@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 7 วันที่ 18 มี.ค. 57

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 7 วันที่ 18 มี.ค. 57

พอมีนารู้ว่าเพ่ยอิงเรียกค่าไถ่ตัวเธอถึงหนึ่งร้อยล้าน เธอร้องไห้คิดว่าตนต้องตกเป็นนางบำเรอของเพ่ยอิงแน่แล้ว
นาคบอกว่าอย่าเพิ่งท้อ มันต้องมีสักทางที่จะช่วยเธอได้ ให้สัญญาว่าจะไม่ยอมทิ้งเธอให้ตกนรกทั้งเป็น มีนาโผกอดขอบใจ นาคกอดตอบด้วยสีหน้าหนักใจ

รุ่งขึ้น นาคเจอแดนนี่ที่โรงเรียน เธอปรึกษาหาทางช่วยมีนา แดนนี่บอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเธอ อย่าหาเหาใส่หัว


นาคเทียบให้ฟังว่า ถ้ามีนาเป็นพี่สาวตนและต้องตกอยู่ในสถานการณ์นี้ ถ้าเราไม่ช่วยเขาจะเป็นอย่างไร ที่สำคัญมีนาเป็นผู้หญิงและเป็นคนไทยเหมือนตน นาคขอให้แดนนี่ช่วยคิดด้วย

“ฉันคิดไม่ออกหรอก เพราะฉันไม่มีเงินร้อยล้าน เธอเป็นคิวบิกไม่ใช่เหรอ เธอก็ลองใช้สมองอันชาญฉลาดของเธอดูสิ” แดนนี่เดินหนีไป

นาคคิดหนัก นึกถึงคำพูดของแดนนี่ที่ว่าตนเป็นคิวบิก ตกเย็นจึงไปหาหลินให้ไปบอกเพ่ยอิงเลยว่าตนคือคิวบิกเพื่อทุกอย่างจะได้จบ หลินบอกว่าตนทำแบบนั้นไม่ได้ แต่ตนก็มีแผนที่จะช่วยมีนาแล้ว

คืนนี้เองหลินฝืนใจโทร.หาแดนนี่ จ้างเขาทำงาน พูดขู่ๆว่า “ถ้างานนี้นายไม่ช่วยฉัน ฤทัยนาคเดือดร้อน”

“ถ้าคนอย่างหลินหลานเซ่อกล้าขอร้องด้วยตัวเอง ฉันก็คงไม่กล้าปฏิเสธแล้วล่ะ”

เมื่อแดนนี่รับปากช่วย หลินวางสายแล้วบ่นอย่างขัดใจว่า

“ถ้าไม่ใช่เรื่องฤทัยนาคละก็ ฉันไม่มีวันยกหูหาแกหรอก ไอ้แดนนี่”

แต่พอจงซินรู้ในวันรุ่งขึ้น เขาถามว่าจะดีหรือ เพราะเรื่องนี้จะทำให้หลินกับเพ่ยอิงบาดหมางกันมากขึ้น หลินอ้างว่าทำเพื่อทดแทนที่นาคช่วยชีวิตตน จงซินเสนอให้ยกหนี้ให้และปล่อยตัวเธอกลับเมืองไทยแทน

หลินอ้างว่าเงินยี่สิบล้านไม่ใช่น้อย ถูกจงซินดักคอว่าเขาไม่ได้เสียดายเงินหรอก แต่เสียดายนาคใช่ไหม หลินย้อนถามเสียงเข้มว่า พูดอย่างนี้คิดว่าตนชอบนาคหรือ จงซินพูดอย่างรู้ทัน แต่ไม่อยากมีปัญหาว่าตนแค่ติงเพราะไม่อยากให้เขามีปัญหากับเพ่ยอิงเท่านั้น

“ก็อย่างที่ฉันบอกนาย ที่ฉันทำไปก็แค่อยากจะช่วยเด็กนั่นบ้าง ตอบแทนที่เขาช่วยชีวิตฉันเท่านั้นเอง

...ฉันเข้าใจที่นายเตือนเพราะหวังดีกับฉัน แต่ถ้าฉันไม่ทำอะไรลงไป ฉันกลัวว่าจะกลายเป็นคนเห็นแก่ตัวเกินไปรึเปล่า ในขณะที่เด็กนั่นยอมเอาชีวิตเข้าเสี่ยงช่วยฉัน นายเข้าใจที่ฉันพูดใช่ไหม”

