@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร สามี ตอน 13/2 วันที่ 26 ธ.ค. 56

อ่านละคร สามี ตอน 13/2 วันที่ 26 ธ.ค. 56

รุ้งรายมองไปทางสิริโสภาว่าจะไม่พูดถ้าสิริโสภาอยู่ สิริโสภาจึงเดินขึ้นข้างบนไปเนียน ๆ ราพณ์มองตามอยากจะคุยแต่มองรุ้งรายรู้ว่ามีเรื่องสำคัญแน่
“เราได้ตัววศินแล้ว คุณวีกับพี่กันต์สอบสวนอยู่ที่เซฟเฮ้าส์”
“ดี...จะได้จัดการพวกมัน”

เสียงมือถือราพณ์ดังขึ้น ราพณ์มองแล้วกดรับ
“สวัสดีครับอาหมอ...” ราพณ์ตกใจ “มีเรื่องอะไรเหรอครับ”
รุ้งรายมองราพณ์ว่ามีเรื่องอะไร

แหววกำลังพยายามดม ๆ ที่ขวดน้ำหอม พระลบนอนอยู่บนเตียง เสียงรสิกาอาเจียนอยู่ในห้องน้ำ รัตนาวลีเดินเข้ามาได้ยินเสียงอาเจียน
“แหวว...คุณหญิงเป็นอะไร” รัตนาวลีถาม


“เหม็นกลิ่นน้ำหอมค่ะ แหววดมก็ไม่เหม็นนะคะ ขวดที่คุณหญิงใช้ประจำน่ะค่ะ”
รสิกาเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำ สีหน้าดูเพลียๆ
“อ้ายท้องใช่ไหม” รัตนาวลีถาม
รสิกาชะงักมองรัตนาวลีอย่างรู้ว่าปิดไม่ได้
แหววตื่นเต้นมาก
“ท้อง...แหววจะมีคุณหนูตัวน้อยแล้วใช่ไหมคะ อ๊าย...ถ้าคุณนมรู้ต้องดีใจมากแน่ๆ”
“อย่าเพิ่งบอกใครนะคะ...อ้ายมีเหตุผลที่ยังไม่บอกเรื่องนี้ อ้ายขอร้องนะคะ อย่าเพิ่งบอกใครแม้แต่คุณราพณ์”
รัตนาวลีมองรสิการู้ว่าต้องมีเรื่องที่เป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ
“จ๊ะ” รัตนาวลีรับคำ
“อีกเรื่องนะคะ พี่แหวว ต่อไปนี้ อย่าให้พระลบอยู่กับคุณสิสองต่อสองเด็ดขาด”
รัตนาวลีกับแหววยิ่งมองรสิกาด้วยความสงสัย แหววจะถาม รัตนาวลีแทรก
“แหวว พาคุณพระลบไปอาบน้ำที แหวว...ทำตามที่คุณหญิงสั่งด้วยนะ ดูแลคุณพระลบให้ดี”
“ค่ะ”
แหววรีบเข้าไปปลุกพระลบแล้วจูงพาเข้าไปในห้องน้ำ
“อ้าย...เรื่องของสิริโสภาเกี่ยวกับคุณราพณ์ใช่ไหม” รัตนาวลีถามทันทีที่อยู่ด้วยกันตามลำพัง
รสิกามองรัตนาวลีอย่างจำนน
“ใช่ค่ะหม่อมแม่ คุณราพณ์เคยเป็นสามีของสิริโสภาก่อนที่จะมาแต่งงานกับอ้ายค่ะ”
“อ้ายแยกแยะได้ใช่ไหมลูก อดีตกับปัจจุบัน”
“มันอาจจะมีบางวูบ แต่มันไม่ใช่เรื่องสำคัญที่จะทำร้ายใจอ้ายค่ะ”
“แต่มันมีเรื่องที่ทำร้ายใจอ้ายอยู่ใช่ไหมลูก”
“หม่อมแม่จำเรื่องคู่ทุกข์คู่ยากได้ไหมคะ...อ้ายไม่กลัวที่จะต้องผ่านความยากลำบากไปกับเขา อ้ายพร้อมที่จะสู้กับทุกปัญหาเพื่อประคับประคองครอบครัว แต่เขากลับไม่ไว้ใจอ้าย” รสิกาเสียใจ

“ใจเย็นๆนะลูก บอกแม่สิว่าเกิดอะไรขึ้น”
ราพณ์ขับรถ รุ้งรายนั่งอยู่ที่นั่งข้างคนขับ ทั้งคู่สีหน้าเครียด

