อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 9 วันที่ 7 มี.ค. 57
“คุณจะมาตามฉันทำไม คุณไปใช้ชีวิตของคุณสิ ฉันเป็นคนแฟร์ๆ ใครยังไม่พร้อมจะหยุดเพื่อฉัน ฉันก็ไม่บังคับ ต่างคนก็ต่างไปใช้ชีวิตตัวเองต่อไป”“อย่างนี้ไม่เรียกว่าแฟร์ เรียกว่าประชด”
“ฉันไม่ได้ประชด”
“แล้วทำไมอยู่ๆคุณถึงจะไปเมืองนอก”
“เพราะฉันอยากไปไง”
“ผมไม่ให้คุณไป”
“ไม่มีใครห้ามฉันได้” กันตาบอกอย่างมุ่งมั่น
“แกยังไปเรียนต่อที่ไหนไม่ได้ทั้งนั้น”
“นี่อย่าบอกนะว่าคุณศิวาไปบอกให้แม่มาห้ามก้อย” กันตาถอนใจ
“ไม่ใช่คุณศิวา แต่เป็นป๊าของคุณศิวาต่างหากที่โทรมาหาฉัน”
“ป๊าของคุณศิวา”
“ใช่” พวงหยกพูดพร้อมยิ้มอย่างมีความสุข “ป๊าของคุณศิวาโทรมาบอกว่าได้ข่าว แกจะไปเรียนเมืองนอก เขาไม่อยากเสียว่าที่ลูกสะใภ้สุดแสนเพอร์เฟค อย่างแกไป เขาเลยทาบทามขอแกกับฉัน ให้แต่งงานกับคุณศิวา”
กันตาชะงัก
สายน้ำผึ้งกับศิวาคุยกันอยู่ในคอนโด สายน้ำผึ้งมองหน้าเขาอย่างอึ้งๆคาดไม่ถึง
“แต่งงาน”
“ใช่” ศิวาหัวเราะมีความสุข “ต้องขอบคุณไอ้ลิปสติกบ้านั่น ทำให้คุณก้อยคิดจะไปเรียน ต่อเมืองนอก ผมเลยขอให้ป๊าใช้วิธีรวบรัดคุณก้อยได้”
สายน้ำผึ้งหงุดหงิดแต่เก็บอารมณ์ไว้
“แล้วคุณหมอสุดสวยของคุณยอมแต่ง รึเปล่าคะ ได้ข่าวว่าเป็นผู้หญิงหวงชีวิตโสด เอาการ”
“คุณก้อยยอมรึเปล่าไม่รู้ แต่แม่เขารับปากป๊าผมแล้ว พรุ่งนี้นัดไปคุยเรื่องสินสอด...” ศิวายื่นเช็คเงินสดให้สายน้ำผึ้ง “เก็บไว้...พักนี้เราคงไม่ได้พบกัน ผมไม่อยากพลาดอีก”
สายน้ำผึ้งมองเช็คที่เขายื่นมาใบหน้านิ่งสงบคล้ายภูเขาไฟรอระเบิด
รถแท็กซี่มาจอดหน้าบริษัท C.F สายน้ำผึ้งปิดประตูรถแท็กซี่เสียงดัง ปังด้วยความหงุดหงิด
“มันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง พวกแกมันเป็นมารชีวิตฉันจริงๆ ฉันลงทุนมาถึงขนาดนี้แล้ว ฉันไม่มีวันยอมให้แกสองคนพี่น้องมีความสุขได้ หรอก”
พิศุทธิ์เดินถือแฟ้มงานผ่านมา สายน้ำผึ้งมองแล้วรีบปั้นหน้าให้ใสซื่อ เหมือนไม่ได้หงุดหงิดใครมาก่อน แล้วเข้าไปหา
“ฉันช่วยนะคะ”
พิศุทธิ์จงใจเบี่ยงตัวออก
“ไม่เป็นไรครับ” พิศุทธิ์หันไปเห็นชายนี่เดินมาพอดี “ชายนี่ ช่วยผมถือเอกสารหน่อยได้ไหมครับ”