จงซินเลยต้องบอกว่าเข้าใจ แต่พอหลินลุกไป ก็บ่นกับตัวเอง “ปากแข็งจริงๆ”

ooooooo

วันต่อมา เพ่ยอิงไปหาหลินที่ตึกฉายหงตามเวลาที่เขากำหนดเส้นตายไว้

พอเข้าไปในห้อง เห็นมีนานั่งหันหลังให้อยู่ หลินนั่งมองเพ่ยอิงที่เดินเข้ามาหน้านิ่งๆ เพ่ยอิงถามหลินว่า ตกลงว่าไง? กวาดตามองบนโต๊ะไม่เห็นมีเงิน มองไปรอบห้องไม่มีใคร เพ่ยอิงเข้ากระชากแขนมีนาจะพาออกไป มีนาขืนตัวร้องขอความช่วยเหลือ หลินยังคงนั่งนิ่ง

“หยุดนะ หลินเพ่ยอิง!” เสียงลึกลับดังขึ้น เพ่ยอิงเหลียวหาต้นเสียง ถามหลินว่าเสียงใคร

“ฉันเอง คิวบิก” เสียงตอบจากข้างหลังเพ่ยอิง พร้อมกับแดนนี่ก้าวออกมาช้าๆ

“คิวบิก? นายเนี่ยนะคือคิวบิก? แดนนี่ ทาเปีย” เพ่ยอิงมองอย่างไม่เชื่อถือ พอแดนนี่บอกว่าตนนี่แหละคือเงาของหลินหลานเซ่อ เพ่ยอิงก็ระเบิดหัวเราะ “ฮ่ะๆๆ ฉันว่านายสองคนกำลังเล่นงิ้วให้ฉันดูอยู่นะหลินหลานเซ่อ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าไอ้เด็กนี่คือคิวบิก”

เพื่อให้เพ่ยอิงเชื่อ ทั้งแดนนี่ นาคและหลินต่างช่วยกันบอกเล่าถึงความเก่งกาจสามารถของแดนนี่ ตัวแดนนี่เองก็คุยโวว่า ตนเป็นคนวางแผนให้นาคไปคุยกับพ่อตนจนพ่อยอมเซ็นสัญญากับฉายหงกรุ๊ป หลินเสริมว่าแดนนี่เป็นคนวางแผนทุกอย่างให้ตนหนีจากการตามล่า ของพวกมือปืน แดนนี่เป็นผู้อยู่เบื้องหลังตน แดนนี่คือ “คิวบิก”

เพ่ยอิงไม่ยอม หาว่าทั้งสามเตี๊ยมกันมาก่อน แต่แล้วจู่ๆ มีนาก็โพล่งขึ้นว่า

“แดนนี่เป็นคนวางแผนให้ฉันกรีดข้อมือ แล้วก็พาฉันหนีออกจากโรงพยาบาล เขาบอกฉันว่าเขาคือคิวบิก เขาจะพาฉันกลับเมืองไทย”

“ใช่...ตอนนี้มีนาเป็นผู้หญิงของฉัน นายกลับไปได้แล้ว” แดนนี่ผสมโรง แล้วส่งมือให้มีนา สั่ง “มีนา มาหาฉัน”

เพ่ยอิงคว้ามือมีนาไว้ไม่ยอมให้ไป

“เพ่ยอิง นายกำลังทำผิดกฎนะ นายต้องเคารพในมติของคิวบิก” หลินเตือนสติ

“ฉันไม่สน ถึงแดนนี่จะเป็นคิวบิกจริง แต่มันเป็นเงาของนายไม่ใช่เงาของฉัน ฉะนั้นฉันจึงไม่จำเป็นต้องเชื่อฟังคำสั่งมัน ไปมีนา” เพ่ยอิงกระชากแขนมีนาลากไป

มีนาขืนตัวร้องขอความช่วยเหลือ หลินใช้มือยันโต๊ะกระโดดถีบยอดอกเพ่ยอิงจนเซไปกระแทกโต๊ะ มีนาตกใจร้องลั่น พอเพ่ยอิงตั้งตัวได้ก็หันตะคอกหลินอย่างโกรธจัด

