อ่านละคร สามี ตอน 10/4 วันที่ 18 ธ.ค. 56
“ถ้าเฮียจะพาป๊ากลับมารักษาตัวที่บ้าน รุ้งกลัวว่ารามกับคุณลินดาจะสร้างปัญหา”“เฮียอยากให้ครอบครัวของเรา มีความสุขพร้อมหน้าพี่น้องทุกคน”
“เราไม่มีทางเปลี่ยนมันให้เป็นคนดี ๆ กับเขาได้”
“เปลี่ยนคนอื่นไม่ได้ก็เปลี่ยนที่เรา รุ้งต้องเลิกอคติกับราม ตั้งแต่ตอนนี้”
ราพณ์เชื่อมั่นมาก
“เราเปลี่ยนรามได้...รามไปทำงานบ้างหรือเปล่า”
รุ้งรายทำหน้าเหนื่อยหน่าย
เย็นนั้น เจ้าสัวเรียวนอนหลับอยู่บนเตียง รามเดินเข้ามาในห้องขยับไปยืนข้างเตียงมองพ่อ เขาจะจับมือแต่ยั้งมือตัวเองไว้อย่างไม่กล้า รามยืนมองเงียบๆ น้ำตาร่วงด้วยความเสียใจกับสภาพของพ่อ เขายกมือเช็ดน้ำตา เจ้าสัวเรียวลืมตาเห็นรามยืนเช็ดน้ำตา สัมผัสได้ถึงความห่วงใยเสียใจของลูกชาย สายตาเจ้าสัวเรียวอ่อนโยนลงมาก
รสิกาเดินอยู่ในสวนกับอาม่า ระริน แม่นม มีต้นไม้เล็ก ๆที่เหี่ยวอยู่กลุ่มหนึ่ง รสิกาบอกกับอาม่า
“มันเป็นโรคน่ะค่ะ ตายยกกอเลยค่ะ”
“มันออกดอกจนคุ้มแล้วล่ะ ต้นนี้เป็นต้นแรกที่อาม่าเอามาปลูกตั้งแต่ตอนย้ายมาใหม่ๆ แล้วมันก็แตกกิ่งก้านขยายจนกลายเป็นกอใหญ่ขึ้นมาขนาดนี้ พวกที่อยู่รอบๆ ก็รุ่นลูกรุ่นหลานทั้งนั้น”
“อยู่มานานมากเลยนะคะ”
“นานเกินไปซะด้วยซ้ำ แต่อย่างน้อยนะ...” อาม่าคิดถึงตัวเอง “เจ้าต้นนี้ก็ได้เห็นลูกหลานเติบโต...ออกดอกงอกงาม แล้วมันก็ตายไปตามเวลาหลังจากที่มันรู้ว่าลูกหลานของมันจะยังออกดอกไปอีกนานแสนนาน”
ราพณ์กับรุ้งรายเดินเข้ามาชะงักที่ได้ยินคำพูดของอาม่า
“การยืนต้นที่แคะแกรนไร้ค่ามองลูกหลานค่อยๆ ตายซากมันเจ็บปวดเกินไป”
“แต่คงไม่เจ็บปวดเท่ากับมองมาแล้วไม่เห็นใคร เวลามีเรื่องทุกข์ร้อน คนที่อ้ายนึกถึงคนแรกคือหม่อมแม่ แม่นม...” รสิกาหันไปหาระริน “ถ้าเป็นน้องรินจะนึกถึงใครคะ”
ระรินพูดขึ้น
“เฮียราพณ์ เจ้รอง เจ้รุ้ง ป๊า อาม่าค่ะ”
“แล้วถ้าเป็นคุณราพณ์ล่ะคะ” รสิกาถามต่อ
“ก็คงนึกถึงป๊า อาม่ามั้งคะ” ระรินยิ้มแย้มตอบ
“แล้วถ้าเป็นเจ้าสัว” รสิกาถามอีก
“ก็ต้องเป็นอาม่าสิคะ”
รสิกายิ้มกับอาม่า
“ทุกคนในบ้านนี้มองกลับมาอยากเห็นอาม่ายืนอยู่นะคะ”
อาม่ามองหน้ารสิกา
“ขอบใจนะอาคุณหญิงที่ย้ำให้อั๊วรู้ว่า สิ่งที่เราได้มาเปล่า ๆ คือความชรา แต่สิ่งที่เราควรแสวงหาคือคุณค่าของชีวิตใช่ไหม...อั๊วควรจะเป็นคนที่แข็งแรงที่สุดแท้ๆ”
แม่นมยิ้มแย้มบอก
“อ่อนบ้างก็ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่กลับมาให้เร็วที่สุดก็พอ”
