@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 3 วันที่ 7 มี.ค. 57

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 3 วันที่ 7 มี.ค. 57

จงซินถามว่าแน่ใจหรือที่จะทำได้สำเร็จ นาคบอกว่าก็ไม่ร้อยเปอร์เซ็นต์ แต่จะพยายามเต็มที่ จงซิน ถามอีกว่าเธอต้องการข้อมูลอะไรในใบรับรองแพทย์

“หนึ่ง ขอชื่อปลอมให้ฉัน สอง ระบุว่าฉันเป็นโรคหัวใจ สาม ให้ประวัติของฉันไปอยู่ในทะเบียนของโรงพยาบาลในเป่ยเปียน” จงซินถามว่าอะไรอีก นาคนึกๆ


แล้วบอก “อ้อ ระบุลงไปด้วยว่าฉันเพิ่งขาหัก อย่าลืมนะ อันนี้สำคัญ”

จงซินจดข้อมูลที่นาคต้องการ แล้วถอนใจหนัก งงตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องเชื่อ และทำตามเด็กเหลือขอคนนี้ด้วย

ooooooo

วันนี้ขณะหลินกับเหม่ยจิงไปทานอาหารกัน เหม่ยจิงคีบโน่นคีบนี่ให้อย่างเอาใจ หลินบอกว่าเดี๋ยวตนจัดการเองได้

เหม่ยจิงบอกว่า ตนอยากดูแลเขาอยากทำให้เขารู้ว่าตนรักเขาแค่ไหน แต่คำตอบของหลินทำให้เธอถึงกับน้ำตาคลอว่า

“ฉันเคยบอกเธอแล้วไงว่าฉันไม่เคยรักใคร”

ระหว่างนั้นเอง หย่งเหวินพาไป่หลิงเข้ามา ทั้งสองไปทักหลินกับเหม่ยจิง ไป่หลิงชื่นชมเหม่ยจิงที่เป็นนางแบบว่าสวยมากและขอถ่ายรูปด้วย หลินชวนหย่งเหวินนั่งด้วยกัน

“ไม่ดีกว่าครับ วันนี้เป็นวันเกิดน้องไป่หลิง ผมตั้งใจจะมาเลี้ยงวันเกิดให้เธอ” แล้วทั้งคู่ก็ขอตัวไป

หลินเรียกพนักงานมาสั่งดอกไม้ช่อใหญ่ให้ไป่หลิงอวยพรวันเกิดเธอ

เหม่ยจิงเห็นหย่งเหวินหวานกับไป่หลิงจนเธอเขิน ก็ชมกับหลินว่า คู่นั้นน่ารักจัง หลินถามว่าเธอกำลังต่อว่าตนหรือ

“ใครจะกล้าต่อว่าคุณคะ เหม่ยจิงรู้ค่ะว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร”

“ถ้ารู้ก็ดี ฉันจะได้ไม่รำคาญใจ” หลินพูดหน้านิ่งเย็นชา จนเหม่ยจิงน้อยใจขอตัวไปเข้าห้องน้ำ เธอไปร้องไห้ในห้องน้ำ ยิ่งคิดถึงคำพูดที่หลินบอกว่า คนอย่างเขาไม่เคยรักใคร ก็ยิ่งปวดใจ เพราะเธอรักเขาจนหมดหัวใจแล้ว...

ระหว่างเหม่ยจิงเข้าห้องน้ำนั่นเอง เพ่ยอิงก็เข้ามาลากเก้าอี้นั่งกับหลินที่ยกชาดื่มอย่างไม่สนใจ เพ่ยอิงถามว่าเดี๋ยวนี้เขาให้เด็กนักเรียนผู้หญิงไปเจรจาธุรกิจแทนหรือ หลินบอกว่าเขาไม่เกี่ยว เพ่ยอิงสวนทันควันว่าเกี่ยว ตนก็เป็นเจ้าของฉายหงกรุ๊ปเหมือนกัน แต่เมื่อคาดคั้นแล้วหลินไม่ยอมบอกอะไร เพ่ยอิงก็ถามว่าหรือเด็กนั่นเป็นเมียลับของเขา

หลินตบหน้าเพ่ยอิงทันที เพ่ยอิงชักปืนออกมาจ่อหลิน อาเหลียงไวเท่ากันชักปืนมาจ่อเพ่ยอิงทันที ลูกน้องเพ่ยอิงก็เอาปืนจ่อเหลียงอีกต่อหนึ่ง เพ่ยอิงสั่งหลินให้ขอโทษเดี๋ยวนี้ หลินท้าว่า

“แกยิงฉันได้เลย เพราะฉันไม่มีวันขอโทษแกแน่”

แต่พอเพ่ยอิงจะยิง หย่งเหวินก็พรวดเข้ามาข้างหลังเพ่ยอิงบอกให้พอได้แล้ว ถูกเพ่ยอิงตวาดว่าอย่าสอด!

