”
รสิกาเริ่มเข้มใส่
“คุณราพณ์คะ”
“ขอโทษครับ ผมดีใจมากไปหน่อย”
“ดีใจ...เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องที่คุณหวงผมไงครับ”
“ฉันแค่...”
“หึง...เหรอครับ”
“คุณราพณ์”
“ครับผม...” ราพณ์ยิ้มกรุ้มกริ่มใส่
รสิกาอายมองหน้าเขาอย่างขัดใจ อยากจะเหวี่ยงใส่แต่ก็แก้ตัวไม่ขึ้นเพราะออกตัวแรงจริง ยิ่งเห็นสายตาเขาก็ยิ่งอายตัดสินใจคว้ากระเป๋าลงจากรถแล้วเดินเข้าออฟฟิศไม่หันกลับมา ราพณ์มองตามยิ้มอารมณ์ดีมาก ๆ เสียงมือถือของราพณ์ดังเขากดรับ
“ครับป๊า มีเรื่องอะไรครับ...ได้ครับ ผมจะเรียกไปให้ครบทุกคน”
ค่ำนั้น ในห้องนั่งเล่น คฤหาสน์เจ้าสัวเรียว ระรินลุกพรวดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“รินไม่ยอมให้สองแม่ลูกนั่นเข้ามาอยู่ที่นี่เด็ดขาด”
“ริน...นั่งลง” ราพณ์ปราม
ระรินลงนั่งอย่างขัดใจ รุ้งรายพูดขึ้น
“ป๊าก็รู้นี่คะ ตอนที่คุณลินดาอยู่ที่นี่ ทำให้บ้านเราวุ่นวายขนาดไหน”
รังรองเสริม
“ป๊าเลือกแล้วนี่คะระหว่างพวกเรากับคุณลินดา”
เจ้าสัวเรียวหน้าเครียด รัตนาวลีแทรกขึ้น
“ทุกคนใจเย็นๆ ก่อนนะคะ คนที่เข้ามาอยู่แค่คุณรามคนเดียวค่ะ”
ระรินไม่พอใจ
“ไม่ว่าจะคนไหนอยู่ก็ต้องมีเรื่องกันแน่ค่ะ มาที่นี่ทีไรก็สร้างปัญหาทุกที”
“ถ้าป๊าให้ย้ายเข้ามาคนที่จะต้องร้อนใจคือหม่อมวลีกับคุณหญิงนะคะ” รุ้งรายพยายามแย้ง
ระรินเสริม
“ใช่ค่ะป๊า วันนี้เฮียรามก็ไปวุ่นวายกับคุณหญิงที่ออฟฟิศ”
ทุกคนหันมองรสิกา ระรินเล่าต่อ
“เฮียราพณ์เลยต่อยเข้าให้ ถึงจะหายบ้า”
ราพณ์ดุน้อง
“เงียบได้แล้ว ริน”
เจ้าสัวเรียวถอนใจเครียด
“คุณหญิงกับหม่อมวลีเห็นว่ายังไงครับ”
“ฉันคิดว่าฉันรับมือได้นะคะ ถึงยังไงคุณรามก็เป็นลูกของเจ้าสัว ก็ถือเป็นคนในครอบครัว” รัตนาวลีหันมองรสิกาว่ายังไง
รสิกามองราพณ์อย่างให้เกียรติ
“คุณราพณ์ตัดสินใจแบบไหน ฉันก็ยอมรับตามนั้นค่ะ”
เจ้าสัวเรียวมองหน้าลูกชาย
“ถ้าคุณหญิงกับหม่อมไม่มีปัญหา ราพณ์...ลื้อเป็นลูกชายคนโต ต้องดูแลทุกคนในบ้านนี้สืบต่อจากป๊า ป๊าให้ลื้อเป็นคนตัดสินใจ”
ราพณ์มองทุกคนที่มองมาอย่างรอคอย รุ้งรายมองหน้า
“เฮียไม่ยอมใช่ไหมคะ”
ราพณ์หน้าเครียดระหว่างพี่น้องท้องเดียวกันกับรามที่เป็นน้องต่างแม่และร้ายกาจ ราพณ์นึกถึงคำพูดของราม
“มึงไม่เคยเห็นกูเป็นน้องอยู่แล้ว ไม่ต้องมานับพี่นับน้องกับกู กูอยากทำอะไรกูก็จะทำ”
ราพณ์หน้าเครียด
“บางทีการกลับมาอยู่ด้วยกัน อาจจะทำให้ความสัมพันธ์ของเรากับรามดีขึ้น”
“เฮีย” ระรินอึ้ง
รังรองพยายามแย้ง
“ราพณ์...นี่มันชักศึกเข้าบ้านนะ”
รุ้งรายไม่ยอม
“เฮีย รุ้งไม่เห็นด้วย”
ราพณ์พยายามอธิบาย
