@.อ่านละคร.นาคี.นางอาย.ดวงใจพิสุทธิ์.@

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4 วันที่ 7 ม.ค. 56

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4 วันที่ 7 ม.ค. 56

“มันเกี่ยวไรกับหอยตลับ”
เคยเห็นหอยตลับมั้ย”
สุอาภาพยักหน้าแต่ก็แปลกใจ
“ก็อ้าปากตลอดเวลายังไงล่ะ ลองเงียบให้ฉันดูซักสามนาทีสิ ว่าจะทำได้มั้ย”
สุอาภาหน้างอ จันทร์จำนงอมยิ้มแล้วก็รีบเก็กหน้าดุ
“ฉันเอาปากกาขีดหน้าแบบที่ฉันเลือกเอาไว้แล้ว”

สุอาภารับแบบมาจากจันทร์จำนงและไม่พูดอะไร
“เข้าใจที่ฉันพูดรึเปล่า”
สุอาภาพยักหน้าแทนคำตอบ
“ผู้ใหญ่ถามก็ต้องตอบ ไม่ใช่พยักหน้า”
สุอาภาถอนหายใจแล้วก็เอากระดาษกับปากกาออกมา..จดบางอย่างก่อนจะยื่นให้จันทร์จำนง
จันทร์จำนงอ่าน



“คุณนายสั่งให้ฉันเงียบสามนาที ลืมไปแล้วเหรอคะ”
จันทร์จำนงชะงักมองสุอาภาที่สีหน้ากวนก็คิดสั่งสอน
“คุกเข่ารอฉันตรงนี้ เดี๋ยวฉันกลับมา”
“คุณจะไปไหน”
จันทร์จำนงไม่ตอบเดินออกไปเลย สุอาภาไม่พอใจมาก
“เรื่องไรจะคุกเข่ารอ เมื่อยจะตายอยู่แล้ว”
สุอาภาจะยืนแต่เซจะล้ม ภูวดลรีบเข้ามาโอบเอวประคองตัวสุอาภาเอาไว้พอดี เธอหันไป จมูกเกือบชนจมูกภูวดล ทั้งคู่ต่างชะงักงันกันไป
“คุณสุอาภา”
“คุณภูวดล”
ภูวดลมองสุอาภาด้วยความชอบใจแล้วก็ยิ้มมุมปาก เธอเห็นสายตาของภูวดลก็รู้สึกไม่ไว้ใจ
“ปล่อย ฉันยืนเองได้”
ก่อนปล่อยมือจากสุอาภา ภูวดลใช้ปลายนิ้วลูบหลังสุอาภาเบาๆแล้วก็ดึงมือกลับออกมา เธอรู้สึกหวาดระแวงอย่างแรงแล้วก็รีบผละออกมายืนห่างๆ

พิทยาเดินมาตามทางเห็นรวีพรรณยืนอยู่ก็แปลกใจ
“รวี”
รวีพรรณหันไปเห็นพิทยาก็ตะลึง
พิทยายิ้มกว้างดีใจรีบเดินมาหา
“รวีมาที่นี่ได้ยังไงครับ”
รวีพรรณทำหน้าไม่ถูก

ภายในห้องรับแขก จันทร์จำนงยืนอยู่กับพิทยา รวีพรรณ ภูวดล สุอาภา บรรยากาศดูตึงเครียดขึ้นมาทันที
“โลกมันกลมจริงๆ คุณรวีพรรณเป็นแฟนคุณพิทยา แล้วก็เป็นเพื่อนกับพ่อดลหลานฉัน”
ภูวดลหันไปยิ้มให้รวีพรรณ พิทยาเหล่มองภูวดลอย่างไม่พอใจ สุอาภามองพิทยา รวีพรรณ และ ภูวดล อย่างจับสังเกต
สุอาภาพูดกับพิทยา
“ไหนว่าไม่ว่างมาไง”
“ผมกลัวคุณจะทำให้เสียงานก็เลยต้องมาดู”
สุอาภาเบ้หน้า รวีพรรณ ไม่พอใจที่รู้ว่าพิทยามาเพราะสุอาภา
“ไหนๆก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ทานข้าวด้วยกันก่อน”
“ที่ผมมาหาคุณย่า เพราะจะมาขอข้าวทานเนี่ยแหละครับ”
จันทร์จำนงยิ้มแล้วหันไปทางพิทยา
“ขอบคุณครับ แต่...”
สุอาภารีบตอบ
“ตกลงค่ะ แตกำลังหิวพอดี ไม่เกรงใจนะคะ”
“คุณแต! เสียมารยาท”
“คนหิวนี่เสียมารยาทเหรอคะคุณนาย”
จันทร์จำนงอมยิ้มบอก
ไม่เสียหรอก อยู่ทานด้วยกันคุณพิท”
พิทยาพูดไม่ออกจำต้องรับคำ สุอาภายิ้มพอใจ..หันไปมองรวีพรรณกับพิทยาด้วยแววตาไม่หวังดี

