อ่านละคร สามี ตอน 10 วันที่ 16 ธ.ค. 56
ระรินมองหน้าว่าจะปล่อยไหม สกรรจ์มองตามกวนประสาทว่าไม่ปล่อยแน่ ระรินดึงไม่ออกแค้น พยายามจะกระทืบเท้าสกรรจ์ แต่สกรรจ์ชักเท้าหลบ ระรินยังพยายามจะทำอีกแต่สกรรจ์ก็หลบได้“นี่ ฉันเจ็บ”
“อยู่เฉย ๆ แล้วผมจะปล่อย”
ระรินมองสกรรจ์เห็นสายตาเอาจริง เธอหายใจเข้าออกลึก ๆ แล้วเริ่มนิ่ง รสิกาตามเข้ามา
“คุณสกรรจ์...”
“คุณหญิง...รู้จักนายคนนี้ด้วยเหรอคะ”
รสิกามองสกรรจ์ว่าหมายความว่ายังไง
“ผมเคยเจอกับคุณคนนี้ที่ออฟฟิศของคุณหญิงน่ะครับ ก็ได้คุยกันนิดหน่อย”
“น้องรินเป็น...”
รสิกายังพูดไม่จบ ระรินแทรกทันที
“น้องสามีของคุณหญิง”
“ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ”
ระรินมองหมั่นไส้ไม่คิดจะญาติดีด้วยเลย
“คุณสกรรจ์มาธุระที่โรงพยาบาลเหรอคะ” รสิกาถาม
“ผมเห็นข่าวในทีวี...ก็เลยเป็นห่วงน่ะครับ ไม่คิดว่าต้องมาเป็น” สกรรจ์มองระรินแบบตำหนินิดๆ “กรรมการห้ามมวย”
“ขอบคุณนะคะ”
สกรรจ์ยิ้มให้รสิกาด้วยความเต็มใจมาก ๆ ระรินมองรอยยิ้มของเขาอย่างหมั่นไส้แล้วขยับเข้ามาขวาง
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ เฮียราพณ์กับน้องสามีอย่างฉันดูแลคุณหญิงอย่างดี ขอบคุณที่เป็นห่วง เชิญค่ะ”
สกรรจ์มองระริน เห็นสายตาของเธอบอกชัดเลยว่าอย่ายุ่ง
“น้องรินคะ” รสิกาปราม
“คุณหญิงคะ ถ้าเฮียมาไม่เห็นคุณหญิงคงจะไม่สบายใจ”
รสิกามองสกรรจ์อย่างเกรงใจ
“ผมกลับก่อนนะครับ”
“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ”
ระรินจงใจกวนประสาท
“ลาก่อนนะคะ”
ระรินเชิดใส่แล้วดึงรสิกานิด ๆ เพื่อให้เข้าไป สกรรจ์มองตาม
รสิกากับระรินกลับเข้ามา ราพณ์ยืนมองผ่านกระจกเข้าไปในห้องกับรุ้งรายที่นั่งอยู่เป็นเพื่อน ระรินเข้ามาถาม
“เจ้...แล้วหม่อมกับเจ้รองไปไหนล่ะ”
“เฮียให้เจ้รองพาหม่อมกลับไปพักก่อนน่ะ เฮียจะเฝ้าป๊าคืนนี้ เจ้ว่าจะอยู่เป็นเพื่อน”
ราพณ์หันมาบอก
“รุ้งกลับไปเถอะ พรุ่งนี้ยังมีเรื่องที่เราต้องรับมืออีกมาก”
“ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนคุณราพณ์ให้เองค่ะ” รสิการีบบอก
รุ้งรายหันมาหารสิกา
“ถ้าอย่างนั้นรุ้งฝากเฮียด้วยนะคะ ริน...ไปเถอะ”
รุ้งรายเดินออกไป ระรินตาม รสิกามองราพณ์ที่มองเข้าไปในห้องพักคนไข้ด้วยความเป็นห่วงเจ้าสัวเรียว
ค้ำนั้น รุ้งรายนั่งร้องไห้อยู่เพียงลำพัง ปฐวีรีบเข้ามา
“คุณรุ้ง”
รุ้งรายมอง ปฐวีเห็นว่าเธอร้องไห้ เขานั่งลงเคียงข้าง
“เจ้าสัวเป็นยังไงบ้างครับ”
รุ้งรายไม่ได้ตอบแต่พูดความรู้สึกตัวเองออกมา
“สำหรับฉัน ป๊าเป็นครูสอนการทำงาน เป็นหมอคอยดูแลยามฉันป่วย บางครั้งป๊าก็เป็นเพื่อนที่แสนดี ทุกครั้งที่ฉันกลับไปที่บ้าน ป๊าจะรอฉันอยู่ เราจะกินข้าว พูดคุย หัวเราะด้วยกัน ฉันไม่อยากจะคิดเลยถ้าวันนึงฉันกลับไปบ้านที่ไม่มีป๊าอยู่แล้ว ฉัน...ฉัน...”