“หลินหลานเซ่อ วันนี้แกกับฉันต้องตายกันไปข้างนึง!” สิ้นเสียง เพ่ยอิงกระโดดตัวลอยกลางอากาศม้วนตัวเตะใส่หน้าหลิน แต่หลินหลบได้หวุดหวิด
ทั้งสองต่อสู้กันด้วยชั้นเชิงที่ไม่มีใครด้อยกว่ากัน จนเพ่ยอิงท้าหลินว่าแน่จริงอย่าหลบ ลุยเข้ามาเลย หลินก็ท้าว่ารับมือให้ดีก็แล้วกัน

แดนนี่กับนาคพากันลุ้นอย่างตื่นเต้น คราวที่ หลินเป็นต่อ นาคพึมพำสะใจว่า “มันต้องอย่างนั้นสิหลินหลานเซ่อ” แต่เมื่อหลินจะตามซ้ำมีนากลับตกใจคว้าแขนหลินร้องลั่น

“อย่าค่ะคุณหลิน พอเถอะค่ะ เขาสู้คุณไม่ได้หรอก” แล้วเธอก็โผเข้าไปหาเพ่ยอิงพร่ำถาม “คุณเพ่ยอิง...คุณเป็นยังไงบ้าง...คุณเพ่ยอิง....คุุณเพ่ยอิง...”
แดนนี่กับนาคมองหน้ากัน แดนนี่ชี้ไปที่มีนาถามงงๆ

“อะไรเนี่ย ทำไมเป็นอย่างนี้ล่ะ”

“ฉันก็ไม่รู้” นาคงงยิ่งกว่า

ooooooo

กลับไปนั่งที่ห้องทำงานหลิน นาคชมหลินกับแดนนี่ว่าเขาฉลาดที่เลือกแดนนี่มาเป็นคิวบิก ถูกแดนนี่ติงว่าเธอควรจะขอบใจตนมากกว่าชมหมอนั่น
นาคบอกว่านั่นแน่นอนอยู่แล้ว เดี๋ยวจะพาไปเลี้ยงมื้อใหญ่เลย แดนนี่บอกไม่ต้อง ที่ตนทำเพราะหลินมาขอร้อง

นาคถามทึ่งว่าหลินขอร้องเขาจริงหรือ แดนนี่คุยโวว่าขนาดคุกเข่าเลยล่ะ พอดีหลินเปลี่ยนชุดเสร็จเดินออกจากห้อง แดนนี่หุบปากแทบไม่ทัน

“ต้องขอบใจนายมากนะแดนนี่ที่ยอมเสียสละเป็นคิวบิกให้ฉัน” หลินยื่นมือไป แดนนี่จับมือพูดอย่างไว้ท่าแกมประชดว่า

“ที่ฉันทำไปก็เพราะเห็นแก่เด็กผู้หญิงหรอก ไม่อยากให้ต้องตกเป็นนางบำเรอของพวกบ้ากาม”

“แต่นายเนี่ย ฉันต้องยอมยกนิ้วให้เลยนะ นายเจ๋งโคตรๆเลย ที่ซัดหลินเพ่ยอิงซะหมอบ นี่...ว่างๆสอนมวยฉันบ้างสิ” นาคชมอย่างตื่นเต้น หลินทำเก๊กไม่ตอบ เดินไปนั่งบอกทั้งสองว่า

“เท่ากับว่าตอนนี้มีนาเป็นผู้หญิงของคิวบิก เดี๋ยวฉันจะหาเซฟเฮาส์ให้เธออยู่” นาคเสนอให้มีนามาอยู่กับตนก็ได้เพราะตนเป็นคิวบิกตัวจริง หลินตัดบททันทีว่า “ไม่ได้ เพราะเราบอกเพ่ยอิงไปแล้วว่าแดนนี่เป็นคิวบิก”

หลินบอกว่ามีนาจะอยู่กับใครไม่ได้ทั้งนั้น เธอต้องอยู่คนเดียวสักพัก เมื่อถึงเวลาเหมาะสมตนจะส่งเธอกลับไปอยู่กับครอบครัว แล้วเอาเช็คให้แดนนี่เป็นค่าตอบแทนที่ช่วยงานครั้งนี้ แดนนี่รับเช็คไปดูแล้วยื่นคืนให้พูดหรูดูเท่ว่า