ภูวดลเห็นแววตานั้นของสุอาภาเข้าพอดีก็พอจะรู้ว่าสุอาภากำลังคิดอะไร
บนโต๊ะอาหารเวลานั้น จันทร์จำนงนั่งหัวโต๊ะ ข้างหนึ่งมีพิทยากับสุอาภานั่งอยู่ อีกข้างเป็นภูวดลกับรวีพรรณ สุอาภานั่งตรงข้ามรวีพรรณ พิทยานั่งตรงข้ามภูวดล ทุกคนกำลังทานอาหาร บรรยากาศเงียบงัน ไม่มีใครพูดจากับใคร

แล้วจันทร์จำนงก็เป็นคนทำลายความเงียบขึ้นมา โดยจันทร์จำนงหันไปทางพิทยากับรวีพรรณ
“คุณสองคนคบกันมานานเหรอยัง”
“7 ปีแล้วครับ”
สุอาภาทำเป็นตกใจ
“7 ปี?! โบราณว่าเลข 7 น่ะอาถรรพ์ จะเลิกไม่เลิกก็ตรงปีที่ 7 เนี่ยแหละ”
สุอาภาหันมองไปรวีพรรณและจับแขนพิทยา
“คงต้องหนักแน่นกันหน่อยนะคะ ฉันเป็นห่วง”
รวีพรรณไม่ค่อยพอใจแต่ไม่แสดงออก ภูวดลลอบมองสุอาภายิ้มอย่างรู้ทัน จันทร์จำนงมองพิทยา สุอาภา รวีพรรณก็รู้สึกแปลกๆ ภูวดลทำเป็นปกป้อง
“ผมว่าอย่าไปเชื่ออะไรแบบนั้นเลยครับคุณสุอาภา มันไม่ใช่ทุกคนเสมอไปหรอกครับ”
สุอาภามองภูวดลอย่างรู้ทันว่าเสแสร้ง พิทยามองภูวดลไม่ชอบใจ
“จริงอย่างที่คุณภูวดลพูด ผมกับรวีเชื่อใจกัน เพราะฉะนั้นไม่มี ใคร หรืออะไร มาทำให้ผมกับรวีเลิกกันได้หรอกครับ”
พิทยากับภูวดลจ้องหน้าท้าทาย จันทร์จำนงรู้ทันทีว่าสองคนนี้มีปัญหากันอยู่ รวีพรรณเงยหน้ามองพิทยากับภูวดลใจคอไม่ดี ภูวดลกำช้อนแน่น
สุอาภากับจันทร์จำนงเห็น แล้วเพียงไม่กี่วินาทีภูวดลก็คลายมือ และแสร้งยิ้มออกมา
“คุณเป็นคนที่น่าอิจฉามากนะครับคุณพิทยา ผมอยากหาแฟนให้ได้อย่างคุณจัง”
ภูวดลจงใจส่งสายตาหวานใส่รวีพรรณ
“ไม่รู้ว่ายังมีคนที่ทั้งสวยและแสนดีอย่างคุณรวีพรรณหลงเหลืออยู่อีกมั้ย”
รวีพรรณรีบเมินหน้าไปทางอื่นทำให้พิทยาหัวเสีย จันทร์จำนงมองภูวดลอย่างรู้ว่าคิดอะไรอยู่