อาม่ากระฉับกระเฉงขึ้น
“ไปทานข้าวกัน อั๊วหิวแล้ว”
ระรินดีใจ
“เย้”
รุ้งรายเดินเข้ามา
“ดีเลยค่ะ ตอนนี้ รุ้งหิวมากเลย”
อาม่าหันไปหาราพณ์
“ไปอาราพณ์ อารุ้ง เจี๊ยะปึ่ง”
ระรินกับรุ้งรายเข้ามาประคองอาม่าพาเข้าไปในบ้าน รสิกาจะตาม ราพณ์เดินเข้ามาประกบ
“ผมมองกลับมาก็อยากเห็นคุณยืนอยู่เหมือนกันนะ คุณหญิงล่ะครับ”
รสิกายิ้มแต่สายตาเข้มใส่
“คุณกล้าไปไหนหรือเปล่าล่ะคะ”
ราพณ์เกรงใจเลยทีเดียว
“ไม่กล้าหรอกคร้าบ”
รสิกายิ้มแล้วจะเดินไป ราพณ์เดินตามมาจับมือแล้วจูงมือกันเดินเข้าไปในบ้าน ราพณ์เหลือบมองรสิกาด้วยสายตามีความสุข
ในห้องพักคนไข้เจ้าสัวเรียว รามนั่งอยู่ที่โซฟาสายตาจับจ้องที่พ่อ รามขยับตัวเพราะความเย็นของแอร์ รามมองๆ ที่แอร์แล้วลุกขึ้นมาจับที่ผ้าห่มขยับขึ้นมาจะห่มให้พ่อ ประตูห้องเปิดเข้ามาเป็นราพณ์กับรสิกา รามรีบปล่อยมือจากผ้าห่ม ราพณ์ดีใจนิด ๆ ที่เห็นน้องชาย
“ราม...”
รามไม่ตอบ ทำหน้าไม่ถูกที่ราพณ์กับรสิกามาเห็นตัวเองในตอนนี้ เขาจะเดินสวนออกไป ราพณ์พูดขึ้น
“เฮียดีใจนะที่แกห่วงป๊า”
รามชะงักหันกลับมามองหน้าราพณ์ เหมือนจะเป็นจังหวะที่อ่อนลง เขาพูดไม่ดังนัก
“ผมเป็นคนมีพ่อมีแม่...แต่ที่ไม่มีคือ...พี่น้อง”
ราพณ์ชะงักอึ้งไป รามสะใจเดินออกไปทั้งที่ตัวเองก็เจ็บปวด ราพณ์หันมาหารสิกา
“ถ้าผมจะเอาน้องชายคืนมา คุณว่าผมจะทำได้ไหม”
รสิกาจับมือราพณ์อย่างให้กำลังใจ ราพณ์เครียด ๆ หันไปหาเจ้าสัวเรียวชะงักรอบสองที่เห็นพ่อลืมตาอยู่ เจ้าสัวเรียวน้ำตาร่วง ราพณ์ลงนั่งจับมือพ่อ
“ผมจะทำให้รามกลับมาเป็นน้องชายของผม ผมสัญญา”
เจ้าสัวเรียวกระพริบตาแทนการรับรู้
“คืนนี้ผมกับคุณหญิงจะเฝ้าป๊าเองนะครับ”
เจ้าสัวเรียวมองไปทางรสิกา เธออึกอักแล้วก็ยกมือไหว้ก่อนจะขยับไปนั่งที่โซฟาสายตาเจ้าสัวเรียวสลดลง รสิการู้สึกกดดันความรู้สึกผิดชอบชั่วดีตีกันยุ่งไปหมดไม่รู้จะทำตัวอย่างไร
เจ้าสัวเรียวหลับหายใจสม่ำเสมอ ราพณ์ขยับผ้าห่มให้แล้วหันไปมองรสิกาเห็นเธอนั่งพิงผนังหลับ เขาเดินไปนั่งข้างๆแล้วจับเธอพิงกับตนเองให้หลับสบายขึ้น ประตูห้องเปิดออกรัตนาวลีเข้ามาในห้อง ราพณ์จะขยับตัวทำให้รสิกาตื่น
“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะดูเจ้าสัวให้เอง คุณกับอ้ายกลับไปพักที่บ้านเถอะค่ะ คุณรุ้งบอกว่าพรุ่งนี้มีแถลงข่าวที่บริษัท คุณคงต้องเตรียมตัว”
รสิกาเห็นด้วย
“ถ้าอย่างนั้นตอนเช้าอ้ายจะแวะมาหาหม่อมแม่อีกทีนะคะ”
รัตนาวลียิ้มรับ
“จ๊ะ...”