“ฉันทำไปเพราะมนุษยธรรม”

หลินรับเช็คพร้อมคำขอบคุณ แต่พอนาคจะพาแดนนี่ไปเลี้ยงมือใหญ่ตามสัญญา หลินกลับไม่ยอมให้ไปอ้างว่าเธอยังติดหนี้ตนอยู่อีกสิบกว่าล้านและต้องทำงานใช้หนี้ เอาเอกสารจากเมืองไทยให้เธอแปล นาคจะต่อรองก็ถูกตัดบท

“ไม่มีแต่ นี่เป็นคำสั่งของฉัน”

“ก็ได้!” นาคเดินกระทืบเท้าออกไปโกรธๆ พอไปเจอแดนนี่ที่รออยู่หน้าลิฟต์ แดนนี่เร่งให้ไปกัน แต่แล้วก็หน้าเสียเมื่อนาคบอกว่า “ขอโทษทีนะแดน ฉันไปไม่ได้แล้ว เผอิญหลินหลานเซ่อเขามีงานด่วนให้ฉันทำ”

“ฉันว่าไอ้หมอนั่นมันแกล้งเรามากกว่า มันไม่อยากให้เธอไปกินข้าวกับฉัน” นาคถามว่าทำไมเขาต้องทำอย่างนั้น แดนนี่โพล่งไปว่า “มันคงหึงเธอ!” แล้วบอกนาคให้กลับไปบอกหลินว่าไม่ทำ

“นายลืมไปแล้วเหรอว่าฉันเป็นลูกหนี้เขานะ” นาคติง แดนนี่อ้างว่าตนก็ช่วยเธอเรื่องมีนา นาคขอร้องว่า “อย่าให้ฉันต้องลำบากใจเลยนะแดน นะ...นะ...แดนนี่ผู้น่ารัก นะจ๊ะ” นาคจับแก้มแดนนี่บิดหยอกบอกว่า “ไว้ไปกินกันพรุ่งนี้นะ”

“เธอนี่มันอย่างนี้ทุกทีเลย” แดนนี่บ่นงอนๆ นาคยิ้มปะเหลาะว่า มันต้องอย่างนี้สิเพื่อนรัก

“ฤทัยนาค เธอมีงานรออยู่อีกเยอะนะ” หลินตามมาเร่ง นาคจึงรีบผละไป แดนนี่มองตามพึมพำอย่างรู้ทัน

“ฉันรู้นะว่านายคิดอะไรอยู่”

ooooooo

แต่พอกลับไปที่ห้องทำงาน นาคของานที่จะแปล หลินกลับบอกให้กินข้าวก่อนค่อยทำงาน

“แต่ว่า...”

“อย่าพูดมาก ฉันบอกให้กินก็มากิน”

สุดท้ายนาคก็ถูก “สั่ง” จนต้องไปนั่งกินข้าวกับเขา ระหว่างนั้นหลินคีบโน่นตักนี่ให้ นาคกินอย่างเอร็ดอร่อย หลินบอกว่าถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้จะพาไปกินร้านอร่อย นาคเกี่ยงว่าตนต้องทำงาน หลินต่อรองว่า

“เอาอย่างนี้ ฉันจะลดหนี้ให้เธอ ถ้าเธอไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉัน”

“งั้นก็ดีสิ ได้กินอาหารอร่อยแถมได้ปลดหนี้ด้วย นายพูดจริงนะ”

“จริงสิ ฉันเคยพูดเล่นกับเธอหรือ” ปากตอบแต่ตาจ้องนาคจนเธอหลบเขินๆ

จู่ๆ เหม่ยจิงก็โผล่เข้ามา นาครีบชวนมากินข้าวด้วยกัน พลางลุกไปที่มุมแพนทรีเอาจานมาเพิ่ม เหม่ยจิงถามหลินว่า

“นึกยังไงคะถึงให้เด็กนั่นมานั่งร่วมโต๊ะด้วย” หลินบอกว่านาคมาช่วยทำงาน “เรื่องนั้นฉันรู้ค่ะ แต่คุณไม่เคยทานข้าวร่วมกับใครนอกจากจงซินแล้วก็ฉัน”