“แต่ถ้าคุณยิงคุณหลินหลานเซ่อ ผมก็จำเป็นต้องยิงคุณเหมือนกัน” หย่งเหวินตอบเรียบๆ แต่เฉียบขาด

เพ่ยอิงขู่อาฆาตว่าวันนี้หลินโชคดีที่มีหมาเข้ามาสอด พูดอาฆาตหย่งเหวินว่า “แกกับฉันต้องได้เห็นดีกันแน่” เมื่อเพ่ยอิงผละไป หลินขอบใจหย่งเหวิน เขาบอกว่าไม่เป็นไร

เหม่ยจิงออกจากห้องน้ำมาเห็นสองสามคนเอาปืนจ่อกันเป็นทอดๆ เธอตกใจ ถามหลินว่ามีเรื่องอะไรหรือ

“ไม่มีอะไร ผมขอตัว” หลินพูดแล้วเดินออกไปเลย เหม่ยจิงรีบคว้ากระเป๋าวิ่งตามไป

หย่งเหวินกลับมานั่งที่โต๊ะกับไป่หลิง เธอติงว่าเขาทำแบบนี้เพ่ยอิงต้องโกรธมากแน่ หย่งเหวินถามว่า

แล้วจะให้ตนทำอย่างไร ปล่อยให้เขายิงหลินหรือ ทำให้ไป่หลิงชื่นชมเขาอย่างปลื้มปีติว่าช่างเป็นคนดีจริงๆ

ooooooo

วันนี้ นาคนัดพบกับแดนนี่ที่ริมเบย์ เธอมาสาย 5 นาทีถูกแดนนี่เตือนว่าเวลาเอาของไปส่งลูกค้าห้ามผิดเวลาเด็ดขาดเพราะถ้าเธอผิดเวลา คนซื้อจะไม่รอเรา

แดนนี่ดึงเอกสารจากซองให้นาคดูรายละเอียดของรถพยาบาล คนขับรถ บุรุษพยาบาลและผู้ช่วยพยาบาล ตลอดจนแผนที่จุดนัดหมายที่เธอต้องเอาของไปส่ง เมื่อไปถึง คนซื้อจะมารออยู่ เขาจะส่งเงินที่เป็นเงินดอลลาร์ให้ห้าแสนเหรียญ นาคถามว่าต้องนับไหม

“ไม่ต้อง เธอรับเงินส่งของให้เขา รีบออกจากที่นั่นให้เร็วที่สุด แล้วเราจะมาเจอกันที่นี่ เข้าใจไหม”เมื่อนาคเข้าใจดีแล้ว แดนนี่ถามว่า “จะบอกได้หรือยังว่าเธอจะหาวิธีผ่านด่านที่สามออกไปได้ยังไงโดยไม่ถูกตรวจ”

นาคหยิบคัตเตอร์ออกมา บอกว่าตนต้องอยู่ในสภาพขาหัก แต่ตนจะขาหักจริงๆไม่ได้ ให้แดนนี่ช่วยกรีดที่ขาให้มีแผลเหมือนกับรอยผ่าตัดและดามกระดูกไว้ บอกแดนนี่ “กรีดให้ที”

“บ้า ฉันว่าเธอบ้าไปแล้ว ฉันไม่ทำหรอก ฉันทำไม่ได้ ฉันเป็นคนกลัวเลือด”

เมื่อแดนนี่ไม่ยอมกรีดให้ นาคใช้คัตเตอร์ปักลงที่ขาตัวเองแล้วกรีด! นาคเจ็บจนแผดเสียงลั่นไปทั้งเบย์ แล้วทำทีประสบอุบัติเหตุเข้าไปทำแผลที่ห้องพยาบาลโรงเรียน หมอบอกว่าแผลลึกมากคงต้องเย็บหลายเข็ม แดนนี่ทนดูไม่ได้ขอออกไปรอข้างนอก ก็ยังได้ยินเสียงนาคร้องอย่างเจ็บปวดขณะหมอทำแผลให้ แดนนี่บ่นอย่างสยองว่า