หลังมื้ออาหาร ทั้งหมดเดินออกมาด้วยกัน ภูวดลหันไปทางรวีพรรณ
“เรากลับกันเลยนะครับคุณรวี”
“ผมไปส่งรวีเอง”
ภูวดลผงะ พิทยาหันไปทางรวีพรรณ
“รวีกลับกับพิทเองค่ะ ขอบคุณคุณภูวดลมากนะคะ”
ภูวดลจำต้องฝืนยิ้มบอก
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี”
พิทยากับรวีพรรณเดินไปขึ้นรถ พิทยาขับรถออกไป
ภูวดลหัวเสียมาก สุอาภามองอย่างรู้ทัน ภูวดลหันมาเห็นสุอาภายิ้มเยาะ เธอเดินไปที่รถตัวเอง
“เดี๋ยวครับ คุณสุอาภาครับ”
สุอาภาหันไป ภูวดลยื่นนามบัตรมาให้ สุอาภาก้มมอง
“นามบัตรผมครับ เผื่อคุณสุอาภามีอะไรอยากให้ผมช่วย โทรมาหาผมได้ตลอด 24 ชั่วโมง”
สุอาภามองอย่างรู้ทัน
“ฉันคงไม่มีอะไรต้องให้คุณช่วยหรอกค่ะ”
สุอาภาไม่รับ ภูวดลถือวิสาสะเอานามบัตรใส่ช่องหน้ากระเป๋าสะพาย สุอาภาชะงัก
“เชื่อผมสิครับ คุณต้องมีอะไรให้ผมช่วยแน่ๆ หรือบางที อาจจะเป็นการร่วมมือกัน”
สุอาภาหยิบนามบัตรออกมาใส่กระเป๋าเสื้อภูวดล
“ฉันว่าคุณคงเข้าใจอะไรผิดแล้ว เพราะคนอย่างฉันไม่จำเป็นต้องร่วมมือกับใคร”
สุอาภาขึ้นรถขับออกไปทันที ภูวดลโมโหสุดๆ ถึงกับเตะก้อนหินบนพื้นอย่างแรง แล้วก็หยิบมือถือออกมากดโทรออก ภูวดลรอสายไม่นาน
“อยู่ไหน ออกมาเจอที่เดิม”
ภูวดลกดวางสายแววตากร้าว

พิทยาขับรถอยู่ดีดีก็จอดที่ริมถนนสวยๆ รวีพรรณนึกแปลกใจ
“พิทจอดรถทำไม”
พิทยาหันมา
“ผมอยากคุยกับคุณเรื่องคุณภูวดล”
รวีพรรณชะงัก พิทยาลงจากรถ เธอเดินตามลงมา พิทยาหันไป
“ทำไมคุณถึงมากับคุณภูวดล”
“รวีมีเรื่องไม่สบายใจนิดหน่อยค่ะ”
“เรื่องอะไร ทำไมรวีไม่บอกผม”
รวีพรรณคิดนิดนึงแล้วก็หยิบมือถือออกมากดเปิด..ก่อนจะยื่นให้พิทยาดู พิทยารับมาเห็นภาพข่าวก็ตกใจและร้อนใจมาก
“คุณก็รู้ว่ามันไม่มีอะไร”
“รวีรู้ค่ะว่า รวีไม่ควรคิดมาก แต่มันก็อดคิดไม่ได้ คุณสุอาภาเธอเป็นคนสวย มีเสน่ห์ พูดกันตามตรงว่ารวีไม่มีอะไรสู้เธอได้”
พิทยาส่งมือถือคืนให้รวีพรรณ แล้วก็จับมือเธอขึ้นมา
“รวีห้ามคิดแบบนี้อีกเด็ดขาด เพราะมันเป็นการบั่นทอนความสัมพันธ์ของเรา ไม่ว่าใครจะพูดยังไง รวีอย่าไปฟัง รวีฟังผมคนเดียวก็พอ ขอให้รวีมั่นใจว่าจะไม่มีใครมาแทนที่รวีได้ รวีเชื่อผมนะครับ”
พิทยามองรวีพรรณด้วยความรัก เธอสบายใจมากขึ้นแล้วก็ยิ้มออกมา พิทยายิ้มดีใจ
“ต่อไปนี้ ถ้ารวีมีเรื่องข้องใจอะไรเกี่ยวกับผมและคุณสุอาภา รวีต้องมาถามผมคนเดียว ตกลงนะ”
“ค่ะ”
พิทยากับรวีพรรณยิ้มให้กันด้วยความเข้าใจ