หลินบอกว่าตนไม่อยากให้เสียเวลาเลยให้นาคมากินไปด้วยคุยงานไปด้วย ก็พอดีนาคเอาจานกับถ้วยมาให้เหม่ยจิง เชิญทั้งสองทานกันเลยตนอิ่มแล้ว ขอตัวไปทำงานต่อ

เหม่ยจิงตักโน่นคีบนี่ให้หลินอย่างเอาใจ นาคแอบมองพึมพำกับตัวเอง

“เขาสองคนนี่สมกันดีนะ”

เหม่ยจิงคุยกับหลินหัวเราะร่าเริงแล้วเธอก็ลุกขึ้นหอมแก้มเขา นาคตกใจรีบเอามือปิดตาแต่ถ่างนิ้วแอบดู หลินเห็นนาคแอบดูก็เขิน นาคยิ้มให้เหมือนเชียร์ในที...

ooooooo

นาคตั้งหน้าตั้งตาแปลเอกสารฉบับสุดท้ายเสร็จรีบเอาไปส่งหลินแล้วขอกลับเลย พอหันไปลาเหม่ยจิง เธอถามว่าเสร็จงานแล้วหรือ

“ค่ะ เดี๋ยวฉันต้องรีบไปเข้ากะที่ไซต์งานต่อค่ะ ไปสายเดี๋ยวหัวหน้าเล่นงาน ไปล่ะค่ะ บ๊ายบาย”

พอนาคไปแล้ว เหม่ยจิงชมกับหลินว่าลูกน้องเขาน่ารัก ขยัน เสนอว่าเขาควรจะลดหนี้ให้บ้าง ถูกหลินประชดว่าถ้าเธอชอบนาคจะช่วยใช้หนี้ก็ได้ เหม่ยจิงค้อนงอนๆ บ่นว่า “คุณนี่ปากร้ายจริงๆ”

พอดีจงซินเข้ามาเพื่อจะเอาเอกสารที่นาคทำเสร็จแล้วไปให้ซุ่นลี่ แต่พอเห็นเหม่ยจิงอยู่ด้วยก็จะถอยออก เธอทักว่า

“ทำไมหรือจงซิน เห็นฉันแล้วทำไมต้องเดินออก”

“ไม่ใช่อย่างนั้นครับ ผมนึกว่าคุณคุยธุระสำคัญกันอยู่” จงซินตอบหน้าเจื่อน พอหลินรู้ว่าจงซินจะมาเอาเอกสารที่นาคแปลไว้จึงเอาให้ บอกให้ตรวจทานดูอีกที

พอจงซินนั่งจะตรวจเอกสาร เหม่ยจิงนึกอะไรได้หยิบหนังสือที่มีรูปตัวเองขึ้นปกถามหลินว่า ทำไมเขาให้จงซินแอบถ่ายรูปตนไว้ หลินถามจงซินงงๆว่า รูปอะไรหรือ

“อ๋อ...ก็รูปที่คุณเหม่ยจิงถ่ายลงแมกกาซีนน่ะครับ ผมเห็นว่าสวยเลยถ่ายเก็บไว้ให้คุณหลิน เผื่อคุณหลินอยากจะดูน่ะครับ” เหม่ยจิงถามหลินว่าเขาชอบรูปไหนมากที่สุด พอหลินบอกว่ายังไม่ได้ดูเลย เหม่ยจิงหันถามจงซินทันทีว่าทำไมไม่เอาให้หลินดู “เอ่อ...ก็...ก็ยังไม่มีเวลาน่ะครับ เห็นคุณหลินงานยุ่ง”

จงซินถูกเหม่ยจิงรุกเสียจนตั้งรับแทบไม่ทัน เธอขอมือถือเขาจะเอามาให้หลินดู จงซินอ้างว่ามือถือไม่ได้เอามา เธอจะไปเอาให้ จงซินเลยต้องปดว่ามือถือตนตกน้ำเอาไปให้ช่างซ่อมอยู่

“ตกน้ำรูปก็เสียหมดน่ะสิ” เหม่ยจิงทำเสียงเสียดาย เมื่อจงซินบอกว่ายังไม่รู้ เธอบ่น “ทำอีท่าไหนเนี่ย...คุณเลยไม่ได้ดูรูปฉันเลย เขาถ่ายไว้เยอะมากนะคะ”