“ไอ้นี่มันบ้าหรือไงวะเนี่ย มันถึงกล้าทำแบบนี้”

ถึงเวลาเลิกงานแล้ว จงซินถามหลินก่อนจะกลับว่ามีอะไรอีกไหม หลินถามว่าเมื่อวานนาคมาคุยอะไรกับเขา

“คือ...เด็กนั่นมาขอใบรับรองแพทย์ครับ คือเธอไปตกลงกับคารอสว่าถ้าเธอส่งอาวุธให้คารอสสำเร็จ คารอสต้องเซ็นสัญญากับเรา” หลินตกใจถามว่าเด็กนั่นจะไปส่งอาวุธให้คารอสหรือ! พอจงซินรับว่าใช่ เขาให้ไปลากตัวมาทันที

“คงไม่ทันแล้วครับ ป่านนี้เธอคงกำลังขนอาวุธอยู่ครับ” หลินถามว่าขนไปไหน! “เป่ยเปียนครับ”

ooooooo

คืนนี้เอง ที่เคาน์เตอร์โรงพยาบาลเป่ยเปียน เจ้าหน้าที่ได้รับโทรศัพท์จากแดนนี่ให้ไปรับคนไข้เป็นลมหมดสติที่หนานชางด่วน คนไข้มีประวัติอยู่ที่นั่นแล้วชื่อ จางหลี่ปิง รถพยาบาลเปิดหวอออกไปทันที

รถไปถึงโกดังร้าง นาคสั่งให้ยกเตียงออกแล้วเอาปืนเอ็ม 16 จำนวนสิบกระบอกกับปืนสั้นสิบกระบอกวางไว้ใต้เตียงแล้วสั่งให้คลุมผ้าและเอาเตียงเข้าที่ จากนั้นให้บุรุษพยาบาลอุ้มตนขึ้นเตียงสั่งเข้มว่า

“พวกคุณจำไว้ให้ดีนะ ห้ามตำรวจเคลื่อนย้ายตัวฉันออกจากเตียงเด็ดขาด เข้าใจไหม” แล้วบอกแดนนี่ว่าเรียบร้อยแล้ว แดนนี่อวยพรให้โชคดี หวังว่าจะได้เจอเธอที่จุดนัดพบ “ฉันก็หวังอย่างนั้น” นาคตอบแล้วรถก็เคลื่อนออกไป

“หวังว่าเธอจะทำงานสำเร็จนะ ฤทัยนาค” แดนนี่ภาวนาเอาใจช่วย นาคเองก็นอนลุ้นให้งานสำเร็จ

รถมาถึงด่านที่ 1 คนขับบอกว่าพาคนเจ็บส่งโรงพยาบาลเป่ยเปียน ตำรวจให้เปิดท้ายดูคนขับอ้างว่าคนไข้อาการสาหัส แต่เมื่อตำรวจยืนยันจะตรวจ คนขับพยักหน้าให้บุรุษพยาบาล พอเปิดท้ายรถให้ดู ตำรวจเห็นนาคนอนหลับใส่หน้ากากออกซิเจน ถามว่าคนเจ็บเป็นอะไร พยาบาลบอกว่าเป็นโรคหัวใจรุนแรง ตำรวจเลยปล่อยให้ไป

ด่านที่ 2 ได้รับ วอจากด่านที่ 1 ว่า “ช่วยเปิดทางให้รถพยาบาลไปเป่ยเปียนด้วย มีคนไข้เจ็บหนัก”

รถพยาบาลจึงผ่านด่านที่ 2 ไปฉลุย ต่อมา ด่านที่ 2 เรียกด่านที่ 3 แจ้งว่า “มีคนไข้เจ็บหนักช่วยเปิดทางให้รถพยาบาลด้วย”

“รถพยาบาลมาจากไหน” แพทริคถาม พอตำรวจบอกว่ามาจากหนานชางทางด่าน 2 แจ้งว่าเป็นคนไข้ฉุกเฉินแพทริคชะงัก เอะใจ ถามว่า “มีรถพยาบาลจากเป่ยเปียนไปรับคนไข้ที่หนานชางงั้นเหรอ” เขาสั่งกักรถพยาบาลไว้ก่อน ตำรวจติงว่า คนไข้โรคหัวใจต้องไปรักษาด่วน