ภายในผับ เวลากลางคืน ภูวดลกำลังแทงสนุ๊กฯ ลูกลงหลุม สาวๆกรี๊ดลั่นด้วยความดีใจ เขายิ้มแย้มเข้ามาโอบสาวๆ พลันเสียงมือถือดังขึ้น ภูวดลเห็นชื่อ “รมณี” ก็ชะงัก..นิ่งคิด
“เงียบก่อนนะจ๊ะสาวๆ”
สาวๆ พยักหน้า ภูวดลกดรับสาย
“สวัสดีครับ... คุณรวีแยกกับผมไปนานแล้วครับคุณน้า เห็นไปกับคุณพิทยาน่ะครับ”

ขณะพูดใบหน้าภูวดลผุดสีหน้าชั่วร้ายขึ้นมาทันที
รวีพรรณกลับเข้ามาในบ้านเจอรมณีเดินออกมา เธอยกมือไหว้แม่ รมณีมองมาหน้าตาเอาเรื่อง

“ไปกับมันมาอีกแล้วใช่มั้ย ทำไมลูกถึงไม่เชื่อแม่ ทั้งๆที่ไอ้พิทยามันทำกับลูกสารพัด แต่ลูกก็ยังโง่เชื่อมัน! นี่ลูกหลงมันมากขนาดนี้เลยเหรอ”
รวีพรรณสุดทนบอก
“รวีไม่ได้หลงนะคะแม่”
“ลูกแน่ใจได้ยังไง ความหลงมันเหมือนเศษผงเข้าตาไปแล้วก็ไม่รู้ตัว รู้มั้ยว่ากำลังเลือกทางเดินไปนรกให้ตัวเอง”
“จะไปนรกหรือสวรรค์ก็ช่างเถอะค่ะ รวีรู้แต่ว่า รวีเต็มใจเลือกเค้าด้วยตัวรวีเอง”
รมณีอึ้งที่รวีเถียง
“ลูกยังไม่เข้าใจชีวิตดีพอ” รมณีว่า
“แม่เลยจะมาเทศนาสั่งสอนให้รวีเข้าใจแจ่มแจ้งใช่มั้ยคะ”
รมณีสีหน้าผิดหวังบอก
“ รวี! ทำไมพูดกับแม่แบบนี้ แม่รักและห่วงลูกมากนะ”
“ถ้าแม่รักหนู อยากให้หนูมีความสุข แม่ก็ควรให้หนูได้เลือกคนที่หนูรักเอง หนูรักพิทค่ะ แม่ได้ยินมั้ยคะ”
รวีพรรณร้องไห้วิ่งออกไป รมณีช็อกอย่างแรง

รมณีเปิดประตูห้องนอนเข้ามาเห็นณรงค์เพิ่งนั่งลงบนเตียง หยิบหนังสือมาอ่าน รมณีหันไปมองและเดินเข้ามา
“ถ้าอ่านไม่รู้เรื่อง เก็บไม่ดีกว่าเหรอคะ”
“คุณล่ะ รู้ทันผมเสียเรื่อย”
รมณีนั่งลงข้างๆ
“เราอยู่ด้วยกันมานานแล้วนะคะ มองกันออก”
“ยัยรวีอาละวาดอะไร ได้ยินเสียงแว่วๆ”
“จะเรื่องอะไรอีก นอกจากเรื่องของนายนั่น นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งงานไปกับมันนะ ยังขึ้นเสียงกับฉัน ลูกเราไม่เคยเป็นแบบนี้”
รมณีเสียใจ ณรงค์เข้ามาโอบปลอบใจ
“นี่ชั้นป็นฝ่ายผิดเหรอคะ”
“เราก็เหมือนคนปลูกต้นไม้แหละคุณ ทะนุถนอมตั้งแต่ยังเป็นเมล็ดเล็กๆ ระแวดระวังแมลง เฝ้ารดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย จนกระทั่งมันผลิบาน เติบโต แผ่กิ่งก้านสาขาเป็นต้นไม้ที่สวยงาม แล้วอยู่ดีดีวันหนึ่ง ก็ทำท่าว่าจะถูกกาฝากเข้ามาเกาะอาศัยให้ร่มเงา เราจะทนเฉยมองดูความงอกงามของกาฝาก แล้วทำให้ต้นไม้ของเราเหี่ยวแห้งตายไปได้ยังไง”
รมณีกลุ้มใจร้องไห้ ณรงค์ดึงมากอดแล้วลูบหลังให้กำลังใจ