ชายนี่รีบวิ่งเข้าไปรับแฟ้มจากพิศุทธิ์ สายน้ำผึ้งมองพิศุทธิ์ที่เดินผ่านตัวเองไป หาชายนี่แล้วเดินออกไปพร้อมกัน เหมือนตัวเองไม่มีตัวตนด้วยความเจ็บจี๊ดในใจ
กะรัตแอบยืนมองพิศุทธิ์กับสายน้ำผึ้งอยู่มุมหนึ่งของลานจอดรถหน้าบริษัท เห็นท่าทางพิศุทธิ์ที่ดูไม่มีเยื่อใย กับสายน้ำผึ้ง แล้วเริ่มสะท้อนใจตัวเองที่ไม่เคยไว้ใจเขา
เย็นนั้น พิศุทธิ์นั่งอย่างหมดแรงอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านเนื้อแพร เขาหน้าอมทุกข์นั่งก้มหน้าก้มตาทำงาน เนื้อแพรยืนมองอยู่มุม หนึ่งหน้าบ้าน อย่างเป็นห่วงเหลือเกิน
กะรัตแอบยืนมองพิศุทธิ์อยู่เห็นนอกรั้ว เห็นเขานั่งดื่มเหล้าด้วยสีหน้าเป็นทุกข์
แล้วนึกถึงคำพูดของเนื้อแพร
“ในชีวิตฉันกับลูก เราไม่เคยทะเลาะกันเลยสักครั้งเดียว จนกระทั่งเขามาขอฉันแต่งงาน กับคุณ ฉันบอกเขาเลยว่าคุณไม่มีทาง ทำให้เขามีความสุขได้ แต่เขาไม่เชื่อ เขายอมทะเลาะกับแม่ เพื่อผู้หญิงอย่างคุณ คุณจำได้ไหม...วันแรกที่คุณไปบ้านฉันใน ฐานะแฟนของพิศุทธิ์ ฉันไม่ยอมรับคุณ แต่คุณขอโอกาสจากฉัน คุณสัญญาว่าคุณสามารถเปลี่ยนตัวเอง เพื่อทำให้พิศุทธิ์มีความสุขได้...ไหนล่ะ ความสุขของลูกฉันอยู่ตรงไหน”
กะรัตมองพิศุทธิ์ที่นั่งด้วยความทุกข์อย่างปวดร้าวในหัวใจว่า ตัวเองที่ทำให้เขาเป็นทุกข์
ค่ำนั้น กะรัตเดินเข้าบ้านมาด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน นวลวิ่งเข้ามาหาด้วยความเป็นห่วง
“คุณกั้งไปไหนมาคะ นวลโทรไปตั้งหลายรอบ คุณกั้งก็ไม่ยอมรับ”
กะรัตนั่งลงบนโซฟาแล้วเอามือปิดหน้าแทบร้องไห้
“ฉันก็ไปดูว่าฉันมันโง่ขนาดไหนไงนวล”
“คุณกั้งหมายความว่ายังไงคะ” นวลงง
“ฉันนี่มันควายจริงๆนะนวล สมควรแล้วที่จะโดนนังผึ้งมันสวมสะพาย เกิดเรื่องกี่ครั้ง ฉันก็ยังจะเอาแต่ฟังมัน แต่ไม่เคยเปิดตาเปิดใจมองคน ใกล้ตัวเลยว่าเขาเป็นยังไง ฉันทำให้คนที่เขารักฉันมากที่สุด มีความทุกข์ ที่สุด...ฉันจะทำยังไงดีนวล”
“ก็ทำอย่างที่คุณเนื้อแพรบอกไงคะ”
กะรัตฟังที่นวลแนะนำ นวลพยักหน้าให้ความมั่นใจ กะรัตรู้สึกว่าต้องทำอะไรบางอย่าง