“รามมีเลือดของป๊าเป็นพี่น้องของเรา เราปฏิเสธข้อนี้ไม่ได้ เรามีปัญหาที่ทำให้เกิดช่องว่างกับรามมากแล้ว ผมไม่อยากหนีปัญหาอีก เพราะมันมีแต่จะลุกลาม แรงใส่กันก็เหนื่อยเปล่า ผมเชื่อว่าถ้าเราได้ใกล้ชิด ได้ปรับตัว มันอาจจะเป็นการแก้ปัญหาที่ดีกว่า”
“แต่รินเกลียดพวกมัน” ระรินโพล่งออกมา
ราพณ์ปราม
“ระริน...อย่าเรียกเฮียรามว่ามันอีก การพูดจาไม่ให้เกียรติคนอื่นมันคือการทำลายตัวเอง ถ้ารินไม่ให้เกียรติพี่ชายตัวเอง ก็จะไม่มีใครให้เกียรติรินเหมือนกัน” ราพณ์หันไปหาพ่อ “ผมจะให้รามกลับเข้ามาอยู่กับพวกเรา ผมตัดสินใจแล้ว ขอให้ทุกคนเคารพการตัดสินใจของผมด้วย”
ทุกคนเงียบ
“ตกลงตามนี้ ส่วนจะย้ายเข้ามาเมื่อไหร่ ป๊าจะบอกอีกที”
ระรินกระฟัดกระเฟียดแต่พูดอะไรไม่ได้ รังรองกับรุ้งรายไม่พอใจนัก
สิริโสภานั่งทำงานพลางมองไปทางโทรศัพท์อย่างกระวนกระวาย ศิริพรออกมาจากห้องน้ำเตรียมตัวกลับบ้าน
“น้องสิ กลับบ้านได้แล้วจ๊ะ ขอบใจนะที่ทำโอเป็นเพื่อนพี่”
สิริโสภามองออกไปด้านนอกเห็นรามที่ยืนรี ๆ รอ ๆ อยู่ด้านนอก เธอแอบยิ้มอย่างพอใจ
“ออกไปพร้อมกันเลยไหม”
“พี่พรกลับก่อนได้เลยค่ะ สิขอลงบัญชีให้เสร็จก่อน แล้วจะปิดออฟฟิศให้ค่ะ”
ศิริพรออกไป สิริโสภาเหลือบมองไปทางรามที่รออย่างกระวนกระวาย เธอนั่งลงทำงานต่อ ยิ้มอย่างรอเวลา
รุ้งรายเปิดประตูห้องหนังสือเข้ามา รังรองอยู่อีกด้านเปิดให้รัตนาวลีเดินเข้ามา รังรองเดินตามมา ระรินจับมือพารสิกาเข้ามาหลังสุด รุ้งรายปิดประตู
“คุณหญิงทำไมถึงไม่ค้านสักคำเลยค่ะ วันนี้คุณหญิงก็เห็นว่าเฮียรามมันร้ายขนาดไหน” ระรินถามอย่างไม่เข้าใจ
รุ้งรายหน้าเครียด
“แล้วถ้าเจ้ารามย้ายเข้ามา คุณลินดาจะต้องหาข้ออ้างเข้ามาวุ่นวายที่นี่บ่อยขึ้นแน่ๆ”
รังรองหนักใจ
“หม่อมกับคุณหญิงก็เคยเห็นฤทธิ์คุณลินดาแล้วนี่คะ รายนั้นทำได้ทุกอย่างเพื่อให้บ้านเราร้อนเป็นไฟ”
รัตนาวลีหนักใจไม่แพ้กัน
“ฉันทราบค่ะ แล้วฉันก็ทราบว่าเจ้าสัวอยากให้ลูก ๆ ทุกคนรักและสามัคคีกัน”
รังรอง รุ้งราย ระรินต่างอึ้งกันไป
“รุ้งทราบค่ะ แต่หม่อมก็เห็นนี่คะว่ารามมันพูดแต่ละทีมันยั่วโมโหพวกเราเหลือเกิน แค่ที่ทำงานรุ้งก็ปวดหัวจะแย่ ถ้าต้องมาเจอตอนกินข้าวเช้าข้าวเย็นทุกวัน รุ้งคงเส้นเลือดแตกตายแน่ๆ”
ราพณ์เข้ามาที่ด้านหน้าห้องชะงักที่ได้ยินเสียงคุยจากด้านใน รังรองไม่ค่อยพอใจ
“ไม่รู้ว่าราพณ์คิดอะไร เกลียดกันขนาดนั้นยังรับมันเข้าบ้าน”
รสิกาพูดขึ้น
“ฉันคิดว่าพวกคุณทุกคนไม่ได้เกลียดคุณรามอย่างที่แสดงออก”
ทุกคนมองรสิกา
“ฉันพอจะรู้ว่าคุณลินดาทำอะไรไว้กับพวกคุณ แต่ฉันไม่เคยได้ยินว่าคุณ รามทำร้ายพวกคุณ ใช่ไหมคะ”
สามสาวอึ้งไป รัตนาวลีมองสามสาวพี่น้อง