รุ้งรายน้ำตาร่วง ปฐวีทนไม่ได้กอดรุ้งรายด้วยความสงสาร
ลินดาเปิดซองแล้วหยิบรูปครอบครัวออกมา สภาพรูปค่อนข้างเก่าและถูกเก็บไว้ในซอง ลินดานั่งมองภาพรูปครอบครัวของลิ้มวัฒนาถาวรกุลเป็นภาพเจ้าสัวเรียว อุษา อาม่า และบรรดาลูก ๆ ในวัยเด็ก ราพณ์ รังรอง รุ้งราย ลินดากับรามอยู่ในรูปด้วย แต่จุดที่นั่งห่างออกมาด้านข้าง ด้านหลังเป็นภาพของคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว รามลงมาจากชั้นบนเห็นลินดาที่นั่งมองภาพนิ่งๆ เขาเดินมายืนด้านหลังของแม่
“เราสองคนเหมือนจะมีครอบครัว แต่ก็ไม่ใช่”
“ครอบครัวมันไม่สำคัญ เท่ากับชีวิตที่ได้ทุกอย่างอย่างที่เราหวัง”
รามมองหน้าลินดาอึ้ง ๆ
“มันไม่สำคัญเหรอครับม๊า...”
ลินดารู้ว่าหลุดปากไป ก็ลุกขึ้นมามองราม
“ม๊าหมายถึงว่าพวกบ้านนั้น นอกจากป๊า ม๊าไม่นับพวกมันเป็นครอบครัว เพราะครอบครัวม๊ามีแค่ราม ท่านั้น”
“ม๊าคือครอบครัว คือสิ่งมีค่าที่สุดของผม...ส่วนป๊า...”
ลินดาจับรามมองหน้าตรง ๆ
“ลูกควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้ อยู่ในคฤหาสน์หลังนั้นเป็นผู้บริหาร เพราะพวกมัน ลูกถึงต้องไปอยู่ที่อเมริกาคนเดียว เพราะพวกมัน” ลินดาบีบแขนรามแน่นราวกับสะกดจิต “เราถูกพวกไอ้ราพณ์กีดกัน แย่งความรัก สมบัติจากป๊าไป ลูกจะต้องทวงคืน”
รามยิ่งฟังสายตายิ่งถูกจุดด้วยความแค้น
รามนั่งมองภาพที่ถูกเก็บไว้ เป็นภาพตอนเด็ก ๆ ราพณ์กอดคอรังรอง รุ้งราย ภาพเจ้าสัวเรียวกอดคอราพณ์ถ่ายรูปอย่างให้ความรักความสนิทสนม...รามนึกถึงภาพในงานเดินแบบผ้าไหมไทย เจ้าสัวเรียวยืนเคียงข้างราพณ์ด้วยความภูมิใจ ไม่สนใจรามที่พยายามเรียกเลย...เจ้าสัวเรียวบอกว่าภูมิใจที่ราพณ์เป็นคนที่ได้ดังใจ...รามขยำรูปในมือแล้วเขวี้ยงทิ้งไป...รามเครียดเมื่อนึกถึงระรินที่ด่าเขา...นึกถึงราพณ์ชกเขา...รามพยายามลงนอนแต่ภาพมันก็ยังวิ่งเข้ามาไม่หยุดยั้ง เขาทนนอนไม่ไหวลุกออกไปจากห้อง
รุ้งรายยังพิงอยู่กับปฐวี แต่สงบลงมากแล้ว
“ไหวไหมคุณ...”
รุ้งรายขยับขึ้นมานั่ง เช็ดหน้าจัดผมเผ้า
“ขอบคุณนะ”
“ถ้าไหล่ผมมีประโยชน์กับคุณ ผมก็โอเคนะ...”