รัตนาวลีเข้าไปนั่งข้างเตียงแทนที่ราพณ์ ส่วนราพณ์โอบรสิกาพาเดินออกไป รัตนาวลีหันกลับมาเห็นเจ้าสัวเรียวกำลังมองไปทางราพณ์กับรสิกา
“ฉันคิดว่าคุณราพณ์ทำลายกำแพงได้แล้วค่ะ ต่อไปนี้เขาสองคนจะเป็นคู่ชีวิต...อยู่เคียงข้างกันตลอดไป”
รัตนาวลียิ้มอ่อนโยน
“ฉันอยู่ตรงนี้นะคะ”
รัตนาวลีจับมือเจ้าสัวเรียว เขาบีบมือเธออย่างขอบคุณ
เช้าวันใหม่...มือของรามจับมือสิริโสภา รามนอนคว่ำหน้าหลับตาอยู่ค่อย ๆลืมตาเห็นสิริโสภาที่นอนลืมตามองอยู่ สิริโสภายิ้มให้อย่างอ่อนโยน เธอกางมือนิด ๆ ลูบจากหน้าผากของเขาลงมาที่ปากเบาๆ แล้ววางมือบนแก้มของเขา รามยิ้มรู้สึกอบอุ่น
“ผมอยากตื่นมาเจอคุณเป็นคนแรกทุกวัน...สิครับ เราอยู่ด้วยกันได้ไหม”
สิริโสภาจากที่ยิ้มน้อยๆ สีหน้าเปลี่ยนทำเป็นอึดอัดแล้วลุกจากเตียง เดินไปตรงมุมตู้เย็น
“หิวหรือยังคะ เดี๋ยวสิทำอาหารเช้าให้นะคะ”
รามตามมากอดด้านหลังของเธอ
“ผมพูดจริงๆ นะ ถ้าผมย้ายมาอยู่กับคุณ เราจะได้อยู่ด้วยกันทุกวัน...ไม่เหงา...”
สิริโสภาชะงักมือนิ่งไปคำพูดของรามทำให้นึกถึงตัวเองที่ต้องโดดเดี่ยวจากราพณ์ รามมองหน้าเห็นว่าสิริโสภาน้ำตาร่วง ร้องไห้เงียบๆ
“คุณร้องไห้ทำไม”
สิริโสภาตั้งสติกลับมาอยู่กับแผน
“สุดท้ายสิก็คงเป็นได้แค่นี้ อยู่ในมุมมืด” สิริโสภาปาดน้ำตา “ผู้หญิงโลว์โปรฟายด์ เดินด้วยมันก็คงไม่น่าภูมิใจ”
“ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับสิ ผมแค่อยากอยู่กับคุณ”
“ขอโทษนะคะ สิพยายามจะชิน แต่ก็ยังอดคิดไม่ได้”
“ผมจะทำให้ทุกคนรู้ว่าสิเป็นคนสำคัญของผม”
“แต่งงานเหรอคะ”
รามอึ้งไป สิริโสภาเศร้า
“เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ สิรู้ตัวดี เราสองคนต่างกันเกินไป รอแป๊บนะคะเดี๋ยวสิจะทำอะไรให้ทาน”
สิริโสภาเดินหนีใบหน้ายิ้มมั่นใจว่าต้องได้ผล รามคิดเครียด
เจ้าสัวเรียวค่อยๆ รู้สึกตัวตื่นมองรัตนาวลีที่นั่งฟุบหลับมือยังจับมือเขาไว้ รัตนาวลีขยับตัวเงยหน้าขึ้นมายิ้ม
“หิวไหมคะ เดี๋ยวฉันจะไปตามคุณพยาบาลให้นะคะ”
เจ้าสัวเรียวมองอย่างขอบคุณ รัตนาวลีลุกออกจากห้องไป เจ้าสัวเรียวมองตามสายตาผ่อนคลายลง เสียงเคาะประตูดังจากหน้าห้อง เจ้าสัวเรียวเหลือบตามองประตูห้องเปิดเป็นประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องเข้ามา
“สวัสดีครับเจ้าสัว” ประสิทธิ์ยิ้มเยาะ “มังกรหมดสภาพมันเป็นอย่างนี้นี่เอง”
เจ้าสัวเรียวสายตาแค้นเครียด ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องสะใจมาก
