@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร สามี ตอน 13 วันที่ 26 ธ.ค. 56

อ่านละคร สามี ตอน 13 วันที่ 26 ธ.ค. 56

“แก้วว่าไม่น่าจะใช่เรื่องนี้นะคะ ไว้ใจกับศรัทธาของคุณหญิงอาจจะหมายถึงความไว้ใจที่สามีมีต่อภรรยา เชื่อมั่นว่าภรรยาคือคนที่เคียงข้างและช่วยกันแก้ปัญหาของครอบครัว”
มานพพยายามบอกใบ้เต็มที่

“อาจจะหมายถึงว่าอย่ามีความลับต่อกันหรือเปล่าวะ อะไรที่แกปิดก็เปิด ๆ ให้มันโปร่งใสซะทีสิวะ”
“ไม่ สิริโสภาเป็นปัญหาของฉัน คุณหญิงไม่ควรจะต้องมารับรู้เรื่องนี้ ฉันจะแก้ไขมันเอง”


“คุณเห็นคุณหญิงเป็นแค่คู่รัก หรือว่าคู่ชีวิตล่ะคะ”
ราพณ์มองแก้วว่าหมายความว่ายังไง
“คู่รัก ก้าวข้ามความเป็นคนแปลกหน้าด้วยภาพสวยงาม ที่ต่างคนสร้างขึ้นเพื่อเป็นคนคุ้นเคย ส่วนคู่ชีวิต ก้าวข้ามจากคนคุ้นเคยด้วยการร่วมทุกข์ร่วมสุขจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของกันและกัน คุณมองว่าคุณหญิงเป็นคู่แบบไหนคะ”
มานพกับราพณ์หันมองแก้วอึ้งๆ
“คุณกับคุณหญิงผ่านเรื่องร้ายๆ มาไม่น้อย แก้วเชื่อว่าถ้าคุณสารภาพและต้องการแก้ไขจริง ๆ คุณหญิงจะยอมอภัยให้กับคุณ แต่ถ้าคุณรอให้คุณหญิงฟังจากปากคุณสิ ถึงตอนนั้นแก้วไม่แน่ใจนะคะว่าคุณจะได้ โอกาสแก้ตัวอีกครั้ง”
ราพณ์หนักใจมาก
“แกจะเอายังไง สิริโสภาแสดงออกชัดเจน การที่คุณหญิงไม่พูด เขาอาจจะรอแกอยู่”
“ให้รู้จากปากคุณราพณ์ดีกว่ารู้จากปากคนอื่น”
“นักโทษรับสารภาพยังลดโทษกึ่งหนึ่งนะเว้ย”
ราพณ์ตัดสินใจ
“หลังเคลียร์กับสิแล้วฉันจะไปคุยกับคุณหญิง”
มานพกับแก้วมองหน้ากันว่าหวังว่ามันจะไม่สายเกินไป

วศินถูกพามาที่เซฟท์เฮ้าส์ของราพณ์ เขาโวยวายลั่น พยายามจะเปิดประตู แต่ประตูถูกล็อคไว้
“ปล่อยนะเว้ย จับกูมาคิดจะเก็บกูใช่ไหม ถ้ากูหลุดไปได้ พวกมึงตายแน่” วศินทุบไม่ยั้ง
ปฐวี รุ้งราย กันต์ยืนมองอยู่ด้านนอก
“คุณเชื่อว่านายวศินจะรู้เรื่องใช่ไหม” กันต์ถาม
“ตามที่คุณรุ้งเล่ารายละเอียดมา นายวศินจะต้องเป็นตัวเบี่ยงเบนความสนใจวันที่เกิดเรื่อง ถ้าทำให้วศินยอมสารภาพ ทุกอย่างก็จะชัดเจนว่าคนผิดคือใคร”
“ผมจะลองดู”
กันต์เดินเข้าไปในห้อง รุ้งรายรู้สึกเป็นห่วงปฐวี
“คุณแน่ใจแล้วเหรอที่จะทำแบบนี้ถ้า...พ่อคุณเป็นคนทำจริง ๆ”
ปฐวีชะงัก
“คุณยอมรับมันได้เหรอ”
“ผมทำให้พ่อเปลี่ยนใจไม่ได้ แต่ผมก็ยอมให้พ่อทำผิดไปมากกว่านี้ไม่ได้”
รุ้งรายจับมือปฐวีอย่างเป็นกำลังใจ
“ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องยากสำหรับคุณ ฉันจะอยู่ข้างคุณนะคะ”
ปฐวีมองรุ้งรายอย่างขอบคุณ