วันถัดมา ภายในห้องประชุม ในออฟฟิศ นพโยนแบบไปตรงหน้าสถาปนิก 2- 3คน สถาปนิกกลุ่มนั้นหน้าเสียสุดๆ ภายในห้อง พิทยา บวร ปวีณา นั่งอยู่ด้วย
“เนี่ยนะคืองานที่ผมบอกให้พวกคุณกลับไปแก้”
กลุ่มสถาปนิกหน้าจ๋อยไปตามๆ
“ผมขอถอนพวกคุณออกจากโปรเจกนี้!”
ทุกคนตกใจมาก นพหันมาทางพิทยา
“พิท...เหลือเวลาอีก 3 วันที่เราต้องส่งแบบ“บ้านกันน้ำ” เพื่อเข้าประกวด เธอต้องทำให้ทัน”
พิทยาอึ้ง บวร ปวีณาหันไปมองพิทยาด้วยความตกใจ

พิทยาเดินเข้ามาในห้องทำงาน บวรกับปวีณาเดินตามมาติดๆ
“พิท! / คุณพิท!”
บวรกับปวีณาผงะที่พูดพร้อมกัน
“ให้ฉันพูดก่อน”
ปวีณาหน้างอ ไม่กล้า
บวรหันไปทางพิทยา
“นายจะทำได้เหรอ มีเวลาแค่สามวันเองนะ”
“นั่นสิคะคุณพิท งานนี้ไม่ใช่งานเล็กๆนะคะ”
“ไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ มันเป็นหน้าตาของบริษัทเรา” พิทยาบอก
บวรกำลังจะอ้าปากพูด แต่ปวีณาชิงพูดตัดหน้าก่อน
“ให้แป๋วช่วยนะคะ”
บวรมองเหล่ไม่ชอบใจปวีณา
“แป๋วได้ช่วยผมแน่ แต่ช่วยเอางานที่ผมกำลังทำอยู่ ไปทำต่อให้ผมที”
บวรแอบยิ้ม ปวีณาหันมาเห็นพอดี บวรรีบหันไปทางพูดกับพิทยา
“ไหวนะพิท”
“ไหวครับพี่ใหญ่”
พิทยาสีหน้าเครียด

มุมหนึ่งในออฟฟิศ สุอาภาหันไปมองบวร
“พิทต้องเร่งทำงานให้ป๋า”
“อือ..น่าสงสารมันจริงๆ ป๋าก็เหลือเกิน งานด่วนทีไรให้พิททำตลอด สามวันนี้มันเลยต้องย้ายสัมมะโนครัวมานอนที่ออฟฟิศ”
สุอาภาฟังแล้วก็นึกอะไรออก

เวลาเย็น ภายในห้องครัวในบ้านของสุอาภา เธอกำลังคนข้าวต้มเครื่องในหม้อ โดยมีณีคอยช่วยอยู่ข้างๆ
“วันนี้ท่าทางจะมีสึนามิในกรุงเทพ คุณหนูของป้าเข้าครัวทำอาหารเอง”
สุอาภายิ้มแล้วตักน้ำซุปใส่ช้อนหันไปทางณี
“ชิมสิคะว่ารสดีเหรอยัง”
ณีชิมแล้วบอก
“อืม...อร่อยเลยล่ะค่ะ”
สุอาภายิ้มดีใจ
“ป้าหยิบกระติกเก็บความร้อนให้แตทีสิคะ”
ณีมองอย่างแปลกใจ
“คุณแตไม่ได้ทำให้คุณพ่อทานเหรอคะ”

สุอาภาหันไปยิ้ม ไม่ตอบอะไร
นพ วรรณวดี และบวรต่างมองณีด้วยความตกใจมาก

“ยัยแตทำข้าวต้มเอาไปให้พิท” วรรณวดีว่า
“ค่ะ..เบาๆค่ะ เดี๋ยวคุณแตได้ยิน”
บวรตบเข่าฉาดแล้วกระซิบ
“ผมว่าไม่ธรรมดาแล้วนะครับพี่น้องและป๋า งานนี้อะเมซิ่งสุดๆ”
นพ วรรณวดี ณีครุ่นคิดตามที่บวรพูด สุอาภาเดินลงมาพอดี ทุกคนรีบสะกิดกันให้เงียบ แล้วก็หันไปยิ้มให้สุอาภาพร้อมกัน หน้าตาทุกคนดูผิดปกติมากๆ
“คืนนี้แตกลับดึกนะคะ จะช่วยพิททำงาน ไปนะคะป๋า”
ทุกคนหุบยิ้มแทบไม่ทัน สุอาภาเข้ามาหอมแก้มนพแล้วเดินออกไป ทุกคนหันมามองหน้ากัน อ้าปากค้าง
“อะเมซิ่งจริงๆด้วยค่ะ”
นพนิ่วหน้าด้วยความสงสัย