ราพณ์กับรสิกาเดินมาตามทางในโรงพยาบาล ระรินถือปิ่นโตใส่ของตุ๋นมา
“อาม่าลุกมาตุ๋นตั้งแต่ตีสี่ ป๊าได้กินต้องแข็งแรงแน่”
“เราต้องหมั่นแวะมาหาป๊าบ่อยๆ คุณหมอบอกว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ สักวันป๊าต้องกลับมาเป็นปกติได้แน่ๆ เฮียเชื่อแบบนั้น” ราพณ์มั่นใจ
“แต่มันยากนะเฮีย”
“คิดว่ายากก็ยาก คิดว่าง่ายก็ง่าย ถ้าเราเชื่อมั่นในความคิดมันต้องเป็นจริงได้แน่ค่ะ” รสิกาแนะ
“ท้อตั้งแต่คิดก็แพ้ตั้งแต่ไม่ลงมือทำแล้ว เข้าใจไหม” ราพณ์บอกน้อง
ระรินยิ้ม
“แหม...เข้าข้างกันสุดชีวิต สามีภรรยากันนี่คะ น้องสาวตัวคนเดียวจะไปสู้ได้ยังไง”
ราพณ์โยกหัวระริน
“ทั้งดื้อทั้งเถียงอย่างรินถ้าจะมีแฟน เฮียบอกได้เลยว่ายาก”
ระรินงอน
“เฮียอ่ะ”
ทั้งสามเดินมาถึงหน้าประตูชะงักที่ได้ยินเสียงจากด้านใน
“มังกรไม่มีเขี้ยวเล็บก็หล่นอันดับเป็นแค่กิ้งกือ...จริงไหมคะคุณพ่อ”
เสียงสุรีย์ส่องกับประสิทธิ์หัวเราะ ราพณ์รีบเปิดประตูเข้าไปทันที รสิกากับระรินตามเข้ามา ประสิทธ์กับสุรีย์ส่องชะงักไปนิดที่เห็นราพณ์แต่ก็เปลี่ยนเป็นไม่ยี่หระ ระรินตวาด
“พวกแกมาทำไม ออกไปเลยไป๊”
เจ้าสัวเรียวมองแค้นที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ ราพณ์จ้องหน้าสองพ่อลูก
“เราไม่อนุญาตให้คนนอกเข้าเยี่ยม เชิญ”
“ผมไม่ได้มาเยี่ยม แค่อยากมาเห็นกับตา...”
ทันใดนั้นเสียงรัตนาวลีดังขึ้น
“คุณประสิทธิ์พูดเหมือนมาดูผลงานของตัวเอง”
รัตนาวลีก้าวเข้ามาประจันหน้ากับประสิทธิ์อย่างไม่เกรง
“พูดให้ดีนะหม่อม ไม่อย่างนั้นผมจะฟ้องข้อหาหมิ่นประมาทได้”
รัตนาวลีสวนทันที
“ก็ดีนะคะ เป็นข่าวให้มันฉาวจะได้สาวต้นตอกันแบบลึก ๆ”
ราพณ์เสริม
“ผมเห็นด้วยนะครับ คุณประสิทธิ์ฟ้องได้เลย แฉกันไปมาจะได้รู้ว่างานนี้ใครจะเละกันแน่”
ประสิทธิ์มองรัตนาวลีอึ้งไปกับความกร้าวของเธอ สุรีย์ส่องเบี่ยงประเด็น
“หม่อมอานี่ดวงผู้หญิงกินผัวหรือเปล่าคะ แต่งกับใครก็ตายก็ง่อย”
ระรินโกรธมากแต่ช้ากว่ารสิกา
“หุบปากชั่วๆ ของเธอซะ ไม่อย่างนั้นฉันจะแจ้งความจับเธอข้อหาพยายามฆ่าฉัน”
ประสิทธิ์กับสุรีย์ส่องอึ้งไปชั่วขณะ ราพณ์กับรัตนาวลีตกใจแต่ใครก็หยุดรสิกาไม่ได้แล้ว
“แกพูดอะไรของแก”
รสิกาจ้องหน้าสุรีย์ส่อง
“พูดถึงผู้หญิงขี้แพ้ใจทรามอย่างเธอ ที่มีวิธีจะเอาชนะได้แค่ลอบกัดลับหลัง ไร้ศีลธรรมอย่างบ้านเธอจะเรียกว่างูเห่าก็ดูจะให้เกียรติเกินไป” รสิกามองประสิทธิ์อย่างไม่กลัว “ท่านปู่กับท่านพ่อคงไม่ทราบว่าเป็นญาติกับพวกลอบกัด”