รสิกาอยู่ที่มุมกาแฟกำลังจะเทน้ำผลไม้ดื่ม สิริโสภาเข้ามาหยุดมอง รสิกามองตอบไม่หลบตา
“กาแฟไหมคะคุณหญิง” สิริโสภายิ้ม
“ไม่ค่ะ ฉันไม่อยากดื่ม”

“ไม่อยากดื่ม หรือว่าดื่มไม่ได้คะ”
รสิกามองสิริโสภาคิดว่าถึงเวลาแล้ว

“ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็เป็นเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณสินี่คะ”
“บางทีมันอาจจะเกี่ยวอย่างที่คุณหญิงคาดไม่ถึงก็ได้นะคะ”
“ถ้ามันจะเกี่ยวจริง ๆ ฉันก็ไม่สนใจหรอกค่ะ เพราะวันนี้คุณราพณ์เลือกฉันแล้ว”
สิริโสภาหันขวับมองรสิกา
“เลิกทำตัวอยู่ในที่ลับ ทั้งที่มันไม่ได้เป็นความลับแล้วเถอะค่ะ”
“ฉันดีใจนะคะที่คุณหญิงฉลาดขึ้นมาบ้างแล้ว”
“ฉันแค่ไม่อยากพูด เพราะฉันสงสาร...”
สิริโสภากระตุกด้วยความโกรธ
“สงสารงั้นเหรอ”
“ค่ะ...ฉันสงสารที่คุณต้องสูญเสีย”
“คืนของฉันมาสิ คืนเขามา...”
“คุณราพณ์ไม่ใช่สิ่งของ เขาอยู่กับฉัน เพราะเขาต้องการที่จะอยู่ แต่ถ้าเขาไม่อยากอยู่แล้ว ต่อให้ฉันไล่ตามยังไงก็ไม่มีวันได้เขาคืนมา...”
สิริโสภาเจ็บสะเทือนกับคำพูดของรสิกา แต่ไม่ยอมแพ้จะต้องชนะรสิกาให้ได้
“คุณหญิงคงคิดว่าคุณเหนือกว่าฉันมากงั้นสิ ทั้งที่เราก็โดนซื้อมาเหมือนกัน”
รสิกานิ่งไป สิริโสภารู้ว่าเข้าจุดแล้วขยี้ต่อ
“ถึงฉันจะไม่มีทะเบียนการันตี แต่มันก็ทำให้ฉันรู้ว่าสำหรับราพณ์ คุณกับฉันก็มีค่าตัวเหมือนกัน”
“แต่วันนี้เขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาใช้ความรักซื้อใจฉัน ไม่ใช่เงิน”
สิริโสภาหัวเราะ
“นี่คุณหญิงกำลังบอกฉันว่า เพราะคุณทำให้ราพณ์เปลี่ยนไปใช่ไหม คุณคงพิเศษมากจนเปลี่ยนสันดานของผู้ชายคนนึงได้ ฉันจะทำให้คุณเห็นว่าคุณไม่ได้วิเศษขนาดนั้นหรอก”
รสิกามองสิริโสภาว่าจะทำยังไง สิริโสภามองตอบอย่างท้าทายว่ากล้าไหม

ราพณ์ มานพ และแก้วนั่งรอ ครู่หนึ่งสิริโสภาเข้ามา
“สวัสดีค่ะมานพ สบายดีนะคะ” สิริโสภามองแก้ว “นี่คงเป็นภรรยาคุณนพ ยินดีด้วยนะคะที่คุณมีสามีดี อย่างน้อยก็ดีกว่าฉัน”
ราพณ์ตั้งสติมาก
“อย่าเรียกร้องในสิ่งที่ผมให้คุณไม่ได้”
สิริโสภาบีบน้ำตา
“สิจะไปเรียกร้องอะไรได้ล่ะคะ ผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างสิ แค่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ สิยังทำไม่ได้เลย” “คุณพร้อมจะเริ่มต้นชีวิตใหม่แล้ว”
“ค่ะ...”
ราพณ์ มานพ แก้วมองสิริโสภาอย่างไม่อยากเชื่อ สิริโสภาก้มหน้า แต่สายตามองมือถือในกระเป๋าเห็นที่หน้าจอโทรศัพท์ว่ากำลังเชื่อมต่อ โทรออกไปหาเบอร์รสิกาไว้อยู่แล้ว
ด้านนอกรสิกายืนอยู่ในมุมที่มองเข้าไปข้างในเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ในมือรสิกามีโทรศัพท์มือถือที่กำลังฟังการสนทนาจากภายใน
รสิกาตามองข้างใน มือที่กำโทรศัพท์เกร็งแน่น
“อย่านะคะ...ราพณ์”
ด้านในราพณ์ตัดสินใจ
“คุณต้องการเท่าไหร่”
รสิกาอึ้งที่ราพณ์ใช้เงินจบปัญหา
“คุณคิดว่าชีวิตของสิมีค่าแค่ไหนล่ะคะ”
ราพณ์มองสิริโสภาด้วยความเห็นใจ ราพณ์ตัดสินใจหยิบเช็คขึ้นมาลงตัวเลขแล้วเซ็นลายเซ็นก่อนจะส่งให้สิริโสภา รสิกาตะลึงกับสิ่งที่ราพณ์ทำ
“คุณราพณ์....”
สิริโสภารับมามองตัวเลขในเช็ค
“ขอให้คุณโชคดี...แล้วเรื่องของราม”
“ฉันจะจัดการเองค่ะ ขอบคุณนะคะราพณ์ ขอบคุณจริงๆ”
สิริโสภาเดินออกจากร้านไป ราพณ์ มานพ แก้วมองตาม
“ถ้าเคลียร์กับคุณสิเรียบร้อยแล้ว เรื่องคุณหญิงคุณจะสารภาพไหมคะ”
“ผม...”
“ความลับ..ทำลายความรักมาหลายคู่แล้วค่ะ คุณเลือกเองเถอะค่ะ”
ราพณ์มองอย่างหนักใจว่าจะเอายังไงดี