ภายในออฟฟิศ เวลากลางคืน สุอาภาเอากระติกข้าวต้มมาวางบนโต๊ะ
“ข้าวต้มฝีมือฉัน”
พิทยาหรี่ตามองอย่างไม่ไว้ใจ
“ผมโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ที่คุณทำอาหารมาให้ผมทาน”
“ต้องโชคดีสิ”
สุอาภาทำลอยหน้าลอยตา พลันเสียงเคาะประตูดังขึ้น
“เชิญครับ”
ปวีณาเปิดประตูเข้ามาพร้อมอาหารกล่อง พอเห็นสุอาภาก็ผงะ หน้าตึงขึ้นมาทันที
“แป๋วซื้อข้าวมาให้คุณพิทน่ะค่ะ”
พิทยายังไม่ทันตอบ สุอาภาชิงพูดออกมา
“ฉันทำข้าวต้มมาให้พิทแล้ว เธอเก็บไว้ทานเองเถอะ”
ปวีณาหน้าแตกทันที รู้สึกเสียหน้าอย่างแรง พิทยารีบพูด
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไรค่ะ เออ...คุณพิทมีอะไรจะให้แป๋วช่วย”
สุอาภารีบพูดขึ้นมาก่อน
“ไม่มี ฉันจะอยู่ช่วยพิทเอง กลับไปได้แล้ว”
ปวีณาโมโหมาก แต่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ฝืนยิ้มให้พิทยาแล้วเดินออกไป สุอาภาหันมาทางพิทยา
“เสน่ห์แรงนะเราน่ะ”
“พูดอะไรของคุณ! คุณเองก็กลับบ้านไปได้แล้ว”
“ไม่กลับ อย่าลืมสิว่าฉันฝึกงานอยู่กับนาย นี่เป็นนาทีทองของนายเลยนะ อยากใช้ให้ฉันทำอะไรใช้มาได้เลย แต่ขอทานข้าวก่อน เพราะกองทัพต้องเดินด้วยท้อง”
สุอาภาเปิดฝากระติก พิทยามองเธอแล้วก็ถอนหายใจ กังวลว่าสุอาภาจะทำให้เค้าทำงานได้ช้าลง

ภายในร้านอาหารของรวีพรรณ เวลากลางคืน สินีนาฎยื่นหน้ามาข้างๆรวีพรรณที่กำลังเอาเค้กจัดใส่จานให้ลูกค้า
“วันนี้ทั้งวันเธอยังไม่ได้โทรคุยกับพิท”
“ฉันยุ่งนี่สิ”
สินีนาฎเอาจานเค้กมาจากมือรวีพรรณ
“แต่ตอนนี้ไม่ยุ่งแล้ว รีบโทรหาพิทเค้าซะ เร็วสิ!”
รวีพรรณเริ่มแปลกใจ
“ทำไมเธอต้องอยากให้ฉันโทรหาพิทขนาดนี้ด้วย”
สินีนาฎเหวอไปแล้วก็รีบแก้ตัว
“ฉันเป็นห่วงเธอ แล้วฉันก็หวั่นใจแทน คนทำงานด้วยกันเจอกันตลอดเวลา รักแท้แพ้ใกล้ชิดไม่เคยได้ยินเหรอ”
“มันไม่มีอะไรหรอก ฉันกับพิทเราเข้าใจกันแล้ว”
“งั้นก็ตามใจ ถ้าน้ำตาเช็ดหัวเข่าเมื่อไหร่ อย่ามาฟูมฟายก็แล้วกัน”
สินีนาฎจ้ำเดินออกไป รวีพรรณงงมาก แล้วก็เริ่มคิดตามที่สินีนาฎพูด