กะรัตโทรหากุนตี ซึ่งนั่งทำงานอยู่ที่บริษัท
“มิสเตอร์ชาลล์ก็เป็นลูกค้ารายใหญ่ของบริษัทCf. เหมือนกัน เขาเป็นคนช่างเลือกโดยเฉพาะรสชาดอาหาร เขาจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด น่าเสียดายนะถ้าสูตรอาหารของคุณพิศุทธิ์ต้องถูกยกเลิกสัญญา...กั้งนะกั้ง ทำอะไรไม่รู้จักคิดซะก่อน” กุนตีบ่น
“อย่าเพิ่งตอกย้ำกันตอนนี้สิพี่กุ้ง เอาเป็นว่าพี่กุ้งช่วยเช็คให้กั้งหน่อยแล้วกันว่ามิสเตอร์ชาลล์ จะบินกลับวันไหน ยังไงกั้งก็ต้องแก้ไขปัญหานี่ให้ได้”
“แล้วกั้งจะทำยังไง”
“มันต้องมีสักทาง แต่ตอนนี้ยังคิดไม่ออก แค่นี้ก่อนนะพี่กุ้ง”
กะรัตกดวางสาย กะรัตคิดไม่ตก เดินไปมาใช้ความคิด แล้วคิดถึงที่เนื้อแพรบอกให้ใช้หัวใจคิด อย่าใช้สมอง และสิ่งที่กุนตีบอก
“เขาเป็นคนช่างเลือกโดยเฉพาะรสชาดอาหาร เขาจะต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุด”
กะรัตถึงทางสว่าง นึกอะไรบางอย่างได้ เธอตรงไปเปิดที่ลิ้นชักโต๊ะ รื้อค้นบางอย่างในนั้น จนเจอกล่องใบเล็กๆ จึงหยิบขึ้นมาเปิดดู สิ่งนั้นคือห่อขนม "รสพิศุทธิ์" ที่พิศุทธิ์ให้ไว้
เช้าวันใหม่ สายน้ำผึ้งคุยมือถือพร้อมเดินลงบันไดอย่างรีบร้อน
“ผึ้งขอไปทำงานสายหน่อยนะคะ มีธุระนิดหน่อยค่ะ ขอบคุณค่ะพี่” เธอกดวางสายแล้วหันมาถามรสสุคนธ์ “น้ารส ..กระเช้าผลไม้ ที่ผึ้งฝากซื้อน่ะ อยู่ไหน”
รสสุคนธ์ชี้ไปทางโต๊ะ
“อยู่บนโต๊ะนั่นไง เอาไปเยี่ยมใครเหรอ”
“ลูกค้าคนสำคัญ ผึ้งต้องหาทางทำคะแนน”
“อ๋อ อยากเอาใจลูกค้า”
“เปล่า ผึ้งจะทำคะแนนกับคุณพิศุทธิ์ต่างหาก”
“นี่ตกลงผึ้งจะไม่เลิกยุ่งกับเขาจริงๆใช่ไหม”
“ตอนนี้เสาบ้านกั้งกำลังสั่นคลอน ขืนเลิกก็โง่สิน้ารส”
สายน้ำผึ้งคว้ากระเช้าผลไม้แล้วรีบออกไป รสสุคนธ์ได้แต่มองตามอย่างหนักใจ
กะรัต กับนวลเดินถือกล่องบางอย่างมาที่ประตูหน้าบริษัท ชายนี่ ยี่หวา และพนักงานบริษัทหันไปมองกะรัตเป็นตาเดียวกัน ชายนี่ตกใจจนเผลอพูดเสียงเข้มเป็นผู้ชาย
“เฮ้ย ! เมียคุณพิศุทธิ์มาอีกแล้วว่ะ!”
บรรยากาศการประชุมเคร่งเครียด มิสเตอร์ชาล์ลลุกขึ้นยืนอย่างเอาเรื่อง
“สัญญาซื้อขายสูตรรสชาติอาหารที่ผมเคยคุย ตกลงผมจะ...”