“จะเป็นอะไรก็ช่าง ต้องให้ฉันตรวจก่อน...ถ้าแกเป็นโรคหัวใจกำลังจะตายแกจะเรี­ยกรถพยาบาลจากเป่ยเปียนมารับแกที่หนานชางรึเปล่า มีโรงพยาบาลเป็นสิบในหนานชางทำไมไม่เรียก กักรถพยาบาลเดี๋ยวนี้!”

ooooooo

ทุกคนในรถพยาบาลเครียด พยายามหาข้ออ้าง มาชี้แจง ถูกแพทริคสั่งให้หยุดพูด ถ้าเกิดอะไรขึ้นตนจะรับผิดชอบเองแล้วสั่งให้เปิดประตูท้ายรถเพื่อตรวจค้น

แพทริคสั่งตำรวจให้แจ้งไปทางโรงพยาบาลเป่ยเปียนแฟกซ์ประวัติคนไข้มาให้ตน แล้วสั่งพยาบาลให้ลงจากรถพยาบาลบอกว่าห้ามเอาเครื่องมือที่มีแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าใกล้ผู้ป่วยเพราะคนไข้มีอาการหัวใจเต้นผิดปกติและในตัวเธอก็ฝังเครื่องกระตุ้นการเต้นของหัวใจด้วย อาจส่งผลให้หัวใจหยุดเต้นกะทันหันได้

“ไอ้บ้าเอ๊ย!” แพทริคสบถอย่างหัวเสีย แล้วจำต้องสั่ง “เอาล่ะ ไปได้” เขาเอาเครื่องตรวจเคาะที่ปลายเตียงใกล้ขานาคเกิดเสียง ปี๊ดดดด...แพทริคชะงักกึก กระชากพยาบาลลงจากรถ ทั้งคนขับ บุรุษพยาบาลและผู้ช่วยรวมทั้งตำรวจต่างเตือนแพทริคว่าถ้าคนไข้ตายเรามีหวัง ติดคุก “แต่แกไม่ได้ยินเสียงเครื่องตรวจรึไง มันมีอาวุธซ่อนอยู่ในรถ!” แพทริคตวาด

“คงเป็นเพราะเธอผ่าตัดดามขาน่ะครับ เธอเพิ่งผ่าตัดดามขามา นี่ไงครับ” บุรุษพยาบาลเปิดผ้าคลุมให้ดู แพทริคไม่เชื่อสั่งให้แกะผ้าพันแผลออก พอเห็นรอยแผลถูกเย็บยาว ก็ถามอีกว่า ขาหักทำไมไม่ใส่เผือก “เธอเพิ่งเย็บแผลตอนที่หกล้มเมื่อกี๊ เราเลยจำเป็นต้องตัดเฝือกออก”

“แต่เครื่องมือนี่มันเอาไว้สำหรับตรวจโลหะที่ทำอาวุธ ขาเธอดามด้วยอะไร”

“อ๋อ...ไททาเนียมค่ะ...คุณตำรวจคะ ฉันขอร้องล่ะ กรุณานำเครื่องออกห่างจากตัวคนไข้ด้วยค่ะ เดี๋ยวหัวใจเธอหยุดเต้นมันจะยุ่งนะคะ” ผู้ช่วยพยาบาลขอร้อง

พอดีตำรวจเอาแฟกซ์ที่ทางโรงพยาบาลส่งมาให้รับรองว่า “เธอเป็นคนไข้ของโรงพยาบาลจริงๆ แล้วเธอก็เพิ่งผ่าตัดดามกระดูกเมื่อสามวันที่แล้ว” กระนั้น แพทริคก็ยังไม่เชื่อสั่งให้ขอประวัติคนขับ และพยาบาลทั้งสองจากโรงพยาบาลด้วยตำรวจต่อสายให้คุยทันที

ทางโรงพยาบาลให้รอสักครู่แล้วมาแจ้งชื่อพยาบาลแก่แพทริค ทันใดนั้นตำรวจนายหนึ่งหน้าตาตื่นมารายงานว่า

“ผู้กองครับ มีวอแจ้งเข้ามาว่าคารอส ทาเปียขับรถฝ่าด่านที่สองมาทางเราครับ ด่านที่สองให้เราสกัดจับครับ”