“เฮีย เรื่องที่อาหมอบอก...”
ราพณ์นิ่งไม่ตอบ รุ้งรายถอนใจมองออกไปด้านนอก ต่างก็คิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งไปคุยกับหมอ
‘อาต้องการพบรามด่วน’
‘รามไม่อยู่ครับ อาหมอมีอะไรหรือเปล่าครับ’
หมอสีหน้าลำบากใจ
‘อายังพูดตอนนี้ไม่ได้ เอาเป็นว่าราพณ์รีบพารามมาโรงพยาบาลนะ’
‘ครับ’
ราพณ์กับรุ้งรายมองหน้ากันอย่างไม่สบายใจ

เสียงมือถือราพณ์ดัง เขากดรับ
“ว่าไงกันต์ ฉันจะทำให้มันพูดเอง” ราพณ์ตอบกลับไป
ราพณ์คิดว่าต้องเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด

วศินยังนิ่งมองราพณ์ กับกันต์ที่อยู่ตรงข้ามด้วยอาการกดดัน ตัวราพณ์เครียดมาก ด้วยหลายเรื่องรวมทั้งเรื่องราม จะไม่เสียเวลาอีกต่อไป
“ให้ตำรวจจับผมมาทั้งที่ไม่มีความผิด ผมแจ้งความข้อหาหมิ่นประมาท ทำหนังสือร้องเรียนว่าคุณกลั่นแกล้งประชาชน คิดจะบีบผมมันไม่ง่ายหรอก”
ราพณ์กระชากคอเสื้อวศิน เสียงเหี้ยมมาก
“แกไม่มีโอกาสนั้นแน่ เพราะถ้าแกไม่ร่วมมือกับตำรวจ หลักฐานที่ฉันมีจะเอานายประสิทธิ์ ชาญชัย กับแกขึ้นศาลรับโทษประหารชีวิตเท่านั้น”
วศินเริ่มกลัวลนลานที่ราพณ์ไล่รายชื่อได้ถูก
“ถ้าผมพูด ผมคงไม่ปลอดภัย มันไม่ปล่อยผมไว้แน่” วศินบอกเสียงสั่น
ราพณ์กับกันต์มองอย่างพอใจที่วศินยอมคายแน่แล้ว

รสิกานิ่งหลังจากที่เล่าทุกอย่างจบ มองรัตนาวลีอย่างต้องการคำปรึกษา
“โกรธว่าเขาไม่ไว้ใจ...แล้วที่อ้ายทดสอบคุณราพณ์ล่ะลูก ลูกให้ความไว้ใจเขาแล้วเหรอ” รัตนาวลีถาม
“อ้ายไว้ใจเขานะคะ แต่...”
“ถ้าไว้ใจจริงๆ จะไม่มีคำว่าแต่ ถ้าไว้ใจหมายความว่าเชื่อโดยไม่มีข้อแม้ เข้าใจไหมไหมอ้าย”
“อ้ายอยากเป็นภรรยาที่ยืนข้างเขาด้วยความภูมิใจ แต่เขาทำให้อ้ายเหมือนเป็นแค่เครื่องประดับ ไม่มีความหมาย”
“อย่าฟุ้งซ่านอ้าย ตอนอ้ายไม่รักเขา อ้ายก็ว่าเขาดูถูก พออ้ายรักเขาอ้ายก็ว่าเขาไม่ไว้ใจ เพราะเราไม่ไว้ใจ เราถึงได้คิดว่าเขามองเราในแง่ลบทั้งที่อ้ายยังไม่ได้คุยกับคุณราพณ์สักคำ ยังไม่ได้ถามเขาว่าจริง ๆ แล้วมันคืออะไร สิ่งที่ทำร้ายใจอ้าย ทำลายครอบครัวคือสิ่งที่อ้ายคิดไปเองคนเดียวทั้งนั้น”
“อ้ายไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงดี”
“สิ่งที่ทำให้ความรักล้มเหลว คือการปล่อยให้ความระแวงและทิฐิกัดกินความเชื่อใจและความรักให้ตายลงอย่างช้าๆ โดยที่ไม่ยอมพูดความรู้สึกจริงๆ ต่อกัน”
รสิกาจะแย้ง
“อ้าย..แม่เคยทำให้เราสองคนต้องทุกข์เรื่องของเจ้าสัว เพียงเพราะแม่ไม่กล้าพูดความจริงจนเกือบสายไป”
“อ้าย...”
“ถ้าอ้ายรักครอบครัวก็ทิ้งกำแพงที่อ้ายสร้างซะ เกียรติยศศักดิ์ศรีถ้ามีไว้กับตนต้องสร้างความสุขความภูมิใจ แต่ถ้ามีไว้แล้วทุกข์ใจ แม่เรียกมันว่าทิฐิ กว่าจะรักกันมันยากก็จริงนะลูก แต่การจะรักกันให้ยาวนานยิ่งยากกว่า อ้ายจะรักษาหรือจะทำลาย อ้ายเป็นคนเลือกนะลูก”
แหววพาพระลบออกมา
“พระลบลงไปกับอาม่านะครับ” รัตนาวลีพูดกับรสิกา “คิดให้ดีนะลูก”
รัตนาวลีออกไปพร้อมกับพระลบ แหววตามไป รสิกาคิดอย่างตัดสินใจว่าจะต้องทำให้ทุกอย่างดีขึ้นให้ได้