รุ้งรายหันมอง ปฐวียิ้มให้
“ถ้าเวลาไหนที่คุณคิดว่าคุณไม่มีใคร โทรหาผมนะ” ปฐวีตบไหล่ตัวเองเบาๆ “พร้อมเสมอ”
รุ้งรายมองประทับใจ ยิ้มให้
“ขอบคุณจริงๆ ค่ะ”
“ไปเถอะครับ ผมจะไปส่งที่รถ”
ปฐวีลุกขึ้น รุ้งรายลุกตาม สองคนเดินไปด้วยกันบรรยากาศอบอุ่น
หน้าห้องพักสิริโสภา...รามเคาะประตูรัว สิริโสภาเปิดประตูออกมาชะงักที่เห็นเขา
“มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ ทำไมมาดึกขนาดนี้”
รามมองอ้อนวอน
“ผมขอเข้าไปข้างในได้ไหม”
สิริโสภามองหน้าเขาเห็นสายตาอ้อนวอน
“มันดึกแล้วคงไม่ดีหรอกค่ะ”
รามพยายามมาก
“คุณสิคิดมากไปหรือเปล่าคะ เราก็เคย...”
สิริโสภาสวนทันที
“ฉันต้องยอมให้คุณง่ายๆ เลยตามเลยใช่ไหมคะ แบบเคยๆ กันแล้วก็เนียนๆ กันไป”
รามตกใจที่เธอคิดมาก
“ผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ”
“ถึงคุณจะคิดก็ไม่เป็นไรค่ะ ผู้หญิงที่ผ่านการเป็น...มาแล้ว คงไม่จำเป็นต้องให้เกียรติอะไรมากมาย” สิริโสภาหน้าเศร้า
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ สำหรับผมคุณมีค่ามาก...ผมแค่...ต้องการให้คุณอยู่ข้างๆ ผมอยากมีใครสักคน แต่ถ้าคุณไม่สะดวก ผมก็ไม่รบกวน”
สิริโสภามองแล้วตัดสินใจ
“เข้ามาสิคะ”
รามดีใจแล้วชะงักไป
“แต่คุณ...”
“ถ้าคุณอยากมีใครสักคนจริงๆ”
รามยิ้มขอบคุณเดินเข้าไปในห้อง สิริโสภาคิดแผนร้าย
รสิกามองราพณ์ที่ยังยืนนิ่งมองเข้าไปในห้อง ราพณ์หน้าเครียด ๆ แล้วขยับลงมานั่งที่เก้าอี้พิงไปกับผนังด้วยความเครียดจัด รสิกาขยับมาจับมือเขาอย่างให้กำลังใจ ราพณ์หลับตาอย่างเหนื่อยอ่อนก่อนจะลืมตามองไปข้างหน้าราวกับกำลังรำลึกถึงเรื่องที่ผ่านมา
“ผมโตขึ้นมาพร้อมกับการเห็นป๊าทำงานอย่างหนักเพื่อให้ทุกคนในครอบครัวสุขสบาย ป๊ายอมอดเพื่อให้ลูกทุกคนได้เรียน ทำธุรกิจถ้าไม่แกร่งก็ต้องล้มหายตายจากไปวงการ แต่ป๊าไม่เคยยอมล้ม...กว่าเราจะมีอย่างทุกวันนี้ เราต้องผ่านปัญหามามากทั้งในบ้าน นอกบ้าน ผมไม่เคยนึกถึงวันที่ไม่มีป๊าอยู่ จนวันนี้ วันที่ผมต้องเปลี่ยนจากผู้ตามเป็นผู้นำ...ผม...” ราพณ์เครียด
“ฉันเชื่อว่าคุณทำได้ค่ะ ทุกคนในครอบครัวต่างก็เชื่อมั่นในตัวคุณ มันเป็นแค่ความหวั่นไหวกับสิ่งที่ไม่คาดคิด ฉันเคยผ่านคืนวันแบบนี้มาแล้ว”
ราพณ์หันมองรสิกา
“วันที่เสียท่านพ่อไป ฉันอยากจะร้องไห้ อ่อนแอ แต่มีฉันคนเดียวที่จะประคองทุกชีวิตในบ้านไว้ได้ ฉันต้องทำทุกอย่างเพื่อให้คนที่ยังอยู่มั่นใจที่จะเดินหน้าต่อไป”
ราพณ์รู้สึกตัว
“ผมขอโทษนะครับ ทั้งที่คุณหญิงฝากชีวิตไว้กับผม แต่ผมกลับทำให้คุณไม่มั่นใจ”
“คุณจะอ่อนแอบ้างก็ได้ แต่ต้องไม่จมกับมันนาน เพราะมีเรื่องอีกมากที่เราต้องเจอ”
“คุณจะอยู่ข้างผมตลอดไปใช่ไหม”
“เป็นภรรยาก็ต้องอยู่เคียงข้างสามีนี่คะ”