แพทริคโยนโทรศัพท์ทิ้ง สั่งตำรวจที่ด่านเตรียมจับทันที พยาบาลรีบถามว่าพวกตนไปได้หรือยัง

“เชิญ!” แพทริคตะคอกหันหลังให้รถพยาบาล ทุกคนที่มากับรถกระโดดขึ้นไปทันที แพทริคบ่นหัวเสีย “นึกว่ามันจะแอบขนอาวุธมาในรถพยาบาลเสียอีก”

ooooooo

แพทริคหมายมั่นปั้นมือว่าคราวนี้ต้องรวบตัวคารอสได้แน่ แต่ไปเดินวนรออยู่นาน ก็ได้รับแจ้งมาว่า คารอสไหวตัวทันและวกรถแหกด่านหนีไปแล้ว

“ไอ้คารอส กูสาบานกูต้องจับมึงให้ได้สักวัน!!” แพทริคแทบจะคลั่ง

ส่วนนาค ไปส่งของและรับเงินมาเรียบร้อย เฉินที่มารับของถามว่าเธออายุเท่าไหร่ พอนาคบอกว่า 17 เฉินชมเปาะ

“เธอนี่มันสุดยอดจริงๆ”

เมื่อทุกอย่างเรียบร้อย ทั้งเฉินและนาคต่างขึ้นรถขับออกไปคนละทางอย่างรวดเร็ว

นาคมาถึงโรงพยาบาล พอลงจากรถก็เจอฝนตกหนักแต่ก็พยายามหาทางกลับ มองหาแท็กซี่ก็ไม่มีสักคันตัดสินใจจะเดินฝ่าฝนออกไป พลันก็มีรถคันหนึ่งเลี้ยวเข้ามาจอด หลินหลานเซ่อนั่นเอง!

เขาลงจากรถมากางร่มพานาคไปขึ้นรถ ถามว่า “เธอต้องเอาเงินนั่นไปให้แดนนี่ไม่ใช่หรือ”

“ค่ะ...” นาคมองหน้าหลินด้วยความรู้สึกทั้งปลื้มและซึ้งใจ เอ่ยได้แค่ว่า “ขอบคุณค่ะ...”

ระหว่างนั่งมาในรถ อากาศเย็น หลินเอาผ้าพันคอให้เธอคลุม นาคถามว่า “ทำไมนายไม่ด่าฉัน”

“ฉันด่าเธอแล้วจะได้ประโยชน์อะไร ในเมื่อเธอทำมันไปแล้ว” เขาพูดหน้านิ่งตามเคย

ooooooo

หลินหลานเซ่อ ขับรถพานาคมาถึงท่าน้ำริมเบย์ เขาดึงกระเป๋าเงินจากนาคบอกว่าจะเอาไปให้แดนนี่เอง เมื่อเจอแดนนี่และให้เงินแล้ว เขาสั่งหน้านิ่ง

“เลิกยุ่งกับฤทัยนาค เธอเป็นแค่ลูกหนี้ฉันไม่ได้เป็นอาชญากรเหมือนนายกับพ่อ”

แดนนี่บอกว่าตนไม่ได้เป็นคนเสนองานนี้แต่นาคเป็นคนเสนอตัวขอทำงานนี้กับพ่อตนเอง และถ้าจำไม่ผิดคนที่เริ่มต้นเรื่องนี้ก็คือเขา หลินบอกว่าตนไม่ได้หวังว่านาคจะเจรจากับพ่อเขาได้สำเร็จ

“แต่เธอก็ทำได้ไม่ใช่เหรอ แล้วนายเองก็แอบภูมิใจกับความสามารถของเธอ ใช่รึเปล่า”

“ฤทัยนาคอาจจะทำเรื่องเหนือความคาดหมายได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า เธอต้องเข้ามาอยู่ในวงการนี้เพียงแค่ความสามารถที่บังเอิญทำได้แค่ครั้งหรือสองครั้ง วงการนี้เข้าแล้วออกไม่ได้ ทางเดียวที่จะเป็นอิสระคือความตาย และเด็กนั่นไม่สมควรตาย อย่ายุ่งกับเธออีก!” พูดแล้วเดินกลับไปที่รถเลย แดนนี่ตะโกนตามหลังไปว่า