เหม่ยจิงจงใจพูดหมายวัดใจว่าหลินจะหึงตนหรือไม่ เมื่อจงซินถือเอกสารออกไป เธอบอกหลินว่า จงซินถ่ายรูปตนไว้มากมายแล้วไม่เอาให้หลินดู สงสัยจะเก็บไว้ดูเอง หลินบอกว่าจงซินอาจเป็นแฟนคลับเธอก็ได้

“อุ๊ย...แฟนคลับเหม่ยจิงมีแต่วัยรุ่นค่ะ ไม่มีแก่งั่กอย่างนี้หรอก”

“หรือว่าจงซินเขาอาจจะแอบชอบเธอก็ได้นะ” หลินแกล้งพูด เหม่ยจิงถามว่าถ้าจงซินชอบตนจริงๆ เขาจะว่าอย่างไร “จะไปว่าไง มันก็เรื่องของเธอ” เธอถามอีกว่าแล้วไม่หึงหรือ “จะไปหึงได้ไงเรื่องความรัก ถ้าเขาชอบเธอ จริง ฉันก็ควรจะดีใจยกเธอให้เขามากกว่า เพราะเธอจะได้สมหวัง เจอผู้ชายที่รักเธอจริงๆ”

พูดเรียบๆ ง่ายๆ แล้วหลินก็ลุกเดินไปห้องน้ำ

“หลินหลานเซ่อ คุณนี่มันใจร้ายใจดำที่สุดเลย” เหม่ยจิงลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกไปเลย เดินตะบึงตะบอนไปชนจงซินเข้า จงซินขอโทษที่ตนไม่ทันมอง เธอย้อนทันทีว่า “ไม่ทันมอง ฉันถามหน่อยได้ไหม หน้าตาอย่างฉันเนี่ย คุณไม่ตั้งใจมองบ้างหรือ”

จงซินเห็นอารมณ์ไม่ปกติของเธอ ถามว่าทะเลาะกับหลินมาหรือ เธอถามประชดว่าอยากรู้ไหมว่าทะเลาะกันเรื่องอะไร แล้วบอกเองว่าเรื่องเกี่ยวกับเขา พอจงซินทำหน้างง เหม่ยจิงพูดอย่างมีอารมณ์ว่า

“ฉันถามเขาว่า ถ้าคุณมาแอบชอบฉัน เขาจะว่ายังไง คุณรู้ไหมว่าเขาตอบว่าไง เขาบอกว่าจะยกฉันให้กับเธอ!” จงซินติงว่าหลินคงพูดเล่นอย่าโกรธเลย “ฉันจะไม่มาที่นี่อีกต่อไปแล้ว บอกเขาด้วยแล้วกัน” เธอกระแทกเสียงแล้วเดินไปเลย

“คุณหลินนะคุณหลิน...พูดอะไรก็ไม่รู้” จงซินบ่นกลุ้มใจ

พอดีซุ่นลี่มาบอกจงซินว่าหลินเรียกเข้าไปพบ จงซินชะงักหน้าขรึม ส่งแฟ้มให้ซุ่นลี่แล้วเดินย้อนกลับเข้าไปในห้องทำงานของหลินหลานเซ่อ

ooooooo

หลินเรียกจงซินเข้าไปสั่งให้หาเซฟเฮาส์ให้มีนาอยู่และส่งคนของเราที่ไว้ใจได้ไปดูแลความปลอดภัยให้เธอด้วย

จงซินรับคำแล้วจะออกไป หลินเรียกไว้ถามว่าเมื่อกี๊เจอเหม่ยจิงไหม พอรู้ว่าเจอก็ถาม

“นายรู้ไหม เธอถามฉันว่าอะไร...เธอถามฉันว่าถ้านายชอบเธอฉันจะว่ายังไง” จงซินรีบบอกว่าอย่าไปล้อเล่นกับเธอแบบนี้เลยเธอจะเสียใจเปล่าๆ “ฉันไม่ได้ล้อเล่น ฉันพูดจริง ฉันบอกว่าถ้านายชอบเธอจริง ฉันก็จะยกเธอให้นาย”

“ผมว่าเราอย่าพูดเรื่องนี้ดีกว่าครับ”

“เรื่องจริงนะจงซิน นายอยู่กับฉัน ดีกับฉันทุกอย่าง เรื่องแค่นี้ฉันจะทำให้นายไม่ได้หรือ...ฉันรู้ว่านายไม่ได้ชอบผู้หญิงแบบเหม่ยจิงหรอก ใช่ไหม”

“เอ่อ...ครับ...”