ทันใดนั้นฟองดาวเปิดประตูห้องประชุมพรวดเข้ามา
“คุณพิศุทธิ์คะ”
พิศุทธิ์มองหน้าฟองดาวอย่างแปลกใจว่ามีเรื่องอะไร
พิศุทธิ์กับหัวหน้า รีบเดินออกมาจากห้องประชุมเพื่อมาดูกะรัต ทุกคนมองลนลาน กลัวเธอจะมาแผงฤทธ์อีก ทุกคนแอบอยู่หลังพิศุทธ์กลัวโดนลูกหลง หัวหน้าพูดกับพิศุทธิ์ด้วยความแหยง
“คุณพิศุทธ์ เอาไงกันดี”
ทันใดนั้นกะรัตเดินเข้ามาวางกล่องบนโต๊ะดัง ปัง หัวหน้าสะดุ้งโหยงหลีกทางให้พิศุทธิ์เคลียร์
“คุณมาทำไมกั้ง” พิศุทธิ์รีบถาม
“มิสเตอร์ชาล์ลมาประชุมใช่ไหมคะ”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“กั้งรู้แล้วกันค่ะ” กะรัตมองไปที่ห้องประชุม “อยู่ในห้องประชุมใช่ไหมคะ”
พิศุทธิ์จะตอบ แต่กะรัตไม่ฟังหอบกล่องเดินเข้าห้องประชุมไป นวลรออยู่ ข้างนอก พิศุทธิ์จะเข้าห้องประชุมไปห้าม
“กั้ง”
กะรัตหันมา
“กั้งขอคุยกับมิสเตอร์ชาล์ลตามลำพังนะคะ”
กะรัตปิดประตูใส่หน้าพิศุทธิ์ดัง ปัง กดล็อคประตู มิสเตอร์ชาล์ลเห็นกะรัตแล้วสะดุ้งลุกขึ้นจากเก้าอี้ พร้อมถอยห่างด้วยอาการผวา รีบไปหลบหลังเก้าอี้
“คุณเข้ามาทำไม อย่าทำอะไรผมเลยนะ ผมกลัวแล้ว”
พิศุทธิ์พยายามเคาะประตูเรียกกะรัตให้เปิดประตู ชายนี่ ยี่หวา พนักงานคนอื่นๆต่างมามุงดู
“หรือว่าคุณกั้งจะมาวางระเบิด” ชายนี่ออกความเห็น
พนักงานทุกคนสะดุ้งตกใจพร้อมกัน ยี่หวาหวาดๆ
“จะบ้าเหรอเจ๊”
“เอ้า จะไปรู้เหรอ ตอนนี้คุณกั้งกำลังเครียดเรื่องคุณพิศุทธิ์เพราะมิสเตอร์ชาล์ล คุณกั้งอาจคิดทำอะไรบ้าๆกับมิสเตอร์ชาล์ลก็ได้”
พิศุทธิ์กับหัวหน้าพยายามเคาะประตู และเปิดประตูห้องประชุม หัวหน้าตะโกนสั่งพนักงาน
“ใครไปเรียกแม่บ้านเอากุญแจมาเปิดประตูห้องสิ”
พิศุทธิ์เคาะประตู
“กั้ง เปิดประตู” เขาหันไปหานวล “นี่มันอะไรกันน่ะนวล กั้งคิดทำอะไร”
นวลอึดอัดพูดไม่ได้
“คุณกั้งไม่ให้บอกน่ะค่ะ”
“นวล” พิศุทธิ์เครียด
นวลสะดุ้งคิดหาทาง
“คุณกั้งห้ามไม่ให้บอก แต่ไม่ได้ห้าม ไม่ให้ดูนี่นา” นวลหันไปพูดกับพิศุทธิ์ “ในห้องประชุมมีกล้องวงจรปิดไหมคะ”
ทุกคนมาในนห้องควบคุมกล้องวงจรปิด หน้าจอทีวีเป็นภาพในห้องประชุมเห็นภาพกะรัตเปิด กล่องแล้วหยิบถุงใส่ขนมขึ้นมายื่นให้มิสเตอร์ชาล์ล ชายนี่เพ่งมอง
“นั่นซองขนมอะไรน่ะ”