สิริโสภาเดินเข้ามาเห็นรสิกายืนนิ่ง ที่มือรสิกายังถือมือถืออยู่ รสิกามองสิริโสภาที่มองมาอย่างสะใจ รสิกาเสียความมั่นใจ เสียศูนย์
“ราพณ์สามีของเรา เขาตีค่าของผู้หญิงที่เคยอุ้มท้องทายาทของลิ้มวัฒนาถาวรกุลไว้สิบล้าน....ของคุณหญิงแปดสิบล้านใช่ไหมคะ เห็นแล้วใช่ไหมคะ ถึงราคาต่างกัน แต่ศักดิ์ศรีถูกตีค่าเป็นเงินไม่ได้ต่างกันเลย”
สิริโสภายกเช็คขึ้นมา
“ราพณ์คือผู้ชายคนเดียวที่ฉันรัก คือคนที่ฉันอยากจะอยู่ไปด้วยตลอดชีวิต ฉันยอมแลกทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อเขา”
สิริโสภาฉีกเช็ค แล้วส่งเช็คที่ถูกฉีกให้กับรสิกา
“ฝากไปคืนสามีฉันด้วยนะคะ บอกเขาว่า ฉันจะรักเขาคนเดียว...ตลอดไป”

รสิกาเดินจากไป รสิกายืนอึ้งน้ำตาร่วงด้วยความเจ็บปวดผิดหวังในตัวราพณ์เหลือเกิน
รสิกากลับมาที่ห้องทำงาน ระรินนั่งรออยู่แล้ว

“คุณหญิงคะ...คุณสกรรจ์โทรมาถามความคืบหน้าเรื่องงานของเขาค่ะ”
“เดี๋ยวพี่จะโทรกลับไปเองนะคะ”
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าคะ ดูหน้าซีด ๆ”
“อากาศมันร้อนน่ะค่ะ นั่งสักพักก็คงหาย น้องรินไปทานข้าวเถอะค่ะ ยังไม่ได้ทานไม่ใช่เหรอ”
“แต่...”
“พี่ไม่เป็นไร” รสิกาเสียงแข็งขึ้นมานิด
ระรินชะงักไปนิด
“ไปเถอะค่ะ” รสิการู้สึกตัว
ระรินจำต้องออกไป
รสิกานั่งนิ่งไม่ขยับนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา สุรีย์ส่องยิ้มเยาะ
‘เธอคงคิดว่าราพณ์มันรักมันหลงเธอ แล้วจะคุ้มหัวเธอไปได้อีกนาน ฉัน...จะรอวันที่แกพลิกคว่ำไม่เป็นท่าเพราะไอ้ราพณ์’
สิริโสภาสะใจสิ่งที่เกิดขึ้น...
‘วันที่เขาบอกรักฉัน เขาบอกว่าเขามีเงินมากพอที่จะดูแลฉันไปชั่วชีวิต แต่วันที่เขาเปลี่ยนใจไปรักคุณ เขาก็เลือกที่จะใช้เงินไล่ฉันออกไปจากชีวิตของเขา เช็คใบนี้...เขาตีค่าของผู้หญิงที่เคยอุ้มท้องทายาทของลิ้มวัฒนาถาวรกุลไว้สิบล้าน ของคุณหญิงแปดสิบล้านใช่ไหมคะ เห็นแล้วใช่ไหมคะ ถึงราคาต่างกัน แต่ศักดิ์ศรีของเราถูกตีค่าเป็นเงินไม่ได้ต่างกันเลย’
รสิกาเจ็บปวดมองเช็คของสิริโสภาที่ถูกฉีกขาดในมือ เธอกำเช็คแน่น เจ็บปวด เพราะในความเป็นจริงก็โดนใช้เงินซื้อมาเหมือนกัน ลุกขึ้นหันหลังให้กับทางหน้าห้อง มองออกไปทางหน้าต่าง ปล่อยน้ำตาไหลออกมาเงียบๆ