“ไม่ว่านายจะรู้สึกยังไง แต่ผมยอมรับนะว่านายเก็บไข่ทองคำไว้ได้จริงๆ” แล้วพึมพำกับตัวเอง “หลินหลาน–เซ่อฉันรู้นะว่านายคิดอะไร”

หลินพานาคไปส่งที่หน้าไซต์งาน นาคขอโทษเขาที่ทำเรื่องใหญ่โตแบบนี้และขอบคุณที่เขาไม่ฆ่าตนเสียก่อน “เพราะเธอทำสำเร็จ” หลินพูดสั้นๆแล้วจะ
ออกรถ นาคเรียกไว้ ขอบคุณที่เขาเชื่อว่าตนจะทำสำเร็จและไปรอที่โรงพยาบาล

ooooooo

หลังจากนาคทำงานสำเร็จ คารอสมาหาหลินหลานเซ่อที่ห้องทำงานของเขา หลินแสดงความยินดีที่จะได้ร่วมงานกัน คารอสเอ่ยอย่างชื่นชมว่า

“เช่นกัน เด็กของคุณนี่มหัศจรรย์จริงๆ ผมยังไม่อยากเชื่อเลยว่าเธอจะทำงานนี้ได้สำเร็จ นับถือจริงๆแต่คุณต้องระวังความเก่งและความมหัศจรรย์ของเธอด้วยนะ เพราะถ้าเธอเข้าสู่วงการอาชญากรรมเต็มตัวละก็...ผมว่า เราสองคนอาจจะต้องหลบทางให้เธอนะ ฮ่ะๆๆ”

เมื่อคารอสออกไปแล้ว หลินหันบอกจงซินว่า “แต่สำหรับฉัน...ฉันว่าเธอฟลุกมากกว่า”

รุ่งขึ้นเมื่อเจอนาคกำลังเดินไปโรงเรียน หลินจอดรถรับเธอไปด้วยแถมยังให้นั่งสบายๆไม่ต้องไปคุดคู้อยู่ที่กระโปรงท้ายรถด้วย

ระหว่างทางนาคคุยโน่นคุยนี่ หลินถามว่าพี่สาวเธอพูดมากเหมือนเธอหรือเปล่า นาคบอกว่าพี่สาวตนไม่ค่อยพูดโดยเฉพาะกับคนแปลกหน้า ย้อนถามว่า เขาอยากได้พี่สาวตนจริงๆหรือ

“พี่สาวเธอเป็นสมบัติของฉัน ฉันก็ควรจะได้ครอบครอง” นาคบอกว่าตนกำลังจะหาเงินใช้หนี้เขาอยู่ ขอร้องเขาเลิกยุ่งกับพี่สาวตนเถอะ “ก็บอกแล้วไง ถ้าเธอหาเงินได้ครบยี่สิบล้านเมื่อไหร่ฉันจะเลิกตามหาตัวพี่สาวเธอ”

การนั่งรถมาโรงเรียนกับหลินวันนี้ ทำให้นาคถูกมองแปลกๆกระทั่งซุบซิบกันว่าเธออาจจะเป็นผู้หญิงของหลินไปแล้ว และเมื่อมาเจอแดนนี่ นาคก็ยิ่งแปลกใจเมื่อเห็นแดนนี่หมางเมินเย็นชาหลบหน้า คาดคั้นซักถามจึงรู้ว่าถูกหลินสั่งห้ามใกล้ชิดและคบกับเธอ นาคโมโหมาก ลิ่วไปหาหลินทันที

“เรื่องอะไรนายไปห้ามแดนนี่มาคบกับฉัน” นาคเปิดฉากอย่างไม่อ้อมค้อม หลินบอกว่าแดนนี่ไว้ใจไม่ได้ “แต่เขาเป็นเพื่อนฉันแล้วก็เป็นเพื่อนสนิทของฉันด้วย ฉันจะไม่เลิกคบกับเขา”

“เธอลืมไปแล้วหรือว่าฉันเป็นผู้ปกครองเธอ ฉันย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกอย่าง” หลินจ้องหน้านาคนิ่ง