มิสเตอร์ชาล์ลแกะถุงขนมที่กะรัตยื่นให้กิน แล้วทำหน้าทึ่ง
“อร่อยไหมคะ”
“อร่อยมาก นี่มันรสอะไร”
กะรัตเมื่อคิดถึงที่มาของรสแล้วเผลอยิ้ม
“รสพิศุทธิ์ค่ะ”
มิสเตอร์ชาล์ลชะงัก
“อะไรนะ”
“เป็นรสชาติที่คุณพิศุทธิ์คิดให้ฉันคนเดียว เป็นรสเดียวในโลกมันเป็นรสชาติที่คุณพิศุทธิ์ผสมด้วยความรักของเราสองคน ฉันถึงให้คนที่โรงงานของก๋งฉันลองทำมาให้คุณชิม ถ้าคุณชอบ ฉันจะยกสูตรนี้ให้ฟรีๆ เพื่อแลกกับให้คุณยอมเซ็นต์สัญญาทำธุรกิจกับ ที่นี่เหมือนเดิม”
“ทำไมผมต้องทำตามที่คุณบอกด้วย”
“เพราะว่าเรื่องทั้งหมดคุณพิศุทธิ์ไม่ผิด ฉันเป็นคนก่อเรื่องเอง ถ้าคุณจะเอาเรื่อง ก็ขอให้เอาเรื่องที่ฉัน” กะรัตยกมือไหว้มิสเตอร์ชาล์ล “ฉันขอโทษ”
พิศุทธิ์มองที่จอทีวีเห็นกะรัตยกมือไหว้ขอโทษมิสเตอร์ชาล์ลแล้วอึ้ง ทุกคนต่างตะลึงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง ว่าคนอย่างกะรัตจะยอมทำอะไรแบบนี้...กะรัตมองมิสเตอร์ชาล์ลด้วยความอ้อนวอน มิสเตอร์ชาล์ลมอง แล้วยื่นถุงขนมคืน
“เอาขนมคุณคืนไป”
กะรัตร้อนใจ
“ทำไมล่ะคะ ก็ไหนคุณบอกว่าอร่อย ฉันยอมให้คุณฟรีๆเลยค่ะ แต่ขอแค่คุณอย่าโกรธคุณพิศุทธิ์ ถ้าคำขอโทษฉันยังไม่พอ คุณจะแจ้งตำรวจจับฉันเข้าคุกก็ได้ ฉันยอม”
“ที่ผมรับไม่ได้ เพราะรสชาตินี้มันเป็นความรักของคุณ”
กะรัตยื่นถุงขนมให้มิสเตอร์ชาล์ล
“รับไปเถอะค่ะ ฉันยอมแลกความรักของฉัน เพื่อความสุขของคุณพิศุทธิ์”
มิสเตอร์ชาล์ลมองกะรัตนิ่งๆ ยังไม่ให้คำตอบ พิศุทธิ์ได้ยินกะรัตพูดแล้วอึ้ง พนักงานคนหนึ่งเดินเข้ามา
“แม่บ้านเอากุญแจมาเปิดประตูห้องประชุมแล้วค่ะ”
พิศุทธิ์รีบเดินออกไปคนแรก ทุกคนวิ่งตามไป
แม่บ้านกำลังจะไขกุญแจประตูห้องประชุม กะรัตเปิดประตูออกมาก่อน พิศุทธิ์มองเธอนิ่ง ในใจหายโกรธไปเยอะ แต่นิ่งข่มไว้ก่อน
“มิสเตอร์ชาล์ลเรียกคุณพิศุทธิ์กับหัวหน้าเข้าไปคุยน่ะค่ะ”
พิศุทธิ์กับหัวหน้ารีบเดินนำเข้าห้องประชุมไป นวลเข้ามาถาม
“ตกลงมิสเตอร์ชาล์ลว่ายังไงคะคุณกั้ง”
ชายนี่ ยี่หวา พนักงานคนอื่นๆเสนอหน้าอยากฟังคำตอบจากกะรัต
หัวหน้าพูดกับพิศุทธิ์อย่างอารมณ์ดี