ราพณ์นั่งนิ่ง จนมานพกับแก้วมองอย่างไม่เข้าใจ
“เคลียร์สิริโสภาไปได้แล้ว แกไม่ดีใจเหรอ”
“ฉันรู้สึกผิด...ฉันทำลายอนาคตของสิ ถ้าตอนนั้นฉันไม่เห็นแก่ความสุขส่วนตัวดึงเขามาอยู่กับฉัน ป่านนี้เขาก็คงเป็นนักบัญชีอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ไปแล้ว ส่วนคุณหญิง ฉันรู้สึกผิดที่ดึงเขาลงมา เขาต้องเสียชื่อเสียง แล้วถ้าเขารู้ว่าฉันโกหก เขาคงเสียใจ”
แก้วกับมานพมองหน้ากัน
“มาถึงตอนนี้มันแก้ตัวอะไรไม่ได้แล้ว”
“มีแต่ต้องเริ่มแก้ไข รักษาสิ่งที่มีไว้ให้ดีที่สุด คุณหญิงอาจจะรอคุณอยู่นะคะ” แก้วพยายามพูด
“เคลียร์ให้เรียบร้อยจะได้สบายใจสักที” มานพเสริม
“ขอบใจแกมาก ขอบคุณนะครับคุณแก้ว”
มานพกับแก้วยิ้มอย่างยินดี ราพณ์กลับไป
“หวังว่าจะไม่สายเกินไปนะคะนพ” แก้วบอกอย่างไม่สบายใจ
มานพได้แต่ถอนใจ ไม่แน่ใจ

รสิกามองเช็คที่ฉีกขาดในมือ โกรธมากมือกำเช็คแน่นจะปาทิ้งแต่....นึกถึงคำพูดของแม่
‘แม่รู้ว่าอ้ายเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม่ก็เสียใจ แต่ถ้าเราปล่อยให้ความเสียใจทำร้ายตัวเรา แล้วครอบครัวของเราจะเป็นยังไง อ้ายเป็นภรรยา คุณราพณ์เป็นสะใภ้ใหญ่ของบ้านนี้ อ้ายต้องเป็นหลักให้กับสามีและครอบครัว เป็นคู่ทุกข์คู่ยาก’
‘คู่ทุกข์คู่ยาก’
‘แม่เชื่อว่าอ้ายพบความสุขในชีวิตคู่แล้ว แต่คู่ชีวิตที่แท้จริงจะต้องร่วมทั้งสุขและทุกข์ ทุกข์คือสิ่งที่ผ่านไปได้ด้วยความยากลำบาก วันนี้คุณราพณ์กำลังเจอทุกข์ อ้ายกลัวความยากลำบากหรือเปล่าลูก’
รสิกาได้คิด ๆ ค่อยๆ ลดมือลงอย่างตัดสินใจ
“อ้ายจะผ่านไปให้ได้....”
รสิกาเก็บกระเป๋าลุกออกจากห้องไป

รสิกาขับรถอย่างเครียด ๆ เสียงมือถือดัง เธอตัดสินใจกดรับเมื่อเห็นเป็นชื่อราพณ์
“คุณหญิง...ผมกำลังจะเข้าไปรับคุณ อีกสิบนาทีก็ถึงหน้าออฟฟิศแล้วนะครับ”
รสิกาหน้าตึง ยังไม่อยากคุยด้วยตอนนี้
“ไม่ต้องค่ะ ฉันกำลังกลับ” รสิกาเสียงแข็ง
“คุณหญิงเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” ราพณ์รู้สึกสะดุดกับน้ำเสียง
“ฉันไม่เป็นไรค่ะ แค่นี้ก่อนนะคะ” รสิกาวางสาย
“เดี๋ยวสิครับ คุณหญิง...คุณหญิง”
ราพณ์งง ไม่เข้าใจว่ารสิกาเป็นอะไร เขากังวลรีบขับรถกลับ