รสิกายิ้มอ่อนโยนให้ ราพณ์มองด้วยความดีใจ มือของรสิกาจับมือราพณ์ไว้แทนคำสัญญา
รามนั่งอยู่ที่พื้นพิงกับเตียงพลางมองออกไปนอกระเบียง สิริโสภายื่นแก้วนมอุ่น ๆ ให้
“นมอุ่น ๆ ดื่มแล้วช่วยผ่อนคลายดีนะคะ”
“ขอบคุณครับ ถ้าคุณสิง่วงนอนได้นะครับ ผมจะนั่งเงียบๆ ไม่กวนคุณ”
สิริโสภามองแล้วลงนั่งข้างๆ
“ฉันยังไม่ง่วงค่ะ”
รามจิบนม รู้สึกอบอุ่น สิริโสภาจับอาการของเขาแล้ววางมือบนศีรษะลูบเบาๆ รามมองความอ่อนโยนของเธอเหมือนโดนสะกด
“สีหน้าคุณไม่ดีเลย มีเรื่องอะไรหรือเปล่าคะ”
“ผมนอนไม่หลับ”
สิริโสภาดึงแก้วนมจากมือรามไปวางไว้ แล้วจับเขาให้นอนลงบนตัก
“หลับนะคะ สิจะอยู่ข้างๆ คุณเอง”
รามรู้สึกเต็มตื้น มือบีบที่เข่าของเธอแนบหน้าลงไปอย่างต้องการยึดเป็นที่พึ่งพิง
“อยู่กับผมนะ อย่าไปไหน”
“สิจะไม่ไปไหน” เธอจับมือเขาไว้บีบเบาๆ “สิสัญญา”
รามรู้สึกมีความสุข แต่สิริโสภายิ้มร้ายกาจมาก
คฤหาสน์เจ้าสัวเรียว เช้าวันใหม่...กิมท้อมายืนปัด ๆ ทำความสะอาดท่าทางหงุดหงิด
“ไม่มีข่าว ไม่มีรายได้เล้ย”
รัตนาวลีแต่งตัวเรียบร้อยลงบันไดมากำลังจะไปโรงพยาบาล รุ้งรายกับรังรองรีบร้อนเข้ามา
“หม่อมคะ ราพณ์อยู่หรือเปล่าคะ” รังรองถามอย่างร้อนใจ
รุ้งรายมองกิมท้อ
“กิมท้อ...”
รุ้งรายส่งสายตาให้ออกไป กิมท้อรีบหลบออกไป
“คุณราพณ์กับอ้ายยังไม่กลับมาจากโรงพยาบาลเลยค่ะ” รัตนาวลีบอก
รุ้งรายกังวล
“เฮียต้องยังไม่เห็นข่าวแน่ ตอนนี้ข่าวป๊าเข้าโรงพยาบาลถูกละเลงจนทำให้หุ้นของบริษัทตอนนี้ตกไปหลายจุด”
“เรื่องนี้คงต้องปรึกษาคุณราพณ์ด่วนที่สุด”
เสียงมือถือรัตนาวลีดังขึ้น เธอกดรับสาย
“อ้าย แม่จะรีบไปเดี๋ยวนี้” รัตนาวลีบอกรุ้งรายกับรังรอง “เจ้าสัวฟื้นแล้วค่ะ”
รังรองกับรุ้งรายมองหน้ากันด้วยความดีใจ กิมท้อโผล่หน้ามาดีใจมากที่จะมีข่าวไปแลกเงิน
รามเข้ามาสักครู่โบตั๋นก็เข้ามาในเวลาไล่ๆ กัน
“ป๊าฟื้นแล้วเหรอครับ”
“นังกิมท้อมันโทรมารายงาน เร็วเข้า ลูกต้องรีบไปให้ป๊าเห็นหน้าก่อนที่พวกไอ้ราพณ์มันจะเอาหน้าไปมากกว่านี้”
โบตั๋นรีบดึงรามเดินไป
ราพณ์กับรสิกากำลังจะเข้าไปในห้องพัก รัตนาวลี รุ้งราย รังรองรีบเข้ามา
“คุณราพณ์คะ อาการเจ้าสัวเป็นยังไงบ้างคะ” รัตนวลีถามอย่างห่วงใย
“ตอนเช้าหมอเข้าไปตรวจแล้วให้ย้ายจากห้องไอซียู ผมกำลังจะเข้าไปดูอาการครับ”
ทุกคนรีบเข้าไปในห้อง
เจ้าสัวเรียวที่นอนอยู่บนเตียงกำลังลืมตามองกลอกตาไปรอบๆ ห้อง ราพณ์กับรสิกาเข้ามา ราพณ์ตรงเข้าไปที่ข้างเตียง รัตนาวลี รังรอง รุ้งรายขยับเข้าไปยืนอีกด้านของเตียง
“ป๊าครับ...ป๊า ผมราพณ์นะครับ”
ลินดากับรามเข้ามาในห้อง รัตนาวลีเข้าไปถาม
“เจ้าสัวคะ เจ็บตรงไหนหรือเปล่าคะ”
เจ้าสัวเรียวพยายามขยับจะพูด แต่เสียงที่ลอดออกมาไม่เป็นภาษา
“อือ...อือ...”