“แต่ความจริงฉันอยากให้นายตอบว่าชอบรู้ไหม เพราะฉันอยากให้เหม่ยจิงไปจากฉันเสียที”

แต่พอหลินหันมาอีกที จงซินก็ออกไปแล้ว หลินมองประตูแล้วส่ายหน้า

ooooooo

เย็นนี้ นาคจัดเสื้อหนาวของตนให้มีนาเอาไปใช้ตัวหนึ่งเพราะพรุ่งนี้เช้าหลินก็จะให้มีนาไปอยู่เซฟเฮาส์แล้ว

มีนาอยากอยู่กับนาคที่นี่ นาคบอกว่าเป็นไปไม่ได้ เพราะหลินบอกแล้วว่าที่นี่ไม่ปลอดภัย และตามเกมแล้วเธอจะต้องไปอยู่กับคิวบิก มีนาถามว่า “แล้วคิวบิกมันคืออะไร”

“เธอไม่ต้องรู้หรอก จำไว้ว่าถ้าจะมีใครมาทำร้ายเธอ เธอบอกว่าเธอเป็นเด็กของคิวบิก เข้าใจไหม”

มีนารับคำแล้วถามถึงเพ่ยอิงว่าไม่รู้เป็นอย่างไรบ้าง นาคบอกว่าก็น่าจะเละเป็นโจ๊กไปแล้ว มีนาปรารภว่าน่าสงสารเขาเหมือนกัน นาคถามว่าสงสารทั้งที่เขาจะข่มขืนเธออย่างนั้นหรือ!

“เขาก็ไม่ได้เลวร้ายขนาดนั้นหรอก ถ้าเขาจะข่มขืนฉันจริงๆ ฉันว่าเขาทำตั้งแต่วันแรกแล้ว”

นาคมองหน้ามีนาอย่างค้นหา ถามว่าเธอชอบเพ่ยอิงหรือเปล่า มีนาบอกว่าตนไม่ได้ชอบ แต่ที่เป็นห่วงเพราะรู้สึกว่าเขาไม่ได้เลวร้ายอะไรมากนัก

“ไม่ชอบก็ดีแล้ว จำไว้ อย่าไปเผลอตัวรักไอ้พวกมาเฟียนี่เลย เธอจะตกนรกทั้งเป็นนะ” มีนาพยักหน้า พอนาคลุกไปอาบน้ำ มีนาก็อดที่จะพึมพำด้วยความเป็นห่วงเพ่ยอิงไม่ได้ว่า “ไม่รู้ป่านนี้เขาจะเป็นอย่างไร...”

เพ่ยอิงบอบช้ำมากจนต้องมานอนให้ป้าเหมยหยอดน้ำข้าวต้มให้ที่บ้าน แม้ในยามเจ็บหนักเช่นนี้ เพ่ยอิงก็ยังบอกกับตัวเองว่า

อ่านละคร คิวบิก ตอนที่ 7 วันที่ 18 มี.ค. 57

ละคร คิวบิก บทประพันธ์โดย B 13 S.t.
ละคร คิวบิก บทโทรทัศน์โดย วิลักษณา
ละคร คิวบิก กำกับการแสดงโดย ชูชัย องอาจชัย
ละคร คิวบิก แนวละคร รักโรแมนติก บู๊แอ็คชั่น ดราม่าครบรส
ละคร คิวบิก ผลิตโดย บริษัทยูม่า 99 จำกัด
ละคร คิวบิก ออกอากาศ ทุกวันศุกร์ - วันอาทิตย์ 20.15 น. ทางไทยทีวีสีช่อง 3
ละคร คิวบิก เริ่มออกอากาศตอนแรก ในวันเสาร์ที่ 8 มีนาคม 2557
ที่มา ไทยรัฐ