รสิกาขับรถเข้ามาจอดที่หน้าตึก รถราพณ์แล่นตามเข้ามาด้วยความเร็วจอดต่อท้าย รสิกาลงจากรถสีหน้านิ่ง ราพณ์รีบลงจากรถเดินเข้ามาหา
“คุณหญิง คุณมีเรื่องอะไรใช่ไหมครับ”
รสิกามองราพณ์พยายามเก็บอารมณ์เต็มที่
“ไม่มีอะไรค่ะ”
รสิกาจะเข้าตึก แต่ราพณ์ขวางไว้
“ไม่จริง...มันมีอะไรแน่ๆ บอกผมเถอะครับคุณหญิง”
“ไม่มีค่ะ”
รสิกาเดินจะไป ราพณ์ดึงไว้
“คุณหญิง”
รสิกาสะบัดอย่างหงุดหงิดทันที มองเขาด้วยสายตาเย็นชา
“ฉันเหนื่อย แล้วก็คิดถึงพระลบ ขอยังไม่คุยตอนนี้นะคะ”
ราพณ์ชะงักอึ้งมองรสิกาอย่างไม่เข้าใจว่าเป็นอะไร
“คุณหญิง...ทำไม...”

รสิกาหันหลังเดินเข้าตึกเป็นการตัดบท ราพณ์มองอึ้งๆ ที่เธอตัดบท ทั้งที่ยังพูดกันไม่รู้เรื่อง รีบเดินตามไป
ราพณ์กับรสิกาเข้ามาในห้องรับแขก ชะงักที่เห็นพระลบนอนหลับอยู่บนตักสิริโสภา ราพณ์ตะลึงที่เห็นสิริโสภายังอยู่

“สิ”
รสิกาเห็นสิริโสภาดูเข้าถึงตัวพระลบมากไปแล้ว เธอเข้าไปปลุกพระลบ
“พระลบ พระลบครับ”
พระลบงัวเงีย
“หม่าม๊า”
พระลบเข้ากอด
“พระลบคิดถึงหม่าม๊าที่สุดเลยครับ”
รสิกาหอมแก้ม
“ไปอาบน้ำนะครับ”
“เดี๋ยวสิพาพระลบไปอาบน้ำให้นะคะ” สิริโสภาพูดเรียบๆ
ราพณ์กับรสิกาชะงักมอง สิริโสภา ยิ้มเนียน
“ถ้าลูกของสิยังอยู่ ก็คงจะเป็นน้องพระลบได้”
สิริโสภามือลูบหัวพระลบ
“หน้าตาคงน่ารักไม่แพ้กัน”
สิริโสภามองไปทางราพณ์สีหน้าประมาณว่าจริงไหมคะ รสิกามองสิริโสภาที่จะดึงตัวพระลบไปกอด รสิกาคว้าตัวพระลบกลับมา เสียงเข้มใส่
“ฉันจะดูแลเอง”
“ไปอาบน้ำนะคะ”
รสิกาพาพระลบออกไป แหววหยิบกระเป๋านักเรียนตามรสิกาไป
ราพณ์มองสิริโสภาด้วยสายตาแข็งกร้าว สิริโสภายิ้มนิ่งมาก
“สิ...ทำไมคุณถึง...”
สิริโสภายิ้มมองยั่วประสาทไม่ตอบ ราพณ์จะคาดคั้นแต่...รุ้งรายเข้ามา
“เฮีย…รุ้งโทรหาเฮียแต่โทรศัพท์เฮียไม่มีสัญญาณ”
ราพณ์เห็นท่าทีรุ้งรายดูซีเรียส
“มีเรื่องอะไร”
รุ้งรายมองไปทางสิริโสภาว่าจะไม่พูดถ้าสิริโสภาอยู่ สิริโสภาจึงเดินขึ้นข้างบนไปเนียน ๆ ราพณ์มองตามอยากจะคุยแต่มองรุ้งรายรู้ว่ามีเรื่องสำคัญแน่

อ่านละคร สามี ตอน 13 วันที่ 26 ธ.ค. 56

ละครสามี บทประพันธ์โดย พัดชา
ละครสามี บทโทรทัศน์โดย สองปุณณณฐ
ละครสามี กำกับการแสดงโดย แมน เมธี
ละครสามี ผลิตโดย บริษัท เมกเกอร์ เจ กรุ๊ป จำกัด
ละครสามี ควบคุมการผลิตโดย จริยา แอนโฟเน่
ละครสามี ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดี เวลา 20.25 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ที่มา ไทยรัฐ