“นายเป็นผู้ปกครองฉันเฉพาะในสมุดพกโรงเรียนนะ แต่ในชีวิตฉัน ฉันเป็นเจ้าของตัวฉันเอง รู้ไว้ซะด้วย” หลังจากว่าฉอดๆ แล้วจะออกไป นึกอะไรได้หันถามว่าจะให้ตนสั่งอาหารกลางวันให้ไหม หลินนิ่ง เธอตัดบทว่าตามใจรอให้จงซินสั่งแล้วกัน แล้วออกไปเลย หลินส่ายหน้ากับความซ่าเซี้ยวของ “เด็กบ้า” คนนี้

กลับไปพบแดนนี่ นาคบอกว่าตอนนี้เราคบกันได้เหมือนเดิมแล้ว เพราะตนบอกหลินหลานเซ่อไปแล้วว่าอย่ามายุ่งกับชีวิตส่วนตัวของตน แดนนี่ถามว่าจริงหรือ

“จริงสิ ไม่เชื่อขึ้นไปถามเขาเลย เป็นไงขอมือหน่อย...” นาคยกมือขึ้นไฟว์ฟิงเกอร์ให้แดนนี่ยกตอบ แล้วชวน “ไป...ไปกินข้าวกัน วันนี้ฉันเลี้ยงนายเอง” แล้วจูงมือกันเดินไปอย่างร่าเริง

หลินถามจงซินว่าเมื่อไหร่จะได้ตัวนันทกามา จงซินบอกว่าเมื่อเช้าอาเหวยเพิ่งโทร.มาบอกว่าให้รอบ่ายนี้เพราะเจอที่กบดานของยุทธพงษ์แล้ว จงซินพูดจบอาเหวยก็โทร.เข้ามาพอดีบอกว่ายุทธพงษ์กับนันทกาอยู่ที่หัวหิน

“ดี เอาตัวนันทกามาให้ได้ ถ้ามันขัดขวางก็เก็บมันเสียเลย” จงซินสั่ง แล้วหันมาบอกหลิน เขายิ้มอย่างพอใจ

ooooooo

อาเหวยดักจับนันทกาขณะเธอไปทานข้าวกับยุทธพงษ์แล้วขอไปเข้าห้องน้ำ นันทกาดิ้นรนก็ถูกขู่ว่าถ้าคิดหนีจะยิงพ่อเธอทิ้ง ทำให้นันทกาจำต้องปล่อยให้มันลากตัวไป

ยุทธพงษ์เห็นนันทกาหายไปนาน ไปตามในห้องน้ำไม่เห็น เขาวิ่งถามหาผู้คนให้วุ่นว่าเห็นลูกสาวตนไหม...เห็นไหม

จงซินได้รับรายงานว่าจับนันทกาได้แล้ว ก็สั่งให้อาเหวยพาตัวเธอไปไว้ที่เซฟเฮาส์เลย

นันทกาคิดหาทางหนี ทำอุบายว่าตนอยากเข้าห้องน้ำ พออาเหวยแวะปั๊มให้เธอเข้าห้องน้ำ เธอวิ่งหนีพลางตะโกนขอความช่วยเหลือว่า ตนถูกตามฆ่า อาเหวยไล่ตามสั่งลูกน้องจับเธอให้ได้!

นันทกาวิ่งขึ้นสะพานลอย ถูกอาเหวยกับพวกปิดบันไดทั้งสองข้างไว้ กระหยิ่มใจว่าต้องจับเธอได้แน่ แต่วัดใจเธอผิด นันทกากระโดดลงจากสะพานลอยลงบนรถสิบล้อที่ผ่านมาหนีรอดไปได้ พวกอาเหวยสบถอย่างหัวเสีย “ไอ้บ้าเอ๊ย!”

“บอกพวกมันนะ ฉันจะให้โอกาสมันอีกครั้ง ถ้าพวกมันพลาดอีกละก็ ไม่ต้องกลับมาเหยียบที่นี่” หลินโมโหมาก

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 3 วันที่ 7 มี.ค. 57

ละคร คิวบิก บทประพันธ์โดย B 13 S.t.
ละคร คิวบิก บทโทรทัศน์โดย วิลักษณา
ละคร คิวบิก กำกับการแสดงโดย ชูชัย องอาจชัย
ละคร คิวบิก แนวละคร รักโรแมนติก บู๊แอ็คชั่น ดราม่าครบรส
ละคร คิวบิก ผลิตโดย บริษัทยูม่า 99 จำกัด
ละคร คิวบิก ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - วันอาทิตย์ 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร คิวบิก เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2557
ที่มา ไทยรัฐ