ราพณ์ รสิกา รัตนาวลี รังรอง รุ้งรายอึ้ง เจ้าสัวเรียวพยายามจะพูดแต่ปากเบี้ยวไปข้างหนึ่งและขยับได้แค่ปลายนิ้ว ทุกคนยืนตะลึงกับภาพที่เห็น
ค่ำนั้น ในห้องรับแขกคฤหาสน์เจ้าสัวเรียว การประชุมครอบครัวมีราพณ์เป็นหัวหน้าในการประชุม อาม่าอึ้งกับเรื่องที่ได้รับรู้
“อัมพาต...อาเรียว...ไม่น่าเลย”
ชาญชัยแอบยิ้มอย่างสะใจ รัตนาวลีรีบบอก
“หม่าม๊าคะ...ตอนนี้คุณเรียวยังมีชีวิตอยู่นั่นเป็นเรื่องทีดีนะคะ วลีจะดูแลเจ้าสัวให้ดีที่สุดค่ะ”
“เราทุกคนจะช่วยกันดูแลป๊า ผมจะจ้างพยาบาลมาดูแลเพื่อช่วยให้ความรู้ในการดูแลป๊า สิ่งที่หมอให้ระวังที่สุดคือเรื่องของจิตใจ เพราะระดับความดันของป๊ายังน่าเป็นห่วง เราทุกคนต้องหลีกเลี่ยงที่จะไม่ให้ป๊าต้องเจอเรื่องสะเทือนใจ เข้าใจไหมริน”
ทุกคนหันมองระริน
“เฮีย...ทำไมพุ่งมาที่รินคนเดียวล่ะ”
“ก็เรามันใจร้อนสุด” รังรองบอก
“ค่า...รินจะพยายามใจร่ม ๆ ไว้...ถ้าไม่มีคนกวนประสาทนะเฮีย”
รุ้งรายหนักใจ
“แล้วเรื่องข่าวล่ะเฮีย ตอนนี้คนมองว่าเราขาดหัวมังกร หางจะระส่ำนะเฮีย”
“เฮียจะรับตำแหน่งแทนป๊าเอง รุ้งจัดการปล่อยข่าวนี้ไป”
“เจ้จะแถลงข่าวเรื่องแต่งตั้งราพณ์เป็นประธานบริษัท” รังรองบอก
ชาญชัยทำเป็นเห็นด้วย
“ก็ดีนะ เพื่อความมั่นคงของบริษัท ตอนนี้ call center มีโทรศัพท์เข้ามาถามกันเยอะ ลูกค้าต้องการความมั่นใจในเสถียรภาพของบริษัทเรา”
“แล้วพวกลื้อจะรับอาเรียวกลับมาบ้านเมื่อไหร่” อาม่าถาม
ราพณ์กำลังจะตอบ ทันใดนั้นเสียงลินดาดังเข้ามา
“นี่ฉันไม่ได้มาสายไปใช่ไหม”
ทุกคนหันมา ลินดาเดินเข้ามาพร้อมกับราม
“ประชุมครอบครัวทั้งทีควรจะรอให้อยู่กันครบทุกคน จริงไหมหม่อม”
“หรือว่ามีพวกที่คิดจะมุบมิบสมบัติป๊าถึงต้องประชุมลับ” รามแดกดัน
รัตนาวลีมองหน้าสองแม่ลูก
“พอดีว่าเราประชุมกันเรื่องการดูแลเจ้าสัว การแก้ปัญหาของครอบครัวไม่ใช่เรื่องกระเหี้ยนกระหือรือแบ่งสมบัติอย่างที่คุณสนใจ ฉันก็เลยไม่ได้เชิญคุณมา”
อ่านละคร สามี ตอน 10 วันที่ 16 ธ.ค. 56
ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชาละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