รสิกาคุยโทรศัพท์ออกมาจากห้อง
“ระวังตัวด้วยนะคะคุณราพณ์ ฉันเข้าใจค่ะ”
รสิกากำลังจะก้าวลงบันได สิริโสภาก้าวเข้ามายืนด้านหลังรสิกา รสิการู้สึกแปลกๆ หันกลับมาเจอสิริโสภาที่ยืนในระยะที่ใกล้มาก รสิกาก้าวพลาดจนเกือบกลิ้งลงบันได
“ว้าย”
รสิกาคว้าราวบันไดไว้ได้ทัน
สิริโสภา หลอนใส่
“ระวังหน่อยสิคะ บันไดสูงแบบนี้...ตกลงไป คนท้อง...ก็แท้งได้เลยนะคะ”
รสิกาอึ้ง สิริโสภาเดินแซงรสิกาลงบันไดไป รสิการู้สึกระแวงสิริโสภามาก เธอรู้สึกเจ็บที่ท้องนิดๆ รสิกากังวล

รสิกาไปตรวจที่โรงพยาบาล ถามหมอด้วยความกังวล
“เป็นยังไงบ้างคะ ปลอดภัยไหมคะ”
“หมออัลตราซาวน์ดูแล้ว เด็กปกติดีนะคะ แต่ที่อาการมดลูกบีบรัดตัวทำให้คุณแม่ปวดท้อง อาจจะเกิดจากอาการเครียดน่ะค่ะ คุณแม่ต้องดูแลสุขภาพกาย สุขภาพใจนะคะ เพราะจะมีผลกับเด็ก...”
รสิการับฟังรู้สึกกังวล

รสิการับยาจากช่องรับยา แล้วถอนใจพยายามผ่อนลมหายใจให้ตัวเองรู้สึกสบายขึ้น เธอจะเดินออกไปที่ลานจอดรถ ชะงักที่เห็นมานพเดินมาหา
“สวัสดีครับ คุณหญิง”
รสิกาตกใจที่เห็นมานพ
“คุณหญิงไม่สบายเหรอครับ แล้วนี่ราพณ์มาด้วยหรือเปล่าครับ”
“เปล่าค่ะ ฉันมาเยี่ยมเพื่อนน่ะค่ะ แล้วคุณนพ”
“ผมมาเฝ้าแก้วน่ะครับ”
“คุณแก้วเป็นอะไรเหรอคะ”

มานพยิ้ม
รสิกาไปเยี่ยมแก้วพร้อมมานพ พบว่าแก้วเพิ่งคลอดลูก เพราะเมื่อครั้งที่พบแก้ว เธอไม่ได้สังเกตว่าแก้วท้องอยู่