พิทยายืนเปิดหนังสือเพื่อหาข้อมูล ภายในห้องมีสุอาภานั่งคอยจับจ้องมองตามพิทยา เห็นแววตาที่มุ่งมั่นและสีหน้าที่มีความตั้งใจเต็มเปี่ยมของพิทยา ก็ยิ่งขับเน้นให้เห็นความหล่อคมเข้ม สุอาภาเผลอมองพิทยานิ่งนาน
พิทยาหันมาที่โต๊ะเพื่อหยิบไอแพด แต่กลับเห็นสุอาภามองเค้าอยู่ สุอาภาตกใจ รีบคว้าหนังสือมาอ่าน แต่หนังสือกลับหัว พิทยาอมยิ้ม สุอาภามองเห็นว่าตัวเองถือหนังสือกลับหัวอยู่ก็พูดไม่ออก
พิทยาขำๆ แล้วก็หันไปทำงานต่อ สุอาภาอายมากแล้วก็เห็นไฟที่หน้าจอมือถือพิทยากระพริบ แต่พิทยาไม่เห็นเพราะยืนหันหลังให้โต๊ะ
สุอาภามองพิทยาอย่างลังเล แล้วก็ตัดสินใจเดินไปดูที่มือถือ เห็นชื่อ “รวี” สุอาภาผงะมองพิทยานิดนึงแล้วก็ค่อยๆเอาเศษกระดาษบนโต๊ะปิดมือถือ แต่ไฟที่หน้าจอยังลอดผ่านกระดาษออกมา สุอาภาเลยเอากระดาษหลายๆแผ่นปิดทับลงไปด้วยความสบายใจ

สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก
“พิทไม่รับโทรศัพท์มือถือ โทรไปที่บ้านก็ไม่มีคนรับ แบบนี้ต้องอยู่กับยัยสุอาภาแน่ๆ”
“อย่ามองคนแง่ร้ายนักสิ”
“ถ้างั้นเราต้องพิสูจน์”

รวีพรรณสีหน้ายังดูลังเล
ณีกำลังพูดโทรศัพท์ อยู่ที่มุมโทรศัพท์ในบ้านนพ

“คุณแตยังไม่กลับค่ะ มีงานด่วนเลยยังต้องทำงานอยู่ที่ออฟฟิต จะให้บอกคุณแตว่าใคร โทรมาคะ.....อุ่ย”
คนโทร.มาวางหูโทรศัพท์ไปทันที

สินีนาฎมองรวีพรรณด้วยสีหน้าไม่พอใจมาก
“เธอต้องไปหาเค้าที่ออฟฟิศ”
“ไม่ดีหรอกสิ มันเหมือนไปก้าวก่ายเรื่องงานของเค้า”
“ก้าวก่ายอะไร เธอเป็นแฟนเค้านะ ฉันว่าเธอต้องทำตัวเป็นคนรักของพิทมากกว่านี้ ถ้าไม่อยากเสียเค้าไป”
รวีพรรณครุ่นคิด

พิทยากำลังใช้ดินสอลองร่างแบบคร่าวๆ สุอาภานั่งอยู่ที่โซฟา หันไปดูเวลาห้าทุ่มกว่า เธอเริ่มหาว เขายังตั้งใจทำงานมาก เมื่อหันมาเห็นก็บอก
“ง่วงขนาดนี้ กลับบ้านไปนอนซะ”
“ฉันไม่ได้ง่วง แค่หาวเฉยๆ นายมีอะไรให้ฉันทำอีกมั้ย”
พิทยาคิดนิดนึงแล้วก็หยิบหนังสือภาษาอังกฤษเล่มหนึ่งเดินมายื่นให้สุอาภา
“อ่านแล้วสรุปให้ผมฟัง”
“โอเค”
สุอาภาเอาหนังสือมานั่งอ่าน พิทยายิ้มๆแล้วก็กลับไปนั่งทำงานต่อ พลางลอบมองเธอเป็นระยะๆเห็นสุอาภาตั้งใจอ่านก็รู้สึกดี

อ่านละคร แรงปรารถนา ตอนที่ 4 วันที่ 7 ม.ค. 56

ละครแรงปรารถนา บทประพันธ์โดย อาริตา
ละครแรงปรารถนา บทโทรทัศน์ : ปณธี
ละครแรงปรารถนา กำกับการแสดง : ยุทธนา ลอพันธ์ไพบูลย์
ละครแรงปรารถนา แนวละคร : โรแมนติก - ดราม่า
ละครแรงปรารถนาดำเนินงานสร้าง : บริษัทละครไท จำกัด โดย หทัยรัตน์ อมตวณิชย์
ละครแรงปรารถนา ออกอากาศ : ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 20.30 น. ช่อง 3 (ต่อจากเหนือเมฆ)
ที่มา manager