“คุณกั้งช่วยพูดกับมิสเตอร์ชาล์ลให้เราก็จริง แต่มิสเตอร์ชาล์ลก็บอกแล้วว่าเขาเปลี่ยนใจจะเซ็นต์สัญญากับเราอยู่แล้ว ดังนั้นคุณไม่ต้องกลัวว่า ใครจะพูดว่าเรื่องนี้จบด้วยดีเพราะเพราะภรรยาคุณช่วยหรอกนะ ทุกอย่างเพราะความสามารถคุณล้วนๆ”
“ขอบคุณครับ” พิศุทธิ์ยิ้มออก
“ยังไงผมก็ฝากขอบคุณภรรยาคุณด้วย ถึงเขาไม่มีส่วนเรื่องสัญญาแต่เขามีส่วนทำให้มิสเตอร์ชาล์ลอยากให้คุณและบริษัทคิดรสชาติใหม่ให้ด้วย”
“รสชาติใหม่”
“แล้วเขาก็ตั้งชื่อรสใหม่แล้วด้วย”
“รสอะไรครับ”
“รสความรัก อยากให้ทุกคนกินแล้วรู้สึกถึงความรัก และรักษารสชาติความรักนี้ไว้เหมือนที่คุณกั้งทำวันนี้”
พิศุทธิ์นิ่งคิดถึงเรื่องที่กะรัตยอมทำเพื่อเขาในวันนี้
กะรัตแจกขนมให้กับพนักงาน ทุกคนดีใจ ยิ้มแย้มรับขนม
“กั้งต้องขอโทษทุกคนด้วยนะคะ ที่ทำให้เดือดร้อนมาตลอด” กะรัตเดินมาหาฟองดาวแล้วยื่นขนมให้ “นี่ค่ะ ขนมเล็กๆน้อยๆ กั้งขอโทษด้วย นะคะ สำหรับที่ผ่าน ที่กั้งเอาแต่ก่อเรื่องให้วุ่นวายกัน”
ฟองดาวรีบรับขนม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ สามีภรรยากัน เรื่องหวงกัน เป็นเรื่องธรรมชาติ” ฟองดาวชะงักปวดท้อง “อุ้ย ขอตัวก่อนนะคะ ยำปูดองเมื่อวาน ทำพิษตั้งแต่เช้าแล้ว” ฟองดาวรีบเดินไปห้องน้ำ
นวลมองฟองดาวแล้วรู้สึกปวดท้องอยู่บ้าง
“นวลขอไปทำตามสุภาษิตไทยก่อนนะคะ...เห็นเขาขี้ ขี้ตามเขา” นวลวิ่งตามฟองดาวไป
กะรัตพูดไล่หลังนวล
“เร็วๆนะ จะได้กลับบ้านกัน” กะรัตหันไปทางประตูห้องทำงานพิศุทธิ์แล้วพูดเสียงน้อยใจ “ขืนอยู่นาน เขาจะเหม็นขี้หน้า มากกว่านี้...ทำขนาดนี้ จะพูดดีๆสักคำก็ไม่มี...หรือเข้าไปคุยเองเลยดีนะ”
อ่านละคร สามีตีตรา ตอนที่ 9 วันที่ 7 มี.ค. 57
ละครเรื่อง สามีตีตรา บทประพันธ์โดย นาวิกาละครเรื่อง สามีตีตรา บทโทรทัศน์โดย วรรณวิภา สามงามแจ่ม
ละครเรื่อง สามีตีตรา กำกับโดย อำไพพร จิตต์ไม่งง
ละครเรื่อง สามีตีตรา ผลิตโดย บริษัททองเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ จำกัด โดยผู้จัด แอน ทองประสม
ละครเรื่อง สามีตีตรา ออกอากาศทุกวันพุธ และวันพฤหัส เวลา 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละครเรื่อง สามีตีตรา เริ่มออกอากาศตอนแรกในวันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ 2557
ที่มา ไทยรัฐ