“ผู้ชายหรือผู้หญิงคะ” รสิกาถาม
“ผู้ชายครับ”
“คุณราพณ์รู้หรือยังคะ”
“ยังครับ เห็นมันยุ่ง ๆ ผมเลยไม่อยากรบกวน”
“น่ารักน่าชังจริงๆ เลยค่ะ”
“คุณหญิงลองอุ้มไหมคะ” แก้วชวน
รสิกาลังเล อยากอุ้ม
“น้องตัวเล็กจังเลยค่ะ .....” รสิกากลัวทำหลุดมือ
“ลองอุ้มได้ครับ” มานพบอก
รสิกาตัดสินใจเข้ารับเด็กมาลองอุ้ม เธอรู้สึกอบอุ่นมาก
“ตอนแก้วคลอด ผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูกเลย” มานพเล่า
“บอกคุณหญิงไปสิคะว่าคุณจะเป็นลม” แก้วแหย่
มานพเขิน ๆ
“ผมว่าเป็นทุกคนล่ะครับ ไอ้ราพณ์ก็คงเหมือนกัน คุณหญิงมีน้องเมื่อไหร่ มันคงไม่เป็นอันทำงาน”
รสิกาชะงักไปนิด มือเผลอเลื่อนแตะที่ท้อง แก้วสังเกตเห็น
“มีวี่แววบ้างไหมครับคุณหญิง” มานพถาม
รสิกาสีหน้าลำบากใจ แก้วแทรก
“นพคะ...แก้วอยากได้น้ำผลไม้ นพไปซื้อให้แก้วหน่อยนะคะ”
มานพไม่ได้เฉลียวใจว่าถูกไล่ทางอ้อม
“ได้จ้ะ คุณหญิงจะดื่มน้ำอะไรไหมครับ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” รสิกาพูด
มานพออกไป รสิกาสนใจทะนุถนอมกับทารกในอ้อมแขน
“คุณหญิงจะบอกเรื่องลูกกับคุณราพณ์เมื่อไหร่คะ”
รสิกาชะงักมองแก้ว ตกใจที่แก้วรู้

ราพณ์กับกันต์เดินออกมาจากห้องที่ขังวศินไว้ ปฐวีกับรุ้งรายเข้ามาอย่างกระตือรือร้น
“ได้เรื่องแล้วใช่ไหมเฮีย” รุ้งรายถาม
ราพณ์กับกันต์ยิ้มอย่างพอใจกับผลงาน
“คุณราพณ์ สารวัตร ผมเป็นห่วงพ่อ มิสเตอร์หยางตามเล่นงานพ่อผม ผมอยากให้พ่ออยู่ในการควบคุมของตำรวจเร็วที่สุด” ปฐวีบอก
“ฉันจะรวบรวมหลักฐานทั้งหมดแล้วขอหมายจับ ส่วนทางนี้ฉันจะส่งลูกน้องมาดูแล” กันต์บอก
“ผมจะช่วยดูแลให้ก่อน” ปฐวีอาสา
“แล้วติดต่อกันอีกที” ราพณ์มองปฐวี “คุณวี ผมขอบคุณคุณมาก”
ราพณ์หันไปบอกกันต์
“ได้เรื่องยังไงก็ติดต่อกันอีกที”
“เฮีย..จะไปตามรามใช่ไหม รุ้งไปด้วย”
รุ้งรายเดินตามราพณ์
“เฮียรู้เหรอว่าจะไปตามเจ้ารามที่ไหน”
ราพณ์มองตอบมั่นใจว่ารู้แน่นอน

รสิกาส่งเด็กทารกให้กับแก้ว
“ฉันไม่อยากให้เขาเป็นกังวล...เขามีเรื่องต้องคิดมากแล้ว”
“ไม่ใช่เพราะคุณหญิงไม่มั่นใจเหรอคะ”
“ฉันกำลังพยายามจะเข้มแข็งเพื่อลูก...”
“เพื่อตัวคุณหญิงกับคุณราพณ์ด้วยค่ะ ลูกไม่ได้ทำให้เรายังผูกพันกับสามีหรอกนะคะ ความรักที่คุณหญิงมีต่อคุณราพณ์ต่างหากที่ทำให้คุณหญิงพยายามที่จะเข้มแข็ง สำหรับแก้วลูกไม่ใช่โซ่ทองคล้องใจแต่เขาเป็นพยานของความรัก ที่แก้วมีกับนพ ยอมรับหัวใจตัวเองเถอะค่ะว่า ที่คุณหญิงสู้อยู่ไม่ใช่เพราะคนอื่นแต่เป็นเพราะใจของคุณหญิงเอง”
“วันที่คุณแก้วคลอดคงเป็นวันที่คุณแก้วมีความสุขที่สุด...”
“ไม่ใช่ค่ะ วันที่แก้วบอกกับนพว่าแก้วท้อง เขาดีใจมาก วันที่แก้วเห็นความดีใจของเขา คือความสุขที่สุดของแก้ว เห็นคนที่เรารัก รักเราและดีใจกับการที่เราจะมีพยานของความรัก”
รสิกาฟังแก้วคิดตาม
“บอกกับคุณราพณ์สิคะ แล้วคุณหญิงจะได้รู้ว่าความสุขที่สุดของคุณหญิงคืออะไร”
รสิกามองแก้วกับลูกอย่างคิดหนัก