ประสิทธิ์โกรธ
“รสิกา”
“แกคิดว่าพ่อผัวง่อยๆ ของแกจะคุ้มครองแกได้อีกหรือไง” สุรีย์ส่องโวยรัตนาวลี
ประสิทธิ์ปราม
“ยัยสุ”
ระรินโกรธมาก
“ออกไปเลยนะ...ไป”
ระรินโผเข้าผลักสุรีย์ส่องด้วยแรงโกรธ สุรีย์ส่องโดนผลักดันออกไปนอกห้อง
“อีบ้า”
รสิกากับราพณ์รีบตามออกไปกลัวระรินจะทำเกินกว่าเหตุ ประสิทธิ์จะก้าวตาม รัตนาวลีพูดขึ้น
“คุณประสิทธิ์”
ประสิทธิ์ชะงักหันมา
“ฉันเคยเสียท่านชายไปเพราะคุณ ฉันจะไม่ยอมเสียใครไปเพราะคุณอีก”
“อย่างเธอ” ประสิทธิ์มองที่เจ้าสัวเรียวอย่าผยองมาก “จะทำอะไรฉันได้”
“ลำพองไปเถอะค่ะ ฉันกับเจ้าสัวจะรอวันที่คุณเดินเข้าคุกเพราะสิ่งที่คุณทำ”
ประสิทธิ์มองเจ้าสัวเรียว เห็นสายตาที่ไม่ยอมแพ้และยืนหยัดตามคำพูดรัตนาวลี ประสิทธิ์ยิ้มเยาะ
“ถ้ามีวันนั้นนะ”
ประสิทธิ์มองทั้งรัตนาวลีกับเจ้าสัวเรียวด้วยความสะใจก่อนจะเดินออกไป เจ้าสัวเรียวหายใจถี่ด้วยความเครียดมือที่ขยับได้ของเขากำแน่น รัตนาวลีรีบขยับเข้ามาจับมือให้คลาย
“เจ้าสัว...ใจเย็นๆ นะคะ อย่าทำร้ายตัวเองด้วยความโกรธ ฉันและทุก ๆคนต้องการคุณนะคะ”
เจ้าสัวเรียวมองรัตนาวลีที่เป็นห่วงและกังวล เขาพยายามจะหายใจช้าลงจนกลับมาเป็นปกติ รัตนาวลีมองเจ้าสัวเรียวด้วยความเป็นห่วง
ระรินผลักสุรีย์ส่องล้มไปกับพื้น
“ไปให้พ้นเลยนะ นังบ้า”
สุรีย์ส่องลุกขึ้นมาแค้นมากจะโผเข้าตบ ระรินยืนเตรียมรับไม่ได้มีความเกรงกลัวสักนิด ราพณ์เข้ามาขวางปัดมือสุรีย์ส่องที่เหวี่ยงมาจนสุรีย์ส่องเซ
“คิดจะหมาหมู่งั้นเหรอ”
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้หญิงอย่างคุณจะมีการศึกษาและฐานะที่ดี คำพูดกับมารยาทหาค่าไม่ได้จริงๆ”
รสิกาตามเข้ามาเคียงข้างราพณ์
“กลับไปซะสุรีย์ส่อง ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทน”
“หึ...แกก็ได้แค่เห่า หลักฐานไม่มี พยานไม่มีจะทำอะไรฉันได้”
ราพณ์จ้องหน้า
“เงินคืออำนาจ ไม่เคยได้ยินคำนี้เลยเหรอ”
สุรีย์ส่องเชิด
“แกไม่ได้มีแค่คนเดียว”
รสิกาแทรกขึ้น
“คำว่า มี เธอเทียบกับใครล่ะ เทียบกับบริษัทนิตยสาร พิมพ์ขายเอง ซื้อเองของเธอหรือว่าบริษัทพร็อพเพอตี้ที่เข้ามหาชนไม่ได้สักทีอย่างคุณพ่อเธอล่ะ”
สุรีย์ส่องโกรธ
อ่านละคร สามี ตอน 10/4 วันที่ 18 ธ.ค. 56
ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชาละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