“กับบางคนเราต้องถามตัวเองว่าเรารู้สึกกับเขายังไง ความรู้สึกจริงๆ ที่ไม่เอาคนอื่นมาตัดสิน ถ้าเกลียดคนนึง แต่ไปลงกับอีกคนนึง มันยุติธรรมไหม”
สามสาวพูดไม่ออก รสิกาก็อึ้งไปนิดที่โดนรัตนาวลีมองเหมือนกำลังโยนมาว่าพูดกับตัวเอง
“สำหรับฉันกับอ้าย เรารับมือกับทุกเรื่องได้ จริงไหมอ้าย”
รสิการับคำแม่
“ค่ะ”
รังรองอ่อนลง
“ถ้าหม่อมยืนยัน พวกเราก็ไม่มีปัญหาค่ะ”
“ตอนนี้บ้านเรามีแต่คนแข็งแรงนะ ตั้งแต่หม่าม๊าวลี อาซ้อคุณหญิง” รุ้งรายเปรย
“เจ้รองกับเจ้รุ้ง รวมถึงน้องคนสวยอย่างรินก็ไร้เทียมทานขนาดนี้ จะกลัว ทำไมกับอาอึ้มแก่ ๆ อย่างคุณลินดา...เนอะ เจอพวกเราก็หงายเงิบแล้ว” ระรินมีฮึด
“ถ้าอย่างนั้น เราก็จะไม่แย้งป๊าเรื่องนี้อีก นะ” รังรองบอกน้องๆ
รุ้งรายหันไปหาระริน
“เราก็โวยวายกับเจ้ารามให้มันน้อย ๆ หน่อย”
“ก็มัน...” ระรินเห็นทุกคนมองรีบเปลี่ยนคำพูด “เฮียรามชอบทำท่ากวนอารมณ์ เห็นแล้วมันปรี๊ด
ทุกที ว่าแต่ริน เจ้รุ้ง เจ้รองก็พอกันล่ะน่า”
รัตนาวลีพอใจ
“เจ้าสัวคงดีใจ”
รังรองยิ้มให้รัตนาวลี
“เราก็ดีใจค่ะที่ป๊าเลือกหม่อมวลีกับคุณหญิงเข้ามาเป็นคนในครอบครัว”
“ถ้าลงตัวแล้วก็...” ระรินเดินไปเปิดประตู “ไปหม่ำบัวลอยน้ำขิงกันเถอะค่ะ ล้างปาก”
ราพณ์รีบหลบออกไปก่อนที่พวกระรินจะเดินออกมา รังรองกับรุ้งรายยิ้มแล้วตามไป รสิกาจะตาม รัตนาวลีพูดขึ้น
“อ้าย...พรุ่งนี้ตื่นเช้าหน่อยนะลูก”
รสิกายิ้ม
“หม่อมแม่จำได้เหรอคะ”
“วันสำคัญต้องจำได้สิ แม่ให้แม่นมกับแหววเตรียมของไว้แล้ว”
รสิกายิ้มดีใจเข้ากอดแม่
“อ้ายรักหม่อมแม่ที่สุดเลยค่ะ”
รัตนาวลีกอดลูกสาวยิ้มๆ
“รักใครก็พูดออกมามันดีไหมลูก”
รสิกาชะงักผละออกมามองหน้าแม่ รัตนาวลียิ้ม รสิกาอึกอักพูดไม่ออก
สิริโสภามองเวลาเห็นว่าเป็นเวลา 21.00น.แต่เธอยังนิ่งอ่านเอกสารต่อไป เสียงเคาะประตูออฟฟิศดัง สิริโสภายิ้มรอให้เคาะแรงขึ้นแล้วถึงลุกขึ้นไปที่ประตูออฟฟิศ เธอทำหน้าแปลกใจที่เห็นราม
“คุณครับ...คุณ”
สิริโสภาเปิดประตู
“คุณ...มีอะไรเหรอคะ”
“ผม...อยากให้เราทำความรู้จักกัน”
“เพื่ออะไรคะ”
“เพื่อความเป็นเพื่อนไงครับ ผมอยากเป็นเพื่อนกับคุณ”
“อย่าเลยค่ะ นามสกุลฉันมันธรรมดาเกินไป ขอตัวนะคะ” สิริโสภาจะปิดประตู
“ผมขอโทษ”
สิริโสภาชะงัก
“ผมหงุดหงิดกับเรื่องพี่ชายผมมากไปหน่อย เราทำความรู้จักกันใหม่ได้ไหมครับ”
สิริโสภาแอบยิ้มพอใจที่เริ่มต้นรามก็อ่อนข้อให้แผนจะราบรื่นแน่นอน
“ได้สิค่ะ ถ้าคุณไม่รังเกียจ”
อ่านละคร สามี ตอน 9 วันที่ 13 ธ.ค. 56
ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชาละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