รามนอนอยู่บนดาดฟ้าตึกแถวเก่าๆ ไข้ขึ้น อ่อนเพลีย ราพณ์วิ่งขึ้นมาด้านบน รุ้งรายตามมาทั้งคู่ชะงักที่เห็นรามนอนฟุบอยู่บนตึก
“ราม” ราพณ์วิ่งเข้าไปประคองราม
รามยังมีสติ พยายามมอง
“เฮีย...เจ้”
“แกมานอนทำอะไรที่นี่”
รุ้งรายจับแขนรู้สึกว่าตัวร้อน ลองเอามือแตะที่หน้าผากและช่วงคอ
“ตัวร้อนมากเลยเฮีย พามันไปโรงพยาบาลเถอะ”
ราพณ์จะประคองรามให้ลุกแต่รามขืนไว้ไม่ยอมไป
“เฮีย ผมขอโทษ...ขอโทษ”
ราพณ์กับรุ้งรายมองไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น
“แกพูดเรื่องอะไร ราม..”
“ผมขอโทษแทนม๊าด้วย เฮียอย่าเอาเรื่องม๊าผมนะ”
ราพณ์กับรุ้งรายมองหน้ากัน
“แกรู้ใช่ไหมว่าคุณลินดา...”
“ผมขอโทษ...เฮียอย่าจับม๊าผมนะ ผมขอร้อง”
“เรื่องนั้นไว้ก่อนเถอะ แกตัวร้อนมาก ไปหาหมอนะราม” รุ้งรายตัดบท
รามไม่ยอม ขอร้องเต็มที่
“เฮียกับเจ้ต้องรับปากผมก่อน ว่าจะไม่เอาเรื่องม๊า รับปากผมสิ”
“ราม...” ราพณ์หนักใจ
“ถ้าไม่รับปาก ก็ปล่อยให้ผมตายตรงนี้..ผมจะตายชดใช้ความผิดแทนม๊าเอง”
“แกจะบ้าหรือไงราม พวกเจ้จะไม่ปล่อยให้แกตายแน่ๆ ลุกขึ้น” รุ้งรายพยายามเรียก
“ไม่...ผมเหลือม๊าแค่คนเดียว...ผมยอมให้ม๊าติดคุกไม่ได้ เฮียรับปากผม”
ราพณ์คิดหนัก รามใช้แรงที่มีทั้งหมดเขย่าพี่ชาย
“รับปากผมสิเฮีย...รับปากผม”

แล้วรามหมดสติร่วงลงไปทันที ราพณ์กับรุ้งรายมองรามที่หมดสติด้วยความเป็นห่วง
รสิกาเดินออกมาจากห้องนอน เจอกับแหววที่ถือแก้วนมขึ้นมา

“นมอุ่นๆ ของคุณพระลบมาแล้วค่ะ”
“คุณราพณ์กลับเข้ามาหรือยังคะพี่แหวว”
“ออกไปกับคุณรุ้งตั้งแต่เย็นยังไม่กลับเข้ามาเลยค่ะ”
รสิกาคิด ๆ ไม่สบายใจว่าราพณ์ทำไมยังไม่กลับ รสิกากับแหววมาถึงหน้าห้องพระลบ แหววเปิดประตู
“นมอุ่นๆ มาแล้วค่า คุณ...” แหววชะงักที่เห็นสิริโสภาอยู่ในห้อง
รสิกามองเข้าไปชะงักที่เห็นสิริโสภานั่งอยู่ข้างพระลบที่กำลังดื่มนมอยู่ แหววหน้าเสีย
“สิเอานมมาให้พระลบแล้วค่ะ”
รสิกามอง สิริโสภายิ้มเย้ย
“ลูกของราพณ์ก็เหมือนลูกของฉันเหมือนกัน หม่าม๊าสิไปก่อนนะครับพระลบคนเก่ง”
รสิกาสะดุดกับคำว่าหม่าม๊าสิ มองหน้าสิริโสภาที่ยิ้มท้าทาย
“ครับ” พระลบตอบรับ
สิริโสภาเดินเฉียดรสิกาออกไป สบตากับรสิกาอย่างตั้งใจประกาศว่าจะไม่หยุด

อ่านละคร สามี ตอน 13/2 วันที่ 26 ธ.ค. 56

ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชา
ละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